ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 28)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 28
รัฐบาลใหม่ หลังสงคราม รัฐบาลใหม่ หลังสงคราม ต้องเชิญเอาหัวหน้าเสรีไทยในอเมริกามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสม ท่านผู้นั้นคือ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช รัฐบาลได้ให้มีการตั้งพรรคการเมืองขึ้น เพื่อการปกครองแบบประชาธิปไตย จึงเกิดพรรคการเมืองขึ้นหลายพรรคต่อมา ได้มีการรณรงค์หาเสียงกันอย่างคึกคัก เมื่อรัฐบาลเปิดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหญ่แล้ว เราก็ได้นายกรัฐมนตรีที่มีชื่อว่า พลเรือตรี หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ในประมาณปลายปี พ.ศ. 2488 ต่อ 2489 รัฐบาลคุณหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ก็เป็นรัฐบาลของพรรคเสรีไทยอยู่ดี เพราะพรรคการเมืองที่คุณหลวงธำรง ฯ เป็นนายกอยู่นั้น มีชื่อว่า พรรคสหชีพ ซึ่งเป็นพรรคที่รวมเอาพลพรรคเสรีไทยไว้ส่วนใหญ่ นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าใหญ่เสรีไทยนั้น ก็อยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ พลพรรคเสรีไทยขึ้นเป็นรัฐมนตรีกันหลายคน และเป็นส่วนมากได้ว่าการกระทรวงสำคัญ ๆ ทั้งนั้น ตัวผมเองต้องเข้าไปเป็นสารวัตรอยู่ในกองสอบสวนกลางแทนพี่เชื้อ ซึ่งจะต้องไปเป็นผู้ช่วยเลขา ฯ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เขาไม่ไว้ใจใครที่จะให้ไปนั่งแทนที่เขา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศได้ ผมกับพี่เชื้อยังติดต่อกันใกล้ชิดในระยะนั้น ต่อมาผมก็ถูกย้ายไปเข้าสันติบาล เพราะไปมีเรื่องกับผู้บังคับการสอบสวนกลางเข้าอย่างแรง เรื่องอะไรผมขอไม่กล่าวถึง ดีที่ว่าท่านผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้นคือ คุณหลวงสังวรณ์ยุทธกิจ ซึ่งมาจากเสรีไทย ฝ่ายทหารเรือ และท่านรู้จักผมดี ท่านจึงเอาผมมาไว้เสียที่กองตำรวจสันติบาล ให้ห่าง ๆ ผู้บังคับการคนนั้นเสียได้ ถ้าเป็นคนอื่นที่เป็นอธิบดี ผมก็คงถูกย้ายไปอยู่นครบาล ที่ไม่มีอำนาจการสอบสวนคำเสนอของผู้บังคับการคนนั้น รายละเอียดอันน่าเกลียดของเรื่องนี้ ผมจะไม่เขียนถึงอีก เพราะได้เคยเขียนไว้ในที่อื่นแล้ว
ผมข้ามตึกมาอยู่สันติบาลในตำแหน่งประจำกอง 2 ไม่มีตำแหน่งรับผิดชอบอะไร อยู่ที่กอง 2 นั้นอย่างลอย ๆ แล้วแต่นายจะใช้อะไร ก็ดี ไม่ต้องรับผิดชอบงานอะไรทั้งนั้น ที่ไม่ถูกใช้
ผมอยู่ที่สันติบาลนี้ไม่กี่เดือนก็ถูกชวนปฏิวัติ ตอนนั้นฐานะของรัฐบาลง่อนแง่นมาก มีการโกงกินกันทั่ว ๆ ไปในแทบจะทุกกระทรวง รัฐบาลตั้งองค์การสรรพาหารขึ้นมา เพื่อที่จะให้ประชาชนได้ซื้อของถูกมาบริโภค เพราะเมื่อสงครามสิ้นไปใหม่ ๆ อะไร ๆ ก็แพงขึ้นตามสภาพ ผู้คนไม่มีอาชีพ คนจนก็ยิ่งจนลงไปอีก ภาวะข้าวยากหมากแพงก็เข้ามาสู่ทั่วประเทศ
ในสำนักงานองค์การสรรพาหารนี้ นัยว่ารัฐบาลเอาเงินของรัฐออกมาซื้อของแพงในตลาดมาขายถูก ๆ ให้ประชาชนคนยากจนได้ใช้ ในราคาที่ต่ำกว่าตลาด รัฐบาลขาดทุนด้วยการชักเนื้อของรัฐบาลเอง ซึ้อของแพงมาขายถูกเพื่อประชาชน
ดูเผิน ๆ ก็เข้าที แต่ในเนื้อหาที่แท้นั้น เงินรัฐบาลนั้นก็คือเงินของประชาชน เพราะมันคือภาษีที่รัฐบาลรีดเอาไปจากประชาชน พ่อค้าที่ขายของแพงก็สบายไป ได้เงินที่รัฐ ฯ เอามาซื้อของ พวกพ่อค้าส่วนใหญ่ก็คือคนในรัฐบาลนั่นเอง สรุปแล้วเป็นการหาผลประโยชน์ของพวกพ่อค้าที่เป็นพวกรัฐบาลกันอย่างตบตาประชาชน คนยากจนนั้นไม่รู้สึก เพราะได้ใช้ของถูก แต่ก็มีพวกพ่อค้าหัวใสมารุมกันซื้อของถูกนี้ไปขายแพง ๆ ให้รัฐบาลเอากลับมาขายประชาชนอีก ราษฎรคนยากจนไม่ได้รับผลจากการนี้เท่าไหร่ คนก็ยังยากจนอยู่ ไม่มีจะกินอยู่อย่างเดิม โจรผู้ร้ายชักชุมขึ้น ประชาชนต้องการคนที่จะมาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นั้น จะเป็นใครก็ได้ เพราะชีวิตความเป็นอยู่ย่ำแย่ไปตาม ๆ กันแล้ว เสียงล่ำลือว่าจะมีการปฏิวัติดังอยู่ทั่ว ๆ ไป รัฐบาลเองก็ท้าทายเหตุการณ์อยู่ โดยท่านนายก ฯ หลวงธำรง ฯ ประกาศท้าว่า รอการปฏิวัติอยู่แล้ว ขอให้ทำเถอะ
แล้ววันที่ท่านนายก ฯ หลวงธำรง ฯ รออยู่ก็มาถึง คือ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 เวลาประมาณสามทุ่มเศษ ๆ รถเกราะที่ออกมาวิ่งพร้อมกับหน่วยทหารเพียงสองกองพัน ขนกันออกมาจากที่ตั้งกรมกอง วิ่งไปตามบ้านผู้ใหญ่ในคณะรัฐบาล ตัวคุณหลวงธำรง ฯ นั้น นั่งเป็นประธานงานศิษย์เก่าโรงเรียนสายปัญญา อยู่ที่เวทีลีลาศสวนอัมพร มีคนมากระซิบที่หูก็หายตัวไปจากที่นั่นทันที หลบนายทหารที่มากับรถถังบรรทุกอาวุธ ลากมาที่สวนอัมพร ไปได้เพียงชั่วเวลาไม่ถึงห้านาที นายทหารผู้ลากเสปอร์กรุ๋งกริ๋งขึ้นมาบนเวทีนั้นต้องเก้อกลับไป เมื่อขึ้นมามองเห็นแต่เก้าอี้ว่างเปล่า
การรัฐประหารครั้งนั้นสำเร็จลงอย่างไม่เสียเลือดเนื้อ ภายในเวลาอันรวดเร็ว และด้วยกำลังเพียงนิดเดียว ไม่มีหน่วยทหารฝ่ายรัฐบาลหน่วยไหนออกมาต่อต้าน ต่างนิ่งสงบอยู่แต่ในที่ตั้ง ปล่อยให้กำลังฝ่ายปฏิวัติเข้ายึดสถานที่ต่าง ๆ ตามชอบใจ แล้วตัวนายก ฯ พร้อมรัฐมนตรีทั้งหลาย และท่านปรีดี ฯ ต่างก็หนีไปคนละทิศคนละทาง ไม่มีใครถูกจับกุมตัวเลย
ผมยังคงอยู่เฉย ๆ ที่สันติบาล ไม่ได้หลบไปไหนกับเขา แล้วก็ต้องเข้ามาอยู่ติดตูดอยู่กับท่านผู้ช่วยอธิบดีเผ่า ฯ ตามที่ได้เขียนไว้แล้วตอนต้น ๆ
ผมเขียนย้อนต้นมาเพื่อท่านจะได้อ่านความต่อไปถึงเรื่องอันเกี่ยวข้องกับตัวท่านบุรุษเหล็ก ฯ นี้ โดยไม่ต้องพลิกกลับไปอ่านทบทวนอีก
เมื่อคณะรัฐประหารตกลงใจเชิญ นายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีชั่วคราวออกจากตำแหน่งไปแล้ว ด้วยสาเหตุมีเรื่องขัดกับคณะรัฐประหารในการตั้ง พันเอก เผ่า ศรียานนท์ เป็นผู้ช่วยอธิบดี ฯ ครั้งนั้น คณะรัฐประหารก็ไปเชิญท่านจอมพล ป. มานั่งแป้นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ท่านจอมพล ป. พิบูลสงครามจึงได้กลับมาปกครองประเทศอีกครั้งตามคำเชิญ ผมเดาเอาว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของความคิดที่ให้ไปเชิญท่านจอมพล ป. กลับมานั้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพันเอกเผ่า ฯ ซึ่งเป็นคนก้นกุฏิเก่าแก่นั่นเอง และเป็นบุคคลคนเดียวที่มีความเคารพนับถือท่านจอมพล ป. ยิ่งกว่าอะไร เรียกว่าเป็นเจ้าชีวิตก็ยังได้
หลังจากเกิดการคิดกบฏ โดยคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2491 แล้วนั้น ก็มีเหตุการณ์ 28 กุมภาพันธุ์ 2492 ที่เรียกว่า กบฏวังหลวง ขึ้นอีก กบฏทั้งสองครั้งนั้นโดนปราบได้อย่างไม่เหนื่อยยากมาก เป็นความพยายามที่จะกลับมาของท่านปรีดี ฯ ทั้งสองครั้ง ซึ่งทำให้ท่านปรีดี ฯ ต้องหลบหนีไปนอกประเทศเป็นเวลายาวนาน จนไปจบชีวิตของท่านที่ฝรั่งเศส
หลังจากกบฏวังหลวงแล้ว เหตุการณ์ก็ยังกรุ่น ๆ อยู่ ฝ่ายรัฐบาลต้องระแวงระวังตัวอยู่ ฝ่ายรัฐบาลต้องระแวงระวังตัวอยู่อย่างประมาทไม่ได้ ตอนนั้นผมโดนเจ้านายไล่ให้มาอยู่กองตรวจแล้ว เพื่อทำงานเสียที ในตำแหน่งสารวัตรกองตรวจใต้ มีเพื่อนฝูงเก่า ๆ กลับมาร่วมงานกันอีกอย่างเก่า ทำให้กองตรวจกลับมาคึกคักอีกสมัยหนึ่ง
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2553 0:03:27 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1163 Pageviews. |
|
|
|