จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
15 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 24)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 24

เขียนถึงโรงเรียนนายร้อยก็เลยอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงความเป็นมาและความเป็นไปภายในรั้วกำแพงเหลืองสลับแดง สถานที่ที่ตั้งสถาบันอันเป็นที่เคารพนับถือของบรรดานักเรียนเลือดทหารที่เดินออกมาจากสถาบันนั้น

สถานที่นั้นเป็นเสมือนที่เกิดของบรรดานักรบเลือดทหารทั้งหลายร้อยหลายพันคนที่ออกมารับใช้ชาติในวิถีทางต่าง ๆ กัน ทั้งตำรวจและทหาร ตามวิถีทางและหน้าที่ของแต่ละคน มันเป็นความทรงจำที่ประทับใจของแต่ละคน ที่จะลืมเสียไม่ได้

ความเคารพนับถือที่รุ่นน้องมีต่อรุ่นพี่ ก็เป็นประเพณีจะต้องยึดถือกันต่อ ๆ มาแต่ละรุ่น รุ่นน้องต้องให้ความเคารพนับถือรุ่นพี่เสมือนน้องร่วมอุทรมีต่อพี่ เป็นประเพณีที่ยอมรับกันต่อ ๆ ไปแต่ละรุ่น แม้สำเร็จออกมาแล้ว ความเคารพในรุ่นก็ยังติดตัวไปจนตาย

วกเข้าเรื่องเสียที เรืองเลขประจำตัวนักเรียนนายร้อยนี้ สำรวจดูแล้วก็เกิดมีปัญหาขึ้นจนได้ เพราะอย่างที่นำมาเขียนข้างต้น เลขประจำตัวของนักเรียนนายร้อย สฤษดิ์ ธนะรัชต์ 3377 นั้น ก็ต้องเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นก่อนนักเรียนนายร้อย เผ่า ศรียานนท์ ซึ่งมีเลขประจำตัว 3820 ห่างกันถึงเกือบ 500 หมายเลข จะเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันไม่ได้ ควรจะห่างกันราว ๆ สองรุ่น แต่ท่านทั้งสองนี้พูดจากันด้วยถ้อยคำที่แสดงถึงความสนิทสนมกันมาก ขนาดมึงกูกัน ในระยะต้น ๆ ที่ผมได้เข้าไปติดตูดครั้งแรก แต่ต่อมาเมื่อนักเรียนนายร้อย สฤษดิ์ เป็นพลโท และมีตำแหน่งแม่ทัพ 1 นักเรียนที่ชื่อ เผ่า ซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจในยศ พล ต.ท. ก็เรียกท่านแม่ทัพตลอดที่พูดจากัน

ส่วนนักเรียนนายร้อย ละม้าย อุทยานานนท์ ผู้มีหมายเลขประจำตัว 3551 นั้น ต่างก็ใช้ถ้อยคำมึงกูกันทั้งคู่ เวลาพูดจากัน

นักเรียนนายร้อย บุญชุบ สีวะรา นั้นมีหมายเลขประจำตัว คือ 3670 และ 4061 นี่ ก็อาจจะตกซ้ำชั้นจาก 3670 มาได้เลข 4061 ตอนเรียนซ้ำชั้นก็อาจเป็นได้ นักเรียนนายร้อย บุญชุบ สีวะรา ก็คือ ท่านนายพล กฤษณ์ สีวะรา นั่นเอง

นักเรียนนายร้อย ถนอม กิตติขจร นั้น มีหมายเลขประจำตัว 3490 ก็เป็นหมายเลขที่มาก่อนอีกคนหนึ่ง ขนาดห่างจาก 3820 ร่วมสี่ร้อยหมายเลข ก็ต้องเป็นรุ่นก่อน ผมก็ได้ยินเขาพูดกันมึงกู และเรียกกันด้วยมีตำว่า ไอ้ นำหน้าทั้งคู่

นักเรียนนายร้อย ตุ๊ จารุเสถียร นั้น มีหมายเลขประจำตัว 3914 ไม่มีปัญหา ก็ต้องอยู่รุ่นน้องพวกนั้นเขา แล้วก็เรียกพวกนั้นว่า พี่ ทุกคน ในขณะที่พวกรุ่นพี่เขาใช้คำนำหน้าชื่อตัวว่า ไอ้ ได้สนิทปาก ชื่อใหม่ของนักเรียนนายร้อย ตุ๊ ก็คือ “ ประภาส ” นั่นเอง

ผมหยิบเอาหมายเลขประจำตัวของท่านพวกนี้ขึ้นมาแจง ก็เพราะว่า เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระยะหลังรัฐประหารมาแล้วนั้น ก็มีท่าน ๆ พวกนี้ที่วนเวียนกันเองในหมู่พวกเขา ที่ร่วมรัฐประหารกันมา แล้วก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกันภายหลังจนเป็นเรื่องใหญ่

สำหรับท่านจอมพล ป. นั้น ผมค้นหาในทำเนียบนักเรียนทหารบกแล้ว พบชื่อนักเรียนนายร้อย แปลก หลายชื่อ ตั้งแต่หมายเลข 439 มา 442 และ767 มามี 791 อีก แล้วก็ยังมี 1285 ถึง 1860 แล้วก็ 2175 ตามทำเนียบนั้น ไม่มีชื่อ-นามสกุลลงไว้ ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่มีนามสกุล เลยไม่รู้ เดาไม่ออกว่า “ แปลก ” คนไหนที่ได้มีวาสนาได้เป็นถึงจอมพลคนหัวปีของนายทหารสมัยประชาธิปไตย เดาไม่ออก ถ้าจะให้เดากันจริง ๆ ให้ใกล้เคียง ผมก็อาจจะเดาเอาว่า คนหมายเลข 2175 นั้นน่าจะใช่ เพราะเป็นหมายเลขมากที่สุด และเป็นหมายเลขใกล้เคียงของหมายเลขของนักเรียนนายร้อย ฟื้น ฤทธาคนี ซึ่งเป็น 2595 ห่างกันเพียงสี่ร้อยหมายเลข ก็คงจะเป็นนักเรียนรุ่นที่โรงเรียนนายร้อยสมัยนั้นมีชั้นประถม คือเข้าเรียนกันตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เลขประจำตัวจึงห่างกันเพียงสี่ร้อยหมายเลข

นักเรียนชั้นหนึ่ง ๆ คงจะต้องมีเป็นร้อยตอนนั้น รุ่นเดียวกันอาจจะมีถึง 400 คนก็ได้ แยกออกมาเป็นห้องเรียนสอง-สามห้อง ห้องละร้อยก็ได้ ที่ผมเดาเอาอย่างนั้นก็เพราะเคยได้ยินทั้งสองท่านพูดคุยกันด้วยสรรพนามที่เพื่อนที่สนิทกันใช้กัน และได้มาเป็นจอมพลด้วยกัน ผิดกันแต่คนหนึ่งเป็นทหารบก อีกคนหนึ่งเป็นทหารอากาศ และท่านจอมพลอากาศ ฟื้น ฤทธาคนี ท่านนี้นี่แหละ ที่บังคับจอมพลคนหัวปีได้อย่างเพื่อน

เรื่องราวตอนนั้นจะมีให้อ่านตอนหลัง ๆ ของเรื่องนี้

นักเรียนนายร้อย เผ่า ศรียานนท์ จะสำเร็จออกมารับกระบี่ ติดยศร้อยตรีในปีไหน ผมก็ค้นคว้าไม่พบ สอบถามใครก็ไม่ได้ความรู้ที่แน่ชัด เป็นคาดคะเนกันเอา ผมก็เลยไม่อยากจะเอามาเขียนลงในที่นี้ให้เป็นที่เอาความแน่นอนไม่ได้ ฉะนั้น ปีที่เกิดก็น่าจะเป็นปี พ.ศ. 2451 ท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2503 ที่ผมจำได้แม่นยำก็เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดของเมียผมพอดี

เอาเป็นว่า ผมไม่ได้วันเกิดของท่าน ได้แต่วันตายก็ยังดี ชาวคณะที่มาบังคับให้ผมเขียนสารคดีเรื่องนี้ เขากำหนดหัวข้อที่จะให้เขียนไว้ถึง 17 หัวข้อ ใน 17 หัวข้อนั้น ระบุถึงเรื่องวันเดือนปีเกิดไว้ให้เขียนถึงด้วย ผมก็ได้มาแค่นี้ แต่ไม่เป็นไร ไม่แน่วันหลังถ้าผมบังเอิญได้มีโอกาสค้นคว้าจนได้ความรู้มา ผมก็จะนำมาเพิ่มเติมเอาตอนท้าย ๆ ก็ได้ อย่าว่ากันก็แล้วกัน

มาคาดคะเนปีที่นักเรียนนายร้อย เผ่า ศรียานนท์ สำเร็จออกมารับราชการปีใด ก็อาจคะเนกันได้ว่า นักเรียนที่จะจบออกมาจากโรงเรียนนายร้อยก็จะมีอายุประมาณ 20-21 ปี ก็ต้องนับถอยหลังจากวันตายไป จาก 52 ให้เหลือราว ๆ 20 ก็จะได้ถอยหลัง ก็จะได้ถอยหลังไปอีกประมาณ 31-32 ปี เมื่อท่านเสียชีวิตในปี 2503 เอา 31 ไปลบออก ก็จะได้ 2469 ก็อยู่ในระยะปี 2468 หรือ 2469 โดยประมาณ

วันที่สำเร็จออกมาควรจะเป็นวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่กำหนดเป็นวันรับกระบี่ของนักเรียนนายร้อยแต่ละรุ่น เป็นเดือนที่ต่อจากเดือนเริ่มต้นปีใหม่สมัยนั้น ซึ่งเริ่มปีใหม่ด้วยเดือนเมษายน ก็เป็นอันว่า นักเรียนนายร้อย เผ่า ศรียานนท์ ได้ยศร้อยตรีในวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 2468 หรือ 2469 ปีใดปีหนึ่งในสองปีนี้ หรือไม่ก็อาจจะห่างออกมาอีกหน่อย ถ้าจะนับถึงการที่ไปเป็นนักเรียนนายดาบก่อน แล้วจึงมาเข้าโรงเรียนนายร้อยต่อ ก็อาจจะเลื่อนปีออกไปอีกสักสองปี ก็ตกปี 2470 หรือ 2471

ความจริงเรื่องการที่สำเร็จออกมาปีไหนนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ เป็นแต่เพียงส่วนประกอบของสารคดีนี้เท่านั้น ผมคิดว่าท่านผู้อ่านคงอยากจะอ่านชีวิตอันแล่นโลดจนพบความพ่ายแพ้ของท่านนั้นว่าเป็นอย่างไรมากกว่า แต่ที่ต้องนำเอามาเขียนก็เพราะหัวข้อ 17 ข้อที่เขาวางไว้ให้ผมเขียนนั่นแหละ มันมีเรื่องนี้ระบุไว้ด้วย ก็ต้องเขียนให้ครบหัวข้อของเขา ไม่ต้องไปถือเอาเป็นเรื่องสำคัญก็ได้

ถ้านักเรียนนายร้อย เผ่า ฯ สำเร็จออกมารับยศร้อยตรีเมื่อปี 2471 ก็ต้องเป็นนายทหารที่ย่ำเท้าอยู่กับยศร้อยตรีนี้นานทีเดียว เพราะเมื่อตอนที่ท่านพันเอกหลวงพิบูล ฯ ถูกนาย ลี บุญตา คนใช้ในบ้านยิง วิ่งเขยกหนีไปรอบ ๆ ห้องนั้น คนที่มาช่วยก็คือ ร้อยตรี เผ่า ศรียานนท์ นายทหารคนสนิท ปีนั้นเป็นปี 2480 กว่า ๆ อาจจะเป็น 2481-2482 ก็เรียกว่า เป็นร้อยตรีดักดานถึงเกือบสิบปี แต่ว่า สมัยนั้นเงินเดือน ชั้นยศ ของนายทหารขยับเขยื้อนช้ากว่าสมัยนี้ รวมทั้งนายตำรวจด้วย ขั้นเงินเดือนนั้นเขยิบขั้นละ 5 บาท และขั้นตอนจากร้อยตรีไปร้อยโทนั้น จะเป็นกี่ขั้นก็ไม่ทราบ อาจจะมีขั้นยาวกว่าสมัยนี้ก็ได้ ฉะนั้น การย่ำอยู่กับยศเดิมนาน ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดา

ตอนที่ช่วยท่านนายก ฯ หลวงพิบูล ฯ ไว้คราวนั้น จะได้เลื่อนขั้นยศหรือเปล่าก็ไม่ทราบอีก เลื่อนขั้นยศใหญ่ขึ้นอย่างไรก็อยู่นอกเหนือความรู้ของผม เพราะผมมารู้จักท่านผู้นี้เอาเมื่อเป็นพันเอก เจ้าของร้านกิ่งแก้ว ตามที่เขียนไว้ตอนต้น ๆ นั้น

ท่านนายก ฯ หลวงพิบูลสงครามนั้น จังหวะทางการเมืองของท่านถูกสร้างมาอย่างเหมาะสม ด้วยดวงชะตาของท่านเอง และเป็นผู้ที่มีดวงชะตาปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยจากการประทุษร้ายทั้งปวง ทั้ง ๆ ที่โดนทำร้ายด้วยอาวุธปืนถึงสองครั้งสองหน ท่านก็ยังรอดชีวิตมาได้อย่างมหัศจรรย์ ขบวนการคุ้มกันของท่านก็ไม่ได้มีห้อมล้อมมากมายอย่างสมัยนี้ ก็ต้องเรียกว่าเป็นบุรุษที่มีดวงชะตาสูง

ความเป็นผู้ที่มีดวงชะตาสูงนี่เอง ที่ทำให้ท่านได้กระทำการอะไร ๆ ที่บุคคลอื่นทำไม่ได้หลาย ๆ อย่าง และดำเนินชีวิตเยี่ยงบุรุษที่รู้ตัวว่ามีดวงชะดาสูง ถึงแม้ว่าจะต้องชะตากรรมในบางครั้ง ท่านก็รอดจากชะตากรรมนั้นมาได้อย่างไม่มีใครคิดถึง

ร้อยตรี เผ่า ศรียานนท์ จะได้เข้ามาอยู่ในหน้าที่ของนายทหารคนสนิทของท่านนายก ฯ หลวงพิบูล ฯ ด้วยเหตุใดผมก็ไม่ทราบ จะรู้จักมักคุ้นรับใช้ใกล้ชิดกันมาแต่เมื่อใดผมก็ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ และระหว่างที่ท่านนายก ฯ หลวงพิบูล ฯ เบียดเอาท่านเจ้าคุณพหล ฯ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปนั้น นายร้อยตรี เผ่า จะได้มีส่วนกับเขาหรือเปล่า ก็อยู่นอกเหนือความรู้ของผม จึงขออนุญาตไม่เขียนถึง ขอผ่านเหตุการณ์ตอนนี้ไป ขอเขียนถึงแค่ตอนที่ผมได้รับใช้ใกล้ชิดในช่วงระยะเวลา 13 ปีที่ได้อยู่นับใช้ท่านผู้นี้ ก็เห็นจะพอ

ผมได้เขียนไว้ตอนต้นว่า ความพ่ายแพ้ และชัยชนะของท่านบุรุษเหล็กแห่งเอเชียท่านนี้ มีความสำคัญผูกพันอยู่กับท่านนายก ฯ หลวงพิบูลสงครามนี้เป็นส่วนมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และผมก็ไม่ทราบอีกแหละว่า ทำไมท่านบุรุษเหล็กแห่งเอเชียจึงได้ไปมีความผูกพันกับท่านนายก ฯ หลวงพิบูลสงครามถึงขนาดนั้น

ท่านพันเอก หลวงพิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ถึงปี
พ.ศ. 2484 ก็เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อญี่ปุ่นยกกองทัพอันเกรียงไกรด้วยเลือดซามูไร ขึ้นบุกประเทศต่าง ๆ ในแถบภาคพื้นเอเชียด้านนี้ พร้อม ๆ กันทุกจุดด้วยกำลังพลอันมากมายนับล้าน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ญวน เขมร ลาว พม่า ตกอยู่ในอุ้งมือของกองทัพญี่ปุ่นเรียบราบ รวมทั้งประเทศไทยด้วย แต่สำหรับประเทศไทยนั้นมีกรณีพิเศษกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกันนี้ ประเทศไทยได้ความสามารถของท่านผู้นำ หลวงพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แก้ไขสถานการณ์ไว้ได้อย่างเฉลียวฉลาด

ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นรุกรานในภูมิภาคนี้อย่างนั้น ประเทศไทยรู้ตัวมาก่อนว่าจะต้องตกอยู่ในฐานะนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านนายกรัฐมนตรี หลวงพิบูล ฯ ได้เรียกร้องให้ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือน ประชาชนทุกระดับ ให้ต่อสู้กับข้าศึกที่จะมารุกรานประเทศทุกรูปแบบ มีอะไรก็ใช้สิ่งนั้นต่อสู้ ไม่ยอมให้เสียแผ่นดินแม้แต่กระเบียดนิ้ว ประชาชนทุกผู้ทุกนามต่างก็ให้ความร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาลในการต่อสู้ตามคำปลุกใจของท่านผู้นำ ทุกคนต่างเตรียมตัวเตรียมใจไว้ต่อสู้กับเหตุการณ์นั้นเต็มที่ เรื่องอย่างนี้คนไทยมีเลือดนักสู้อยู่ทุกคนแล้ว เมื่อมีผู้นำปลุกใจก็ยินดีพร้อมใจกันที่จะสู้




Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 20:27:59 น. 2 comments
Counter : 1257 Pageviews.

 
กำลังมันเลยครับ อยากอ่านมานานเเล้ว


โดย: ศรชัย IP: 114.128.208.28 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:40:50 น.  

 
ขอบคุณค่ะ

ย้อนไปอ่านตอนต้น ๆ ด้วยนะคะ จะได้ไม่งง

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ


โดย: ธารน้อย วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:10:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.