13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 10)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 10
เหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ๆ ในคืนวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ คืนนั้น บังเอิญเป็นคืนที่ผมออกเวร และไปเที่ยวกินเหล้ากินข้าวกับพรรคพวกหลายคน ตั้งแต่เย็นและดูเหมือนจะเป็นวันเสาร์ กินเหล้ากินข้างกันอิ่มหมีพีมันดีแล้วก็ต้องไปหาที่เอนหลังกันตามระเบียบ ตอนนั้นสามทุ่มกว่า ๆ เห็นจะได้ ผมกับพรรคพวกสองสามคน จำไม่ได้ว่าใครบ้าง ตระเวนกันออกไปต่อที่ โรงแรมหกชั้น ถนนเยาวราช
ที่นั่นมีอีตัวกวางตุ้งที่นวดเก่ง และบางตัวทำอะไร ๆ ก็ได้ในสนนราคาก็พอที่จะรับได้ไม่แพงนัก และห้องที่ใช้นอนอยู่ชั้นหกของโรงแรม ยอดตึกพอดี ผมกำลังเข้าไคลกับอีตุ้งตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังดีดดิ้น ไม่ยอมร่วมหอลงโรงด้วย มันเกี่ยงว่ามันกำลังมี จำเลิน ก้อประจำเดือนนั่นแหละครับ ผมขอดูว่ามันมีจริงหรือเปล่า มันไม่ยอมให้ดู คนกำลังกลัดมันก็เลยปล้ำมัน ขอดูให้ได้ว่ามีจริงหรือเปล่า พอมันจวนเจียนจะเสียท่าผม มันก็ยกมือไหว้ปะหลก ๆ แล้วว่า ไม่ต้องป้ำ ไม่ต้องป้ำน่อ เดี๋ยวมันจะให้ดูดี ๆ ผมหลงกลมัน ปล่อยมือ มันก็โจนผลุงลงจากเตียง วิ่งแนบเปิดประตูห้องหนีออกไป ผมคว้าไม่ทัน กำลังหัวเสียงุ่นง่านอยู่ในห้อง ประเดี๋ยวเดียวมันก็เปิดประตูเข้ามาใหม่ คราวนี้มันหัวร่อร่า ผมนึกว่ามันเปลี่ยนใจ ขยับจะลุกขึ้นไปคว้ามัน มันก็พูดออกมาว่า เขาปาตึวักกัง ยังจามานองก๋าพูหยิงอยู่เหลอ ว่าอะไรนะ ผมชะงัก หยุดยิ้ม ปาตีวักฮ่ะ วิกทายุปากาก ออกไปฟังเซ่ ผมผวาลุกขึ้นนุ่งกางเกง คว้าปืนเหน็บเอว เผ่นออกมาจากห้อง เสียงวิทยุในห้องไอ้โกประกาศแจ๋ว ๆ ถึงสถานการณ์ปฏิวัติ มีแถลงการณ์ของคณะปฏิวัติที่ยึดกรมโฆษณาการไว้ได้แล้ว ดังฟังชัด ผมเผ่นลงมาจากชั้นหกถึงชั้นล่างได้ยังไงก็ไม่ทราบ ขึ้นรถได้ก็สตาร์ทบึ่งไปที่กองทันที ไม่ได้คิดเรียกพรรคพวกที่ไปด้วยกันนั่น
ผมแวะสั่งการให้นายร้อยเวรเรียกระดมพลทั้งหมด จ่ายอาวุธพร้อมและให้รอผมอยู่ที่นั่น ฟังคำสั่งจากผมต่อไป ผมบึ่งรถไปตามเจ้านายที่วังปารุสก์ ฯ ทราบว่าท่านไปอยู่กับหน่วยทหารที่วัดสะพานสูงบางซื่อ ผมปราดไปที่นั่น พอถึงที่หมาย ผมจอดรถได้ก็วิ่งแนบเข้าไปในที่ตั้ง
เจ้านายกำลังอยู่กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้งท่านจอมพล ป. ด้วย ทั้งหมดกำลังปรึกษาวางกำลังกัน ผมได้ข่าวที่นั่นว่านายทหารหน่วยหนึ่งได้ไปยึดกรมโฆษณาการคืนแล้ว อ้าว ไอ้พุฒมาพอดี เจ้านายหันมาเห็นผม มึงรีบไปตามตัวไอ้ม้ายมาเดี๋ยวนี้ ท่านสั่งการผมทันที พี่ม้ายอยู่ที่ไหนครับ ที่บ้านวัดธาตุทอง มึงรีบไปเดี๋ยวนี้ มันคงจะฝ่าดงทหารเรือออกมาไม่ได้ เขาตั้งหน่วยตรวจค้นอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ครับผม ผมหันหลังกลับ เฮ้ย ท่านตะโกนไล่หลัง ผมชะงักหยุด มึงระวังตัวให้ดี เอาไอ้ม้ายมาให้ได้ ท่านกำชับ ผมครับผมอีกทีแล้ววิ่งมาที่รถ บึ่งออกจากที่นั่น
ผมรู้จักบ้านที่วัดธาตุทองดี ที่นั่นมีบ้านของนักธุรกิจชั้นนำอยู่หลังหนึ่ง ปลูกอยู่ริมคลองแสนแสบ
สมัยนั้น วัดนี้ยังไม่เจริญเหมือนเดี๋ยวนี้ บริเวณวัดยังเป็นที่พักอยู่ในสวน มีถนนผ่าน วัดเข้าไปทางด้านหลัง ผ่านสวนเข้าไปถึงบ้านหลังนั้น และที่บ้านหลังนั้นเป็นที่ที่พวกผู้ใหญ่ชอบมาใช้เป็นที่พักผ่อนกัน มันเงียบดี มีไม่กี่คนที่รู้จักบ้านหลังนั้น ผมรู้จักดีเพราะผมติดตามเจ้านายเข้าไปบ่อย ผมออกจากวัดสะพานสูงก็บึ่งไปที่กองก่อน กำลังของผมพร้อมกันแล้ว ผมสั่งให้ทั้งหมดรอผมอยู่ ณ ที่ตั้ง แล้วผมก็เรียกคนขับรถประจำตัวผมขึ้นรถ ให้ขับไปแถวถนนเยาวราช ผมต้องการแท็กซี่สักคันเพื่อใช้งานนี้ ผมจะผ่าด่านทหารเรือออกไปด้วยรถจี๊ปตราตำรวจไม่ได้ ที่เยาวราช เคราะห์ดีที่ผมได้แท็กซี่คันหนึ่งซึ่งคนขับรถประจำตัวผมรู้จัก เขาเคยเป็นคนขับรถของวิชิตซึ่งเป็นสารวัตรกองตรวจเหนือ แล้วลาออกมาขับแท็กซี่ ผมให้เขาขับรถของเขาตามผมกลับมาที่กองอีกที เมื่อมาถึงกอง ผมควักเอาบัตรประจำตัวของผมและสิ่งของในกระเป๋าออกจนหมด ส่งให้ตำรวจคนขับรถของผมเก็บไว้ และให้เขารอผมอยู่ที่กอง แล้วผมก็ขึ้นแท็กซี่คันนั้น มีปืนพกติดตัวไปกระบอกเดียว ผมบอกจุดหมายเขา ให้ขับไปทางพระโขนง คนขับแท็กซี่เลือดตำรวจเก่าคนนั้นไม่ได้ถามอะไรผม เขาออกรถไปตามคำสั่ง พักเดียวก็มาติดรถเป็นแถวอยู่ที่บริเวณหน้าวัดสระปทุม ผมมองออกไปทางข้างหน้า ก็เห็นมีด่านตรวจอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ มีทหารเรือถือปืนกักรถตรวจอยู่ตรงนั้น รถที่ผมนั่งอยู่เป็นคันที่หกที่เจ็ด ผมบอกคนขับรถของผมว่า ผมจะนอนทำเป็นเมา เมื่อถูกทหารถามให้เขาบอกว่า เขารับผมมาจากซ่องที่ซอยทรัพย์ กำลังเมาแประ ให้ไปส่งที่นานาเหนือ และเขาไม่รู้จักผม ตั้งใจว่าเมื่อเข้าซอยนานาเหนือแล้วจะปลุกขึ้นมาถามว่าบ้านอยู่ตรงไหน เท่านั้น อย่างอื่นไม่รู้ทั้งนั้น
สั่งเสร็จผมก็ลงเอนเกือบจะเป็นนอน มือขวาของผมซุกอยู่ใต้ขา ที่มือข้างนั้นผมกำปืน ๑๑ ม.ม. ขึ้นนกและลดนกไว้เรียบร้อยพร้อมที่จะใช้การได้ แล้วผมก็ขยี้ผมให้มันยุ่ง ทำท่าหลับคอพับ รถผมค่อย ๆ ขยับเข้าไปที่ด่านตรวจตามลำดับทีละคันจนถึงจุดที่ตรวจ ก็หยุดนิ่ง ผมรู้สึกมีลำแสงไฟฉายส่องกราดเข้ามา แล้วมันก็มาหยุดที่ใบหน้าของผม เมาเหรอ เป็นเสียงถาม ครับ คนขับของผมตอบ พับมาตั้งแต่ขึ้นรถแหละครับ มาจากไหน ซอยทรัพย์ครับ บอกให้ผมไปส่งที่นานาเหนือ แล้วก็พับอยู่อย่างนี้แหละครับ โอ้กออกมามั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวเหม็นรถตายห่า มีเสียงหัวเราะจากคนข้างนอก แล้วลำไฟฉายก็กราดไปทั่วหน้าผม ไม่มีหรอก เสียงนอกรถบอก ผมทำท่าขย้อน ลำไฟข้างนอกดับ แล้วเสียงข้างนอกรถก็พูด ไปเหอะ รีบไปซะ ทำท่าไม่ดีแล้ว แล้วก็มีเสียงหัวเราะครื้นเครง รถของผมพุ่งออกไปทันที ผมลุกขึ้น ตบไหล่คนขับของผม วิเศษ ไอ้เกลอ เดี๋ยวขากลับยังจะมีการแสดงอีก ตอนนี้เหยียบเต็มที่ไปวัดธาตุทอง เมื่อถึงทางเลี้ยวเข้าวัด ผมก็บอกคนขับให้เลี้ยวลัดเลาะไปตามถนนเล็ก ๆ จนถึงบ้านที่เป็นจุดหมาย คนเฝ้าบ้านบอกว่า พี่ม้าย ออกไปแล้วทางเรือ มีคนเอาเรือมารับทางคลองแสนแสบ ผมจึงออกจากที่นั่นมา ให้คนขับพาไปที่บ้าน บ้านผมยังอยู่ที่เดิมคือซอยประสานมิตร บ้านเช่าหลังเดิมนั่นเอง ผมจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เอาเสื้อ เครื่องแบบ และหมวกใส่ไว้ใต้เบาะที่นั่งหลังรถ ส่วนกางเกงนั้นก็เป็นกางเกงเครื่องแบบนั่นเอง แล้วผมก็ออกจากบ้านกลับมาทางเก่า มุ่งสู่กอง ขากลับ ผมใช้วิธีเดิม คือทำเอนเมาพับอย่างขามา แต่คราวนี้ให้คนขับบอกว่าผมเมามาจากซ่องนานา ให้ไปส่งที่บางรัก วิธีนี้ได้ผลอีก ทหารเรือประจำด่านตรวจที่เดิมปล่อยผมไปเช่นเดียวกับขาออกไป
เขาไม่ยักผิดสังเกตว่ามีคนเมาในลักษณะเดียวกันทั้งเข้าทั้งออก ในระยะเวลาไม่ห่างกันเท่าใด คงจะไม่ได้สังเกตจดจำลักษณะรถและคนขับเอาไว้ หรือมิฉะนั้น คนที่ตรวจอาจไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้ ก็นับว่าเป็นคราวเคราะห์ดีของผม ถ้าเขาตรวจค้นและจับได้ว่าผมเป็นใครก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับผมตอนนั้น
กำลังของผู้ยึดอำนาจย่อมต้องมีมาตรการอันเด็ดขาดอยู่ในกำมือ แต่อย่างไรก็ช่างเถอะ ต้องยกให้คนขับรถแท็กซี่คันนั้นเป็นคนสำคัญที่รักษาชีวิตผมไว้ได้ ทั้งขาไปขากลับ หมอเจรจาได้สนิทนัก ไม่มีอาการตื่นเต้นเลย ถ้าเขาเงอะงะเพียงนิดเดียว ผมก็คงไม่รอด ผมได้ปูนบำเหน็จรางวัลให้เขาอย่างสมกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมมอบความไว้วางใจให้กับคนที่ไม่เคยใช้สอยกันมาก่อน บังเอิญได้คนเหมาะอย่างคาดไม่ถึง ผมไม่มีเวลาจะคิดอะไรมากเสียด้วยตอนนั้น เรียกว่าดวงของผมยังดีอยู่ ผมตกรางวัลคนขับรถคนนั้นอย่างหนักเมื่อเขาส่งผมเรียบร้อยที่หน้ากอง คนขับรถคนนี้ผมเอาเขามาใช้อีกเมื่อเรื่องราวสงบเรียบร้อยแล้ว และเขาอยู่กับผมที่กองตรวจอีกนาน กับเจ้าตำรวจคนขับรถประจำตัวของผม
พอผมลงจากรถและกำลังแต่งเครื่องแบบที่แอบซุกไว้ในรถนั้น ก็มีนายตำรวจและตำรวจของผมบางคนที่ยังอยู่ที่กองสองสามคนวิ่งเข้ามาหา เฮ้ย สารวัตรมาแล้วโว้ย เขาตะโกนร้องกัน ขณะที่วิ่งเข้ามาหาผม พวกเรายังอยู่พร้อมกันหรือ ผมถามเขา ไปกันบ้างแล้วครับ เหลือพวกผมอยู่อีกไม่กี่คน รองสารวัตรครหนึ่งของผมตอบ อ้าว ก็ผมสั่งให้รอผม ผมชักไม่พอใจ เขาไปไหนกัน ไอ้ต่วนมันบอกว่า สารวัตรหนีไปแล้ว คนหนึ่งพูดขึ้น ไอ้ต่วน คือ ส.ต.ต. ต่วน คนขับรถประจำตัวผม
บัตรประจำตัว อะไรต่ออะไร ทิ้งไว้ให้มันหมด มันยังเอามาให้ดู พวกเราบางคนก็เลยตามพวกแผนกอื่นเขาไปหลายคน ผมมองหา ไอ้ต่วน มันยืนหลบอยู่ในเงามืดของโรงรถ ยังดีที่ไอ้นี่ไม่ได้ไปไหน ผมตะโกนเรียกมัน มันค่อย ๆ ย่องเข้ามาหา ผมรับเอาบัตรประจำตัวและของต่าง ๆ ของผมที่ฝากมันไว้คืนมาจากมัน เรียบร้อยแล้วผมก็คุยกับมัน มึงบอกพวกนี้เขาว่ากูหนีไปแล้วยังงั้นหรือ ผมไม่รู้ว่าสารวัตรไปไหนนี่ครับ มันตอบ เออดี แล้วมึงก็เลยซัดเลยว่ากูหนีไปแล้ว มึงพูดดีมาก เข้าใจพูด
ว่าแล้วผมก็กวาดตีนทั้งซ้ายขวาเข้าไปที่ตัวมัน ไม่ได้นับ เป็นจังหวะติดต่อกัน ไอ้ต่วนลงไปนอนคลุกฝุ่น ผมเรียกนายสิบเวรลงมา เอาไอ้นี่ไปขัง
Create Date : 25 เมษายน 2553 |
Last Update : 25 เมษายน 2553 23:37:26 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2036 Pageviews. |
|
|
|