จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
18 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
สู่ลาว ... ตอนที่ 19

สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527

เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 – 2512

ตอนที่ 19

เวียงจันสงบอยู่พักใหญ่ เมื่อความสงบเรียบร้อยย่างเข้ามาสู่ การทำมาหากินของชาวบ้านก็เฟื่องฟูขึ้น ข้าวของถูกลง คนมีสตางค์ขึ้น คนทางฝั่งไทยอีกประเภทหนึ่งก็ข้ามมาหากินในเวียงจัน

คนประเภทใหม่นี้ คือพวกตีชิง ลักปล้น

คนลาวทำไม่เป็นเรื่องพรรค์นี้ หนทางหาเงินของพวกเขาก็คือค้าขาย คนชั้นต่ำหน่อยก็ทำงานโดยใช้แรงกาย เป็นลูกจ้างหรือกรรมกรแบกหามไป ตอนหลัง ๆ ชักจะเป็น เพราะนักเลงฝั่งไทยข้ามไปสอนให้

ล่วงเข้าปีที่สอง ใกล้จะเข้าปีที่สาม ที่ผมเข้ามาอยู่ในลาว เหตุการณ์ดักจี้ชักจะมีขึ้น ผู้คนที่ไปไหนมาไหนยามค่ำคืนในที่เปลี่ยว ๆ คน โดนดักจี้เอาทรัพย์สินไปกันบ่อยขึ้น ๆ

นายตำรวจที่เรียกว่ามือดี ๆ ของลาวนั้น ถึงจะได้รับการอบรมไปจากสามพรานก็จริง แต่มีแต่ทฤษฎี ไม่ได้ฝึกทางภาคปฏิบัติ เพราะไม่มีเหตุการณ์ให้ฝึกมานานแล้ว พอเจอเอากับเหตุการณ์อย่างนี้เข้า ก็ทำอะไรไม่ถูก

หนังสือพิมพ์ที่ออกในเวียงจัน ซึ่งก็เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ข้ามไปจากไทยนี้เอง ไปทำหนังสือ พิมพ์ที่นั่น ชักจะเล่นงานตำรวจกันทางหน้าหนังสือพิมพ์

ตำรวจลาวโดนหนังสือพิมพ์โจมตีเข้าก็งงอีก ไม่รู้จะแก้ยังไง

แล้วเขาก็มาหาตำรวจไทยที่ร้านสีมาลา

พวกมือปราบของลาวเขาก็มี ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่เขายังไม่รู้ว่าจะปราบพวกนี้อย่างไรจึงจะไม่อือฉาว และจัดการให้เด็ดขาด เขารู้ว่า พวกนี้เป็นพวกที่ข้ามไปจากฝั่งไทย แต่การที่จะห้ามปรามการเข้าเมืองนั้น มันทำยาก จุดที่ข้ามฟากเข้าเวียงจันนั้นมันมีตลอดแนวมาน้ำโขง เดินข้ามฟากมาเมื่อไรก็ได้ เขตติดต่อนั้นเป็นแนวยาวเป็นกิโล ๆ จัดตั้งหน่วยตรวจตราไม่ไหว แล้วคนที่ข้ามมาด้วยมีความมุ่งหมายมาก่อกรรม มันหาทางข้ามได้ ไม่ให้จับได้ง่าย ๆ

สองตำรวจไทยลี้ภัยเคยสอนแต่วิธีเขียนรายงานให้นายอ่านออก เข้าใจความ แต่ทีนี้ จะมานั่งเขียนรายงานอยู่ไม่ได้เสียแล้ว ต้องลงไม้ลงมือออกแรงปราบปรามกันแล้ว เขาก็มาคุยด้วย ขอความรู้ในทางกำจัดอาชญากรรมที่เราเคยทำมา เขาคงเคยได้รู้ผลงานของเรามาบ้างแล้ว

เรื่องอย่างนี้มันต้องใจถึง มือถึง และมีศีลธรรม

ที่ในเมืองเวียงจันนั้น จะทำอะไรก็ทำไม่ยาก เพราะไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรก็ได้ กฎหมายของเขาไม่ค่อยจะรัดกุมนัก และไม่ละเมียดละมัยกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในทางวิสามัญฆาตกรรม และขณะนั้น เท่าที่ได้รับฟัง เหตุการณ์มันก็ถึงขั้นที่จะต้องทำกันแล้ว เพราะนักเลงฝั่งไทยไม่กลัวฝีมือตำรวจลาว ย่ามใจขึ้นทุกวัน และข้ามมาหากินกันโดยไม่เกรงกลัวอะไร

ในเวียงจันยังมีโรงยาฝิ่นอยู่ ทางไทยนะเลิกไปนานแล้ว พวกค้าฝิ่นจึงต้องข้ามมาตั้งโรงยาในเวียงจัน พวกนักเลงเหล่านี้ก็มาสิงสู่อยู่ในโรงยา และมันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกโรงยาจะต้องพึ่งพาอิทธิพลคนใหญ่คนโต จึงจะอยู่รอด ตำรวจก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

ผมบอกกับพวกตำรวจลาวว่า ยังงี้แหละดี พวกคุณไม่ต้องไปหาตัวพวกนี้ที่ไหน ดักดูเอาตามโรงยานั่นแหละ แต่อย่าเข้าไปอย่างตำรวจ ต้องเข้าไปอย่างขี้ยา

ไอ้คนไหนหน้าตาแปลก ๆ ก็หมายตาเอาไว้ และคอยสืบประวัติมันว่า มันเข้ามายังไง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในเวียงจันหรือเปล่า หรือมาฉาบฉวย

ข้อสำคัญต้องใช้คนที่ฉลาดและมีศีลธรรม ไม่แกล้งหาเรื่องคนที่ไม่ถูกกัน

ตำรวจลาวที่มีฝีมือเข้าขั้น ทำงานเป็นและเฉียบขาดเหมือนกัน คุยกันเพียงแค่นั้นเขาก็เข้าใจ แต่กรรมวิธีออกจะแหวกแนว

เช้าวันหนึ่ง เขามาเรียกผมแต่เช้า ให้ไปดูอะไรกันหน่อย ผมก็แต่งตัวไปกับเขา เขาพาผมขึ้นรถตำรวจไปทางด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นแนวของแม่น้ำโขง ตอนนั้นน้ำลงตื้นเขิน มีหาดตลอดแนว เขาหยุดรถอยู่ที่ริมฝั่ง แล้วชวนผมเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งเป็นหาดยาว

ฝั่งตลิ่งแม่น้ำโขง เวลาหน้าแล้งนั้น สูงมากกว่า จะไต่บันไดดินลงไปก็เหนื่อย

เดินไปตามชายหาดไม่เท่าไร เขาก็ชี้ให้ผมดูร่างของชายคนหนึ่งนอนเหยียดอยู่มี่ริมน้ำ มีแต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ที่หน้าอก มีรอยกระสุนอยู่ 2-3 รู ที่ฉกรรจ์ ๆ ทั้งนั้น ทั้ง 2-3 รู้นั่น

“นี่ยังไง พี่พุฒ ทำยังงี้ใช่ไหม ” เขาพูด มือชี้ที่ร่างนั้น “ ผมได้ตัวมันมาเมื่อคืนนี้ พยานมาดูตัวแล้ว ไอ้เสื้อนี่เล่นเขามาหลายรายแล้ว ผมเลยชวนมันลงมาเดินริมหาด ”
“ ทำไมต้องลงมาริมหาด ” ผมถาม
“ ในโรงยา คนมันเกะกะ ที่อื่นก็จะหนวกหูคน ที่นี่มันเงียบดี ” เขาตอบ
“ แล้วทำไมต้องทิ้งไว้ยังงี้ ” ผมซัก
“ ผมจะเก็บไว้ให้พี่พุฒดูตอนเช้า ”
“ ให้หมอกับผู้พิพากษาเขามาชันสูตรศพเสียซี ทำคดีวิสามัญฆาตกรรม ” ผมเตือนเขา
“ ชันสูตรทำไมอีกล่ะ เดี๋ยวก็เอาไปไว้วัด เผาเลย ” เขาพูดหน้าตาเฉย “ พี่พุฒดูแล้ว เป็นยังไง ใช้ได้ไหม รายต่อ ๆ ไป จะได้เอาอย่างนี้ ”

ผมไม่รู้จะตอบเขายังไง ได้แต่ยืนเกาศีรษะทั้ง ๆ ที่ไม่คันอะไร

“ ใช้ได้น่ะใช้ได้ แต่เปลี่ยนที่เสียบ้าง อย่าให้มันนอนที่ชายหาดเสียทุกรายไป ” ผมพูดได้แค่นั้น
“ แล้วทำไงต่อไป ” เขาถามอีก
“ เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ผมว่าไม่กี่ศพก็เงียบ ไอ้รายนี้ก็เก็บไปเสีย ผมจะลงรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ให้ เดี๋ยวจะไปเรียกช่างภาพมา คุณรออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว ”

ผมรีบไต่ตลิ่งขึ้นไป โรงพิมพ์ก็อยู่ริมฝั่งโขงนั่นเอง นักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่า ที่อพยพมาทำหนังสือพิมพ์ที่เวียงจันอยู่ที่นั่นพอดี ผมก็เรียกเขาให้มาหาพร้อมช่างภาพ พากันไต่ตลิ่งลงไปถ่ายภาพทำข่าวแบบเร่งรีบ พร้อมทั้งถ่ายภาพนายตำรวจผู้พิชิตโจรคนนั้นด้วย ขึ้นภาพขึ้นข่าวหน้าหนึ่งโก้ไป

“ คราวหลังอย่าให้ต้องปีนขึ้นปีนลงตลิ่งอย่างนี้อีกนะ ท่านรอง ” นักหนังสือพิมพ์ ผู้เป็นทั้งเจ้าของและบรรณาธิการ นักข่าวเบ็ดเตล็ดเสร็จในตัว ผู้นั้นพูดกับผม “ เอาไอ้ที่ไปมาสบาย ๆ หน่อย ”

ผมก็บอกความนี้กับตำรวจลาวเขา

ศพรายต่อ ๆ มาจึงไปปรากฏแถว ๆ กำแพงวัดบ้าง ถนนไปทางท่าเดื่อบ้าง อีก 2-3 ศพ เวียงจันก็เงียบ ในโรงยาไม่มีนักเลงแปลกปลอมเข้าไปพักพิงอีกเลย

เจ้าของโรงยาซึ่งเป็นนักเลงคนหนึ่งที่ดังไม่เบา อยู่ในเมืองไทยเหมือนกัน ก็สบายใจ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่คอยกระซิบผม เวลามีหน้าแปลก ๆ เข้ามานอนในโรงยาของเขา

คน ๆ นี้ยังอยู่อย่างนักเลง และผมก็ยังอยู่อย่างนักเลง ผมยังพบเขาอยู่บ่อย ๆ นักเลงคนนี้ไม่กินเหล้าอีกเหมือนกัน

ผมยังต้องต้อนรับพรรคพวกและคนที่เคยรู้จักกันจากเมืองไทยอยู่อีก เขาเดือดร้อน เขาก็ข้ามฟากมาหา มาขอความช่วยเหลือ บางคนอยู่เมืองไทยก็พอรู้จักกันผิวเผิน พอเขามีเรื่องทางเมืองไทย ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็นเรื่องเช็ค หรือไม่ก็ยกเค้าบริษัทการเงินมาเลยทีเดียวก็มี พวกเขามาขอพักพิง ก็ต้องช่วยกันไปตามเรื่อง

แต่ไอ้ที่เขาจะมาแบ่งอะไรต่ออะไรให้นั้น ผมไม่ได้หวัง และคิดว่าถ้าเขาแบ่งให้ ก็คงรับไม่ได้ และผมเองก็ไม่คิดที่จะหาเงินทางนั้น

บางรายก็มีตำรวจทางฝั่งไทย เจ้าของคดี มาหาผมและพ่อประชาถึงร้าน พบเจ้าตัวผู้ต้องหาอยู่ที่ร้านผมพอดี เพราะมีบางรายที่ยังหาที่อยู่ใม่ได้ ผมก็รับเอาไว้ให้อยู่ด้วย เขาก็จะขอเอาตัวไปเดี๋ยวนั้น ผมก็แนะนำเขาให้ไปติดต่อกับตำรวจลาวเสียก่อน อยู่ ๆ จะมาเอาตัวไป ทางตำรวจลาวเขาอาจจะไม่พอใจ และผมก็จะให้ไปไม่ได้ เขาก็ไปติดต่อกับตำรวจลาว ตำรวจลาวมาถึงบ้าน เห็นผมนั่งอยู่ และพอรู้ว่าเป็นร้านสีมาลา เขาก็บอกว่า ให้ไปไม่ได้ ตำรวจไทยก็ถอยทัพข้ามกลับไป

คนเขามาพึ่งพิงเพราะเขาเชื่อในตัวเรา จะไปผลักไสเขาง่าย ๆ ได้ยังไง ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน เพียงแต่เขาเคยได้ยินชื่อและรู้ประวัติเราบ้าง ก็ผลักไสเขาไม่ได้ เขาเชื่อมือเชื่อใจเรา เราจะไปทำลายความเชื่อของเขา ผมไม่ทำ

คน ๆ นี้ ภายหลังเกิดความเชื่อมือตัวเอง เพราะได้ทำความรู้จักกับตำรวจลาวมากขึ้น ก็ออกไปหาที่อยู่ที่อื่นตามลำพัง เขาอาจจะไม่อยากกวนผมมากเกินไป หรืออาจเกรงใจก็ได้ ออกไปเช่าบ้านอยู่ไกลจากที่ผมอยู่ ขึ้นไปแถวสถานทูต อยู่ไปได้ไม่นานเท่าไร ได้ข่าวว่าโดนตำรวจไทยเอาตัวข้ามฟากไปเสียแล้ว ข่าวทางหนังสือพิมพ์แจ้งว่า เขาข้ามฟากไปหาซื้อของทางฝั่งไทยด้วยความชะล่าใจ เลยโดนจับเข้าห้องขังของตำรวจหนองคายไป ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้สืบสาวราวเรื่อง แต่ผมว่า คงจะโดนทีเด็ดของใครเข้าให้แล้ว เพราะปกติ คน ๆ นี้จะไม่ย่างกรายเข้าใกล้ฝั่งไทย กลัวมาก และสินบนนำจับมันแพง

เงินมันเข้าใครออกใครเสียเมื่อไหร่ ผมได้ข่าวว่า ต่อมาเขาตรอมใจตายในคุก

นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดได้ยากในเมืองอื่น

ในลาว อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝันได้เสมอ คนที่ว่าคบกันได้ เชื่อใจกนได้นั้น มันก็ไม่แน่นัก มันไม่เป็นไปตามเนื้อผ้าหรอก




Create Date : 18 กันยายน 2554
Last Update : 18 กันยายน 2554 3:59:14 น. 3 comments
Counter : 1166 Pageviews.

 
ตอนนี้ได้ภาพของเมืองลาวที่ผู้คนมีจิตใจใสซื่อ แต่บทจะทำอะไรก็ทำจริง

บ้านเมืองของเขาในช่วงเวลานั้น เป็นเมืองที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยจริงๆ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:10:26:47 น.  

 
ติดตามอ่านอยู่จ้า...


โดย: ก้นกะลา วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:20:10:56 น.  

 


โดย: เพียว (เพชรพญานาค ) วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:15:42:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.