สู่ลาว ... ตอนที่ 19
สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527
เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 2512
ตอนที่ 19
เวียงจันสงบอยู่พักใหญ่ เมื่อความสงบเรียบร้อยย่างเข้ามาสู่ การทำมาหากินของชาวบ้านก็เฟื่องฟูขึ้น ข้าวของถูกลง คนมีสตางค์ขึ้น คนทางฝั่งไทยอีกประเภทหนึ่งก็ข้ามมาหากินในเวียงจัน
คนประเภทใหม่นี้ คือพวกตีชิง ลักปล้น
คนลาวทำไม่เป็นเรื่องพรรค์นี้ หนทางหาเงินของพวกเขาก็คือค้าขาย คนชั้นต่ำหน่อยก็ทำงานโดยใช้แรงกาย เป็นลูกจ้างหรือกรรมกรแบกหามไป ตอนหลัง ๆ ชักจะเป็น เพราะนักเลงฝั่งไทยข้ามไปสอนให้
ล่วงเข้าปีที่สอง ใกล้จะเข้าปีที่สาม ที่ผมเข้ามาอยู่ในลาว เหตุการณ์ดักจี้ชักจะมีขึ้น ผู้คนที่ไปไหนมาไหนยามค่ำคืนในที่เปลี่ยว ๆ คน โดนดักจี้เอาทรัพย์สินไปกันบ่อยขึ้น ๆ
นายตำรวจที่เรียกว่ามือดี ๆ ของลาวนั้น ถึงจะได้รับการอบรมไปจากสามพรานก็จริง แต่มีแต่ทฤษฎี ไม่ได้ฝึกทางภาคปฏิบัติ เพราะไม่มีเหตุการณ์ให้ฝึกมานานแล้ว พอเจอเอากับเหตุการณ์อย่างนี้เข้า ก็ทำอะไรไม่ถูก
หนังสือพิมพ์ที่ออกในเวียงจัน ซึ่งก็เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ข้ามไปจากไทยนี้เอง ไปทำหนังสือ พิมพ์ที่นั่น ชักจะเล่นงานตำรวจกันทางหน้าหนังสือพิมพ์
ตำรวจลาวโดนหนังสือพิมพ์โจมตีเข้าก็งงอีก ไม่รู้จะแก้ยังไง
แล้วเขาก็มาหาตำรวจไทยที่ร้านสีมาลา
พวกมือปราบของลาวเขาก็มี ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่เขายังไม่รู้ว่าจะปราบพวกนี้อย่างไรจึงจะไม่อือฉาว และจัดการให้เด็ดขาด เขารู้ว่า พวกนี้เป็นพวกที่ข้ามไปจากฝั่งไทย แต่การที่จะห้ามปรามการเข้าเมืองนั้น มันทำยาก จุดที่ข้ามฟากเข้าเวียงจันนั้นมันมีตลอดแนวมาน้ำโขง เดินข้ามฟากมาเมื่อไรก็ได้ เขตติดต่อนั้นเป็นแนวยาวเป็นกิโล ๆ จัดตั้งหน่วยตรวจตราไม่ไหว แล้วคนที่ข้ามมาด้วยมีความมุ่งหมายมาก่อกรรม มันหาทางข้ามได้ ไม่ให้จับได้ง่าย ๆ
สองตำรวจไทยลี้ภัยเคยสอนแต่วิธีเขียนรายงานให้นายอ่านออก เข้าใจความ แต่ทีนี้ จะมานั่งเขียนรายงานอยู่ไม่ได้เสียแล้ว ต้องลงไม้ลงมือออกแรงปราบปรามกันแล้ว เขาก็มาคุยด้วย ขอความรู้ในทางกำจัดอาชญากรรมที่เราเคยทำมา เขาคงเคยได้รู้ผลงานของเรามาบ้างแล้ว
เรื่องอย่างนี้มันต้องใจถึง มือถึง และมีศีลธรรม
ที่ในเมืองเวียงจันนั้น จะทำอะไรก็ทำไม่ยาก เพราะไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรก็ได้ กฎหมายของเขาไม่ค่อยจะรัดกุมนัก และไม่ละเมียดละมัยกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในทางวิสามัญฆาตกรรม และขณะนั้น เท่าที่ได้รับฟัง เหตุการณ์มันก็ถึงขั้นที่จะต้องทำกันแล้ว เพราะนักเลงฝั่งไทยไม่กลัวฝีมือตำรวจลาว ย่ามใจขึ้นทุกวัน และข้ามมาหากินกันโดยไม่เกรงกลัวอะไร
ในเวียงจันยังมีโรงยาฝิ่นอยู่ ทางไทยนะเลิกไปนานแล้ว พวกค้าฝิ่นจึงต้องข้ามมาตั้งโรงยาในเวียงจัน พวกนักเลงเหล่านี้ก็มาสิงสู่อยู่ในโรงยา และมันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกโรงยาจะต้องพึ่งพาอิทธิพลคนใหญ่คนโต จึงจะอยู่รอด ตำรวจก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ผมบอกกับพวกตำรวจลาวว่า ยังงี้แหละดี พวกคุณไม่ต้องไปหาตัวพวกนี้ที่ไหน ดักดูเอาตามโรงยานั่นแหละ แต่อย่าเข้าไปอย่างตำรวจ ต้องเข้าไปอย่างขี้ยา
ไอ้คนไหนหน้าตาแปลก ๆ ก็หมายตาเอาไว้ และคอยสืบประวัติมันว่า มันเข้ามายังไง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในเวียงจันหรือเปล่า หรือมาฉาบฉวย
ข้อสำคัญต้องใช้คนที่ฉลาดและมีศีลธรรม ไม่แกล้งหาเรื่องคนที่ไม่ถูกกัน
ตำรวจลาวที่มีฝีมือเข้าขั้น ทำงานเป็นและเฉียบขาดเหมือนกัน คุยกันเพียงแค่นั้นเขาก็เข้าใจ แต่กรรมวิธีออกจะแหวกแนว
เช้าวันหนึ่ง เขามาเรียกผมแต่เช้า ให้ไปดูอะไรกันหน่อย ผมก็แต่งตัวไปกับเขา เขาพาผมขึ้นรถตำรวจไปทางด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นแนวของแม่น้ำโขง ตอนนั้นน้ำลงตื้นเขิน มีหาดตลอดแนว เขาหยุดรถอยู่ที่ริมฝั่ง แล้วชวนผมเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งเป็นหาดยาว
ฝั่งตลิ่งแม่น้ำโขง เวลาหน้าแล้งนั้น สูงมากกว่า จะไต่บันไดดินลงไปก็เหนื่อย
เดินไปตามชายหาดไม่เท่าไร เขาก็ชี้ให้ผมดูร่างของชายคนหนึ่งนอนเหยียดอยู่มี่ริมน้ำ มีแต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ที่หน้าอก มีรอยกระสุนอยู่ 2-3 รู ที่ฉกรรจ์ ๆ ทั้งนั้น ทั้ง 2-3 รู้นั่น
นี่ยังไง พี่พุฒ ทำยังงี้ใช่ไหม เขาพูด มือชี้ที่ร่างนั้น ผมได้ตัวมันมาเมื่อคืนนี้ พยานมาดูตัวแล้ว ไอ้เสื้อนี่เล่นเขามาหลายรายแล้ว ผมเลยชวนมันลงมาเดินริมหาด ทำไมต้องลงมาริมหาด ผมถาม ในโรงยา คนมันเกะกะ ที่อื่นก็จะหนวกหูคน ที่นี่มันเงียบดี เขาตอบ แล้วทำไมต้องทิ้งไว้ยังงี้ ผมซัก ผมจะเก็บไว้ให้พี่พุฒดูตอนเช้า ให้หมอกับผู้พิพากษาเขามาชันสูตรศพเสียซี ทำคดีวิสามัญฆาตกรรม ผมเตือนเขา ชันสูตรทำไมอีกล่ะ เดี๋ยวก็เอาไปไว้วัด เผาเลย เขาพูดหน้าตาเฉย พี่พุฒดูแล้ว เป็นยังไง ใช้ได้ไหม รายต่อ ๆ ไป จะได้เอาอย่างนี้
ผมไม่รู้จะตอบเขายังไง ได้แต่ยืนเกาศีรษะทั้ง ๆ ที่ไม่คันอะไร
ใช้ได้น่ะใช้ได้ แต่เปลี่ยนที่เสียบ้าง อย่าให้มันนอนที่ชายหาดเสียทุกรายไป ผมพูดได้แค่นั้น แล้วทำไงต่อไป เขาถามอีก เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ผมว่าไม่กี่ศพก็เงียบ ไอ้รายนี้ก็เก็บไปเสีย ผมจะลงรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ให้ เดี๋ยวจะไปเรียกช่างภาพมา คุณรออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว
ผมรีบไต่ตลิ่งขึ้นไป โรงพิมพ์ก็อยู่ริมฝั่งโขงนั่นเอง นักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่า ที่อพยพมาทำหนังสือพิมพ์ที่เวียงจันอยู่ที่นั่นพอดี ผมก็เรียกเขาให้มาหาพร้อมช่างภาพ พากันไต่ตลิ่งลงไปถ่ายภาพทำข่าวแบบเร่งรีบ พร้อมทั้งถ่ายภาพนายตำรวจผู้พิชิตโจรคนนั้นด้วย ขึ้นภาพขึ้นข่าวหน้าหนึ่งโก้ไป
คราวหลังอย่าให้ต้องปีนขึ้นปีนลงตลิ่งอย่างนี้อีกนะ ท่านรอง นักหนังสือพิมพ์ ผู้เป็นทั้งเจ้าของและบรรณาธิการ นักข่าวเบ็ดเตล็ดเสร็จในตัว ผู้นั้นพูดกับผม เอาไอ้ที่ไปมาสบาย ๆ หน่อย
ผมก็บอกความนี้กับตำรวจลาวเขา
ศพรายต่อ ๆ มาจึงไปปรากฏแถว ๆ กำแพงวัดบ้าง ถนนไปทางท่าเดื่อบ้าง อีก 2-3 ศพ เวียงจันก็เงียบ ในโรงยาไม่มีนักเลงแปลกปลอมเข้าไปพักพิงอีกเลย
เจ้าของโรงยาซึ่งเป็นนักเลงคนหนึ่งที่ดังไม่เบา อยู่ในเมืองไทยเหมือนกัน ก็สบายใจ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่คอยกระซิบผม เวลามีหน้าแปลก ๆ เข้ามานอนในโรงยาของเขา
คน ๆ นี้ยังอยู่อย่างนักเลง และผมก็ยังอยู่อย่างนักเลง ผมยังพบเขาอยู่บ่อย ๆ นักเลงคนนี้ไม่กินเหล้าอีกเหมือนกัน
ผมยังต้องต้อนรับพรรคพวกและคนที่เคยรู้จักกันจากเมืองไทยอยู่อีก เขาเดือดร้อน เขาก็ข้ามฟากมาหา มาขอความช่วยเหลือ บางคนอยู่เมืองไทยก็พอรู้จักกันผิวเผิน พอเขามีเรื่องทางเมืองไทย ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็นเรื่องเช็ค หรือไม่ก็ยกเค้าบริษัทการเงินมาเลยทีเดียวก็มี พวกเขามาขอพักพิง ก็ต้องช่วยกันไปตามเรื่อง
แต่ไอ้ที่เขาจะมาแบ่งอะไรต่ออะไรให้นั้น ผมไม่ได้หวัง และคิดว่าถ้าเขาแบ่งให้ ก็คงรับไม่ได้ และผมเองก็ไม่คิดที่จะหาเงินทางนั้น
บางรายก็มีตำรวจทางฝั่งไทย เจ้าของคดี มาหาผมและพ่อประชาถึงร้าน พบเจ้าตัวผู้ต้องหาอยู่ที่ร้านผมพอดี เพราะมีบางรายที่ยังหาที่อยู่ใม่ได้ ผมก็รับเอาไว้ให้อยู่ด้วย เขาก็จะขอเอาตัวไปเดี๋ยวนั้น ผมก็แนะนำเขาให้ไปติดต่อกับตำรวจลาวเสียก่อน อยู่ ๆ จะมาเอาตัวไป ทางตำรวจลาวเขาอาจจะไม่พอใจ และผมก็จะให้ไปไม่ได้ เขาก็ไปติดต่อกับตำรวจลาว ตำรวจลาวมาถึงบ้าน เห็นผมนั่งอยู่ และพอรู้ว่าเป็นร้านสีมาลา เขาก็บอกว่า ให้ไปไม่ได้ ตำรวจไทยก็ถอยทัพข้ามกลับไป
คนเขามาพึ่งพิงเพราะเขาเชื่อในตัวเรา จะไปผลักไสเขาง่าย ๆ ได้ยังไง ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน เพียงแต่เขาเคยได้ยินชื่อและรู้ประวัติเราบ้าง ก็ผลักไสเขาไม่ได้ เขาเชื่อมือเชื่อใจเรา เราจะไปทำลายความเชื่อของเขา ผมไม่ทำ
คน ๆ นี้ ภายหลังเกิดความเชื่อมือตัวเอง เพราะได้ทำความรู้จักกับตำรวจลาวมากขึ้น ก็ออกไปหาที่อยู่ที่อื่นตามลำพัง เขาอาจจะไม่อยากกวนผมมากเกินไป หรืออาจเกรงใจก็ได้ ออกไปเช่าบ้านอยู่ไกลจากที่ผมอยู่ ขึ้นไปแถวสถานทูต อยู่ไปได้ไม่นานเท่าไร ได้ข่าวว่าโดนตำรวจไทยเอาตัวข้ามฟากไปเสียแล้ว ข่าวทางหนังสือพิมพ์แจ้งว่า เขาข้ามฟากไปหาซื้อของทางฝั่งไทยด้วยความชะล่าใจ เลยโดนจับเข้าห้องขังของตำรวจหนองคายไป ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้สืบสาวราวเรื่อง แต่ผมว่า คงจะโดนทีเด็ดของใครเข้าให้แล้ว เพราะปกติ คน ๆ นี้จะไม่ย่างกรายเข้าใกล้ฝั่งไทย กลัวมาก และสินบนนำจับมันแพง
เงินมันเข้าใครออกใครเสียเมื่อไหร่ ผมได้ข่าวว่า ต่อมาเขาตรอมใจตายในคุก
นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดได้ยากในเมืองอื่น
ในลาว อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝันได้เสมอ คนที่ว่าคบกันได้ เชื่อใจกนได้นั้น มันก็ไม่แน่นัก มันไม่เป็นไปตามเนื้อผ้าหรอก
Create Date : 18 กันยายน 2554 |
Last Update : 18 กันยายน 2554 3:59:14 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1166 Pageviews. |
|
|
|
บ้านเมืองของเขาในช่วงเวลานั้น เป็นเมืองที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยจริงๆ