จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ตลกสังคม ตลกสังคม เรื่องที่ 3

เรื่อง ตลกสังคม

อาทิตย์นี้ เรามาเล่าเรื่องเบา ๆ สมองสู่กันฟังอีกดีกว่า คุณ ๆ จะได้เอาไปเล่าต่อเป็นที่เฮฮากันในโต๊ะเหล้า โต๊ะข้าว ในวันพักผ่อนสุดสัปดาห์อย่างนี้ ฝรั่งเขาเรียกว่า ปาร์ตี้โจ๊ก ก็ตลกสังคม ถ้าจะว่าเป็นไทย ๆ กันนั่นแหละครับ วันไหน อาทิตย์ไหนเหมาะ ๆ ผมก็อาจจะเอา เดอร์ตี้โจ๊ก หรือ ตลกสัปดน มาเขียนให้คุณอ่านบ้างก็ได้ ถ้าบรรณาธิการท่านใจกล้าปล่อยออกมาให้คุณ ๆ อ่านกัน

ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อย่าไปบอกเลยว่าชื่อมหาวิทยาลัยอะไร ท่านศาสตราจารย์ท่านหนึ่งมีหน้าที่บรรยายวิชาสรีรศาสตร์ วิชานี้เป็นวิชาที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับบรรดานิสิตทั้งหญิงและชายทั่วหน้ากัน และท่านศาสตราจารย์ผู้นี้ท่านเป็นนักวิชาการ ท่านก็ไม่มีลูกเล่นลูกล้อที่จะให้พวกลูกศิษย์สนุกสนานได้ด้วยคำบรรยายของท่าน ต่างก็เบื่อหน่ายกันทั่วหน้า เมื่อถึงชั่วโมงของท่านศาสตราจารย์ผู้นี้
วันหนึ่ง พวกลูกศิษย์ก็นัดแนะกันว่า เมื่อท่านศาสตราจารย์ท่านนี้เข้าบรรยายเมื่อถึงชั่วโมงของท่าน ทุกคนก็จะพากันลุกขึ้นเดินออกจากห้องบรรยายไป โดยเฉพาะพวกลูกศิษย์หญิงทั้งหลาย เพราะท่านศาสตราจารย์ผู้นี้ นอกจากจะทำให้บรรยากาศหงอยเหงาแล้ว ท่านก็ยังมีอายุมาก ไม่เป็นที่รื่นรมย์สำหรับบรรดานิศิษย์หญิงเลย
ท่านศาสตราจารย์ท่านนั้นก็รู้ถึงความนัยอันนี้ และรู้ถึงการนัดแนะของพวกลูกศิษย์ที่จะทำกันในวันนั้น เมื่อถึงชั่วโมงของท่าน แต่ท่านก็ทำเหมือนไม่รู้อะไร คงเข้าห้องบรรยายตามปกติเมื่อถึงชั่วโมงของท่าน ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไปตามปกติ บรรยายวิชาการอันน่าเบื่อหน่ายนั้นอย่างเคย และสังเกตเห็นอาการกระสับกระส่ายของบรรดาลูกศิษย์อยู่แล้ว ทันทีท่านก็หันเหการบรรยายออกมานอกเรื่องกลางคันว่า
“ เห็นเขาว่ากันว่า ที่โคราช ทหารอเมริกันเพิ่มจำนวนขึ้นอีกมาก เลยทำให้โสเภณีที่นั่นชักจะขาดแคลน ...”
ถึงตอนนี้ บรรดานิสิตหญิงที่เริ่มจะเซ็ง ๆ ก็มองตากันตามที่นัดแนะกันไว้ แล้วก็พากันลุกขึ้นหอบตำราเดินไปทางประตูห้อง
“ ประเดี๋ยวก่อน พวกเธอทั้งหลายนั่นน่ะ ” ท่านศาสตราจารย์พูดขึ้น ชี้นิ้วไปที่พวกนิสิตหญิงเหล่านั้น “ รถไฟขบวนที่จะไปโคราช กว่าจะออกก็ห้าโมงเย็นนะเธอนะ ”
เรื่องนี้ จะให้ชื่อว่า ทีเด็ดศาสตราจารย์ ก็ได้

ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องคดีหย่าร้างระหว่างผัวเมียที่มีชื่อในวงสังคมคู่หนึ่ง ฝ่ายภรรยาฟ้องหย่าสามีด้วยข้อหาหลายประการ ตั้งแต่ความเจ้าชู้ การทอดทิ้งบ้านช่องออกไปหาความสำราญนอกบ้าน แถมยังแอบไปมีเมียน้อยอีก ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายภรรยาก็ยังซื่อสัตย์ภักดีและเสียสละอดทนทุกอย่าง การสืบพยานดำเนินมาจนถึงวันที่ตัวภรรยาผู้เป็นโจทก์จะต้องขึ้นศาล และให้การเป็นพยานตัวเองเป็นพยานคนสุดท้าย เธอได้ให้การต่อศาล ตอบข้อซักถามของทนายโจทก์ของเธอ ถึงคุณงามความดีของเธอ และความซื่อสัตย์ที่เธอมีต่อสามีตลอดมา แล้วกลับได้รับการตอบแทนด้วยความไม่ซื่อของสามี ทำให้ทั้งศาลและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีนี้ มีความเห็นใจเธอทั่วหน้ากัน
เมื่อจบขนวนการฝ่ายโจทก์แล้ว ก็ถึงความของฝ่ายจำเลยจะซักค้านบ้าง ทนายจำเลยก็ลุกขึ้นไต่ถามถึงชื่อของเธอ นามสกุล และความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับสามีซึ่งเป็นฝ่ายจำเลย เพื่อเป็นการเปิดฉากการซักถามแล้ว ทนายก็เดินกลับไปโต๊ะที่นั่งฝ่ายจำเลย หยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา ยืนอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เลยหน้าขึ้นมองภรรยาซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ แล้วถามว่า
“ คุณโสภีครับ ผมขอให้คุณตอบคำถามของผมต่อไปนี้อย่างจริงใจ และคุณต้องตอบด้วยความจริง เพราะว่าขณะนี้คุณให้การในฐานะพยาน จะให้การเท็จไม่ได้ คุณฟังให้ดีนะครับ จริงหรือไม่ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๒๕ นี้ คุณได้นั่งรถแท็กซี่คันหนึ่งไปสองต่อสองกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ไปยังสวนลุมพินี คุณสั่งให้รถแท็กซี่คันนั้นแล่นไปทางเกาะลอย แล้วให้จอดรถไว้ในมุมมืดบริเวณนั้น แล้วคุณก็ไล่ให้คนขับรถแท็กซี่คันนั้นไปเสียที่อื่น โดยคุณให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เขาไป และไม่ให้เขากลับมาภายในสองชั่วโมง แล้วคุณกัยชายหนุ่มก็แสดงบทรักกันในรถแท็กซี่คันนั้น โดยมิได้คำนึงถึงศีลธรรมประเพณีอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งได้มีคนเดินผ่านคุณไป คุณก็ยังไม่ได้สังเกต หรื่อรู้สึกตัวทั้งสองคน โปรดตอบผมว่าจริงหรือไม่ ”
ใบหน้าของเธอผู้นั้นถอดสี ชั่วครู่เดียว แล้วเธอก็คุมสติได้ เอ่ยเอื้อนวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาเยือกเย็นว่า “ กรุณาบอกดิฉันอีกทีได้ไหมคะว่า วันนั้นเป็นวันที่เท่าไร เดือนอะไรคะ ”

ในวงเหล้าลงข้าวที่ค่อนข้างจะมีแต่สมาชิกที่สนิท ๆ กัน ไม่ว่าจะมีผู้หญิงอยู่ด้วยหรือไม่ มักจะมีเรื่องตลก ๆ เบา ๆ สมองมาคุยสู่กันฟัง ย่อยอาหารและทำให้เหล้าเดินหน้าจนลืมว่าจะหมดขวด โจ๊กพวกนี้ฝรั่งเรียกว่า ปาร์ตี้โจ๊ก เราก็ให้ชื่อเสียอย่างไทย ๆ ว่า ตลกสังคม

พ่อหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากพาคุณสาวซึ่งจ้องตากันมานานแล้ว ไปกินเหล้ากินข้าวจนอารมณ์สุกงอมแล้ว ก็พาเจ้าหล่อนมาพักผ่อนที่ห้องของเขา ซึ่งแน่ละต้องเป็นห้องชายโสด แต่จะเป็นห้องเดียวที่เขามีอยู่หรือไม่นี่ เราไม่ยืนยันหรือนั่งยันนอนยันได้ เขาคงจะได้พยายามที่จะพิชิตหล่อนมานานแล้ว แต่ก็คงจะเป็นแต่เพียงความคิด แต่ในใจยังไม่กล้าเอ่ยเอื้อนออกมา ก็เรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษจนน่าสงสาร
ในค่ำคืนนั้น หลังจากพ่อหนุ่มได้บรรจงปรุงสุราพิเศษให้สาวเจ้าถือในมือแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะต้องพูดอะไรกันให้มันเด็ดขาดไปเสียที เมื่อได้รวบรวมความกล้าหาญไว้ได้ที่แล้ว เขาก็เอ่ยวาจากับหล่อนในขณะที่มือหนึ่งโอบหล่อนไว้ อีกมือหนึ่งถือถ้วยมาร์ตินี่ที่กำลังได้ที่อยู่บนโซฟาตัวใหญ่ พลางเขี่ยปอยผมของหล่อนเล่นว่า
“ นี่แนะ โฉมศรี เธอจะขัดขืนไหม ถ้าฉันจะขอให้เธอเป็นของฉันเสียวันนี้ เดี๋ยวนี้ ”
โฉมศรีปรายนัยน์ตาอันน่ารักของหล่อนมองดูเขา แล้วเอ่ยเสียงอันซึมซาบของหล่อนออกมาว่า
“ ฉันยังไม่เคยเลยนี่คะ ”
“ ไม่เคยร่วมรสกับใครเลยงั้นเหรอ ” พ่อหนุ่มอุทานออกมาด้วยความผิดหวัง
“ พูดบ้า ๆ ” โฉมศรีตวัดสายตา “ ไม่เคยขัดขืนต่างหากเล่า ”

คิดเอาเองก็แล้วกันว่า ถ้าคุณเป็นพ่อหนุ่มคนนั้น คุณจะทำอย่างไรต่อไป ...?

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องพ่อหนุ่มรุ่นกระทง ผู้ยังไม่ประสีประสาอะไรกับเรื่องพรรค์นี้ อีกคนหนึ่ง

วันหนึ่ง เขาขับรถพาคู่ควงสาวสวยของเขาไปตระเวนรับลมกันพอสมควรแล้ว ก็มาจอดสงบนิ่งอยู่ใต้แสงจันทร์วันเพ็ญที่สถานที่ที่สงบแห่งหนึ่ง เขาก็ลูบไล้เจ้าหล่อนด้วยความพิศวาส ด้วยมือข้างที่ว่างจากการโอบกอดหล่อนอยู่ เขาลืบเลื่อนมือจากหัวเข่าเปลือยของหล่อนเรื่อยขึ้นไปถึงชายกระโปรง เขี่ยชายกระโปรงเล่นและลูบไล้อยู่ตรงนั้น พลางปากก็พร่ำว่า
“ ผมรักคุณ ผมรักคุณเหลือเกิน ”
เจ้าหล่อนนั่งสะท้านวาบหวิวจากการลูบไล้ของเขา พลางเอ่ยเอื้อนวาจาแผ่ว ๆ ออกมาว่า
“ สูงถึงอีกหน่อยซิคะ ”
“ ผมรักคุณ ผมรักคุณเหลือเกิน ” ไอ้หนุ่มตะเบ็งเสียงสูงขึ้นไปอีก พลางลูบไล้อยู่อย่างนั้น
น่ารำคาญไหมคุณ ... ?

ในหมู่คณะของพวกเราต่างก็แปลกใจกันมาก ที่อยู่ ๆ พ่อยอดชายนายพิภพกับนงคราญ เกิดถอนหมั้นกันโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ต่างก็ไต่ถามพ่อตัวดีว่า มันเป็นเพราะอะไร
ยอดชายนายพิภพก็อรรถาอธิบายให้ฟังว่า
“ เอายังงี้ก็แล้วกัน ถ้าเป็นคุณ คุณยังคิดที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่มีแต่นิสัยไม่ซื่อสัตย์ โกหกพกลมอยู่ตลอดเวลาไหม และยิ่งกว่านั้น คน ๆ นั้นยังมีแต่ความเห็นแต่ตัว ขี้เกียจ แล้วก็ยังดีแต่พูดจาเย้ยหยันคนอยู่เสมอ ”
“ แน่นอน ” พวกเราตอบออกมาพร้อม ๆ กันเป็นเสียงเดียว
“ นั่นแหละ ” พิภพตอบอย่างอ่อนใจ “ นงคราญเขาก็คิดเหมือนกันอย่างนั้นแหละ ”
ว่าจะจบเพียงแค่นี้ แต่นึกถึงความน่าเอ็นดูของเด็กขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ก็ต่อเสียหน่อย

เด็กสองคนวิ่งเล่นอยู่ข้าง ๆ สถานที่ที่มีรั้วรอบขอบชิดแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในนั้นเป็นที่ผึ่งแดดของสมาชิกนักนิยมอาบแดด บังเอิญมีรูที่รั้วอยู่รูหนึ่ง เด็กคนหนึ่งก็แอบมองดูที่รูนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า ข้างในมันเป็นอะไร คนที่ไม่มีโอกาสได้ดูก็ถามเพื่อน
“ เห็นอะไรมั่งวะ แกละ ”
“ คนโว้ย แยะเชียว ”
“ ผู้หญิง หรือผู้ชายวะ ”
“ ไม่รู้ซิวะ มันไม่ใส่เสื้อผ้ากันซักคน ”



Create Date : 02 กรกฎาคม 2552
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 23:53:22 น. 4 comments
Counter : 886 Pageviews.

 
5555+ ขำร่วมอุดมการณ์ครับ


โดย: ม้าสว่าง วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:40:41 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

มีอีกหลายเรื่องให้อ่านนะคะ

ถึงนวนิยาย จะสนุกกว่านี้อีกค่ะ
รอหน่อยละกัน


โดย: ธารน้อย วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:36:52 น.  

 
ศาสตราจารย์แก้เกมได้เจ็บปวดจังนะคะ

ส่วนหนุ่มผู้ไม่ประสีประสานั่น คงจะเป็นนักร้องเนาะ


โดย: Torja วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:58:50 น.  

 
ที่ว่าสูงขึ้นอีกนี้ หมายถึงมือให้ลุบสูงขึ้นอีกป่ะ


โดย: sam IP: 182.53.182.164 วันที่: 13 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:09:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.