จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 2 ตอนที่ 5)
บ้านของแม่ต๊อย เป็นบ้านเช่าแบบบังกะโลชั้นเดียว อยู่ลึกเข้าไปในซอยอะไรผมก็ไม่รู้จัก ผมขับไอ้จี๊ปสัปรังเคคู่ชีพของผมตามหล่อนติด ๆ มา ไม่ทันได้อ่านป้ายชื่อตรอกว่าเขาเขียนไว้ว่าชื่ออะไร รู้แต่ว่าเป็นซอยแถว ๆ บางรัก ผมมัวแต่จำทางเข้าออกและหมายตาทางเลี้ยวเอาไว้ เผื่อขากลับจะได้ไม่หลง ผมไม่แน่ใจว่าผมจะได้กลับเมื่อไหร่
บ้านนั้นเป็นบ้านที่มีห้องเพียงสองห้อง ห้องที่เข้าไปห้องแรกเป็นห้องรับแขก ขนาดกว้างพอที่จะกั้นเป็นบริเวณที่รับประทานอาหาร มีโต๊ะอาหารขนาดนั่งหกคนอยู่โต๊ะหนึ่ง แล้วก็มีโต๊ะเก้าอี้รับแขกขนาดเจ็ดแปดคนวางอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องนั้น บริเวณที่เป็นห้องอาหารถูกแบ่งออกเป็นห้องครัวย่อม ๆ มีเครื่องครัวและตู้ถ้วยชามอยู่ด้วยกัน ดูกะทัดรัดดีสำหรับที่จะอยู่คนเดียว อีกห้องหนึ่งคงเป็นห้องนอน ผมเดาเอา เพราะมีประตูอยู่ตรงนั้น
แม่ต๊อยใม่ได้ยุ่งกับประตูบานนั้น หล่อนตรงไปจัดการหาน้ำรินใส่ถ้วยแก้วที่หล่อนเปิดตู้กระจกชั้นบนของที่วางเครื่องครัวอยู่นั้น แล้วถือมาด้วยมือสองข้าง เอามาวางไว้ตรงหน้าผมแล้วว่า
ดื่มน้ำเสียก่อนซีคะ เดี๋ยวหมอจะคอแห้ง
ว่าแล้วหล่อนก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมที่โต๊ะรับแขก หงายฝ่ามือยื่นมาตรงหน้า
เอ้า ดูลายมือต่อ อย่าให้เสียเวลา
เครื่องดื่มที่กินแล้วไม่เมา มีไหม ผมชี้ไปที่แก้วน้ำตรงหน้า ไอ้พวกนี้ ผมดื่มไม่ได้ ดื่มเข้าไปทีไรเมาทุกที
หล่อนหัวเราะคิก
ประเดี๋ยวจะให้ดื่มเหล้า ตอนนี้น้ำเปล่าไปก่อน เดี๋ยวหมอจะเมาเสียก่อน ดูไม่รู้เรื่อง
ไอ้น้ำเปล่านี่แหละจะทำให้เมา หมอห้ามผมนักหนา ไม่ให้แตะต้องโดยไม่จำเป็น
เรื่องมากนัก หมอคนนี้ ว่าแล้วหล่อนก็ลุกขึ้นเดินไปที่ตู้ทึบแถวหนึ่งที่อยู่บนที่วางเครื่องครัว เปิดตู้นั้นจัดการเอาขวดวิสกี้ออกมาขวดหนึ่ง แล้วก็เริ่มผสมวิสกี้กับโซดาใส่ถ้วย เดินถือมาวางตรงหน้าผม
ผมยกแก้วเหล้ากระดกดื่มเข้าคอสองพรวดมันก็เกลี้ยงถ้วย แล้วผมก็วางถ้วยลงบนโต๊ะ หันไปมองหล่อน
ต๊าย ! แม่ต๊อยร้องออกมา กินเหล้ายังงี้คงไม่ได้แก่ตายหรอก เอาอีกไหมล่ะ
เอามาวางทั้งขวดดีกว่า ผมว่า หมอจะได้สมองโปร่ง ดูให้ทะลุปรุโปร่งไปเลย
แล้วอย่าเล่ห์เก๊นะ หล่อนพูดพร้อมกับลุกขึ้น มาหลอกกินเหล้าเปล่า ๆ ละก็คอยดู
หล่อนกลับมาที่โต๊ะรับแขกด้วยขวดเหล้าอยู่ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นขวดโซดาเย็นเจี๊ยบ วางของในมือลงบนโต๊ะแล้วว่า ลงทุนเลี้ยงหมอถึงยังงี้แล้ว อย่าเบี้ยวนะ ฉันเอาตายด้วย
เอาตายก๊ยิ่งชอบ ผมเอื้อมมือไปรินเหล้า พูดไปด้วย
บ้า ! หล่อนร้องออกมา พร้อมกับซัดผมเผียะใหญ่ที่ต้นแขน รินเหล้าเสร็จแล้วรีบ ๆ ดูเสียดี ๆ
ผมดึงเอามือที่หงายแบอยู่ตรงหน้า มาวางไว้บนผ่ามือของผม ลูบ ๆ คลำเล่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วว่า
มือต๊อยทำไมนุ่มยังงี้ เหมือนมือคุณหญิงคุณนาย
อย่านอกเรื่อง ดึกมากแล้ว เสียเวลา คนยิ่งอยากรู้ ยิ่งโยกเยก
หล่อนหันมาทำตาขึงกับผม แล้วพยักหน้าไปทางแก้วเหล้าบนโต๊ะ เอ้า เอาเสียอีกสักอึกก่อนก็ได้
ผมเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้าขึ้นเทลงคออึกใหญ่ วางแก้วลงแล้วจับมือหล่อนมาหงายบนตัก ทำเป็นมองผ่ามือนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าช้า ๆ
ลายมือของคุณอาภัพเรื่องคู่
ทำไมคะ อาภัพยังไง
คุณมีคู่ไม่ได้ จะต้องมีอันเป็นไป คุณเกิดเดือนอะไร
เดือนกุมภา ต้น ๆ เดือน
ปีล่ะ
ปีฉลู
วันอะไร
วันอังคาร
อ๊ะ ผมกระแทกเสียงออกมาเบา ๆ ในมาดของหมอดู คู่ของคุณจะต้องเป็นคนที่เกิดเดือนพฤศจิกา วันพฤหัส ปีชวด พ่อคนนั้นของคุณเขาเกิดวันเดือนปีอะไรล่ะ รู้มั้ย
ไม่รู้ซี ฉันก็ไม่ได้ถามเขา รู้แต่ว่าเขาเกิดปีมะโรง หรืออะไรนี่แหละ
ถ้าปีมะโรงก็ยิ่งเป็นโทษใหญ่ จะต้องมีอันเป็นต้องพรากจากกัน
ใบหน้าของแม่ต๊อกสลดลงทันที สายตากลงมองดูพื้นนิ่ง ถอนหายใจลึก พึมพำออกมาเบา ๆ ว่า
อาจไม่ใช่ปีมะโรงก็ได้ ฉันก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ
เขาหายไปกี่วันแล้วล่ะ
อาทิตย์กว่า เกือบสองอาทิตย์แล้วมั้ง เขาไม่เคยหายไปนานอย่างนี้
ผมดึงมือหล่อนออกมา หงายอยู่บนผ่ามือของผมอีก สั่นหน้าช้า ๆ
ในเส้นลายมือนี่บอกชัดว่าคุณจะต้องเสียของรัก จะต้องพลัดพรากจากคนที่คุณรัก มีคนที่เกิดในวันเดือนปีที่บอกแล้วเท่านั้นที่จะอยู่กับคุณได้ยืด
หล่อนหันหน้ามามองผม
คุณว่าเดือนอะไร ปีอะไรนะ ที่จะเป็นคู่อยู่กับฉันได้ยืด
วันพฤหัส เดือนพฤศจิกา ปีชวด
แล้วคุณล่ะ เกิดเดือนปีอะไร
วันพฤหัส ปีชวด เดือนพฤศจิกา
บ้า ! หล่อนซัดแขนผมเผียะแรง ๆ ฉันนึกแล้วจะต้องมาแบบนี้ คอยไปเถอะ
ผมก็จะคอยจริง ๆ อย่าลืมว่าคุณรับปากไปหยก ๆ เมื่อกี้นี้
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น แม่ต๊อยลุกเดินไปที่เคาน์เตอร์เล็ก ๆ ซึ่งกั้นเป็นครัวอยู่ ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่นั่นมีโทรศัพท์วางอยู่ตรงนั้น เคาน์เตอร์เล็ก ๆ นั่นกั้นบังอยู่
แม่ต๊อยพูดโทรศัพท์ไปพลางหันมามองทางผมเป็นพัก ๆ ผมได้ยินแต่เสียงค่ะ ๆ ค่ะ ๆ แล้วหล่อนก็วางหูเดินกลับมานั่งข้าง ๆ ผม
ดึกแล้วละ ต๊อยจะนอน คุณจะกลับหรือยังล่ะ
ไอ้กลับน่ะ ยังไม่อยากกลับ แต่เจ้าของบ้านไล่ก็ต้องกลับ ผมพูดพลางลุกขึ้น ขอโทรศัพท์หน่อยได้ไหม เดี๋ยวทางโรงพิมพ์จะปิด หาที่นอนไม่ได้
แม่ต๊อยพยักหน้า ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ ยกเอาโทรศัพท์ขึ้นมาทั้งเครื่อง อ่านหมายเลขโทรศัพท์เครื่องนั้นที่เขียนไว้ตรงกลางแป้นวงกลม ผมท่องจำหมายเลขนั้นไว้ในใจ แล้วยกเครื่องกลับคืนที่เดิม หันกลับออกมา
ไม่ต้องโทร ฯ ก็ได้ ผมว่า เดี๋ยวเด็กมันก็จะต้องตื่นขึ้นมารับ ผมไปละ ถ้าอยากจะดูหมออีกก็เอาไว้วันหลัง ผมจะไปหาที่ซิลเวอร์สตาร์ ในลายมือคุณมีเรื่องที่ไม่ดีอีกแยะ
หล่อนลุกขึ้นเดินตามมาที่ประตู ผมขยับมือลูกบิดประตูแล้วหันมาพูด
พ่อคนนั้นของคุณ เขาชื่ออะไรนะ ผมจะได้ลงในคอลัมน์ประกาศหาตัวให้
เออ จริงซีนะ หล่อนจับแขนผมดึงเบา ๆ ฉันก็ลืมไปว่า คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์ ช่วยลงประกาศหาตัวเขาให้ด้วยก็ดี เขาชื่อ เชิด ทรงพลัง เป็นร้อยเอกทหารบก ช่วยด้วยนะคะ คุณ... หล่อนชะงัก ต๊าย ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย คุยมาตั้งค่อนคืน มัวแต่ตื่นเต้นเรื่องดูหมอ
เรียกผมว่า ยอด ผมบอกไปสั้น ๆ
หล่อนปล่อยแขนผมแล้วเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูเปิดให้ แก้มของหล่อนเฉียดจมูกผมไป ผมจุ๊บที่แก้มข้างนั้นเบา ๆ ทีหนึ่ง หล่อนเหลือบตาขึ้นมองดูผม ตีแขนผมเบา ๆ ด้วยมือข้างที่ว่าง
สวัสดีค่ะ ยอด
ผมเดินออกมาที่รถของผมจอดสงบนิ่งอยู่ ล้วงกุญแจรถออกจาก กระเป๋า เดินควงพวงกุญแจเข้าไปหารถ
เสียงผิดปกติที่ซุ้มพุ่มไม้ตรงหน้าคนละฝั่งถนน ทำให้ผมชะงักแวบเดียว ผมทิ้งตัวลงบังข้างรถจี๊ป พวงกุญแจตกลงบนพื้นถนน เสียงซุ้มไม้ตรงหน้านั้นไหวสวบสาบแล้วก็มีประกายไฟแวบขึ้นที่ตรงนั้นพร้อมกับเสียงก้องกัมปนาทแผดขึ้น เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เสียงกระสุนแหวกอากาศข้ามหัวผมไป
Create Date : 30 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2552 0:19:37 น. |
Counter : 743 Pageviews. |
|
|
|