พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 38)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 38
ผมกลับมาเก็บข้าวของที่บ้านเก่า ข้าวของของผมไม่มีอะไรมาก นอกจากเสื้อผ้าสองสามชุดที่หามาได้จากเงินที่ได้มาใหม่ ๆ กระเป๋าใบเล็ก ๆ ใบเดียว เครื่องแต่งตัวอีกสองสามชิ้น ไม่หนักหนาอะไร เพื่อนที่ผมอาศัยอยู่ด้วยยังอยู่บ้าน เขาถามว่าผมจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ผมก็บอกเขาไปตามตรง พี่ถมเข้ามาช่วยเก็บข้าวของด้วย เขาก็เลยได้รู้จักกัน ผมต้องยัดเยียดเงินเท่าที่ผมมีอยู่ในตัวให้เพื่อนคนนั้นไปหมดกระเป๋า ร่วม ๆ พันบาท เขาจะไม่ยอมรับ ผมต้องยัดเยียดให้เขารับจนได้ เขายังไม่รู้เรื่องเมื่อคืนนี้
ร่องรอยความเสียหายไม่ได้มีให้เห็นที่บริเวณที่เกิดเหตุแล้ว ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า ใครช่างมาเก็บกวาดไปได้เรียบร้อยรวดเร็วยังงั้น ร่างไอ้สามคนก็หายไป ไม่มีวี่แววของการต่อสู้ขนาดบ้าเลือดของนายถมเมื่อคืนนี้ เหลืออยู่ให้เห็นเลย ผมร่ำลาเพื่อนผู้อารีของผมคนนั้นออกมา นายถมจัดห้องที่ผมนอนเมื่อคืนนี้ให้ผมอยู่ ผมเก็บข้าวของสัมภาระของผมเข้าห้อง แล้วก็ชวนนายถมให้ช่วยไปส่งผมที่ที่ทำงาน กะเอาไว้ว่า เลิกงานแล้วถึงจะมาจัดการจัดข้าวของให้เรียบร้อย เด็กที่ชื่อตุ่มหายไป ไม่มีเสียงอยู่ในบ้าน ผมก็ไม่อยากถามเขาอีกเหมือนกันว่า หายไปไหน ผมมาถึงที่ทำงานก่อนแปดโมงครึ่ง กัณหานั่งอยู่ที่โต๊ะของหล่อนแล้ว คุณพี่ยังไม่มา ผมล้วงเอาเศษกระดาษที่เขียนจ้อความสัญญาคร่าว ๆ ไว้เมื่อวานนี้ออกมา นั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ โต๊ะกัณหา หล่อนหันมามองผม ตั้งคำถามด้วยสายตาอีกอย่างเคย ช่วยพิมพ์สัญญาให้ผมหน่อย คุณกัณหา ผมพูด หล่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า สัญญาอะไร ผมชักจะรู้คำพูดจากสายตาของหล่อนแล้ว สัญญาการทำงานของผมกับคุณพี่ครับ ผมตอบ ผมจะอยู่ที่นี่อีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งปี ผมกับคุณพี่ตกลงกันแล้ว นี่เป็นสัญญาคร่าว ๆ ที่ทำกันไว้เมื่อวานนี้ วันนี้จึงต้องพิมพ์ให้เป็นเรื่องเป็นราว กัณหาป้อนกระดาษเข้าเครื่องพิมพ์ แล้วหันมามองผม สายตาของหล่อนพูดว่า บอกมาซี ผมถอดข้อความในร่างสัญญานั้นออกมาเป็นตัวสัญญาจริง ๆ ข้อความตามรูปแบบสัญญาสั้น ๆ ที่ได้เนื้อถ้อยกระทงความรัดกุม เรื่องนี้ผมถนัดอยู่แล้ว ผมให้กัณหาพิมพ์สัญญาออกมาสองรูปแบบ รูปแบบหนึ่ง เป็นสัญญาที่ผมรับเงินเดือนจากทางสำนักงาน เป็นประจำเดือนละสามพันบาท และมีข้อสัญญาว่า ทุกครั้งที่ผมได้รายได้จากงานของสำนักงานมา ผมจะต้องแบ่งให้สำนักงานห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และ
อีกรูปแบบหนึ่ง ผมไม่กินเงินเดือนของสำนักงาน รายได้ที่มาจากงานจะแบ่งให้สำนักงานยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จำนวนที่แท้จริงของรายได้ที่ผมได้รับ ขึ้นอยู่กับการแจ้งจำนวนของผม เสียงย่ำบันไดทางขึ้นดังกึง ๆ ขึ้นมา ผมไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นเสียงฝีเท้าของใคร ทำอะไรกันอยู่น่ะ เสียงมาก่อน แล้วตัวคุณพี่ก็เข้ามายืนอยู่ข้างหลังผม อ้อ พิมพ์หนังสือ เสียงเดียวกันพูดต่อ พิมพ์หนังสืออะไร กัณหา กัณหาไม่ตอบ สั่งผมทางสายตาให้ตอบแทน เดี๋ยวผมจะเอาไปให้คุณพี่ดูในห้อง ผมจึงต้องพูดเอง สัญญาไงล่ะครับ
คุณพี่จึงผละจากข้างหลังผม เปิดบังตาห้องเข้าไป
กัณหาพิมพ์สัญญาเสร็จในเพียงไม่กี่นาที ผมรับมาอ่านทานเป็นที่พอใจแล้ว ก็ถือเอากระดาษสัญญาที่มีสำเนานั้น เข้าไปในห้อง
คุณพี่รับสัญญาไป อ่านอยู่นาน คงจะตั้งใจอ่านให้ละเอียด ผมนั่งมองดูรอบ ๆ ห้อง ไม่มีอะไรจะทำ
คุณพี่อ่านจบก็ส่งคืนให้ผม พูดว่า
พี่เลือกเอาอย่างห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ก็เซ็นชื่อได้เลยนี่ครับ ผมว่า
ในนี้มันมีทั้งอย่างห้าสิบ กับยี่สิบ พี่จะเซ็นยังไง
ความมันชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าคุณพี่ให้เงินเดือนผม คุณพี่ก็ได้ห้าสิบ ถ้าไม่ให้เงินเดือนผม ก็ได้ยี่สิบ เดือนไหนผมไม่ได้เงินเดือน ผมก็จ่ายเพียงยี่สิบ เดือนไหนผมได้รับเงินเดือน ผมก็จ่ายห้าสิบ
มันมีทั้งสองอย่างในสัญญาฉบับเดียวอย่างนี้ จะถืออย่างไหน
คุณพี่ยังสงสัย เรื่องเงินเป็นไม่ได้ สงสัยระแวงไปหมด
มีทั้งสองอย่างซีครับดี ผมชี้ที่สัญญา คุณพี่จะได้เลือกใช้ได้ เดือนไหนคุณพี่ไม่อยากจ่ายเงินผมก็ได้ เดือนไหนอยากจะจ่ายก็ได้ ทำได้ตามชอบใจ ยังไม่ดีอีกหรือครับ
คุณพี่นั่งมองดูผมนิ่งอีกครู่ใหญ่
พี่ไม่ค่อยสัดทัดเรื่องสัญญา ทำไมต้องมีสัญญาด้วย เรารับรู้กันเฉย ๆ ไม่ได้หรือ
เดี๋ยวผมก็โกงคุณพี่ ผมตอบ ผมไม่ยอมจ่ายเงินที่ผมได้มาให้เสียเฉย ๆ คุณพี่จะเอาอะไรมาบังคับผม
คุณพี่ใช้สายตาสำรวจทั่วใบหน้าผมอีก คงจะหาร่องรอยบนใบหน้าว่า พูดจริงหรือเปล่า ใบหน้าของผมมันมีร่องรอยให้ใครเห็นเสียที่ไหน คุณพี่คงจะหาร่องรอยที่อยากหานั้นไม่เจอจริง ๆ ดึงกระดาษสัญญาไปตรงหน้า แล้วจรดปากกาเซ็นชื่อลงไป
ผมส่งสำเนาอีกแผ่นหนึ่งให้เซ็น
ทำไมต้องเซ็นสองใบ คุณพี่สงสัย
ก็เอาไว้ต่างคนต่างเก็บไว้คนละใบ ยังไงล่ะครับ ผมต้องอธิบายอีก ข้อความมันตรงกัน เพราะพิมพ์พร้อม ๆ กัน
คุณใช้เครื่องพิมพ์ของสำนักงาน แล้วก็ใช้พนักงานที่นี่ คุณพี่ยังไม่หมดปัญหา คุณก็ต้องเสียค่าป่วยการเพิ่ม
ผมเป็นพนักงานที่นี่แล้วยังไงครับ ผมต้องเตือน
คุณพี่จึงเข้าใจ ดึงสัญญาอีกแผ่นหนึ่งไปเซ็นชื่อ ผมเซ็นชื่อของผมลงที่ท้ายสัญญาต่อจากคุณพี่ทั้งสองใบ ส่งให้คุณพี่ใบหนึ่ง ผมพับเก็บเข้ากระเป๋าใบหนึ่ง แล้วทำท่าจะลุกขึ้น
แล้วเงินที่คุณได้มาเมื่อคืนนี้ล่ะ คุณพี่ท้วงทันที ไม่มีวันลืมเรื่องเงิน
ผมกำลังจะไปเอามาให้ครับ ผมเปิดบังตาออกมา
กัณหากำลังนั่งอ่านหนังสืออะไรเล่มหนึ่งอยู่ ผมเข้าไปยืนข้างโต๊ะ
คุณเอาเงินที่ผมฝากไว้ ติดตัวมาบ้างหรือเปล่าครับ
กัณหาวางหนังสือ หันไปหยิบกระเป๋าถือของหล่อนมา เปิดออก หยิบเอาซองสีน้ำตาลที่ผมฝากไว้ ออกมาส่งให้ผม พูดเสียงห้วน ๆ ว่า
เอามาแต่ซองนี้ ที่คุณฝากเอาไว้วันก่อน อยู่ที่บ้าน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเอามาคืนให้
ผมต้องการแต่เพียงบางส่วนเท่านั้นครับ ผมพูดเสียงอ่อย ๆ จะเอาไปให้คุณพี่ตามสัญญา ผมขอฝากเอาไว้อีกสองสามวัน แล้วผมจะพยายามหาที่เก็บเอง เกรงใจคุณเหมือนกัน
ผมเปิดซอง ดึงเอาออกมาสองพันบาทปึกหนึ่ง แล้วนับออกมาอีกสองพัน ยัดใส่กระเป๋าสตางค์ของผมเอง ส่งซองคืนให้กัณหา
หล่อนมองดูซองที่ผมยื่นให้นั้นนิ่งอยู่ เหลือบตาขึ้นมองผมแวบหนึ่ง ก่อนที่จะรับเอาซองนั้นยัดเข้ากระเป๋าถือของหล่อน แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ผมเปิดบังตาห้องคุณพี่กลับเข้าไป
คุณพี่มองดูผมอยู่แล้ว ตั้งแต่เปิดบังตาเข้าไป ผมส่งเงินสองพันมาทให้
นี่ครับ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ผมรับมาเมื่อวานนี้
ทำไมไม่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คุณพี่ยังไม่รับเงิน
ผมยังไม่ได้เงินเดือนเดือนแรกนี่ครับ ผมท้วง
พ่อหมอความ คุณพี่ลากเสียง ก่อนที่จะรับเงินไปใส่ในลิ้นชักโต๊ะ
คุณพี่มีอะไรที่จะใช้ผมอีกไหมครับ วันนี้ ผมถามไปเสียอีกเรื่อง ถ้าไม่มี ผมจะได้ไปทำงานของผม
ไม่มีงาน คุณก็ต้องรออยู่ข้างนอกซี
ผมมีงานที่จะได้เงินอีก ถ้างั้น ผมนั่งรอข้างนอกก็ได้ ผมหันหลังจะออกไป
เดี๋ยวก่อน พ่อดนัย คุณพี่ส่งเสียงไล่หลังมา
ผมหยุดชะงัก หันกลับมามอง
คุณไปทำงานของคุณก็ได้ คุณพี่พูดต่อ ได้อะไรมา ก็มาบอกพี่มั่งก็แล้วกัน
ผมมาพูดอะไร เปิดบังตาออกไป
Create Date : 29 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 5:33:20 น. |
|
1 comments
|
Counter : 777 Pageviews. |
|
|
|