ทางเสือผ่าน (บทที่ 1 ตอนที่ 4)
ทางเสือผ่าน บทที่ 1 ตอนที่ 4
ทวน ทองรุ่ง เอนกายลงนอนหงายกับพื้นเรือนด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่ข้าง ๆ ตัว พลิกหน้าไปมอง หญิงสาวคนเก่าที่ถูกกำนันดึงตัวกลับขณะที่จะเอาน้ำไปให้เขา เข้ามาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ หล่อนวางกะลาใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งลงข้าง ๆ เขา แล้วนั่งคุกเข่ามองดูด้วยสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความเวทนาสงสาร
ทวนยันกายขึ้น คว้ากะลาใบนั้นขึ้นมาดื่มน้ำอย่างกระหายรวดเดียวหมด วางกะลานั้นลงแล้วใช้มือปาดริมฝีปาก เขามองดูหน้าหญิงสาวคนนั้นอย่างขอบคุณ พึมพำออกมาด้วยเสียงแหบ ๆ
ขอบใจมาก
หิวข้าวไหมพี่ เสียงผู้หญิงคนนั้นถามขึ้นอีก
ทวนรีบพยักหน้า ผู้หญิงคนนั้นผละออกไป คว้าเอากะลาเปล่าติดมือไปด้วย ทวนนั่งมองตามไป เขาเห็นหล่อนตรงไปที่มุมชานเรือนอีกด้านหนึ่งซึ่งมีเครื่องครัว ๒-๓ ชิ้นวางอยู่ หญิงสาวทรุดกายลงหยิบโน่นหยิบนี่สักพักหนึ่งก็เดินกลับตรงมาที่เขา ในมือของหล่อนถือชามข้างเก่า ๆ ใบหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งถือกะลาใบเก่า เอามาวางตรงหน้าทวน ในชามใบนั้นมีข้าวพูนจานและเนื้อเค็ม ๒-๓ ชิ้น หล่อนพูดว่า ตามมีตามเกิดนะพี่ ทวนไม่ได้ตอบอะไร เขาคว้าชามข้างดึงเข้ามาใกล้ตัว ลงมือเปิบข้าวในชามนั้นด้วยมือข้างที่เป็นอิสระ ใส่เข้าปาดคำแล้วคำเล่าติดต่อกันไป อีพลอย เสียงหนึ่งตวาดมาแต่ไกล และมีเสียงฝีเท้าวิ่งปัง ๆ เข้ามา กำนันคู่ปรับของเขานั่นเอง เท้าข้างหนึ่งของกำนันเหวี่ยงป่ายไปที่ชามข้าวที่ทวนกำลังเปิบอยู่ มันลอยกระเด็นตกลงไปจากเรือน กูบอกมึงแล้วว่า อย่ายุ่งกับมัน อีพลอย เท้าอีกข้างหนึ่งวาดกะลาใส่น้ำกระเด็นไป อีกมือของกำนันจิกผมของพลอยกระชากขึ้น มืออีกข้างหนึ่งเงื้อทำท่าจะฟาดลงไปบนใบหน้าของหญิงสาว ทวนใช้มือข้างที่เปิบข้าวกระชากขาของกำนันเต็มแรง จนแกเสียหลักล้มลง มือหลุดออกจากศีรษะของพลอย เขาใช้ส้นเท้ากระแทกลงไปเต็มแรงที่ใบหน้าของกำนัน เกี่ยวดึงกลับมาด้วยปลายเท้าที่ต้นคอ ร่างของกำนันถลาเข้ามาใกล้ ทวนคว้าหมับเข้าที่คอหอยของแก ลากตัวเข้ามาหนีบไว้ด้วยข้อพับหัวเข่า เขาออกแรงทั้งหมดกดลงไป ... กดลงไป มือทั้งสองข้างของกำนันพยายามที่จะแหวกวงหนีบของมือและเข่า แต่เมื่อแรงหนีบของทวนหนักขึ้น นัยน์ตาของแกก็เหลือกปลิ้น มือทั้งสองข้างไขว่คว้าอากาศ เสียงฝีเท้าวิ่งมาตามชานเรือนหนัก ๆ พายท้ายปืนของตำรวจคนหนึ่งเหวี่ยงมาที่กระโดงคางของทวนเต็มแรง เขาผงะหงายหลัง มือหลุดออกจากลำคอของกำนัน เมื่อเป็นอิสระ กำนันก็รีบเผ่นออกห่าง ลุกขึ้นยืนสลัดปืนพกออกจากเอว เสียงปืนในมือของกำนันแผดขึ้นดังปัง แต่ไม่ก่อนที่นายตำรวจหนุ่มจะได้จับข้อมือแหงนขึ้นสู่ฟ้า เขาบิดมือจนปืนในมือของกำนันตกลงกับพื้น ผลักกำนันเซไปข้างหนึ่ง ใช้เท้าเขี่ยปืนไปทางพลตำรวจของเขาซึ่งก้มลงเก็บไว้ ผู้บังคับกองหนุ่มเดินมาที่ร่างของทวน แผลงฤทธิ์เรื่องอะไรอีกล่ะ ทวนไม่ตอบ เขาจ้องมองตากำนันเขม็ง ผู้กองหันไปดูพลอยซึ่งยังคงคุกเข่าตัวลีบอยู่ในบริเวณนั้น และรอย กระจายของข้าว น้ำในกะลาที่เปรอะไปทั่ว เขาหันกลับไปมองกำนันแวบหนึ่ง แล้วหันไปทางพลอย ชี้มือไปที่รอยข้าวและน้ำ พูดว่า ใครทำอะไรเปรอะเปื้อนนี่ ... พลอย พลอยหันไปมองดูกำนัน หลบสายตาก้มหน้านิ่งอยู่ นายตำรวจหนุ่มหัวเราะหึ ๆ พลอยมีอะไรเหลือกินอีกบ้างไหม พลอยพยักหน้าโดยไม่พูด ไปเอามาให้ใหม่ พลอยรับวิ่งลงเรือนไปเก็บชามข้าวและกะลาที่กลิ้งอยู่บนพื้น กลับไปที่ชานเรือนซึ่งเป็นที่วางเครื่องครัว ผู้กองหันไปทางกำนัน พูดว่า ผมเห็นว่า กำนันไม่ควรพกปืนอีกในขณะที่อยู่ที่นี่ และอย่าเข้ามายุ่งกับผู้ต้องหาคนนี้อีกต่อไป เขาหัวเราะอีก กำนันต้องอยู่กับผมต่อไปนี้ เรามีเรื่องที่จะปรึกษากันอีกมาก ผมคิดว่า เราจะต้องมีงานทำร่วมกันอีกมากทีเดียว ไปเถอะกำนัน เขาจับข้อมือกำนันพาเดินออกไป ทวน ทองรุ่ง รู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้เอนกายหลับไปเพราะความอิ่มจากอาหารที่ได้มาจากความอารีของหญิงสาวที่ชื่อพลอย เขารู้สึกตัวด้วยความสดชื่นที่ดีกว่าเก่า ความอ่อนเปลี้ยค่อยหายไป แต่ความบอบช้ำยังมีริ้วรอยทิ้งความเมื่อยขบไว้ทั่วสรรพางค์กาย เขาลุกขึ้นนั่งชันเข่า เอนหลังพิงกับระเบียงเรือนที่เขาถูกพันธนาการอยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ พระอาทิตย์จวนจะตกดิน ทอแสงอ่อนทาบอยู่กับท้องฟ้า ทวนหันไปมองรอบ ๆ ตัว ริ้วรอยของการถูกย่ำยียังมีอยู่ทั่ว ๆ ไป รอยควันกรุ่น ๆ จากซากของบ้านเพียงไม่กี่หลังของหมู่บ้านนี้ยังมีอยู่เป็นแห่ง ๆ ซากศพที่ทวนเห็นเกลื่อนอยู่เมื่อตอนกลางวัน บัดนี้หายไปหมด ทวนเดาเอาว่า คงเป็นเพราะนายตำรวจหนุ่มคนนั้นจัดการขนไปฝั่ง หรือไม่ก็ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้หายอุจาดนัยน์ตา เขาคงหลับไปนานโขอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย ตำรวจยามนั่งพิงเสาเรือน ปืนพาดหนตักเฝ้าเขาอยู่ห่าง ๆ หันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ก้มลงทำธุระกับกล่องยาและใบจาก มวนยาของเขาต่อไป ทวนหันกลับไปมองทางด้านมุมเรือนอีกด้านหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นที่เขาได้ยินเรียกกันว่าพลอย ยังคงนั่งอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน ๖-๗ คนที่เหลืออยู่นั้น ทวนมองดูคนกลุ่มนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาก็พบว่า คนหนึ่งเป็นชายชราอายุค่อนข้าง มาก อีก ๒-๓ คนเป็นคนหนุ่ม มีเด็กหนุ่มอายุราว ๑๓-๑๔ ปีอยู่คนหนึ่ง และมีผู้หญิงอยู่คนเดียวคือพลอย ซึ่งเขาเพิ่งจะคะเนอายุได้เดี๋ยวนี้เองว่าไม่เกิน ๒๐ ปี พลอยเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพอดี ทวนพยักหน้า และกวักมือเรียกหล่อนให้เข้ามาพบ พลอยทำท่าลังเลอยู่สักครู่ หันไปมองคนในกลุ่มที่กำลังมองหล่อนเป็นตาเดียวกัน ครั้นแล้วก็ลุกขึ้นเดินมาที่ทวน โดยมีเด็กหนุ่มอายุ ๑๓-๑๔ ปีคนนั้นตามมาด้วย พลอยกับเด็กหนุ่มนั่งลงตรงหน้าทวน หล่อนพูดว่า เราไม่มีอะไรจะให้กินอีกแล้วนะ พี่ พี่พลอย เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น ของข้ายัง ... พลอยกระตุกแขนเด็กคนนั้นให้หยุดพูด ทวนสั่นศีรษะ ข้ายังอิ่มอยู่ ข้าไม่ต้องการอะไรหรอก เอ็งชื่อพลอยหรือ จ้ะ พลอยหันไปทางเด็กหนุ่ม นี่ ไอ้โทน น้องข้า ทวนพยักหน้าแล้วยิ้ม ข้าชื่อทวน ข้ารู้แล้ว ข้าได้ยินลุงกำนันพูดกับผู้กอง เขาว่า พี่ทวนเป็นลูกน้องเสือฝ้าย จริงหรือ เอ็งเชื่อเขาไหมล่ะ ทวนขมวดคิ้ว ข้าไม่รู้ ลุงกำนันเขาว่าอย่างนั้น พวกเสือฝ้ายนี่แหละที่มันเข้ามาปล้นหมู่บ้านของเราทั้งหมู่บ้าน ตอนเช้ามืดนี้ พวกเสือฝ้ายงั้นเรอะ ทวนพูด กรามขบเป็นสัน พี่ทวนใช่พวกเสือฝ้ายหรือเปล่าล่ะ เด็กหนุ่มที่ชื่อโทนถามขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่เอ็งสองคนจะต้องรู้ ทวนพูดห้วน ๆ ด้วยน้ำเสียงดุ ๆ คนทั้งสองชะงัก พลอยมองดูทวนอย่างหวาด ๆ ขณะที่เขาเอ่ยขึ้นอีกว่า ข้าเรียกเอ็งมาเพื่อจะขอบใจในน้ำใจเมตตาของเอ็ง ไม่ใช่ให้เอ็งมาซักถามเรื่องที่ข้าไม่อยากจะพูด เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่ว ๆ ว่า เออ ... ผู้กองคนนี้ แกชื่ออะไร เอ็งรู้ไหม แกชื่อ เผชิญ ... เป็นนายร้อยเอก สามดาว มาจากกรุงเทพ ฯ มาทำไม จากกรุงเทพ ฯ พวกกองปราบ เขามาปราบเสือฝ้าย ข้าได้ยินเขาว่า เขามาตั้งกองกันอยู่ที่เดิมบางตั้งแยะ ทำไมมากันเพียง ๗-๘ คนเท่านั้น พวกนี้เขาแยกมาจากกองใหญ่ ลงเรือจากงิ้วรายมาขึ้นที่บางปลาม้า แล้วก็เดินมา เขาว่าเขาได้ยินเสียงปืน และเห็นแสงไฟโหมจับท้องฟ้าตอนรุ่งสาง เขาก็มุ่งมาที่นี่ กว่าจะหาทางมาได้ถูกก็ร่วมสาย บ้านข้าเรียบหมดแล้ว ทวนส่ายหน้าอย่างปลง แล้วพวกเอ็งเหลืออยู่ได้ยังไง ก็หนีกันกระเจิงไปเวลามันเข้าปล้น พ่อแม่ข้าตายหมดเพราะสู้โจร พวกที่เหลือนี่ก็เพราะหนีทัน พวกที่สู้มันเอาตายหมด พลอยพูดเสียงสะอื้น ที่มีของกินอยู่ได้นี่ก็เหลือจากที่มันเก็บกวาดเอาไป ทวนถอนหายใจ แล้วพวกเอ็งจะทำยังไงกันต่อไป เมื่อเช้า ก็คิดจะหนีกันไปอำเภอ ก็พอดีได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก เลยมารวมกลุ่มกันบนนี้ นึกว่าโจรมันย้อนมา มันย้อนกลับมาก็ต้องตายกันหมด สักครู่จึงได้เห็นลุงกำนันแกลากพี่ถูลู่ถูกัง มาจากละเมาะชายหมู่บ้าน ถึงได้รู้ทีหลังว่า ลุงกำนันยิงสู้กับพวกพี่ เขามัดพี่ไว้กับเสาพังนั่น ประเดี๋ยวเดียวผู้กองแกก็มา เรายังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกันเลยจ้ะพี่ ถ้าพี่เป็นพวกเสือฝ้าย ก็กรุณาพวกข้าด้วยเถิด ข้าจะกรุณาเอ็งได้ยังไง ทวนพูดหัวเราะ เขย่ามือข้างที่ติดกุญแจอยู่ ข้าได้ยินเขาพูดกันว่า พี่เป็นลูกน้องคนสำคัญคนหนึ่งของเสือฝ้าย ทวนหัวเราะหึ ๆ ข้าก็กำลังจะตายอยู่เหมือนกัน กำนันเอาตัวข้าไปอำเภอเมื่อไร มันก็ต้องยิงข้าทิ้งกลางทาง พลอยก้มหน้าครู่หนึ่ง แล้วกระเถิบเข้ามาใกล้ ๆ พูดเสียงกระซิบ ข้าจะช่วยให้พี่หนี เอาไหม ทวนชำเลืองตาไปที่ตำรวจยาม ซึ่งนั่งมองดูอยู่อย่างสงสัยแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะ เอ็งช่วยข้ามาพอแล้ว พลอย น้ำใจเอ็งผิดคนอื่น ปล่อยให้ข้าคิดช่วยตัวเองของข้าต่อไปดีกว่า เขาหยุดชะงักชั่วขณะ แล้วพูดต่อไปว่า เออ ... ตะกี้นี้เอ็งว่า พวกผู้กองเขามาขึ้นเรือที่บางปลาม้า แล้วเดินมาที่นี่งั้นเรอะ พลอยพยักหน้า ทวนก้มหน้า และส่ายหน้าช้า ๆ แล้วเงยหน้าขึ้น เอ็งไปบอกผู้กองเขาว่า ให้รีบออกจากที่นี่เสียก่อนยามสอง ข้าได้กลิ่นอะไรไม่ค่อยดี อะไรพี่ เสือฝ้ายจะย้อนกลับมาเล่นงานพวกตำรวจ เพราะเส้นทางที่เขาเดินมานั้นผ่านสายตาของเสือทั้งนั้น และมันมักจะเล่นงานตอนค่อนรุ่ง พี่รู้ได้ยังไง ทวนมองตาพลอยนิ่งอยู่ จนพลอยต้องหลบสายตาอันกร้าวแข็งของเขา เอ็งไปบอกเขายังงั้นก็แล้วกัน ข้าจะนำทางออกไปเอง พี่ ... ไปได้แล้ว พลอย ทวนพูดกร้าว ๆ ทวนเอนร่างลงพิงลูกกรงเบื้องหลัง เขาหลับตาเมื่อพลอยถอยห่างออกไป
Create Date : 15 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 15 ตุลาคม 2552 15:29:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 730 Pageviews. |
|
|
|
| |