เหล็กละลาย (ตอนที่ 26)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 26
พวกผมเป็นนักการเมืองพลัดถิ่น เขามีข้อห้ามไม่ให้เล่นการเมืองในประเทศของเขา ฉะนั้น เขาจึงต้องคอยติดตามดูพฤติการณ์ จนกว่าเขาจะแน่ใจว่า เราไม่มีอะไรจริง ๆ ถ้ามีใครไปมาหาสู่ เขาก็ต้องให้รู้ว่า เป็นใคร มาจากไหน แล้วเขาก็ต้องตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ไทย ว่าคนที่มาหานั้นเป็นใคร ถ้าปรากฏว่า เป็นนักการเมือง เขาก็ต้องรายงานรัฐบาลไทย เขากลัวว่าจะมาชวนพวกผมเล่นการเมืองในบ้านเขา ทั้งไอ้อ้วนและท่าน หันมามองหน้าผมเกือบจะพร้อม ๆ กัน ท่านไม่ได้มองเปล่า ยังแถมดีดหน้าแข้งผมด้วยปลายรองเท้าเสียอีกด้วย ยังงี้ ผมก็แย่ อดีตผู้แทนคราง ก็เห็นจะแย่ ผมพูดเสียงเรื่อย ๆ รอง ล้อผมเล่น เขาหันมาพูดยิ้ม ๆ ปลอบใจตัวเอง คุณดูเอาก็แล้วกัน เขาตามเราให้รู้ ๆ ยังงี้แหละ เดี๋ยวถึงร้านอาหารเขาก็จะเฝ้าเรา ไม่ไปไหน เขาหันออกไปมองผ่านกระจกหลังอีกแวบหนึ่ง ก็หันกลับ ผมไม่ต้องหันไปดู ก็เชื่อแน่ว่า ไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้นยังตามเรามา เมื่อรถถึงร้านอาหารและจอดหน้าร้าน เราก็พากันลงจากรถ อดีตผู้แทนหันไปมองข้างหน้า แล้วก้มหน้างุด รีบเดินเข้าไปในร้านอาหาร ระหว่างรับประทานอาหาร เขากลายเป็นคนไม่พูดไป และรู้สึกจะกินอะไรไม่ใคร่ลง ทั้ง ๆ ที่อาหารที่สั่งมาล้วนแต่อร่อย ๆ ทั้งนั้น เราเลยไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน นอกจากเรื่องดินฟ้าอากาศเป็นครั้งคราว ผมถามเขาถึงแผนการที่จะต่อสู้ในการเลือกตั้งคราวหน้า เขาไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม อาหารมื้อนั้น เขาคงจะชืดไม่เป็นสัปรด แต่ผมอร่อย เราออกจากร้านอาหารเร็วกว่าทุกคราว ท่านบ่นว่าไม่ค่อยสบาย รู้สึกแน่น กินไม่ค่อยจะได้เหมือนกัน ไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้นยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างเคย อดีตผู้แทนชักจะนั่งอย่างกระวนกระวาย เขาหันไปมองข้างหลังเป็นพัก ๆ แต่ไม่พูดอะไร พอรถถึงโรงแรม เขาก็ก้าวลงจากรถเป็นคนแรก หันไปมองดูมอเตอร์ไซค์คันนั้นอีกแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเดินก้มหน้าอย่างรีบ ๆ ขึ้นโรงแรม ผมขึ้นไปพักผ่อนก่อนล่ะครับ เขาพูดกับท่านที่หน้าเคาน์เตอร์ ตอนมาเอากุญแจห้อง ไม่ค่อยสบาย คงจะผิดอาหาร เดี๋ยวเราจะไปเที่ยวดูอะไรกัน ไม่ไปกับผมหรือ ผมชวนเขา ไปกับพวกนี้เขาซี ให้เขาพาเที่ยว ท่านเห็นด้วย ไม่ล่ะครับ เขารีบตอบ ผมอยากจะพักผ่อนสักหน่อยคืนนี้ ผมก็ชอบที่เขาปฏิเสธ เพราะผมมีนัดอยู่แล้ว และไม่อยากให้เขาไปเกะกะ ผมชักจะขอบใจตำรวจสวิสส์บนมอเตอร์ไซค์คันนั้น อดีตผู้แทนกับท่านขึ้นห้องไปแล้ว ผมกับไอ้อ้วนก็เร่ไปที่ห้องบาร์ของโรงแรม เพราะมันเพิ่งจะสามทุ่มกว่า ๆ ผมสั่งให้อาดอลฟ์เอารถเก็บ แล้วให้เขาไปพบเราที่ห้องบาร์ ผมนั่งอยู่กับไอ้อ้วนในห้องบาร์สักครู่ อาดอล์ฟก็เข้ามาบอกว่า เขาเอารถเก็บแล้ว แต่อยู่ในที่ที่เอาออกอีกได้ง่าย และเขาบอกว่าตำรวจคนนั้นกลับไปแล้ว ตำรวจคนไหน ผมแกล้งถาม
คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามเราหลายหนแล้วนั่นยังไงล่ะ เมอร์สิเออร์ เขาตอบ
ลื้อรู้ได้ยังไงวะ ว่าเป็นตำรวจ
เมอร์สิเออร์ก็รู้ เมื่อวันก่อน ผมก็เห็นเขา ตำรวจสวิสส์เขาเป็นยังงี้เอง เขาทำอะไรให้คนรู้ เมอร์สิเออร์ก็เป็นตำรวจใหญ่ ทำไมจะไม่รู้ เขาเห็นผมเอารถเก็บ เขาก็กลับเหมือนวันก่อน เมอร์สิเออร์ให้ผมมาพบในบาร์อีก ก็คงจะออกไปไหนอีก ตอนที่ล่อให้เขาหลับไปแล้ว
ผมมองเขาแล้วหัวเราะ
ฉลาดมาก เดี๋ยวไปเที่ยวด้วยกันยังงั้น ลื้อยังไม่ง่วงไม่ใช่หรือ
ยัง เมอร์สิเออร์จะไปไหนก็ได้ เขาตอบ หัวเราะชอบใจ
เราจะออกจากที่นี่เกือบสี่ทุ่ม ผมว่า ตอนนี้สั่งอะไรมาดื่มฆ่าเวลาไปก่อน
ผมและไอ้อ้วนสั่งบรั่นดี อาดอลฟ์ของผมสั่งแปร์โนด์ เหล้าฝรั่งเศสที่มีรสชาติเหมือนแอ็บแซ่ง เขาว่ามันช่วยย่อยอาหารดี
เรานั่งกันอยู่ครู่ใหญ่ ๆ เกือบจะได้เวลานัดอยู่แล้ว พนักงานรับใช้ที่ประจำเคาน์เตอร์ ที่หน้าโรงแรม เดินอย่างเร่งรีบเข้ามาหาเรา พูดว่า
เยเนราล ไม่สบายอยู่ในห้อง ให้ตามหาตัวเมอร์สิเออร์ทั้งสองคน
ผมกับไอ้อ้วนรีบลุกขึ้น มีอาดอลฟ์ติดตามขึ้นไปด้วย เรียกบ๋อยให้คิดบิลล์ไว้ แล้วส่งขึ้นไปเก็บบนห้อง แล้วก็รีบไปที่ลิฟท์ ขึ้นชั้นบน
ห้องเจ้านายไม่ได้ปิดกลอน คงจะไม่ได้ลงกลอนตั้งแต่ขึ้นมา เพราะเพิ่งจะเป็นเวลาไม่กี่นาทีที่แยกกัน เราเปิดประตูเข้าไปในห้องเกือบจะพร้อม ๆ กัน
ท่านนอนอยู่บนเตียง หัวยกสูงด้วยหมอนที่เอามาซ้อนกันไว้ และกำลังหายใจถี่ ๆ กูเหนื่อย เจ็บหน้าอก ท่านพูดเสียงแผ่ว ๆ ผมรู้ทันที นั่นมันเป็นอาการของโรคหัวใจกำเริบ หรือที่เรียกกันว่า ฮาร์ตแอ๊ดแตค เรียกหมอ ผมหันไปสั่งอาดอลฟ์ ลื้อจำหมายเลขโทรศัพท์ของหมอได้ไหม ผมจัดการเอง อาดอลฟ์พูด แล้วออกไป ผมกับไอ้อ้วนช่วยกันค้นหายาหอมในกระเป๋ายาของท่าน ได้ยาหอมออกมาละลายน้ำอุ่นให้กินเข้าไปก่อน เจ้านายยังยิ้มได้ทั้งที่หอบ ๆ อยู่อย่างนั้น แล้วก็หลับตา หายใจหอบต่อไป ในช่วงระยะนั้น เราช่วยอะไรไม่ได้ ต้องรอหมอ ใจเต้นแรงไปด้วยเหมือนกัน ไอ้โรคพรรค์นี้ มันต้องอยู่ที่กำลังใจของผู้ป่วยด้วย ถ้าใจไม่ดีก็ไปเอาง่าย ๆ ใครก็ช่วยไม่ได้ อาดอลฟ์กลับเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวหมอมา เขาเรียกไปแล้ว เรารอดูอาการกันอยู่เงียบ ๆ ราว ๆ สิบกว่านาที หมอก็มาถึง หมอที่มา ไม่ใช่หมอที่รักษาประจำ ที่เคยตรวจกันครั้งแรกเมื่อมาถึงใหม่ ๆ เขาเริ่มลงมือตรวจอาการอยู่พักใหญ่ แล้วก็ฉีดยาบำรุงหัวใจให้ เขาถามถึงชื่อหมอที่รักษาประจำ ผมจำชื่อหมอคนนั้นได้ ก็บอกเขาไปว่าชื่อ หมอโอดิเอร์ พอบอกชื่อ หมอก็พยักหน้า จดชื่อหมอที่ผมบอกให้ไว้ในสมุด แล้วก็ปิดกระเป๋าเครื่องมือ ไม่ได้ให้ยาอะไรอีก หมอนั่งรอดูอาการอยู่อีกสักครู่ ก็บอกว่า ไม่มีอะไรที่น่าวิตกแล้ว และคนไข้จะต้องพักผ่อนให้มากหน่อย อย่าให้มีอะไรมากวนใจหรือใช้ความคิดมาก แล้วเขาก็ลากลับไป ผมถามอาดอลฟ์เขาว่า ทำไมไม่เรียกหมอโอดิเอร์ ซึ่งเป็นหมอประจำมาดู หรือว่าเขาไม่อยู่ อาดอลฟ์บอกว่า เรียกไม่ได้หรอก ผิดเวลาอย่างนี้ หมอเขาต้องพักผ่อน ผมจึงได้ความรู้ต่อมาว่า ระบบการแพทย์ของสวิสส์เขาวางไว้ไม่เหมือนกับที่ได้พบมา หมอทั้งหลายในประเทศนี้ ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนหมอที่อื่น ไม่ต้องถูกเรียกในยามวิกาลให้ต้องเที่ยวไปตามบ้านคนไข้ เพราะทางรัฐบาลเขาวางระเบียบไว้ว่า ในคืนหนึ่ง ๆ จะต้องมีหมอที่มีหน้าที่เป็นเวรที่จะต้องถูกปลุกได้ตลอดเวลาไว้คืนละสามคน หมายถึงในเมืองหนึ่ง ๆ อย่างที่เจนีวานี้ ก็มีหมอเวรอยู่ของตนเอง คืนละสามคน คนหนึ่งเป็นหมอที่เกี่ยวกับโรคอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ หรือ ตับไตไส้พุง คนหนึ่งเป็นหมอรักษาโรคทั่ว ๆ ไป
อีกคนหนึ่ง เป็นหมอฟัน
หมอทั้งสามนี้ ทางเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมทางอาการแพทย์เขาจะจัดเวรไว้ให้ หมอทุกคนในนครเจนีวา หรือนครไหนก็ตาม แต่ละแห่ง มีหน้าที่มาเข้าเวรอย่างนี้ด้วยกันทุกคน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป รายชื่อหมอเวรนี้จะมีอยู่ที่ศูนย์กลางหน่วยควบคุมทางการแพทย์ และหน่วยนี้มีเบอร์โทรศัพท์โดยเฉพาะ เขาจะประกาศหมายเลขโทรศัพท์นี้ไว้ในหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ทุกวันว่า เมื่อต้องการเรียกหมอในยามวิกาล จะเรียกไปได้ที่หมายเลขโทรศัพท์อะไร
เมื่อมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ที่ต้องการหมอก็จะเรียกไปที่หมายเลขโทรศัพท์นี้ เจ้าหน้าที่ที่ประจำศูนย์ก็จะถามว่า ผู้ที่เรียกหมออยู่ที่ไหน เมื่อผู้เรียกบอกตำบลที่อยู่ของผู้ป่วยให้ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะดูว่า หมอเวรคนไหนที่มีที่อยู่ใกล้กับตำบลที่เรียกมากที่สุด เขาก็จะบอกหมายเลขโทรศัพท์ของหมอคนนั้นให้ ผู้เรียกก็จะเรียกไปที่หมายเลขนั้น หมอที่เป็นเวรคนนั้นก็จะไปยังที่เรียกในทันที
หมอเวรนี้จะเป็นแต่เพียงผู้ช่วยเหลือเยียวยาขั้นต้นเท่านั้น เขาจะไม่ให้ยาอะไรที่เกินกว่าจำเป็นเฉพาะราย และเขาจะถามว่า คนไข้เป็นคนไข้ของหมออะไร พอรุ่งขึ้น เขาก็จะรายงานการช่วยเหลือที่เขาได้ทำไปนั้น ให้หมอประจำตัวคนไข้รับช่วงต่อไป แต่ถ้าบังเอิญหมอเวรในคืนนั้น เป็นหมอประจำตัวของคนไข้รายนั้น ก็ไม่ต้องยุ่งยาก รายงานอะไรกันอีก หมอเวรในคืนนั้นก็รักษากันได้เต็มที่
ระบบนี้เป็นระบบที่ช่วยให้หมอได้มีการพักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องถูกรบกวนโดยคนไข้ในเวลาหลับนอน ถึงเวลาพักผ่อนก็ได้พักผ่อน สุขภาพของหมอก็ได้รับการระวังรักษาจากรัฐด้วย
Create Date : 08 กันยายน 2553 |
Last Update : 8 กันยายน 2553 4:12:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 692 Pageviews. |
|
|
|
| |