จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
19 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 26)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 26

ต้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งหลักในเมืองไทยในฐานะพันธมิตรในสมัยท่านนายก ฯ หลวงพิบูล ฯ นั้น เหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปในเมืองไทยระยะนั้น อยู่ในความสงบ อเมริกายังเลียแผลอยู่ ท่านนายกรัฐมนตรีหลวงพิบูล ฯ ก็ต้องต่อสู้กับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นพาเอามาให้ในเมืองไทย คนไทยกลายเป็นญี่ปุ่นไปในทางเครื่องแต่งกายและภาษา ท่านนายก ฯ ต้องรื้อฟื้นวัฒนธรรมไทยขึ้นมา เพื่อที่จะดึงคนไทยไม่ให้คล้อยตามวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ท่านนายก ฯ จึงตั้งสำนักวัฒนธรรมไทยขึ้นมา โดยมีหัวหน้าสำนักชื่อ ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม สำนักวัฒนธรรมไทยนี้มีหน้าที่จูงใจประชาชนชาวไทยทั้งหญิงชาย ให้กระทำตนให้อยู่ในวัฒนธรรมไทย ไม่คล้อยตามวัฒนธรรมต่างชาติ มีการนำเอาเครื่องแต่งกายแบบไทยออกมาเผยแพร่ มีการนุ่งผ้าโจงกระเบนแบบไทย ๆ และนำเอาการรำวงออกมาเผยแพร่ ให้คนไทยเล่นกันในยามที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงคราม

การปฏิวัติสภาพความเป็นอยู่ของชาวไทยในสมัยนั้น ทำให้ประชาชนชาวไทยต่างก็ลืมสภาวะสงครามไปได้พักหนึ่ง ในยามที่ฝ่ายญี่ปุ่นประสบชัยชนะชั่วคราวในตอนต้นสงครามครั้งนั้น ตัวนายก ฯ เองทำตนเป็นผู้นำในการฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยนี้ ทำให้ประชาชนชาวไทยตื่นตัวในเรื่องนี้กันมาก

ความนิยมญี่ปุ่นค่อยจางไปได้บ้างในบางหมู่ชนชาวไทย และก็เป็นส่วนมาก ยังหลงเหลืออยู่บ้างก็ในหมู่พวกพ่อค้าที่ร่ำรวยขึ้นมาจากการค้าขายกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนน้อย และบุคคลกลุ่มนั้นก็ได้รับการดูแคลนจากคนไทยส่วนใหญ่ เศรษฐีสงครามหลายคนเกิดขึ้นในระยะสมัยนั้น

จาก พลตรี เป็น จอมพล

ตัวท่านนายก ฯ เอง ก็ได้เลื่อนชั้นยศขึ้นเป็นพลตรี แล้วจาก พลตรี ท่านก็ได้เลื่อนชั้นยศขึ้นเป็น จอมพล เลยทีเดียว ไม่ต้องเป็น พลโท พลเอก ให้เสียเวลา แล้วท่านก็เลิกล้มบรรดาศักดิ์ทั้งหมด พวก คุณหลวง พระ และ พระยา เลิกไปหมด ให้กลับมาใช้ชื่อเดิมทุกคน แต่จะใช้ชื่อบรรดาศักดิ์แทนชื่อนามสกุลก็ได้

ตัวท่านเอง ชื่อเดิมว่า แปลก นามสกุลเดิม ขีตตะสังคะ ท่านก็ใช้ชื่อของท่านว่า จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เรียกย่อ ๆ ว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นจอมพลคนแรกที่ขึ้นมาจากบุคคลสามัญซึ่งในสมัยก่อนหน้านั้น คนที่จะได้ยศ จอมพล ต้องมาจากบุคคลที่มีเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ท่านจึงได้สมญานามว่าเป็น จอมพลคนหัวปี

ต่อมาก็ได้มีจอมพลเพิ่มขึ้นอีกมาจากเหล่าทัพอากาศ และทัพเรือ ซึ่งก็เป็นเพื่อนใกล้ชิดกับท่าน คือ ท่านจอมพลอากาศ ขุนรณนภากาศ ซึ่งมีนามสกุลเดิมว่า ฤทธาคนี ท่านผู้นี้ก็ใช้นามว่า จอมพลอากาศ ฟื้น ฤทธาคนี และมีแม่ทัพเรือขึ้นเป็น จอมพลเรือ ท่านหนึ่ง คือ จอมพลเรือยุทธศาสตร์โกศล ชื่อเดิมของท่าน ผมจำไม่ได้เสียแล้ว บรรดาศักดิ์ของท่านเป็น หลวงยุทธศาสตร์โกศล มีสามจอมพลขึ้นมาในสมัยนั้น

ท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ปกครองประเทศมาด้วยความลำบาก เพราะสถานการณ์ในสมัยนั้นไม่มีที่แน่นอน เมื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมสู้กับญี่ปุ่นอย่างเงียบ ๆ แล้ว ท่านก็ต้องวางตัวให้เป็นที่เชื่อถือของฝ่ายญี่ปุ่นด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับญี่ปุ่นได้ เรียกว่าท่านเป็นบุคคลผู้หนึ่งที่เสียสละให้กับบ้านเมืองแบบปิดทองหลังพระ เพราะไม่มีใครรู้ถึงเบื้องหลังอันเป็นเจตนาแท้จริงของท่าน ก็หาว่าท่านยอมรับนับถือญี่ปุ่นให้มาปกครองประเทศ ท่านก็ถูกระแวงทั้งสองด้าน ทั้งญี่ปุ่นเองก็ไม่ค่อยจะไว้วางใจท่านเหมือนกัน แต่ก็หาทางที่จะทำอะไรกับท่านไม่ได้

ในระยะนั้น ผมไม่ได้มีความรู้ว่า ท่านบุรุษเหล็กแห่งเอเชียท่านอยู่ที่ไหน และมีตำแหน่งอะไรในคณะรัฐบาล แต่เดาเอาว่าคงจะเป็นนายทหารคนสนิทของท่านจอมพล ป. อยู่ แต่เป็นในยศอะไรผมก็ไม่ทราบ ยังมีความเกี่ยวพันกัน แต่เดาเอาว่าคงจะเป็นพันเอก อย่างที่ผมได้พบกับท่านครั้งแรกที่ร้านกิ่งแก้วของท่าน และก็คงจะได้แต่งงานกับคุณหญิงอุดมลักษณ์ ธิดาของท่านพลโท ผิน ชุณหวัณแล้ว

ชื่อพลโท ผิน ชุณหวัณ นี้จำเอาไว้ให้ดี ชื่อนี้จะมาปรากฏให้อ่านกันในตอนหลัง ๆ

ในระหว่างที่อเมริกันถอยกลับไปเลียแผลที่บ้านอยู่นั้น ก็เกิดขบวนการกู้ชาติขึ้นมาในหมู่คนไทยที่รักชาติ ขบวนการนั้นมีชื่อว่า “ ขบวนการเสรีไทย ”

ขบวนการนี้เป็นขบวนการลับ ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่นั่น ความรู้สึกที่ประเทศชาติถูกยึดครองจากญี่ปุ่น ทำให้คนไทยที่อยู่นอกประเทศทนดูอยู่ไม่ได้ ก็เริ่มก่อตั้งขบวนการเสรีไทยนี้ขึ้น เพื่อกลับมาทำการกู้ชาติ ขบวนการนี้ไม่ได้มีแต่ในอเมริกา ทางอังกฤษก็มีนักเรียนไทยหลายคนศึกษาอยู่ที่นั่น ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยนี้ขึ้นมาด้วย วัตถุประสงค์ของขบวนการทั้งสองนี้ก็เป็นอันเดียวกัน คือ ต้องเสียสละเพื่อชาติ กลับมากู้ชาติให้พ้นจากการยึดครองของญี่ปุ่นให้ได้

บ้านมลิวัลย์

ขบวนการนี้เริ่มก่อตั้งขึ้นอย่างเงียบ ๆ มีคนไทยเข้าร่วมด้วยมากมาย ตามสายเลือดไทยที่ไม่ยอมเป็นขี้ข้าใคร เมื่อขบวนการนี้เริ่มก่อตั้งขึ้นในอเมริกาและอังกฤษ ในเมืองไทยก็เริ่มมีขบวนการนี้ขึ้นมาเพื่อรับการปฏิบัติการนอกประเทศ คนไทยหลายคนได้ร่วมมือร่วมใจกันก่อตั้งขบวนการนี้อย่างลับ ๆ ภายใต้การดำเนินการของหัวหน้าขบวนการนี้ในประเทศไทย ภายใต้จมูกของกองทัพญี่ปุ่นที่มีอยู่เกลื่อนกลาดทั่วไป

ตอนนั้นผมเป็นรองสารวัตรอยู่ที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ในยศร้อยตำรวจโท ผมถูกย้ายกลับกรุงเทพ ฯ จากชลบุรีมาใหม่ ๆ และมาได้ยศร้อยตำรวจโทที่นี่ ตอนที่กรม ฯ ย้ายผมจากเมืองชล ฯ ให้มาอยู่ที่ท้องที่นี้ ก็เพื่อให้มาปราบปรามนักเลงและพวกผู้ร้ายที่เกิดชุกชุมในท้องที่นี้ พวกนักเลงและพวกผู้ร้ายในท้องที่นั้น มันก็ไอ้พวกเพื่อน ๆ ที่เคยวิ่งเล่นกันมาในสมัยเด็ก ๆ เพราะผมโตขึ้นมาในท้องที่นั้น ที่ในตรอกโรงหนังตงก้ก หรือที่มีชื่อโก้ว่า “ โรงหนังบุศยพรรณ ”
แต่คนก็เรียกกันว่า โรงหนังตงก้ก

ผมจะไม่เขียนถึงรายละเอียดในการทำให้ท้องที่นี้สงบลงได้ในชั่วระยะเวลาที่ผมมาอยู่ไม่กี่เดือนลงได้อย่างไร จนการกรมตำรวจเขาตั้งให้ผมเป็นหัวหน้านักเลงบางลำพู ที่เอามาอ้างไว้ก็เพราะมันมาเกี่ยวกับเสรีไทยนี่

ขบวนการเสรีไทยที่ตั้งกันขึ้นมาอย่างลับ ๆ ในกรุงเทพ ฯ นั้น สถานที่ของขบวนการนี้ตั้งอยู่ที่วังกรมหมื่นอนุวัฒน์จตุรงค์ ซึ่งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ และรัฐบาลสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ได้ยึดเอามาเป็นสถานที่ราชการนานมาแล้ว

ขบวนการเสรีไทยมาใช้สถานที่นี้เป็นที่ตั้งกองอำนวยการเสรีไทยในกรุงเทพ ฯ เพราะห่างออกไปอีกถึงปลายถนน ตอนที่เรียกกันว่า ท่าช้างวังหน้า นั้นก็เป็นที่พำนักของท่านปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเสรีไทยในสมัยนั้น

บ้านหลังนี้ชื่อว่า “ บ้านมลิวัลย์ ”

ระยะนั้น มีนักเรียนไทยที่กระโดร่มลงมาในต่างจังหวัด นักเรียนพวกนี้เป็นนักเรียนไทยในอเมริกา แต่ละคนเป็นนักเรียนที่มีความรู้สูง บางคนเป็นนายแพทย์ที่สำเร็จมาใหม่ ๆ ก็มี พวกนี้ถูกอบรมวิชากระโดดร่มแบบทหารในอเมริกา มีหกคนที่กระโดดร่มลงมาแล้วทางขบวนการเอามาไว้ที่บ้านหลังนี้อย่างเงียบ ๆ ทั้งหกคนนี้ต้องอยู่อย่างเสี่ยงภัยจากกองทัพญี่ปุ่น ถ้าญี่ปุ่นจับได้ก็ไม่ต้องสงสัยว่าจะเป็นอย่างไร ญี่ปุ่นจะไม่ไว้ชีวิตแน่นอน เขาก็ต้องการการคุ้มกันเท่าที่หาได้

ผมเป็นนายตำรวจมีหน้าที่ปกครองท้องที่ที่บ้านมลิวัลย์ตั้งอยู่ ผมก็ถูกรุ่นพี่ที่นับถือ เขาคนนั้นชื่อว่า ร้อยตำรวจเอก เชื้อ สุวรรณศร มาแอบกระซิบให้เป็นคนคุ้มกับพวกเสรีไทยทั้งหกคนนั้น ผมชอบอยู่แล้วเรื่องอย่างนี้ ก็ตกปากรับคำเขาทันที และได้เข้าร่วมขบวนการนี้เพียงคนเดียวในท้องที่นั้น

การที่ขบวนการเสรีไทยเลือกเอาผมเพียงคนเดียว ให้ไปทำหน้าที่อารักขาพวกเสรีไทยที่โดดร่มลงมา แล้วเอาตัวมาไว้ที่บ้านมลิวัลย์นั้น ทำเอาผมเกือบจะเสียอนาคตทางราชการ เพราะในระหว่างเข้าเวรวันหนึ่ง เกิดมีฝรั่งในขบวนการซึ่งเข้ามาทางเรือ แล้วเขามารับไปไว้ที่
บ้านมลิวัลย์ในคืนหนึ่ง เขาก็มาตามตัวผมให้ไปจัดการเรื่องที่พักและความความปลอดภัย ผมก็ต้องทิ้งเวรไปในทันที บอกใครก็ไม่ได้ว่าไปไหน พอทำงานเสร็จกลับมาโรงพักก็เจอบันทึกของผู้บังคับการที่มาตรวจแล้วไม่พบนายร้อยเวร ไม่มีใครรู้ว่านายร้อยเวรหายไปไหนจึงลงบันทึกการตรวจไว้ให้ผมชี้แจง

ผมจะชี้แจงอะไรตามความจริงไม่ได้ ก็ต้องเขียนยอมรับความผิดว่าได้ทิ้งเวรไปจริง และจะขอรับโทษแล้วแต่จะพิจารณา เคราะห์ดีที่ทางผู้ใหญ่เขาพูดจากันรู้เรื่อง ผมจึงเพียงแต่ถูกว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งเป็นที่ฮือฮามาก

ในวงการนครบาลสมัยนั้น คนที่ทำความผิดละทิ้งหน้าที่เวรยามไปในระหว่างสงครามรับสารภาพ แต่โดนเพียงให้ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น และการว่ากล่าวตักเตือนนั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดที่ต้องลงประวัติ ทุกคนก็งงกันทั้งนครบาล

ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพาครั้งนั้น ประเทศไทย โดยการนำของท่านผู้นำ จอมพล ป. ได้มีการทวงดินแดนคืนจากมหาอำนาจทางตะวันตกที่ได้ยึดครองดินแดนของไทยไปในทางใต้ และด้านตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ดินแดนปะลิส กลันตัน ตรังกานู ซึ่งอังกฤษแยกเอาจากไทยไปผนวกเป็นมลายู ส่วนทางด้านบนนั้น ฝรั่งเศสได้แยกเอานครจำปาศักดิ์ หลวงพระบาง ไปผนวกกับลาว ในสมัยที่ดินแดนนั้น ๆ ยังอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศสและอังกฤษ เมื่อทั้งสองประเทศนั้นพ่ายแพ้ยับเยินไป และไทยได้อำนาจขึ้นมาก็ทวงคืน มีการแต่งเพลงปลุกใจเรียกร้องดินแดนคืนกัน เป็นที่ตื่นเต้นกันทั่วประเทศ และเราก็ได้ดินแดนเก่า ๆ นั้นกลับมาผนวกเป็นดินแดนไทยในสมัยนั้น ระยะที่ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสพ่ายแพ้ยับเยิน

เมื่ออเมริกันหวนกลับคืนมาอีกทีด้วยกำลังมหาศาล และมีเสรีไทยก่อกวนกำลังทัพญี่ปุ่นอยู่ในประเทศ อเมริกันก็เผด็จศึกด้วยกำลัง ทั้งกำลังพลและอาวุธอย่างง่ายดาย ทางด้านยุโรปนั้น ฝ่ายอักษะต้องยอมแพ้อย่างราบคาบ

ส่วนทางด้านเอเชียนี้ ญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่าจะถูกตีถอยร่นพ่ายไปทั่วดินแดนภาคนี้แล้ว ก็ยังยึดมั่นอยู่ที่เกาะญี่ปุ่น ไม่ยอมแพ้ที่จะให้ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครอง นายพล แมคอาเธอร์ นั้นได้กระทำตามคำพูดที่ว่า “ ข้าฯ จะกลับมา ” ได้สำเร็จ โดยยกพลขึ้นบกที่ฟิลิปปินส์ ตรงจุดที่ถอยออกไป ได้ตามคำพูดที่ทิ้งไว้ก่อนถอยไป ยึดครองฟิลลิปินส์กลับคืนได้ทั้งหมด

ญี่ปุ่นถอยกลับไปตั้งมั่นในประเทศของตน อเมริกันยื่นโนติสให้ยอมแพ้ ก็ไม่ยอม อเมริกันส่งระเบิดปรมาณูลูกแรกไปทิ้งที่เกาะฮิโรชิมา ทำลายล้างผลาญชีวิตคนไปเป็นแสน ญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอม เอาลูกที่สองไปทิ้งที่เมืองนางาซากิ ก็พินาศไปอีกหลาบแสนคน ก็ยังไม่ยอม จนอเมริกันขู่ไปว่า ลูกที่สามนี้จะทิ้งลงบนกรุงโตเกียวละนะ ญี่ปุ่นจึงจำต้องยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข มีนายทหารญี่ปุ่นพิธีฮาราตีรีกันหลายคนครั้งนั้น ไม่ยอมที่จะมีชีวิตอยู่รับความพ่ายแพ้ ตามเลือดบูชิโด




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 19:19:56 น. 0 comments
Counter : 1118 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.