จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 9 ตอนที่ 2)
ชายคนหนึ่งรูปร่างสมบูรณ์ สูงใหญ่ ผิวขาวแบบคนจีนยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมเคยเห็นเขาในหน้าหนังสือพิมพ์หลายหน เป็นรูปถ่ายในวันที่เขาบริจาคเงินจำนวนล้าน บำรุงสาธารณกุศลในงานต่าง ๆ บ้าง รูปถ่ายของเขาในงานเลี้ยงรับรองของทางราชการบ้าง และรูปถ่ายของเขาขณะกำลังมอบเงินหลายแสนให้กับทางหน่วยราชการที่จัดงานเพื่อการกุศล เขาเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มากมายในกิจการกุศลหลายครั้ง
นายอุทิศ ตัณผลานุสนธิ์คนนั้น ... !
ผมไม่รู้ว่าเขาเข้ามาทางไหน อย่างไร ไอ้เสียงลั่นครืดนั่นเอง ผมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ฝาทุกด้านปิดสนิท แม้แต่ที่พื้นห้องก็ไม่มีร่องรอยอะไรเลย
เขาหัวเราะออกมาค่อนข้างจะดัง แล้วพูดออกมาด้วยสำเนียงไทยปนจีนว่า
สวัสดีครับ คุณร้อยตำรวจโทยอดทวน ผมทราบว่าคุณต้องการพบผม ผมก็มาหา ผมนั่งจ้องตาเขานิ่ง ลองขยับมือที่ไขว้อยู่ข้างหลัง มันติดแน่นไม่ยอมขยับเขยื้อน
คุณต้องนั่งไม่สบายหน่อย เขาพูดออกมาอีก เสียงหัวเราะยังดังอยู่ ต้องขอโทษที่ต้อนรับคุณด้วยวิธีนี้ คุณมีอะไรที่จะพูดกับผมก็พูดมาซีครับ
ความรู้สึกของผมบอกว่า ขณะนี้ภายในห้องไม่มีใครอื่นนอกจากเขากับผม เสี่ยตั้งกับผู้หญิงสองคนนั่นหายไปไหนเมื่อไหร่ ผมไม่ทันได้รู้สึก ผมไม่พูด จ้องนัยน์ตาเขาอยู่อย่างนั้น ในหัวผมคิดหาทางออกอยู่ แต่คิดยังไงมันก็ยังมองไม่เห็นทาง
คุณเล่นงานคนของผมไปแล้วหลายศพ เขาพูดต่อข้างเดียว ผมขอชมฝีไม้ลายมือของคุณว่า หาคนเปรียบได้ยาก คนของผมแต่ละคนที่มีฝีมือ ที่ผมสั่งมาโดยเฉพาะ เขาเป็นนักสู้ฝีมือดีของเมืองจีนทั้งหกเจ็ดคนนั้น กว่าเราจะฝึกเขาขึ้นมาได้ก็ต้องเสียเวลาและเงินไปมากมาย แต่คุณมาทำลายเขาได้เพียงเวลาไม่กี่วัน อันนี้ผมขอชมเชยฝีมือคุณจริง ๆ และผมก็ได้รู้ว่า เขาคัดคุณมาเพื่องานนี้ใช่ไหมครับ
ผมยังจ้องนัยน์ตาไม่กระพริบ
เมื่อคุณไม่พูด ผมก็จะพูดให้ฟังเอง เขายิ้มอย่างคนอารมณ์ดี คุณจะมีชีวิตอยู่อีกเพียงไม่กี่นาที จะได้เก็บเอาไว้เป็นความรู้ไปเล่าให้ยมบาลฟัง ผมรู้จนกระทั่งว่าเขาส่งคุณให้สืบว่า ผมให้เงินสนับสนุนองค์การคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยหรือเปล่า ผมรู้ได้ยังไงนั้น ผมบอกไม่ได้ ผมรู้ก็แล้วกัน ไม่มีอะไรที่ผมอยากจะรู้แล้วไม่ได้รู้ ที่ว่าลับ ๆ ในทางราชการนั้น สำหรับผมมันไม่ใช่ความลับ ผมบริจาคเงินเพื่อการกุศลหลายแห่งได้ ทำไมผมถึงจะให้เงินกับพวกผมบ้างไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าเมืองไทยจะอยู่ได้ และผมไม่ได้ตั้งใจที่จะตายในเมืองไทย ผมมีบ้านที่เกิดของผมในซัวเถา ต้นตระกูลของผมเกิดที่นั่น ผมก็ต้องไปตายที่นั่น ผมถือสัญชาติไทยอยู่ในขณะนี้ก็จริง แต่สัญชาติที่ผมซื้อมาได้ด้วยเงินไม่ใช่สัญชาติที่แท้จริง ของผม แล้วเขาก็หัวเราะลั่นห้อง
ในหัวของผมมันเหมือนมีอะไรเดือดปุด ๆ อยู่ในนั้นขึ้นมาอีก ผมนึกด่าแม่ใครอยู่ในใจ
เพื่อนของคุณตายไปแล้วคนหนึ่ง เขาตายแบบที่คุณกำลังจะตายอีกไม่กี่นาทีนี้ ไม่มีบาดแผล แต่ศพของคุณจะไม่ไปอยู่ที่ชะอำ มันจะไปอยู่อีกฝั่งของทะเล ผมจะต้องคิดดูก่อนว่าจะให้คุณไปอยู่ที่ไหน เพื่อนของคุณมีความผิดสองอย่าง อย่างหนึ่งเขาคิดจะทำลายผม อย่างที่สอง เขามายุ่งกับเด็กของผมมากเกินไป คุณก็มีความผิดอย่างเดียวกับเขาเหมือน ๆ กัน คุณก็ต้องไปอย่างเดียวกับเขา
ผมนึกถึงแม่ต๊อยขึ้นมาทันที คำว่าเด็กของเขาคงจะเป็นแม่คนนี้ แม่เก๋พูดไม่ผิด
คุณมีอะไรที่จะสั่งเสียอีกไหม ถ้าเป็นการสั่งเสียถึงคนภายนอก ผมก็จะจัดการให้ถึงได้ เขาพูดต่อ มีอะไรก็รีบ ๆ บอกมาเสีย เวลามีน้อย
ผมยังจ้องนัยน์ตาเขาอยู่อย่างเดิม เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญกับภัยทุกอย่างที่จะมาถึง มันถึงคราวอับจนก็ต้องยอม แล้วผมก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นห่วง ผู้การเยี่ยมก็จะต้องหาคนมาทดแทนอีกต่อไป ผมจะถูกตัดบัญชีออกไป ก็เท่านั้น มันเป็นงานที่ไม่มีเหรียญตราให้ และไม่มีพิธีศพที่หรูหราสำหรับคนทำงานประเภทนี้
ถ้ายังงั้นก็ขอให้ไปสู่ที่เป็นสุขเป็นสุข อโหสิให้ผมด้วย คุณยอดทวน เขาพูด แล้วไอ้เสียงฝาลั่นครืด ๆ นั่นก็ดังขึ้นอีกทางข้างหลังผม เขาเดินผ่านผมไปทางนั้น เสียงครืด ๆ ดังมาอีกแล้วก็เงียบ ไฟในห้องดับมืดมองไม่เห็นอะไรเลย มันมืดทึบจริง ๆ
กลิ่นอะไรโชยฉุย ๆ เข้ามาในห้อง มันค่อย ๆ ส่งกลิ่นแรงขึ้น แรงขึ้น จนผมอึดอัด ทั้งเหม็นและหายใจไม่ออก ผมกลั้นลมหายใจไว้ พยายามที่ไม่สูดมันเข้าไป รู้ว่ามันเป็นกลิ่นแก๊สพิษชนิดหนึ่ง แต่กลั้นลมหายใจไว้นานได้เท่าที่ผ่อนลมหายใจออก ไอ้กลิ่นนั่นก็เข้ามาในจมูกอีก ผมพยายามสู้กับมันด้วยการกลั้นลมหายใจเป็นพัก ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าทางรอดไม่มี มันเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะทำได้
แล้วความรู้สึกของผมก็ค่อย ๆ เลือนราง หัวหมุนติ้ว ๆ ลมหายใจขัด เจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง ลำคออ่อนพับลงไป ความรู้สึกดับวูบ...
Create Date : 27 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 27 สิงหาคม 2552 1:02:31 น. |
|
3 comments
|
Counter : 734 Pageviews. |
|
|
|
๙
๙๙
๙๙๙
๙๙๙๙
๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ปอ ป้า..เจิมให้...นะคะ