ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 10)
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 10
กบฏเสนาธิการ
ผมสนุกของผมเดียวดายอยู่เกือบปี ก็พอดีมีเรื่องการปฏิวัติเกิดขึ้น โดยคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการของกองทัพ เกิดคบคิดกันวางแผนปฏิวัติขับไล่คณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2491 คบคิดกันอย่างไงก็ไม่รู้จนได้ยินถึงคณะรัฐประหารฝ่ายการข่าวเข้าได้ มีการจับกุมใหญ่ในวันที่ 1 ตุลาคม 2491 นั้นเอง ผู้ที่ถูกจับได้เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการล้วน ๆ ไม่มีฝ่ายคุมกำลังเลย ก็ไม่ทราบว่าท่านนายทหารฝ่ายเสนาธิการกลุ่มนั้น ทำใจกล้าคิดการใหญ่โดยไม่มีฝ่ายคุมกำลังเข้าร่วมด้วย
หรือจะเอาแบบอย่างของคณะปฏิวัติเมื่อ 9 กันยายน 2528 ที่เพิ่งผ่านมาหยก ๆ นี่ก็ไม่รู้ ซึ่งลงเอยแบบเดียวกัน สมัยนั้นก็อาจจะมีไอ้โม่งผิดนัดเหมือนกันก็ได้ นัดแล้วไม่มาเสียเฉย ๆ แบบเดียวกัน ก็ไม่รู้จักจดจำประวัติศาสตร์กันให้ดี สมัยปี 2528 นี้ ยังดีที่มีกำลังอยู่บ้างถึงเกือบสองพัน แล้วยังมีรถถังถึง 22 คัน มันก็ยังไม่พออยู่ดี ไอ้โม่งไม่เอาด้วย เกิดเปลี่ยนใจเสียเฉย ๆ ก็เสร็จ ต้องเดินเข้าที่ควบคุมกันเป็นแถว
สมัยปี 2491 เมื่อ 1 ตุลาคม ก็เหมือนกัน ตอนที่เขาจับกุมกันนั้น พอดีผมถูกท่านผู้กำกับการสันติบาล คือ พันตำรวจเอก หลวงสัมฤทธิสุขุมวาท ท่านสั่งให้ไปเป็นกรรมการร่วมกับทางท้องที่ฉะเชิงเทรา ทำการสอบสวนตำรวจประพฤติผิดทางอาญา ซึ่งมีตำรวจสันติบาลเป็นผู้ต้องหาอยู่ด้วย ท่านคงเห็นว่าผมอยู่ว่าง ๆ จึงตั้งให้ผมเป็นกรรมการทางฝ่ายสันติบาล ไปร่วมทำการสอบสวนกับเขาด้วย ผมก็เลยไม่ได้มีส่วนร่วมในการจับกุมกบฏ ซึ่งเรียกกันว่า กบฏเสนาธิการขณะนั้น
ผมเสร็จจากการสอบสวนทางภูธรแล้วก็เดินทางกลับถึงบ้าน อาบน้ำ แต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ให้มันสบายตัว เพื่อจะมาที่กอง ฯ มาช่วยเขาสอบสวนคดีกบฏเสนาธิการนี้
หน่วยสอบสวนคดีนี้ เขาตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ อยู่ที่บ้านผู้บังคับการสันติบาล ที่หัวมุมถนนพระราม 1 ตัดกับถนนสนามม้า อยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี ท่านผู้บังคับการอุทิศไห้เป็นสถานที่สอบสวน เพราะการสอบสวนคงจะต้องกินเวลานาน ตัวท่านเองก็ไปอยู่บ้านส่วนตัวเสีย ฝ่ายสอบสวนมีพนักงานที่แต่งตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจหลายคน ใช้ห้องทุกห้องของบ้านนั้น ผู้ต้องหาและพยานมีเป็นจำนวนมาก
ผมมาถึงหน่วยที่ตั้งนี้เอาตอนสายมากแล้ว สักสิบโมงกว่า ๆ เห็นจะได้ ผมก็เดินเข้าประตูบ้านไป ตรงรี่จะเข้าห้องสอบสวน มีโต๊ะสองสามตัวที่หน้าห้องแรกที่ก้าวเข้าไป ผมไม่ทันได้เหลียวดูว่ามีใครนั่งอยู่บ้างที่ห้องนอก เพราะรู้ว่าห้องสอบสวนใหญ่นั้นอยู่ชั้นใน
ผมเดินเร่ง ๆ เข้าไปกำลังจะเข้าประตูห้องชั้นใน
เ...ดแม่... หายไปไหน เสียงดังก้องแผดออกมาจากโต๊ะ ๆ หนึ่งในห้องชั้นนอกนั้น
ผมหันขวับไปทางที่ได้ยินเสียง
บุรุษร่างใหญ่ในเครื่องแบบพลตำรวจตรี นั่งตาถลนเอากับผม คือเจ้าของเสียงนั้น นัยน์ตาที่จ้องมองผมนั้นแทบว่าจะทะลุออกมานอกเบ้า ผมไปเป็นกรรมการสอบสวนตำรวจที่แปดริ้วมาครับ ผมยืนกุมมือตอบ เข้าไปช่วยเขาสอบสวนซี ไอ้ห่า เจ้าของนัยน์ตาถลนแผดเสียงต่ออีก ผมก็มานี่เพื่อจะช่วยเขาสอบสวนครับ ผมตอบไปยังงั้น นัยน์ตาคู่นั้นยังถลนอยู่อย่างจะเอาเรื่อง ก็พอดีท่านผู้บังคับการของผมก้าวออกมาจากห้องใน คงจะได้ยินเสียงตวาดนั่น
เสร็จแล้วหรือ พุฒ ท่านถาม เสร็จแล้วครับ ผมโค้งตอบท่านผู้บังคับการ ตำรวจของเราไม่ผิดครับ เออ แล้วไป ท่านว่า เข้าไปช่วยเขาสอบสวนข้างในซิ ผมเข้าไปในห้องสอบสวนโดยไม่ได้หันมามองเจ้าของเสียงฟ้าผ่านั้น
นั่นเป็นครั้งที่สองที่ผมพบท่านเผ่า ฯ พบกันครั้งแรกในรอบปี ก็เจอคำทักพิเศษยังกับรู้จักกันมาแรมปี ชนิดพูดคำ ด่าคำได้
พอถึงตอนเที่ยง เขาหยุดพักกินข้าวกลางวันกัน ผมก็ออกมานั่งที่ม้ายาวหน้าบ้านคนเดียว ตักอาหารใส่จานมานั่งกินของผมอยู่ที่นั่น กำลังกินข้าวไปได้สองสามคำ ก็มีรถจี๊ปสีแดงคันหนึ่งมาจอดที่หน้าบ้าน เจ้าของรถก้าวลงมาจากรถ เดินอาด ๆ เข้ามาในบ้าน ผ่านที่ผมนั่งกินข้าวอยู่ จะเข้าไปในห้อง ผมนั่งกินข้าวของผมเฉยอยู่ ไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพทั้ง ๆ ที่ท่านอยู่ในเครื่องแบบพลตำรวจตรี และเป็นผู้ช่วย อ. ตร. เพราะตามระเบียบว่าด้วยความทำเคารพนั้น ไม่ต้องทำความเคารพผู้ใดทั้งสิ้นขณะรับประมานอาหาร นอกจากธงชาติและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ท่านผู้นั้นเดินดัง ๆ เข้าไปในห้อง จะหันมาดูผมหรือเปล่าผมไม่ได้เอาใจใส่ สักครู่ใหญ่ ๆ ท่านก็เดินดัง ๆ ออกมา ตรงรี่ไปที่จี๊ปแดงที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ก้าวขึ้นนั่ง
เฮ้ย ขึ้นรถ ผมได้ยินเสียงแผดมาจากรถจี๊ปคันนั้น
ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว มองไปทางรถ ท่านผู้แผดเสียงมองมาทาง ผม ผมก็หันไปดูทางข้างในห้องว่าท่านพูดกับใครในนั้น มึงน่ะแหละ หันไปมองใครอีกล่ะ เสียงแผดดังมาอีก ผมหันกลับมาทางท่านเจ้าของเสียง นัยน์ตาถลึงมาทางผม เห็นจะพูดกับผมแน่ เพราะนัยน์ตาคู่นั้นจับแน่วแน่อยู่ที่หน้าผม ผมหันรีหันขว้างหาที่วางจาน เพราะยังกินอร่อย ๆ อยู่ไม่หมดจาน เอ้า... ยังห่วงแดกอยู่อีก เสียงแผดมาอีก
ผมวางจาน คว้าหมวกที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาแปะบนหัว วิ่งครึ่งเดินไปที่รถจี๊ปคันนั้น ก้าวขึ้นไปนั่งด้านหลังซึ่งมีตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง พอผมก้าวขึ้นรถยังไม่ทันจะนั่งเรียบร้อย รถคันนั้นก็กระชากออกไปทันที จนผมก้นกระแทกเบาะที่นั่ง หงายหลังพิงพนักพอดี
เฮ้ย มีปืนมาหรือเปล่าวะ เสียงเจ้าของรถถามข้ามไหล่มา มีครับ ผมตอบไป เอาของกูไว้ด้วย เสียงข้ามไหล่มาอีก พร้อมทั้งกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ถูกเหวี่ยงข้ามไหล่มา ผมรับกระเป๋าใบนั้นไว้ มันหนัก ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง เอาไว้กับตัวมึงให้ดี กูอยู่ไหน มึงอยู่ด้วย อย่าห่าง เสียงข้ามตามกระเป๋ามา
นั่นเป็นการพบปะเรียกตัวเข้าไปรับใช้อย่างใกล้ชิดที่แหวกแนวที่สุด โดยที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม และด้วยเหตุผลอะไร หรือเพราะอะไรที่ดลให้เกิดขึ้น
แล้วผมก็ต้องติดก้นผูกพันกับท่านอย่างใกล้ชิดติดต่อกันไป 13 ปีเต็ม ๆ นับจากวันนั้น
Create Date : 23 มกราคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 23 มกราคม 2553 0:49:51 น. |
Counter : 1683 Pageviews. |
|
|
|