จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 10)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 10

กบฏเสนาธิการ

ผมสนุกของผมเดียวดายอยู่เกือบปี ก็พอดีมีเรื่องการปฏิวัติเกิดขึ้น โดยคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการของกองทัพ เกิดคบคิดกันวางแผนปฏิวัติขับไล่คณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2491 คบคิดกันอย่างไงก็ไม่รู้จนได้ยินถึงคณะรัฐประหารฝ่ายการข่าวเข้าได้ มีการจับกุมใหญ่ในวันที่ 1 ตุลาคม 2491 นั้นเอง ผู้ที่ถูกจับได้เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการล้วน ๆ ไม่มีฝ่ายคุมกำลังเลย ก็ไม่ทราบว่าท่านนายทหารฝ่ายเสนาธิการกลุ่มนั้น ทำใจกล้าคิดการใหญ่โดยไม่มีฝ่ายคุมกำลังเข้าร่วมด้วย

หรือจะเอาแบบอย่างของคณะปฏิวัติเมื่อ 9 กันยายน 2528 ที่เพิ่งผ่านมาหยก ๆ นี่ก็ไม่รู้ ซึ่งลงเอยแบบเดียวกัน สมัยนั้นก็อาจจะมีไอ้โม่งผิดนัดเหมือนกันก็ได้ นัดแล้วไม่มาเสียเฉย ๆ แบบเดียวกัน ก็ไม่รู้จักจดจำประวัติศาสตร์กันให้ดี สมัยปี 2528 นี้ ยังดีที่มีกำลังอยู่บ้างถึงเกือบสองพัน แล้วยังมีรถถังถึง 22 คัน มันก็ยังไม่พออยู่ดี ไอ้โม่งไม่เอาด้วย เกิดเปลี่ยนใจเสียเฉย ๆ ก็เสร็จ ต้องเดินเข้าที่ควบคุมกันเป็นแถว

สมัยปี 2491 เมื่อ 1 ตุลาคม ก็เหมือนกัน ตอนที่เขาจับกุมกันนั้น พอดีผมถูกท่านผู้กำกับการสันติบาล คือ พันตำรวจเอก หลวงสัมฤทธิสุขุมวาท ท่านสั่งให้ไปเป็นกรรมการร่วมกับทางท้องที่ฉะเชิงเทรา ทำการสอบสวนตำรวจประพฤติผิดทางอาญา ซึ่งมีตำรวจสันติบาลเป็นผู้ต้องหาอยู่ด้วย ท่านคงเห็นว่าผมอยู่ว่าง ๆ จึงตั้งให้ผมเป็นกรรมการทางฝ่ายสันติบาล ไปร่วมทำการสอบสวนกับเขาด้วย ผมก็เลยไม่ได้มีส่วนร่วมในการจับกุมกบฏ ซึ่งเรียกกันว่า กบฏเสนาธิการขณะนั้น

ผมเสร็จจากการสอบสวนทางภูธรแล้วก็เดินทางกลับถึงบ้าน อาบน้ำ แต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ให้มันสบายตัว เพื่อจะมาที่กอง ฯ มาช่วยเขาสอบสวนคดีกบฏเสนาธิการนี้

หน่วยสอบสวนคดีนี้ เขาตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ อยู่ที่บ้านผู้บังคับการสันติบาล ที่หัวมุมถนนพระราม 1 ตัดกับถนนสนามม้า อยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี ท่านผู้บังคับการอุทิศไห้เป็นสถานที่สอบสวน เพราะการสอบสวนคงจะต้องกินเวลานาน ตัวท่านเองก็ไปอยู่บ้านส่วนตัวเสีย ฝ่ายสอบสวนมีพนักงานที่แต่งตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจหลายคน ใช้ห้องทุกห้องของบ้านนั้น ผู้ต้องหาและพยานมีเป็นจำนวนมาก

ผมมาถึงหน่วยที่ตั้งนี้เอาตอนสายมากแล้ว สักสิบโมงกว่า ๆ เห็นจะได้ ผมก็เดินเข้าประตูบ้านไป ตรงรี่จะเข้าห้องสอบสวน มีโต๊ะสองสามตัวที่หน้าห้องแรกที่ก้าวเข้าไป ผมไม่ทันได้เหลียวดูว่ามีใครนั่งอยู่บ้างที่ห้องนอก เพราะรู้ว่าห้องสอบสวนใหญ่นั้นอยู่ชั้นใน

ผมเดินเร่ง ๆ เข้าไปกำลังจะเข้าประตูห้องชั้นใน

“ เ...ดแม่... หายไปไหน ” เสียงดังก้องแผดออกมาจากโต๊ะ ๆ หนึ่งในห้องชั้นนอกนั้น

ผมหันขวับไปทางที่ได้ยินเสียง

บุรุษร่างใหญ่ในเครื่องแบบพลตำรวจตรี นั่งตาถลนเอากับผม คือเจ้าของเสียงนั้น นัยน์ตาที่จ้องมองผมนั้นแทบว่าจะทะลุออกมานอกเบ้า
“ ผมไปเป็นกรรมการสอบสวนตำรวจที่แปดริ้วมาครับ ” ผมยืนกุมมือตอบ
“ เข้าไปช่วยเขาสอบสวนซี ไอ้ห่า ” เจ้าของนัยน์ตาถลนแผดเสียงต่ออีก
“ ผมก็มานี่เพื่อจะช่วยเขาสอบสวนครับ ” ผมตอบไปยังงั้น
นัยน์ตาคู่นั้นยังถลนอยู่อย่างจะเอาเรื่อง ก็พอดีท่านผู้บังคับการของผมก้าวออกมาจากห้องใน คงจะได้ยินเสียงตวาดนั่น

“ เสร็จแล้วหรือ พุฒ ” ท่านถาม
“ เสร็จแล้วครับ ” ผมโค้งตอบท่านผู้บังคับการ “ ตำรวจของเราไม่ผิดครับ ”
“ เออ แล้วไป ” ท่านว่า “ เข้าไปช่วยเขาสอบสวนข้างในซิ ”
ผมเข้าไปในห้องสอบสวนโดยไม่ได้หันมามองเจ้าของเสียงฟ้าผ่านั้น

นั่นเป็นครั้งที่สองที่ผมพบท่านเผ่า ฯ พบกันครั้งแรกในรอบปี ก็เจอคำทักพิเศษยังกับรู้จักกันมาแรมปี ชนิดพูดคำ ด่าคำได้

พอถึงตอนเที่ยง เขาหยุดพักกินข้าวกลางวันกัน ผมก็ออกมานั่งที่ม้ายาวหน้าบ้านคนเดียว ตักอาหารใส่จานมานั่งกินของผมอยู่ที่นั่น กำลังกินข้าวไปได้สองสามคำ ก็มีรถจี๊ปสีแดงคันหนึ่งมาจอดที่หน้าบ้าน เจ้าของรถก้าวลงมาจากรถ เดินอาด ๆ เข้ามาในบ้าน ผ่านที่ผมนั่งกินข้าวอยู่ จะเข้าไปในห้อง ผมนั่งกินข้าวของผมเฉยอยู่ ไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพทั้ง ๆ ที่ท่านอยู่ในเครื่องแบบพลตำรวจตรี และเป็นผู้ช่วย อ. ตร. เพราะตามระเบียบว่าด้วยความทำเคารพนั้น ไม่ต้องทำความเคารพผู้ใดทั้งสิ้นขณะรับประมานอาหาร นอกจากธงชาติและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ท่านผู้นั้นเดินดัง ๆ เข้าไปในห้อง จะหันมาดูผมหรือเปล่าผมไม่ได้เอาใจใส่ สักครู่ใหญ่ ๆ ท่านก็เดินดัง ๆ ออกมา ตรงรี่ไปที่จี๊ปแดงที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ก้าวขึ้นนั่ง

“ เฮ้ย ขึ้นรถ ” ผมได้ยินเสียงแผดมาจากรถจี๊ปคันนั้น

ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว มองไปทางรถ ท่านผู้แผดเสียงมองมาทาง
ผม ผมก็หันไปดูทางข้างในห้องว่าท่านพูดกับใครในนั้น
“ มึงน่ะแหละ หันไปมองใครอีกล่ะ ” เสียงแผดดังมาอีก
ผมหันกลับมาทางท่านเจ้าของเสียง นัยน์ตาถลึงมาทางผม เห็นจะพูดกับผมแน่ เพราะนัยน์ตาคู่นั้นจับแน่วแน่อยู่ที่หน้าผม ผมหันรีหันขว้างหาที่วางจาน เพราะยังกินอร่อย ๆ อยู่ไม่หมดจาน
“ เอ้า... ยังห่วงแดกอยู่อีก ” เสียงแผดมาอีก

ผมวางจาน คว้าหมวกที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาแปะบนหัว วิ่งครึ่งเดินไปที่รถจี๊ปคันนั้น ก้าวขึ้นไปนั่งด้านหลังซึ่งมีตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง พอผมก้าวขึ้นรถยังไม่ทันจะนั่งเรียบร้อย รถคันนั้นก็กระชากออกไปทันที จนผมก้นกระแทกเบาะที่นั่ง หงายหลังพิงพนักพอดี

“ เฮ้ย มีปืนมาหรือเปล่าวะ ” เสียงเจ้าของรถถามข้ามไหล่มา
“ มีครับ ” ผมตอบไป
“ เอาของกูไว้ด้วย ” เสียงข้ามไหล่มาอีก พร้อมทั้งกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ถูกเหวี่ยงข้ามไหล่มา ผมรับกระเป๋าใบนั้นไว้ มันหนัก ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง
“ เอาไว้กับตัวมึงให้ดี กูอยู่ไหน มึงอยู่ด้วย อย่าห่าง ” เสียงข้ามตามกระเป๋ามา

นั่นเป็นการพบปะเรียกตัวเข้าไปรับใช้อย่างใกล้ชิดที่แหวกแนวที่สุด โดยที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม และด้วยเหตุผลอะไร หรือเพราะอะไรที่ดลให้เกิดขึ้น

แล้วผมก็ต้องติดก้นผูกพันกับท่านอย่างใกล้ชิดติดต่อกันไป 13 ปีเต็ม ๆ นับจากวันนั้น




 

Create Date : 23 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 23 มกราคม 2553 0:49:51 น.
Counter : 1683 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.