ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 3)
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 3
พวกผมยังไม่รู้ว่า ท่านผู้ที่บอกชื่อว่า เผ่า นั้น นามสกุลว่ายังไงในตอนนั้น และก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้นามสกุล แต่ก็นิยมในความเป็นนักเลงของเจ้าของชื่อนั้น รู้แต่เพียงว่าเป็นเจ้าของร้าน แล้วก็ไม่ได้เอาใจใส่อะไรอื่นอีก เพียงแต่รู้สึกผิดหวังนิด ๆ ที่ไม่ได้เจอนักเลงตัวจริง ไปเล่นเอาคนขี้เมาประจำร้านเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ไอ้หนูมือไวไปหน่อยเท่านั้นเอง คนที่ปล่อยหมัดตรงคนนั้นมีชื่อเรียกกันเล่น ๆ ว่า ไอ้หนู เพราะเขาเด็กกว่าเพื่อน ชื่อนี้ก็เลยติดปากมาตลอด เจ้าตัวก็ยอมรับชื่อนี้
จากนั้น พวกเราก็ไม่ได้ไปเยี่ยมกรายไปที่ร้านนั้นอีกเลย เพราะรู้เสียแล้วว่าที่นั่นไม่มีนักเลงที่น่าจะเล่นด้วย ถ้าแกจะเล่นรวนแขกของที่นั่นต่อก็ช่างแก เพราะเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกัน คงจะหาทางจัดการกันเองได้
พวกเรายกกันไปหาโจทก์ในท้องที่อื่นที่ดุกว่า เช่นแถว ๆ ท่าเรือหวั่งหลี ที่มีนักเลงท่าเรือชุกชุม ไปหาที่นั่งตามบาร์นักเลงแถว ๆ นั้นยามว่างจากการยิงคนร้าย การจี้ปล้นหลังสงครามยุคนั้นมีถี่ ๆ เหมือนกัน และพวกเราทางกรมตำรวจตั้งหน่วยขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่องานนี้ ที่เที่ยวเร่ไปหาโจทก์กันนั้นก็เป็นยามที่ว่างไม่มีงานทำ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ให้มันไม่นอนสงบเท่านั้น
หนังสือพิมพ์ลงข่าวการออกไล่ยิงผู้ร้ายของพวกเรากันถี่ ๆ แทบทุกวัน พร้อมทั้งลงรูปถ่ายมือปืนของหน่วยให้เห็นหน้ากันชัด ๆ อีกด้วย ลงชื่อเสียงเรียงนามให้รู้จักกันชัด ๆ ไปเลย ไม่มีใครว่ากัน ตอนนั้นยังหนุ่มรุ่นกระทงทั้งสี่คน ในกองก็มีอยู่สี่คนนี่แหละที่หนุ่มที่สุด และออกมาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกมาหมาด ๆ อายุตอนนั้นก็ย่างเข้ายี่สิบสามยี่สิบสี่เท่านั้น มียศร้อยตำรวจโท ดาวบนบ่ายังเปียก ๆ อยู่ แต่ว่าความจริงก็ไม่ได้แต่งเครื่องแบบกันนักหรอก เพราะมันเป็นงานนอกเครื่องแบบเสียส่วนมาก ไม่มีเวลากลับไปแต่งเครื่องแบบ เวลาออกงานก็เลยต้องยิงกับเขาทั้ง ๆ นอกเครื่องแบบยังงั้น ใครที่ไหนมันจะรู้ว่ากำลังยิงอยู่กับตำรวจ แล้วเวลาไล่ยิงกัน ก็ไม่ทันได้ตะโกนบอกว่า เป็นตำรวจเสียด้วย
วันต่อ ๆ มาก็ย้ายไปกินข้าวกลางวันที่บาร์เฉลิมกรุงบ้าง บาร์นั้นมีอาหารกลางวันและอาหารเย็นที่มีฝีมือ พวกเรายกกันไปที่นั่นบ่อย ๆ วันหนึ่งก็มาเจอกับคนร่างใหญ่เจ้าของร้านกิ่งแก้วเข้าอีกจนได้ ทีแรกก็ไม่รู้ว่าท่านมาทำไม ต่อมาจึงรู้ว่า ชายร่างใหญ่คนนั้นเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ อยู่ และที่นั่นเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียอีก ก็เลยได้เจอกันโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเราก็ยกมือไหว้ทักทายกันตามเรื่องไป
ในระยะสมัยนั้นก็ได้พบได้เจอท่านพันเอก เผ่า ศรียานนท์ อย่างฉาบฉวยแค่นั้น ความสำคัญของท่านผู้นี้ ซึ่งเคยเป็นนายทหารคนสนิทของท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ลดถอยลงไปแล้ว เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาสงบลง และท่านจอมพล โดนข้อหาอาชญากรสงคราม ต้องตกกระป๋องไปเข้าคุกคลองเปรมเพื่อรอคำพิพากษา เมื่อหลุดจากคดีมาก็ได้ไปพักผ่อนสงบอารมณ์แถว ๆ นอกเมืองอย่างสงบ
พลพรรคเสรีไทยที่กอบกู้ประเทศชาติมาก็ขึ้นครองอำนาจเมื่อสิ้นสุดสงคราม พวกผมเป็นพวกเสรีไทยกับเขาด้วยก็ได้มีส่วนในการช่วยเหลือรัฐบาลในทางปราบปรามตามความถนัด
แล้วรัฐบาลเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผมอย่างแรง
ความจริงผมรู้ข่าวปฏิวัติที่เรียกกันว่า รัฐประหาร ในครั้งนั้นมาก่อนหน้าที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นนานมาแล้ว ข่าวคราวเรื่องที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้ เป็นข่าวร่ำลือกันก่อนหน้าหลายวันมาแล้ว เมื่อข่าวนั้นเข้มข้นขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป มันก็มาเข้าหูผมเอง เพราะผมเป็นฝ่ายการข่าวอยู่ที่สันติบาล คือ กอง 2 ซึ่งเป็นหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะข่าวนั้นมันเข้ามาเต็มหูผม และผมก็ได้รายงานข่าวนี้ไปยังรัฐบาลตามหน้าที่ของผม
Create Date : 13 มกราคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 13 มกราคม 2553 2:33:39 น. |
Counter : 1362 Pageviews. |
|
|
|