จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 6)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 6

วันหนึ่ง ผมไปกินข้าวกลางวันที่บาร์เฉลิมกรุงกับเพื่อน ๆ ผมพบกับคุณหลวงสังวรยุทธกิจ ท่านเป็นผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ท่านก็เรียกผมเข้าไปในห้องน้ำ แล้วถามผมว่าไปมีเรื่องะไรกับผู้บังคับการเขา

“ เขาให้อั๊วย้ายลื้อไปเป็นสารวัตรนครบาลวัดลิงขบ ”

ผมก็งงกับคำถามของท่าน ไอ้การที่จะโดนย้ายจากสารวัตรสอบสวนกลางซึ่งมีอำนาจการสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศไปอยู่สถานีตำรวจวัดลิงขบนั้น มันเป็นการย้ายอย่างชนิดที่เรียกว่า ถีบส่งลงไปอยู่ในท้องที่ที่ไม่มีความหมาย เป็นการลงโทษอย่างเหยียดหยามกันตรง ๆ

ผมตอบท่านไปว่า ผมไม่เคยมีเรื่องอะไรกับท่านผู้บังคับการ แต่ท่านผู้บังคับการจะมีเรื่องอะไรกับผม ผมไม่ทราบ แต่ผมทราบว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ผมไม่ยอมส่งตำรวจของผมไปตามคำสั่งเรื่องนั้น

ท่านผู้รักษาการณ์อธิบดีตำรวจก็ถามว่า “ ลื้อจะว่ายังไง ”

ผมก็ตอบไปว่า “ ผมไม่ว่ายังไงหรอกครับ ผมมีหน้าที่รับคำสั่ง ท่านสั่งมาผมก็ต้องรับทราบ ถ้าผมเห็นว่าผมทนไม่ได้ ผมก็ลาออก ท่านมีอำนาจสั่งก็โปรดสั่ง ”

คุณหลวงสังวร ฯ ตบไหล่ผมเบา ๆ แล้วว่า “ เออ แล้วอั๊วจะสั่งเอง ”

อีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีคำสั่งเฉพาะตัวผมออกมา ให้ย้ายไปประจำกองกำกับการ 2 กองตำรวจสันติบาล เป็นการย้ายข้ามตึกภายในบริเวณพื้นที่กรมตำรวจนั่นเอง ผมก็ต้องเข้าไปอยู่ในกอง 2 สันติบาล โดยไม่มีตำแหน่ง เป็นประจำกองกำกับการ 2 ตอนนั้น ผมมีท่านพันตำรวจตรีประจวบ กีรติบุตร เป็นผู้กำกับการ

วันที่ผมไปรายงานตัวกับท่านผู้บังคับการคนใหม่ ท่านพูดกับผมว่า

“ คุณไปมีเรื่องอะไรถึงถูกย้าย ผมถูกท่านอธิบดีเรียกไปพบ ถามว่าท่านจะส่งคุณมาอยู่กับผม จะเอาไหม ผมก็ตอบไปว่า ดีซิครับ ผมอยากได้ตัวคุณอยู่แล้ว คำสั่งนี้ก็ออกมาทันที มาช่วยงานกันก็ดี แต่ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งว่าง ประจำกองไปก่อนก็แล้วกัน ”

ผมไม่ว่าอะไร ก็ไม่รู้จะว่าอะไร แล้วผมก็โค้งลาออกมา ไปนั่งที่ห้องที่ผู้บังคับการท่านจัดไว้ให้ ไม่มีงานอะไรเป็นเรื่องเป็นราว

ระหว่างที่ผมไปอยู่ที่กอง 2 สันติบาลนี่เอง ข่าวคราวเรื่องปฏิวัติกระฉ่อนไปทั่วเมือง ผู้กำกับประจวบ ฯ ก็เรียกผมไปสั่งให้ออกหาข่าวเรื่องนี้ ตอนนั้นเหคุการณ์ทางการเมืองไม่ดีจริง ๆ เพราะบรรดาท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ต่างก็กินจุบกินจิบกันยกใหญ่ เป็นที่อื้อฉาว ทำกันอย่างไม่เกรงใจใคร อาจจะถือว่ามีอำนาจล้นฟ้าก็ได้ ข่าวคราวที่ผมสดับตรับฟังมาก็ไม่สู้จะดี ผมก็มารายงานให้ทางกอง ฯ ทราบเป็นระยะ เหตุการณ์ต้องเกิดวันหนึ่งแน่ มันสุกงอมเต็มที่ และประชาชนทั่วไปก็ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะเบื่อหน่ายกับภาวะบีบคั้นเต็มทน

แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่ง ผมก็ถูกเรียกตัวไปพบผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณอาของผม ท่านเป็นผู้บังคับการตำรวจอยู่ทางภาคอีสาน ผมไปพบท่านตามสั่ง

ท่านพูดกับผมว่า “ เวลานี้มีคณะบุคคลคณะหนึ่งเขาคบคิดกันจะปฏิวัติ และมีลู่ทางสำเร็จ แกจะเอากับเขาไหม อาน่ะเอากับเขาเต็มที่แล้ว อยากให้แกเข้ามาร่วมด้วย ”

คุณอาของผมท่านก็รู้ ๆ อยู่ว่า ผมเป็นคนของพรรคเสรีไทย และสนิทสนมกับฝ่ายรัฐบาลมาก อีกทั้งยังมีหน้าที่สอบสวนทางการเมืองอยู่ที่สันติบาลกอง 2 โดยตรง ท่านยังเอาเรื่องปฏิวัติมาแหย่จมูกผม ไม่ต้องไปเที่ยวดมกลิ่นที่ไหน ผมตอบท่านไปว่า ผมขอคิดดูก่อน

ผมก็ไปเล่าให้พี่เชื้อ นายตำรวจรุ่นพี่ที่เอาผมมาแทนเขาที่กองสอบสวนกลาง และเขายังเป็นผู้ช่วยเลขา ฯ รัฐมนตรีมหาดไทยอยู่ด้วย ผมบอกว่า ไอ้ที่มีข่าวลือเรื่องปฏิวัตินั้น มันจะเป็นเรื่องจริงแล้ว ผมนี่แหละที่ถูกชวน พี่เชื้อมีชื่อเต็มว่า ร้อยตำรวจเอก เชื้อ สุวรรณศร และพี่เชื้อนั้นเป็นคนสนิทของท่านปรีดี หัวหน้าเสรีไทยในประเทศไทย และเป็นผู้ควบคุมรัฐบาลสมัยนั้น ซึ่งมีคุณหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

พี่เชื้อพาผมไปพบท่านปรีดีที่บ้านท่าช้าง ให้ผมไปเล่าเรื่องนี้ให้ท่านปรีดีฟังด้วยตนเอง ผมก็ไปกับพี่เชื้อ ไปนั่งคุยกับท่านปรีดีที่ท่าน้ำบ้านท่าช้าง ผมเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ถูกชวนให้ร่วมในการปฏิวัติให้ท่านฟัง ท่านถามผมว่าใครมาชวน ผมบอกท่านว่า ผมบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่เป็นคนที่น่าเชื่อถือได้และเขาเอาจริง ท่านปรีดีรับทราบ บอกขอบใจผม ทำทีดูเหมือนไม่เชื่อ เท่านั้นผมก็ลากลับออกมา ผมทำหน้าที่ของผมแล้วในฐานะสันติบาล ส่วนเรื่องที่จะเอากับเขาไหมนั้น ผมไม่สนใจ

วันต่อมา ข่าวคราวเรื่องปฏิวัตินี้ก็ยิ่งหนาหูขึ้น หนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ท่านนายกรัฐมนตรี พลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ท่านก็ว่า ท่านก็กำลังรอการปฏิวัติอยู่เหมือนกันว่า จะเอากันเมื่อไหร่ ท้าทายการปฏิวัติไปในตัว ดูท่านจะมีความเชื่อมั่นในตัวท่านผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นมาก ท่านผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นคือ พลเอกหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจมาแล้ว แล้วปล่อยมือให้พลตรีหลวงสังวรยุทธกิจ จากเจ้ากรมสารวัตรทหาร มานั่งรักษาการณ์แทน

เหตุการณ์บ้านเมืองทั่ว ๆ ไปตอนนั้นกำลังย่ำแย่ในทุกวิถีทาง ผู้คนยากจนขาดอาชีพ โจรผู้ร้ายระบาดทั่วไป นอกจากนั้นบุคคลในคณะรัฐบาลยังตั้งหน้าตั้งตากอบโกยหาเงินกันในทุกทางโดยไม่คำนึงถึงอะไร รัฐบาลตั้งองค์การสรรพาหารขึ้นเพื่อให้ราษฎรได้ซื้อสินค้าจำเป็นในราคาถูก แต่วิธีที่องค์การนี้ทำก็คือ ไปเที่ยวหาซื้อสินค้าราคาแพงจากพ่อค้าที่ตั้งหน้าขูดเลือดราษฎรอยู่นั้น มาขายให้ราษฎรอีกกลุ่มหนึ่งในราคาถูก คือรัฐบาลยอมขาดทุนบังหน้า รัฐบาลขาดทุนก็คือเงินของราษฎรนั่นเอง และพวกพ่อค้าที่รัฐบาลไปซื้อสินค้าราคาแพงมาขายในราคาถูกนั้น ก็คือพรรคพวกของบุคคลในคณะรัฐบาล มันวนเวียนกันหากินอยู่บนหลังราษฎรอย่างนั้น ต่างก็คิดกันว่าราษฎรโง่

นั่นเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ผมได้รู้เห็นเหตุการณ์นั้นเต็มตาเพราะอยู่ในคณะเสรีไทยด้วย และได้รับรู้ความยุ่งยากนี้โดยการข่าวทางด้านสันติบาลที่ผมมีหน้าที่อยู่ ผมเองก็นั่งรอการปฏิวัติอยู่เหมือนกัน จะเอากันเมื่อไหร่ และเชื่อว่าเหตุการณ์มันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน อยู่แต่ว่าเมื่อไรเท่านั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป ตอน : รัฐประหารปี พ.ศ. 2490




 

Create Date : 17 มกราคม 2553
2 comments
Last Update : 17 มกราคม 2553 1:08:08 น.
Counter : 1424 Pageviews.

 

 

โดย: นนนี่มาแล้ว 17 มกราคม 2553 8:47:26 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณนนนี่

ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณที่มาเยือนค่ะ


 

โดย: ธารน้อย 19 มกราคม 2553 1:04:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.