ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 6)
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 6
วันหนึ่ง ผมไปกินข้าวกลางวันที่บาร์เฉลิมกรุงกับเพื่อน ๆ ผมพบกับคุณหลวงสังวรยุทธกิจ ท่านเป็นผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ท่านก็เรียกผมเข้าไปในห้องน้ำ แล้วถามผมว่าไปมีเรื่องะไรกับผู้บังคับการเขา
เขาให้อั๊วย้ายลื้อไปเป็นสารวัตรนครบาลวัดลิงขบ
ผมก็งงกับคำถามของท่าน ไอ้การที่จะโดนย้ายจากสารวัตรสอบสวนกลางซึ่งมีอำนาจการสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศไปอยู่สถานีตำรวจวัดลิงขบนั้น มันเป็นการย้ายอย่างชนิดที่เรียกว่า ถีบส่งลงไปอยู่ในท้องที่ที่ไม่มีความหมาย เป็นการลงโทษอย่างเหยียดหยามกันตรง ๆ
ผมตอบท่านไปว่า ผมไม่เคยมีเรื่องอะไรกับท่านผู้บังคับการ แต่ท่านผู้บังคับการจะมีเรื่องอะไรกับผม ผมไม่ทราบ แต่ผมทราบว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ผมไม่ยอมส่งตำรวจของผมไปตามคำสั่งเรื่องนั้น
ท่านผู้รักษาการณ์อธิบดีตำรวจก็ถามว่า ลื้อจะว่ายังไง
ผมก็ตอบไปว่า ผมไม่ว่ายังไงหรอกครับ ผมมีหน้าที่รับคำสั่ง ท่านสั่งมาผมก็ต้องรับทราบ ถ้าผมเห็นว่าผมทนไม่ได้ ผมก็ลาออก ท่านมีอำนาจสั่งก็โปรดสั่ง
คุณหลวงสังวร ฯ ตบไหล่ผมเบา ๆ แล้วว่า เออ แล้วอั๊วจะสั่งเอง
อีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีคำสั่งเฉพาะตัวผมออกมา ให้ย้ายไปประจำกองกำกับการ 2 กองตำรวจสันติบาล เป็นการย้ายข้ามตึกภายในบริเวณพื้นที่กรมตำรวจนั่นเอง ผมก็ต้องเข้าไปอยู่ในกอง 2 สันติบาล โดยไม่มีตำแหน่ง เป็นประจำกองกำกับการ 2 ตอนนั้น ผมมีท่านพันตำรวจตรีประจวบ กีรติบุตร เป็นผู้กำกับการ
วันที่ผมไปรายงานตัวกับท่านผู้บังคับการคนใหม่ ท่านพูดกับผมว่า
คุณไปมีเรื่องอะไรถึงถูกย้าย ผมถูกท่านอธิบดีเรียกไปพบ ถามว่าท่านจะส่งคุณมาอยู่กับผม จะเอาไหม ผมก็ตอบไปว่า ดีซิครับ ผมอยากได้ตัวคุณอยู่แล้ว คำสั่งนี้ก็ออกมาทันที มาช่วยงานกันก็ดี แต่ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งว่าง ประจำกองไปก่อนก็แล้วกัน
ผมไม่ว่าอะไร ก็ไม่รู้จะว่าอะไร แล้วผมก็โค้งลาออกมา ไปนั่งที่ห้องที่ผู้บังคับการท่านจัดไว้ให้ ไม่มีงานอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
ระหว่างที่ผมไปอยู่ที่กอง 2 สันติบาลนี่เอง ข่าวคราวเรื่องปฏิวัติกระฉ่อนไปทั่วเมือง ผู้กำกับประจวบ ฯ ก็เรียกผมไปสั่งให้ออกหาข่าวเรื่องนี้ ตอนนั้นเหคุการณ์ทางการเมืองไม่ดีจริง ๆ เพราะบรรดาท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ต่างก็กินจุบกินจิบกันยกใหญ่ เป็นที่อื้อฉาว ทำกันอย่างไม่เกรงใจใคร อาจจะถือว่ามีอำนาจล้นฟ้าก็ได้ ข่าวคราวที่ผมสดับตรับฟังมาก็ไม่สู้จะดี ผมก็มารายงานให้ทางกอง ฯ ทราบเป็นระยะ เหตุการณ์ต้องเกิดวันหนึ่งแน่ มันสุกงอมเต็มที่ และประชาชนทั่วไปก็ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะเบื่อหน่ายกับภาวะบีบคั้นเต็มทน
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่ง ผมก็ถูกเรียกตัวไปพบผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณอาของผม ท่านเป็นผู้บังคับการตำรวจอยู่ทางภาคอีสาน ผมไปพบท่านตามสั่ง
ท่านพูดกับผมว่า เวลานี้มีคณะบุคคลคณะหนึ่งเขาคบคิดกันจะปฏิวัติ และมีลู่ทางสำเร็จ แกจะเอากับเขาไหม อาน่ะเอากับเขาเต็มที่แล้ว อยากให้แกเข้ามาร่วมด้วย
คุณอาของผมท่านก็รู้ ๆ อยู่ว่า ผมเป็นคนของพรรคเสรีไทย และสนิทสนมกับฝ่ายรัฐบาลมาก อีกทั้งยังมีหน้าที่สอบสวนทางการเมืองอยู่ที่สันติบาลกอง 2 โดยตรง ท่านยังเอาเรื่องปฏิวัติมาแหย่จมูกผม ไม่ต้องไปเที่ยวดมกลิ่นที่ไหน ผมตอบท่านไปว่า ผมขอคิดดูก่อน
ผมก็ไปเล่าให้พี่เชื้อ นายตำรวจรุ่นพี่ที่เอาผมมาแทนเขาที่กองสอบสวนกลาง และเขายังเป็นผู้ช่วยเลขา ฯ รัฐมนตรีมหาดไทยอยู่ด้วย ผมบอกว่า ไอ้ที่มีข่าวลือเรื่องปฏิวัตินั้น มันจะเป็นเรื่องจริงแล้ว ผมนี่แหละที่ถูกชวน พี่เชื้อมีชื่อเต็มว่า ร้อยตำรวจเอก เชื้อ สุวรรณศร และพี่เชื้อนั้นเป็นคนสนิทของท่านปรีดี หัวหน้าเสรีไทยในประเทศไทย และเป็นผู้ควบคุมรัฐบาลสมัยนั้น ซึ่งมีคุณหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
พี่เชื้อพาผมไปพบท่านปรีดีที่บ้านท่าช้าง ให้ผมไปเล่าเรื่องนี้ให้ท่านปรีดีฟังด้วยตนเอง ผมก็ไปกับพี่เชื้อ ไปนั่งคุยกับท่านปรีดีที่ท่าน้ำบ้านท่าช้าง ผมเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ถูกชวนให้ร่วมในการปฏิวัติให้ท่านฟัง ท่านถามผมว่าใครมาชวน ผมบอกท่านว่า ผมบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่เป็นคนที่น่าเชื่อถือได้และเขาเอาจริง ท่านปรีดีรับทราบ บอกขอบใจผม ทำทีดูเหมือนไม่เชื่อ เท่านั้นผมก็ลากลับออกมา ผมทำหน้าที่ของผมแล้วในฐานะสันติบาล ส่วนเรื่องที่จะเอากับเขาไหมนั้น ผมไม่สนใจ
วันต่อมา ข่าวคราวเรื่องปฏิวัตินี้ก็ยิ่งหนาหูขึ้น หนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ท่านนายกรัฐมนตรี พลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ท่านก็ว่า ท่านก็กำลังรอการปฏิวัติอยู่เหมือนกันว่า จะเอากันเมื่อไหร่ ท้าทายการปฏิวัติไปในตัว ดูท่านจะมีความเชื่อมั่นในตัวท่านผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นมาก ท่านผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นคือ พลเอกหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจมาแล้ว แล้วปล่อยมือให้พลตรีหลวงสังวรยุทธกิจ จากเจ้ากรมสารวัตรทหาร มานั่งรักษาการณ์แทน
เหตุการณ์บ้านเมืองทั่ว ๆ ไปตอนนั้นกำลังย่ำแย่ในทุกวิถีทาง ผู้คนยากจนขาดอาชีพ โจรผู้ร้ายระบาดทั่วไป นอกจากนั้นบุคคลในคณะรัฐบาลยังตั้งหน้าตั้งตากอบโกยหาเงินกันในทุกทางโดยไม่คำนึงถึงอะไร รัฐบาลตั้งองค์การสรรพาหารขึ้นเพื่อให้ราษฎรได้ซื้อสินค้าจำเป็นในราคาถูก แต่วิธีที่องค์การนี้ทำก็คือ ไปเที่ยวหาซื้อสินค้าราคาแพงจากพ่อค้าที่ตั้งหน้าขูดเลือดราษฎรอยู่นั้น มาขายให้ราษฎรอีกกลุ่มหนึ่งในราคาถูก คือรัฐบาลยอมขาดทุนบังหน้า รัฐบาลขาดทุนก็คือเงินของราษฎรนั่นเอง และพวกพ่อค้าที่รัฐบาลไปซื้อสินค้าราคาแพงมาขายในราคาถูกนั้น ก็คือพรรคพวกของบุคคลในคณะรัฐบาล มันวนเวียนกันหากินอยู่บนหลังราษฎรอย่างนั้น ต่างก็คิดกันว่าราษฎรโง่
นั่นเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ผมได้รู้เห็นเหตุการณ์นั้นเต็มตาเพราะอยู่ในคณะเสรีไทยด้วย และได้รับรู้ความยุ่งยากนี้โดยการข่าวทางด้านสันติบาลที่ผมมีหน้าที่อยู่ ผมเองก็นั่งรอการปฏิวัติอยู่เหมือนกัน จะเอากันเมื่อไหร่ และเชื่อว่าเหตุการณ์มันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน อยู่แต่ว่าเมื่อไรเท่านั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป ตอน : รัฐประหารปี พ.ศ. 2490
Create Date : 17 มกราคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 17 มกราคม 2553 1:08:08 น. |
Counter : 1424 Pageviews. |
|
|
|
ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณที่มาเยือนค่ะ