Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ ![]() ...ถ้าคุณคือคนแปลกหน้าที่เข้าไปโลดแล่นอยู่ใน Somersault ตอนกลางเรื่องแล้วได้เจอกับ Heidi บางคนอาจตัดสินไปโดยภาพที่เห็นตรงหน้าว่า เธอคือเด็กสาวใจแตกบ้าผู้ชาย และนั่นคือภาพที่ใครต่อใครใช้ตัดสินเธอกับเด็กสาวจำนวนมากในสังคม กับการเห็นคนเพียงช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งแล้วด่วนตัดสินหรือสรุปตีตราโดยไม่พยายามเข้าใจตัวตนของพวกเธอเหล่านั้น หากลองย้อนเทปชีวิตของพวกเธอเหล่านั้นกลับไป คุณอาจจะพบว่าพฤติกรรมที่เห็นหลายครั้ง มันไม่ได้มีค่าเท่ากับใจแตกหรือเลวร้าย อย่างกรณีของ Heidi กับพ่อเลี้ยง มันไม่ได้เป็นความผิดของเธอแต่เพียงผู้เดียว มันเป็นผลจากสภาพสังคมที่บิดเบี้ยว ในการปล่อยเด็กสาววัยที่กำลังจะผลิความเป็นสาวเต็มตัว ซึ่งย่อมเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากลอง กับฮอร์โมนที่กำลังพลุ้งพล่าน ให้อยู่กับพ่อเลี้ยงแต่เพียงลำพัง (ในโลกบิดๆเบี้ยวๆใบนี้ปัญหาsexual abuse ในครอบครัวนอกจากตัวบุคคลแล้ว ก็มาจากสภาพสังคมการเลี้ยงดูที่ปล่อยแบบไม่ใส่ใจ) ความอยากรู้อยากลองไม่ใช่สิ่งผิด หากได้รับการชี้นำชี้แนะที่ถูก แต่หากเด็กต้องเดินทางโดยไร้เข็มทิศนำทาง นั่นย่อมนำไปสู่การเดินทางที่สะเปะสปะ และหลงผิดได้อย่างง่ายดาย ชีวิตของ Heidi เหมือนถูกปลดเข็มทิศออก ตั้งแต่วินาทีที่สายตาของแม่ มองเห็นเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับแฟนหนุ่มของแม่ การถูกผลักออกจากอ้อมกอดของแม่ก่อเกิดความรู้สึกทั้งผิด สับสน ทุกข์ทรมานและยากที่จะบรรยายออกมาได้สำหรับเด็กสาวอย่างเธอ ทางเดียวที่ผู้ซึ่งอยู่ในรอยต่อของความเป็นเด็กและความเป็นสาวอย่างเธอจะทำได้ ในเวลาที่บ้านไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไปและอ้อมกอดของแม่ไม่ต้องการตัวเธออีกต่อไป คือหนีมันออกมา แต่ยิ่งเธอพยายามมองหาบ้านหลังใหม่ดูเหมือนเธอยิ่งต้องแลกอะไรบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ และมันยิ่งห่างไกลออกไป แล้วเด็กสาวที่ไร้เข็มทิศติดตัว ไร้สมบัติ ไร้หนทางขาดการชี้นำอย่างเธอ จะทำอย่างไรได้ในโลกที่มนุษย์ต่างต้องการสิ่งตอบแทน นอกจากใช้สิ่งเดียวที่มีติดตัวคือร่างกายและSex Sex ของ Heidi ที่มีหลายต่อหลายครั้งมันไม่ใช่ Sex ที่เกิดจากความต้องการกระหายอยาก Sex ของเธอ เกิดจากความรู้สึกโหยหาที่พึ่งพิง แต่ขาดวิธีการเรียนรู้ว่าจะได้มันมาอย่างไร Sex ของเธอ เกิดจากความรัก Sex ของเธอ เกิดจากความผิดหวังเสียใจ ...เธอไมได้มี Sex เพื่อตอบสนองความใคร่ของตัวเอง แต่มันเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่เด็กสาวอย่างเธอพึงทำได้ ในการตอบสนองอารมณ์หลายๆด้านของตัวเอง และเมื่อเธอได้พบกับ Joe เธอก็รู้สึกว่าเธอกำลังมีความรัก ความรักของ Heidi ที่มีต่อ Joe คือความรักของผู้หญิงคนหนึ่งที่พร้อมจะให้ ในขณะที่ความรักของ Joe คือความรักของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เต็มเปี่ยมด้วยความกลัวและพร้อมจะผลักคืนอยู่ตลอดเวลา การแสดงออกของความรักในฉากที่ทั้งคู่นั่งคุยกัน มันบอกความแตกต่างนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อการแสดงออกของความรักของ Heidi คือการสัมผัสเข้าไปกลางใจคนอีกคนด้วยการรุกล้ำตัวเขา แต่ของ Joe คือ การสัมผัสที่ผลักไสคนอื่นออกไป ราวกับว่าความรักนั้นเป็นความทุกข์ทรมานใจ ![]() ความทุกข์ทรมานในใจ ที่ทุกคนมีแล้วต้องเก็บมันเอาไว้ บางครั้งเราก็แกล้งทำเป็นลืม บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไปสนใจอย่างอื่น บางครั้งเราก็พยายามที่จะกดเก็บมันเอาไว้แล้วใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพยายามที่จะ ไม่พูด เหมือนกับตัวละครทั้ง 3 ที่แต่ละคนต่างก็มองโลกผ่านกระจกที่ต่างสีกันอย่าง Heidi, Irene และ Joe สำหรับ Heidi นับตั้งแต่วันที่ออกจากบ้าน เธอเองไม่เคยปริปากถึงเหตุการณ์นั้นอีกเลย แม้แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น และ ถ้าจะพูดเธอก็เลือกที่จะพูดในสิ่งที่มันทำให้เธอได้หลบหนีความรู้สึกของตัวเอง (แม่ตาย/จูบแฟนเพื่อน) เธอใช้ชีวิตเดินหน้าต่อไปเหมือนลืมทุกสิ่งไว้ข้างหลัง จนเมื่อถึงวันที่เธอต้องพูด เมื่อความรู้สึกที่ถูกกักขังไว้ถูกปลดปล่อย สีหน้าของเธอบอกเราว่า ความรู้สึกที่เก็บกดไว้นั้นมันทรมานใจเธอตลอดมา (Heidi ใช้กลไกทางจิตแบบ Repression และ Sexualization) Irene เธอเลือกจะไม่พูดความจริงของลูกให้ใครฟัง แต่เลือกพูดในสิ่งที่เธออยากจะให้เป็น ดูเหมือนเธอยิ่งปฏิเสธมันมากเท่าไหร่เธอก็หนีมันไปได้ไม่มากนัก ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ที่แต่ละคนต่างรู้เรื่องราวของกันและกัน ในท้ายที่สุดสิ่งที่เธอพูดกับ Heidi ว่าจะอย่างไรคนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกกลับบ้านเสมอ คงเป็นสิ่งที่เธออยากจะพูดกับลูกของเธอเหมือนกัน และมันก็คงปลดปล่อยความทุกข์ทรมานที่เธอปฏิเสธความจริงมาแสนนาน (Irene ใช้กลไกทางจิตแบบ Denial) Joe เองก็เป็นชายหนุ่มที่สับสนกับชีวิตและความต้องการของตัวเอง ฉากจูบอันแสนสะท้านทรวงนั้นไม่ได้บอกว่าเกิดเพราะรัก แต่มันเกิดจากที่ตัวเขาก็ไม่รู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร(เหมือนที่เพื่อนบ้านบอกกับเขา) เขาหลีกหนีที่จะมีสัมพันธภาพ, เขาหลีกเลี่ยงการสัมผัส, เขาหลีกหนีสิ่งที่เรียกว่าความรัก และเขากลัวเกินกว่าจะพูดมันออกมา เขาเองก็ไม่ต่างจาก 2 คนนั้น เมื่อเขาเลือกจะพูดในสิ่งที่อยากจะพูดว่า สิ่งที่ทรมานใจสุดคือการขับรถทับแมว จะว่าไปแล้วเขาเองอาจจะน่าสงสารมากที่สุดด้วยซ้ำ เพราะ 2 คนข้างบนยังรู้ว่า สิ่งที่ทรมานใจตัวเองมาตลอดคืออะไรเพียงแต่ไม่อยากจะพูดถึง แต่เขาเองไม่รู้ว่าอะไรมันกัดกินตัวเขาให้ต้องเจ็บปวดอยู่ข้างใน หากชีวิต Heidi ไร้เข็มทิศ ชีวิตของ Joe เองก็เปรียบเสมือนไร้แผนที่ที่จะบอกว่าต้องไปในทิศทางใด (Joe ใช้กลไกทางจิตส่วนแบบAvoidance) ...Somersault เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ผ่านการเล่าของผู้กำกับหญิงอย่าง Cate Shortland จึงทำให้หนังเรื่องนี้น่าจะโดนใจเข้าถึงผู้หญิงไม่ยาก เพราะหนังถ่ายทอดความรู้สึกของผู้หญิงออกมาได้แจ่มชัดหลายฉาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวละครต้องถ่ายทอดหรือแสดงออกในเรื่องความรัก โดยตัวเนื้อหาแล้ว หนังไม่มีอะไรที่แปลกแตกต่างจากหนังเรียนรู้ชีวิต และ การก้าวข้ามวัยของเด็กสาวผ่านๆมา แต่ความเด่นเด้งออกมาของหนัง คือ เสน่ห์ที่ภาพและดนตรีประกอบ ทั้งสองส่วนนี้ทำหน้าที่รับใช้หนังดีเหลือเกินในการถ่ายทอดอารมณ์ของหนัง ส่วนที่น่าประทับใจอีก คือ การแสดงของนักแสดงนำทั้งชาย Sam Worthington และหญิง Abbie Cornish ที่ไม่เพียงนอกจากหน้าตาดีแล้วยังเล่นหนังดีกันอีกด้วย ...สิ่งที่ฉายประกายจากเรื่องนี้ นอกจากภาพและเสียงแล้ว อารมณ์ความรู้สึกคืออีกหนึ่งความโดดเด่นของหนัง มีหนังไม่กี่เรื่องที่ผู้กำกับจะถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากกว่าเนื้อหา โดยส่วนใหญ่จะเป็นความเด่นของการถ่ายทอดเนื้อความมากกว่า ตัวอย่างผู้กำกับที่ถ่ายทอดอารมณ์ของหนังออกมาเป็น หนังสื่อสารด้วยอารมณ์ อาทิเช่น หว่องกาไว หรือ ชุนจิ อิวาอิ เป็นต้น น่าสังเกตว่าหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยอารมณ์จะไม่ใช้ลูกเล่นลีลามากนัก จะเป็นลักษณะน้อยแต่มากเสียมากกว่า(อย่างล่าสุดที่เข้ามาฉายโรงบ้านเราคือ Hotel ที่แทบไม่มีเนื้อความ แต่ตลอดทั้งเรื่องทำให้คนดูรู้สึกวังเวงและไม่ปลอดภัย) เรื่องนี้กลับเป็นตรงกันข้าม เพราะหนังใช้ลูกเล่นทางภาพเยอะเหลือเกินทั้งการถ่ายภาพ ทั้งโทนสีของหนัง หรือ การลำดับภาพ ซึ่งมีโอกาสสูงที่สไตล์ของหนังมันจะกลบองค์ประกอบอื่นๆ แต่ผู้กำกับกลับสามารถนำเสนอเรื่องราวผ่านลีลาที่โดดเด่นเหล่านั้น ได้อย่างละเอียดอ่อนสั่นคลอนเข้าไปถึงกลางใจตัวละครและคนดู ตัวอย่างเด่นชัดกับการที่หนังปั่นป่วนอารมณ์ของคนดูอย่างผมได้เป็นอย่างดี หลังจากนิ่งตกตะกอนมาตั้งแต่แรกแถมยังใช้เทคนิคอันแพรวพราวในการนำเสนอร่วมด้วย คือ ฉากกินพริก ![]() ....คุณค่าของหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่คุณค่าทางศิลปะที่หนังถ่ายทอดออกมา แต่การสะท้อนภาพสังคม (ปัญหา sexual abuse ในครอบครัว และ การฉวยโอกาส , ปัญหาSex ของเด็กวัยรุ่น ฯลฯ) เป็นประเด็นที่แทรกอยู่ในเรื่องราวตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ผมนั่งดูในโรงลิโด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตอน 16.30 น. เป็นหนังที่แอบแทรกการตีแผ่ความรู้สึกนึกคิดของสมาชิกในสังคมที่มีปัญหา และสภาพปัญหาของสังคมที่ทอดทิ้งกันและกันไว้อย่างแนบเนียน ผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่จงใจชี้ชัดตรงๆ เป็นการเล่าผ่านการสำรวจชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งแทน สิ่งที่ชอบ ![]() 1.นางเอก...ยิ่งเวลาบนจอผ่านไป เธอยิ่งดูเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ ฉากในตอนท้ายๆเมื่อเธอต้องแสดงออก หรือระเบิดอารมณ์เธอแสดงได้ดีน่าจดจำ แถมดูในหลายมุมหน้าเธอก็เหมือนรุ่นพี่สถาบันจิงโจ้อย่าง นิโคล คิดแมนเหลือเกิน 2.ภาพ...งามมาก ศิลป์เหลือเกิน ทั้งการถ่ายภาพเก๋ไก๋ปานประหนึ่งภาพถ่ายในแกลเลอรี่ ![]() 3. 20 นาทีสุดท้าย...แรกๆผมดูๆไปก็ยังรู้สึกเฉยๆอยู่ แต่ก็แอบมีคำถามในใจว่า มันกวาดรางวัลมากมายมาได้อย่างไรกับหนังที่มีดีแค่ภาพสวยๆ ดนตรีเพราะๆ จนเมื่อหนังมาถึงช่วง 20 นาทีสุดท้ายไปจนจบ หนังเองก็ไม่ได้เล่าแบบเร่งเร้าอารมณ์ แต่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกอินกับเรื่องราวไปอย่างน่าประหลาดใจ 4.อารมณ์...เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมรู้สึกว่าหนังเล่นกับอารมณ์คนดูมากกว่าเล่นที่เนื้อหา 5.ฉากระเบิดอารมณ์ในร้านขายของชำตามมาด้วยฉีดน้ำมันใส่กระจก แล้วตัดกลับไปที่คนกระโดดน้ำ ... ชอบมากรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างที่อัดอั้นมันระเบิดออกมา โดยใช้ความเด่นของตัวเองนั่นคือการถ่ายและลำดับภาพมาตอบโจทย์ได้สมบูรณ์แบบ สิ่งที่ไม่ชอบ ![]() 1.ค่อนเรื่องแรก...มันเรื่อยๆจนผมแปลกใจว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรดี เรื่อยจนชนิดที่ว่า ถ้าไม่มีการถ่ายภาพโชว์แบบนี้กับนางเอกโชว์แบบนี้ มันน่าเบื่อทีเดียวเพราะหนังไม่มีอะไรใหม่เลย สรุป...เป็นหนังเรื่องราวชีวิตและความรู้สึกของผู้หญิงที่สร้างโดยผู้หญิง ที่ทำออกมาได้ดีในด้านภาพ , เสียง และอารมณ์ของหนัง หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีแต่ผมเองแปลกใจที่ไม่รู้สึกว่ามันดีมากมายขนาดกวาดรางวัลในประเทศมากขนาดนั้น (ผมยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างoverrated ไปนิด) ไม่รู้ว่าผมเข้าได้ไม่ถึงพอหรือปีนั้นหนังออสเตรเลียยังขาดหนังที่เขี้ยวพอในการเป็นคู่ชิง กระนั้นก็ดีการได้ดูเรื่องนี้ก็คุ้มค่าตั๋วด้วยประการทั้งปวง ![]() ![]() ![]() ว่าจะดูครับ แต่ก็เกิดอารมณ์ขี้เกียจซะงั้น เลยไม่ได้ดู
โดย: nanoguy (nanoguy
![]() ไม่ได้ดูอะค่ะ
วันที่มีโอกาสไปลิโด้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ก็ลังเลระหว่างเรื่องนี้กับซิตี้ออฟก็อด แล้วก็เลยเลือกซิตี้ฯ แทน ไม่รู้ว่าพอออกไปแล้วนี่จะพอหาแผ่นดูได้หรือเปล่าด้วยน่ะค่ะ ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() ![]() โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
![]() เพิ่งดูมาเมื่อวานคับ อิ่มเลย หนังใช้อารมณ์ดูเนี่ย อิอิ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยโดนเท่าไหร่หรอกครับ ผมชอบ hiden blade ที่ดูติดกันอีกเรื่องซะมากกว่า
ป.ล บล็อคคุณผมเจ๋งจัง มีตัวเลขคนออน แถมคนออนวันนี้ คนออนเดือนนี้ ย้อนหลังได้อีก ทำได้ไงเนี่ย แม่นยำหรือเปล่าครับ อยากได้มั่งจัง โดย: joblovenuk
![]() เขียนดีอีกตามเคยนะเนี่ย คุณหมอเอาเวลาที่ไหนไปดูไปเขียนกันนะ สงสัยจริง ขอแก้นิดเดียว ตรงที่ฉากฉีดน้ำนั่น ไม่ได้ฉีดน้ำมันนะ มันคือสายยางฉีกน้ำธรรมดา สำหรับล้างรถตะหาก
ยังไปหาดูกันได้อยู่นะ เค้ายังขยายวันฉากออกไปอีก แต่รอบน้อยมากๆแล้ว หนังใน Little Big Film Project ปีนี้ เหลือแค่ Somersault, City of God แล้วก็ Mysterious Skin ไงก็ไม่อยากให้พลาดกันนะ //www.movieseer.com/DisplayPerTheater.asp?tID=16&Channel=1 เช็ครอบฉายที่เหลือ ได้ที่นี่ โดย: Androphobia (Androphobia
![]() สงสาร Heidi ค่ะ มีความรู้สึกว่าสิ่งที่เธอแสดงออกไม่ใช่เกิดจากความผิดหรือความคึกคะนองของเธอคนเดียว โชคดีที่เธอเจอ Irene และ แม่ของเธอกลับมารับเธอกลับบ้าน
ตอนนั้นเธอคงรู้ซึ้งแล้วล่ะว่า "บ้าน" ที่อบอุ่นอย่างแท้จริงนันอยู่ที่ไหน? ไม่ชอบโจ .. แต่มองอีกมุม ก็สงสารโจเหมือนกัน คนมีปมทางจิต ทำให้คนอื่นต้องได้รับบาปนั้นไปด้วย เฮ้อ! ![]() โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.179.1 วันที่: 11 สิงหาคม 2548 เวลา:12:39:28 น.
เขียนวิจารณ์ดีจังครับ
ทักทายและชื่นชมครับ :) โดย: เดินสองดวงจันทร์ IP: 147.243.216.4 วันที่: 11 สิงหาคม 2548 เวลา:15:14:41 น.
สวัสดีค่ะ
มาเตือนว่า พรุ่งนี้อย่าลืมทำอะไรที่บอกให้แม่รู้ว่า "รัก" นะคะ ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
![]() ชอบหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ที่สุดค่ะ
ไฮดี้ สาวน้อย เธอช่าง...น่าประหลาดใจเหลือเกิน แต่ภาพและเพลงประกอบสวยมากกกกกกก โดย: quin toki
![]() WWW
โดย: 30 สิงหาคม 2548 IP: วันที่: 14:43:47 เวลา:202.69.142.60 น.
ยังไม่มีโอกาส แต่ลองได้อ่านแบบนี้แล้วต้องหาโอกาสให้ตัวเองบ้างสิคับ
ขอบคุณคับผม โดย: pooh IP: 203.155.94.129 วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:22:29:33 น.
อ่านแล้วอยากดูเลยเชียว
วิจารณ์ดีมากครับ โดย: Blue Planet Earth
![]() น่าสนใจทุกเรื่อง คงต้องดูจากแผ่น เพราะเวลาไม่ให้ครับ ไมทราบว่ามีเรื่อง Yesterday หรือไม่
โดย: devil IP: 61.47.119.132 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:22:13:11 น.
หนังสนุก เพลงดี ภาพสวย บทยอด สัญลักบาน
![]() โดย: del_zz@hotmail.com IP: 203.118.105.30 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:2:29:09 น.
เพิ่งมีโอกาสหาซื้อแผ่นมาดู แต่ปรากฏว่าหนังโดนตัดไปเยอะ (โดยเฉพาะฉาก sex) เสียใจและเสียความรู้สึกมาก เพราะมันทำให้หนังเรื่องนี้ดูไร้ค่าทั้งๆ ที่ได้รางวัลมามากมาย ทำให้ดูหนังไม่รู้เรื่องไปเลยค่ะ.. ต่อไม่ติดอย่างแรง ไม่เข้าใจอะไรเลย ต้องเดาเอง เข้าใจไปเอง ..ใครพอจะมีหนังเรื่องนี้แบบไม่ตัดบ้างคะ..ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
โดย: Bump IP: 210.1.63.18 วันที่: 22 มิถุนายน 2549 เวลา:16:52:02 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ทีโจว์จับมือไฮดี้ แต่เธอชักมือออก
รู้สึกว่า ไฮดี้ เติบโต ขึ้น มาก
เห็นด้วยกับเรื่องความกลัวของโจว์
และรู้สึกดีที่ผู้กำกับเรื่องนี้เป็นผู้หญิง
เก็บอารมณ์ละเอียดอ่อนหลายตอนได้ดีค่ะ