แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย


คำถามที่ผมมักจะได้รับ และ เชื่อว่าคนที่ไปดูแหยม ยโสธร จะต้องมีคนถามเป็นอันดับหนึ่งคือ "ตลกมั้ย"

คำถามถัดมาที่ผมมักจะมีคนถามต่อ และ คนที่ได้ดูแล้วอาจถูกถามต่อว่า "แล้วมันตลกแค่ไหน เท่าหลวงพี่เท่ง/พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า ฯลฯ หรือเปล่า"

สำหรับหนังตลกแล้ว ผมรู้สึกว่าเวลามีคนถามเรื่องหนัง ความดีของหนัง(เช่นหนังดีมั้ย ห่วยหรือเปล่า) ตอบได้ง่าย ในขณะที่ความตลกของหนัง(เช่น ตลกมั้ย ฮาทะเล็ดหรือเปล่า) ตอบได้ยาก

...หนังตลก เป็น หนึ่งประเภทหนัง ที่คนดูมีส่วนรับผิดชอบในความบันเทิงตั้งแต่ต้นมากกว่าหนังตระกูลอื่นๆ เพราะตัวคนดูเองมีส่วนต้องตอบตัวเองก่อนว่า เราชอบหนังตลกแบบไหน อีกทั้งความตลกก็ไม่สามารถวัดความสนุกจากคำบอกเล่าคนอื่นหรือนักวิจารณ์ได้เท่าไหร่นัก เพราะต่อให้เป็นนักวิจารณ์อันดับหนึ่งของโลก บอกว่า แหยม ยโสธร ตลกมากๆ แต่คุณชอบหนังตลกแบบผีหัวขาด หรือ ตลกแบบ Austin power แถมไม่เคยชอบมุขของหม่ำเลย คุณก็ไม่มีทางจะตลกกับหนังเรื่องนี้ ยิ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่น ยิ่งตอบยากเพราะ คำตอบของคนตอบก็ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ความชอบ ว่าคนๆนั้นชอบหนังตลกแบบไหน

แหยม ยโสธร มีทั้งจุดแข็งและจุดขายที่ดี ตั้งแต่หน้าหนัง ไม่ว่าจะเป็น หนังรัก-ตลกย้อนยุค ที่พร้อมจะเรียกคนดูผู้ใหญ่ไปจนถึงวัยดึกให้หวนคิดถึงหนังสมัยก่อน(ไม่รู้ว่าหม่ำได้ไอเดียสร้างหนังเรื่องนี้ ตอนที่เล่นเฉิ่ม... ช่วงที่เป็นละครวิทยุหรือเปล่า) หนังใช้สีสันฉูดฉาดเรียกตลาดPost Modernพร้อมกลุ่มคนดูสมัยใหม่ให้มีความสนใจได้ตั้งแต่แค่เห็นป้ายโฆษณาที่ตั้งอยู่ทั่วๆเมือง การเป็นหนังไทยซับไตเติ้ลไทย ยังพร้อมเจาะตลาดภาคอีสาน ชนิดใช้ใจซื้อใจอีกด้วย และ จุดแข็งแรงที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือ หนังเรื่องนี้เป็นหนังหม่ำ ลองจินตนาการลบภาพหม่ำออกไปจากหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นโดยที่ทุกองค์ประกอบยังเหมือนเดิม ความอยากดูตั้งแต่แรกของหนังเรื่องนี้จะลดลงทันที น่าสนใจว่าเพราะอะไร หม่ำ ถึงเป็นจุดแข็งสำคัญ

...หม่ำ เป็น นักแสดง ผู้กำกับ และยังเป็นแบรนด์ที่น่าทึ่ง เขาประสบความสำเร็จทั้งในจอและนอกจอ ในจอ หม่ำ เป็น ตลกและนักแสดงที่ผมเองรู้สึกว่าเค้ามีเสน่ห์และมีพลังดาราในตัวสูง เพียงโผล่มาไม่กี่วินาทีเป็นตัวประกอบ เขาก็พร้อมขโมยซีนคนอื่นไปในพริบตา ตัวอย่างที่เห็นชัดเช่น สายล่อฟ้า ที่ฉากเขาเมานม เป็นฉากที่เขาพูดหรือเล่นไม่กี่ประโยคแต่ก็เด่นกว่าหลายๆฉากของนักแสดงอื่นๆในเรื่อง อีกทั้งนอกจอ เขาก็เป็นตลกที่มีวินัย ไม่เคยมีข่าวฉาวโฉ่หรือเสียหาย นั่นจึงทำให้ แบรนด์ หม่ำ เป็นแบรนด์ที่คนไทยส่วนใหญ่รักและชื่นชม ดังนั้นการตีตราหนังเรื่องหนึ่งเป็นหนังหม่ำ เท่ากับว่าหนังเรื่องนั้นมีแบรนด์ที่แข็งไม่แพ้กับหนังของจาพนม สำหรับคนดูในประเทศ

หนังหม่ำ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง หนังที่หม่ำเล่นแต่หมายถึงหนังที่เขาทั้งเล่นและกำกับ (หลวงพี่เท่ง หลายคนมักจะคิดว่าเป็นหนังของเท่ง ทำให้คำถามที่หลายคนมักจะเอามาเปรียบเทียบว่าตลกเท่ากันหรือเปล่า เพื่อใช้เป็นเกณฑ์วัดความฮาในการตัดสินใจไปดู ด้วยเข้าใจว่าสองเรื่องนี้( แหยม ยโสธร กับ หลวงพี่เท่ง)เป็นตลกสายพันธุ์เดียวกัน ทั้งที่จริงแล้ว มุขหรือตลกของหลวงพี่เท่งนั้นเป็น มุขจากโน้ตเสียมากกว่า ไม่ได้เป็นมุขจากตระกูลสามช่า) หนังหม่ำเรื่องแรกอย่าง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม เทียบกับผู้กำกับอื่นๆแล้วในฐานะผู้กำกับหนังเรื่องแรก ถือได้ว่าน่าพอใจ เพราะผู้กำกับหลายคนเมื่อมาทำหนังตลกแล้วไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่คาด อาจด้วยคงเข้าใจว่า แค่มีพล็อตคร่าวๆแล้วเอามุขตลก มาชนต่อๆกันจนจบก็น่าจะดี ซึ่งนั่นแทบจะไม่เรียกว่าภาพยนตร์เสียด้วยซ้ำ

บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ยังขาดความต่อเนื่องอยู่บ้างหรือมีหลายช่วงที่ฝืดๆ แต่หนังมีความเป็นภาพยนตร์สูงอยู่พอสมควรดูจากการเล่าเรื่อง ไม่ใช่ การเอามุขตลกมาชนกันมุขต่อมุข ฉากต่อฉาก เหมือนหนังตลกหลายต่อหลายเรื่อง หนังยังใส่ใจกับเรื่องราวและการแสดงของตัวละครอื่นๆนอกจากพระเอก (ใครได้ดูก็คงประทับใจกับการแสดงของอาภาพร ไม่มากก็น้อย) เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่มีในหนังเรื่องแรกของหม่ำ และทำให้เขามีอะไรดีๆน่าจับตามองในฐานะผู้กำกับ การที่เขาเลือกสร้างผลงานชิ้นที่สอง เป็นแหยม ยโสธร จึงมีตัวรับประกันชั้นดีจาก ความเป็นหนังหม่ำ นั่นเอง

....หนังเปิดตัวด้วยความหมายแห่งรักดีๆ ที่ว่า คนจะสูงจะเตี้ยก็รักกันได้ คนจะจนจะรวยก็รักกันได้ ความรักไม่มีขีดกั้น เป็นการเริ่มต้นบอกคนดูว่าต่อแต่นี้ไปจะเป็นเรื่องราวของความรักได้อย่างน่ารักทีเดียว หลังจากนั้นหนังก็พาคนดูไปพบกับ 2 คู่รัก ที่มีอุปสรรคคอยกีดกั้นความรักไม่ให้สมหวัง

ทองและสร้อย ความรักของทั้งสองคนชัดเจนตรงกันตั้งแต่เริ่ม ทั้งสองคนต่างมีใจให้กัน แต่อุปสรรคมาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นที่แตกต่าง ญาติฝ่ายหญิงที่เห็นแก่เงิน และ ชายหนุ่มบุคคลที่ 3 ที่มักจะแฝงมาในความเป็นหนุ่มเมืองกรุง หรือ ลูกเศรษฐี และลูกน้องมาขัดขวางความรัก คู่นี้เป็นคู่ที่ชายก็หล่อ หญิงก็สวย แต่ทั้งคู่สามารถที่จะเล่นบ้าๆบอๆได้อย่างดูดี เข้ากับหนังอย่างเป็นธรรมชาติ ต้องชมคนคัดเลือกนักแสดง ที่ไม่เลือกดาราดังๆมาเล่น แต่เลือกคนที่เข้ากับบทมาเล่น ดังนั้นเวลาที่เขาและเธอพูดหรือปล่อยมุขภาษาอีสาน มันจึงเป็นไปอย่างไม่ขัดเขิน รวมไปถึงจะเล่นให้ฮาๆอย่างฉากรำวงงานวัดก็น่ารักได้ใจหลายๆ

แหยมและเจ้ย ต่างกับคู่แรกเพราะความรักของเขาและเธอไม่ได้มีปัญหาชนชั้น แต่อุปสรรคมาจากการวิ่งไล่ของเจ้ยและการผลักไสของแหยม กว่าที่แหยมจะสัมผัสถึงความรู้สึกและความรักของเจ้ย ก็เมื่อเจ้ยเดินหายไปจากชีวิตของเขา เรื่องราวของคู่นี้ไม่มีส่วนในการดำเนินเรื่องมากนักนอกจากการยิงมุขใส่กันไปมา เรื่องราวของคู่นี้ในช่วงแรกดูออกจะเหยียดบทบาทเพศหญิงผ่านมุขตลกจนเกือบจะเกินเลยไปนิด ไม่ว่าจะการที่ให้เธอทั้งถูกถีบ ถูกด่า ถูกใช้งานสารพัด ฯลฯ โชคดีที่ความตลกเด่นจนไม่ทำให้เรื่องการรังแกตัวละครเพศหญิงในหนังขัดตาเกินไป ทั้งตัวหม่ำและเจเน็ตต่างก็ทำหน้าที่ตัวเองได้ในระดับมาตรฐานไม่ขาดตกบกพร่องอะไร ที่น่าชมคือตัวเจเน็ตเองแม้จะมารับบทนำในหนังใหญ่เป็นครั้งแรก แต่เธอก็ไม่ถูกหม่ำกลบรัศมีแต่อย่างใด กลับประชันบทบาทได้อย่างน่าดูชม

....หากพิจารณาเรื่องความขำแล้ว ผมเองให้คะแนนความขำเรื่องนี้น้อยกว่าบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม เรื่องนั้นหนังยิงมุขหลายมุขเล่นกันชนิดไม่กั๊กไม่กลัวหลุดตัวหนัง ไม่ค่อยระมัดระวังเท่าไหร่ที่จะคงเรื่องราวหรือกลัวมุขตลกจะล้ำหน้ารายละเอียดอื่นๆ มีหลายมุขที่ยิงแล้วฮาระเบิด มีแขกรับเชิญเรียกเสียงฮามากมายและมีการบ่มตัวละครโหน่งไว้แล้วมาระเบิดมุขสุดท้ายตอนจบ น่าจะทำให้แฟนสามช่าฮาได้เต็มๆ

เมื่อมาถึง แหยม ยโสธร เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัด ดูหม่ำจะให้ความสำคัญกับความเป็นหนังมากขึ้น หนังไม่ได้มีนักแสดงรับเชิญเด่นๆที่จะมาขโมยซีน สังเกตได้ว่าตัวประกอบอื่นๆในหนังจะไม่ใช่ตลกหรือนักแสดงชื่อดัง หลายครั้งที่หนังออกจะดูกั๊กๆความฮาเสียด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้มันหลุดเรื่องราวจนเกินไป ดังนั้นตัวหนังเองยังตลกอยู่เพียงแต่มุขที่จะฮาสุดๆนั้นมีไม่มาก ความถี่ของการฮาไม่น้อยลงแต่ดีกรีความฮานั้นเบาบางลงบ้าง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายฉากขำน้อยกว่าที่คิด เป็นผลลัพธ์ซ้ำรอยหนังไทยช่วงหลังๆนี้ คือ การที่หนังตัวอย่าง ฉายช็อตเด็ดๆไปเสียหลายฉาก ครั้นพอมาถึงหนังจริง ความฮาที่ควรจะมากก็เลยได้ผลน้อยลง (สำหรับคนที่ไม่ได้ดูหนังตัวอย่าง ถือว่าได้เปรียบมาก)

ยังมีความรู้สึกเสียดาย ที่หนังยังระดมยิงมุขไม่สม่ำเสมอ หลายตอนทีเดียวที่หนังอืดลง เกิดช่องว่างอยู่หลายช่วง(ช่วงตามหาสองสาวในกรุงเป็นช่วงที่รู้สึกชัด) โชคดีที่องค์ประกอบอื่นๆของหนังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสูงจึงเป็นตัวช่วยอุดช่องว่างไม่ทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อ และช่วยกู้ชีวิตในเวลาที่มุขแป้ก รวมไปถึงตัวบทเองที่แสดงให้เห็นว่ายังขาดความมีเนื้อมีหนังอยู่ เมื่อบทไม่มีเรื่องราวจะเดินเรื่องแล้วหนังเกิดช่องว่าง สิ่งที่หนังทำคือจับมุขเดิมๆวนซ้ำไปมา ตัวอย่างคือช่วงต้นที่หนังวนเวียนกับการเล่นมุขซ้ำๆแต่เนื้อเรื่องไม่เดินหน้าไปไกล เช่น มุขที่ให้แหยมกับเจ้ย ออกไปทำงาน แล้วเดินกลับมา แหยมช่วยสัตว์ - เจ้ยแบกของ หนังวนอยู่ตรงนี้ถึง 3 รอบ เป็นการสนุกกับมุขซ้ำๆจนเริ่มเฝือ

...หลายส่วนในหนังที่แสดงถึงความตั้งใจของผู้สร้างที่จะยกระดับให้เป็นมากกว่าหนังตลกดาษๆเรื่องหนึ่ง งานสร้างอย่างมีมาตรฐาน ทั้งที่สไตล์จะสมัยใหม่จัดจ้านแต่ก็เข้าถึงกลิ่นอายชนบทอย่างไม่เสแสร้ง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศงานวัด รำวง สาวน้อยตกน้ำ หรือ ทำนา อีกทั้งดนตรีประกอบ เพลงประกอบที่สนุกสนานไพเราะเหมาะเจาะกับบรรยากาศ การพยายามในงานสร้างเหล่านี้มันแสดงให้เห็นว่า นอกจากมุขที่ยิงใส่คนดู หม่ำพยายามที่จะใส่ลูกเล่นให้กับหนังตัวเองอยู่ตลอดและเป็นข้อดีที่ทำให้มีความน่ารักอยู่ในตัว อาทิเช่น สีสันเจ็บแสบและเครื่องแต่งกายในเรื่อง อย่างชุดของเจ้ยหลังกลับจากกรุงเทพก็เด็ดเหลือเกิน , การมีวงดนตรีที่คอยบรรเลงอยู่ทุกสถานการณ์ , ช่วงเวลาหนึ่งที่หนังแปรสภาพเป็นหนังเพลง , การสร้างคาแรคเตอร์ตัวละครรอบๆตัวให้ดูมีเอกลักษณ์ แถมยังล้อเลียนคาแรคเตอร์ในหนังสมัยก่อนให้ออกมาสุดขั้วชนิดแฟนหนังไทยในอดีตคงอดขำไม่ได้ (เช่น ยอดชาย อะฮึ่ยๆ , กำนัน , รัก-ยมฯลฯ) และ นักแสดงประกอบนี่เองเป็นจุดเด่นมากของ แหยม ยโสธร เป็นจุดเด่นที่มีในหนังของหม่ำมาตั้งแต่บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ในการใส่ใจตัวละครรองๆ

...หาก หลวงพี่เท่ง ไปได้ดีก็เป็นเพราะการได้ เท่ง เถิดเทิง ที่แบกรับหนังทั้งเรื่องแต่เพียงผู้เดียว แหยม ยโสธร ก็มีจุดเด่นอยู่ที่ตัวละครทุกตัวต่างมาช่วยแบกหนังทั้งเรื่องเดินไปด้วยกัน เป็นหนังอีกเรื่องที่ตัวละครรองๆเล่นได้ดีมีบทบาท มีประสิทธิภาพ แถมนักแสดงยังเข้ากับบทได้อย่างเหมาะเจาะ และ หม่ำ ที่ไม่พยายามทำตัวเป็นศูนย์กลางของหนัง ไม่พยายามเด่นในทุกฉากที่ออกมา ในหลายๆฉากที่เขายอมปล่อยให้ตัวละครอื่นตบมุขและเขาเป็นแค่คนรอรับ (เป็นการนำเทคนิคของทีมสามช่าที่ใช้ในการเล่นตลกมาไว้ในหนังได้ดี)

สิ่งที่ชอบ

1.เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา … ในฐานะผู้กำกับ งานชิ้นที่สองนี้มีหลายสิ่งที่น่าชื่นชม แสดงให้เห็นพัฒนาการของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการประยุกต์และใส่ลูกเล่นให้หนังมีเสน่ห์น่าสนใจ และ การกำกับหนังตลกที่มีสัดส่วน ของความเป็นภาพยนตร์ กับ การเล่นตลก ได้เหมาะเจาะลงตัว อีกทั้งหนังก็ตอบโจทย์การเป็นหนังตลกได้ดี หากบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมจะทำให้คนได้แค่นึกถึงว่าเป็นหนังตลกที่หม่ำเล่น เรื่องนี้อาจตลกน้อยกว่าแต่จะทำให้คนจดจำเขาได้ในฐานะคนทำหนังเรื่องหนึ่ง

2.นักแสดงประกอบ … ทุกคนเล่นได้ดีถึงดีมาก ต้องชมตัวนักแสดงและทีมCastingที่เลือกมาได้เหมาะสมเหลือเกิน (โดยเฉพาะคนที่เลือกคู่ทอง-สร้อย เลือกได้เก่งมาก)

3.สาวน้อยตกน้ำกับหม่ำเตะหมา … หลายคนคงต้องมีฉากฮาประทับใจ สำหรับผม 2 ฉากนี้ ฮาได้ใจมากที่สุด ฉากแรกเป็นฉากที่ผมเองเดาจังหวะได้อยู่แล้วจากการที่ดูเหล่าสามช่าเป็นประจำ แต่จังหวะของการเล่นมุข ที่หนังปูพรมมาตั้งแต่ฉากยิงปืน มันต่อเนื่องมาถึงฉากนี้ ทำให้ถึงเวลาฮามันระเบิดอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยิ่งได้สีหน้าของนักแสดงขาประจำที่มักจะโผล่มาเล่นกับทีมสามช่าคืนวันพุธ ยิ่งช่วยเสริมความฮาได้เป็นอย่างดี ส่วน ฉากหลังมาอย่างไม่คาดฝัน ขัดกับนิสัยตัวละครและมันก็ฮาได้ใจมากๆ


4.อะฮึ่ยๆ … เป็นการล้อเลียนที่แรกๆไม่ฮามาก ออกจะรำคาญ แต่แปลกที่พอดูๆไปเริ่ม ขำเป็นบ้า อาจเป็นเพราะสีหน้าและบุคลิกนักแสดงแกก็เหมาะกับบทพูดนี้ดีเหลือเกิน เป็นการล้อตัวละครหนุ่มเมืองกรุงหรือหนุ่มเศรษฐีที่มักจะเข้ามาเป็นอุปสรรคในหนังรัก ออกมาเป็นตัวละครหนึ่งที่น่าจดจำ

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ช่วงกรุงเทพ ... ถ้าผมไม่ได้ดูเฉิ่ม ผมคงประทับใจกับการซ้อนตัวละครในฉากหลังเก่าๆ แต่ในเมื่อเคยเห็นมาแล้ว ช่วงเข้ากรุงเทพนี้ที่เป็นช่วงฮาน้อยสุด มุขที่ยิงก็ฮาไม่เต็มเม็ดเท่าไหร่ เป็นช่วงที่น่าเบื่อที่สุดของหนัง ยิ่งมาเจอมุขคนขายน้ำซึ่งสำหรับผมแล้วเป็นมุขที่แป้กมากๆเมื่อเทียบกับมุขอื่นๆในหนัง

สรุป ... ถ้าชอบสามช่า การได้รับชม แหยม ยโสธร อาจทำให้คุณรู้สึกว่า "โอ้ จอร์จ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆเลย" ตรงกันข้ามหากคุณไม่เข้าใจว่าคนดูตลกสามช่า ฮาอะไรกันมากมายเวลาดู หรือ ไม่เคยรู้สึกขำหม่ำเวลาปล่อยมุขเลย คุณก็จะเปลี่ยนคำอุทานหลังดูจบออกมาเป็นคำตัดพ้อได้ว่า "โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันไม่ยอดเลย อะฮึ่ยๆ" และ หม่ำเองก็ทำให้คนดูรอคอยดูหนังเรื่องถัดไป อย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับคาดหวังว่าความเป็น หนังหม่ำ จะเป็นเอกลักษณ์สำหรับหนังตลกที่มีคุณภาพ เป็นลายเซ็นต์รับประกันหนังของตัวเอง เหมือนกับที่นักแสดงฮ่องกงคนหนึ่ง ที่เวลาคนดูคิดถึงและอยากดูไม่ใช่เพราะเป็นแค่หนังตลก แต่เพราะมันเป็น หนังโจวซิงฉือ

ปล ... กับคำถามข้างต้น ผมจึงตอบได้ไม่ยากเย็นเมื่อมีคนถามว่าหนังเรื่องนี้ตลกหรือไม่ ในฐานะที่ผมชอบและเป็นแฟนประจำ หม่ำ/เท่ง/โหน่ง การเข้าไปชมเรื่องนี้ที่ SF MBK รอบ 19.50 น.พฤหัสที่ผ่านมา ตอบได้ว่ามันตลกเป็นบ้าคุ้มค่าเงินที่เสียไป แถมการเข้าดูพร้อมคนเยอะๆมีข้อดีตรงที่บางมุขเราไม่ฮาแต่คนในโรงฮา มันทำให้เราเริ่มรู้สึกฮาไปด้วย โอ้ จอร์จ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆเลย




ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป

ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง



Create Date : 11 กันยายน 2548
Last Update : 11 กันยายน 2548 2:04:42 น.
Counter : 4190 Pageviews.

37 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
  
เข้ามาเยี่ยมค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะ
โดย: แม่จัสติน (Baby I love you ) วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:2:48:05 น.
  
อาทิตย์นี้ไม่ได้ดูหนัง แต่ยังเข้ามาอ่านรีวิว
โดย: rebel วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:3:22:23 น.
  
แวะมาครับ อยากดูคงดูไม่ได้
โดย: แป๊กก วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:8:21:32 น.
  
อีกนานเลยกว่าจะได้ดู
โดย: ไม่ได้ตั้งใจโสด วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:9:14:47 น.
  
คราวนี้มาอ่านแบบเต็มๆ ค่ะ

เพราะงบการดูหนังของเดือนนี้ทำให้ต้องเลือกหนังเรื่องนี้ไปดูเมื่อเป็นแผ่นเท่านั้น


อย่างนี้เพื่อนเราที่ชอบสามช่าต้องอุทานเหมือนคุณแน่ๆ เลย
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:9:29:58 น.
  
ตั้งใจจะไปดูค่ะ อยากอุดหนุนหนังไทยบ้าง

หลังจากเหมืองแร่แล้ว ยังไม่ได้ดูหนังไทยอีกเลย

โดย: แก้มยุ้ย (หมวยแก้มป่อง ) วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:9:35:57 น.
  
ดูมาแล้วเหมือนกันค่ะ อะหึ้ยๆ

ส่วนตัวแล้วชอบแก๊งค์3ช่ามากๆ โดยเฉพาะพี่เท่ง
ดังนั้นจึงรุสึกชอบและสนุกกับหนังเรื่องนี้มากๆ

ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นหลวงพ่ออ่ะ ค่ะ
โดย: BeNuTe23 วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:11:41:18 น.
  
มาอ่านค่ะ เก็บเรื่องราวได้ละเอียดมากเลยค่ะ


ปล. ผมอยู่ข้างหลังคุณอะ ดีแย๊วเพราะผมยาวอะ
ถ้าผมอยู่ข้างหน้าคุณ ก็จะทำให้มองไม่ค่อยถนัดเพราะผมมักจะปรกหน้าปรกตาเนาะ...อิอิ
โดย: uggie* วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:14:35:43 น.
  
^^แวะมาทักทายค่ะ...ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเปิ้ลนะคะ...อีกอย่างพอดีมีคนบอกว่าจะไปดูหนังเรื่องนี้น่ะค่ะ..เปิ้ลเรยยเข้ามาหาข้อมูลจากบล๊อกของพี่หน่อย
วิเคราะห์เยี่ยมเหมือนเคยยค่ะ..ชอบๆ
โดย: Mu_in_love วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:14:48:55 น.
  
ต้องขออนุญาตลบความเห็น คุณ กพ ไปนะครับด้วยเหตุที่ว่า เวลาพิมพ์ ตัวอักษรแล้วกดค้าง ออกมาหลายๆตัว มันเลยทำให้หน้าเว็บยืดยาว ผิดรูปไปและทำให้อ่านได้ยาก ต้องขออภัยที่ลบโดยมิได้บอก (เพราะไม่รู้จะติดต่ออย่างไร) เลยขอยกความเห็นคุณ กพ ที่โพสต์ไว้นะครับ ว่า ก็ดี มาลงซ้ำไว้อีกครั้ง

ขอบคุณทุกท่านอีกเช่นกันครับที่มาทักทาย แสดงความเห็นกัน รอความเห็นท่านถัดๆไปเช่นเคยครับ
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:18:50:47 น.
  
ตั้งใจว่าจะไปดูค่ะ แต่ขอสอบเสร็จก่อน
จะได้ตลกได้เต็มที่หน่อย

โดย: keyzer วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:22:54:35 น.
  
มีคนชอบตัวละครที่เล่นเป็นหลวงพ่อเยอะเหมือนกันแฮะ

แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบ พ่อยอดชาย อะหึ้ย มากมายค่ะ ดูจากเบื้องหลังแล้วคงจะเหนื่อยกว่าจะพูดจบแต่ละประโยค 5555

ขอชมค่ะ ขอชม ...
โดย: Tai-Sarunya IP: 203.107.196.160 วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:22:58:52 น.
  
จริงๆ เป็นคนที่ชอบหม่ำนะครับ ผมว่าเขาเป็นตลกที่มีความสามารถ การที่ได้ก้าวมาเป็นคนทำหนังก็คงต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา เคยดูบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมในทีวี..แต่ทนดูไม่จบอะ เหอๆๆ คงต้องทำใจสักพักกว่าจะสร้างความอยากที่จะดูเรื่องใหม่นี้

หนังตลกของไทยหาคนเขียนบทเก่งๆ ยากจริงๆ (จริง ๆ ก็คงหนังไทยทุกประเภทแหละ) คงหนีไม่พ้นที่จะต้องขายความสามารถเฉพาะตัวของตลกแต่ละคนไป จนกว่า....อือม สมควรจะมีความหวังมั้ยเนี่ยกับวงการหนังไทย?? เอ..จะมีคนว่าเรามองโลกในแง่ร้ายมั้ยเนี่ย
โดย: Bkkbear IP: 61.90.84.136 วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:0:05:20 น.
  
อ่า คนเยอะมากเลย เข้ามาอ่านรีวิว
โดย: MunGLuoD sTudiO IP: 210.246.73.224 วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:12:18:09 น.
  
เข้ามาดู!!!!
โดย: CalZera IP: 61.91.70.130 วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:19:12:35 น.
  
เข้ามาอ่านหลายรอบแล้วครับ แต่ไม่เคย comment ให้เลย จะติดตามเรื่อยๆนะครับ เขียนได้ดีจริงๆ
โดย: Orlando IP: 61.90.97.235 วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:2:01:30 น.
  
kim
โดย: 14 กันยายน 2548 IP: วันที่: 17:45:25 เวลา:202.142.218.235 น.
  
เข้ามาอ่านครับ คอมเมนต์ดีครับ มีโอกาสจะไปดูเรื่องนี้เหมือนกัน
โดย: เอ IP: 203.151.140.117 วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:21:16:11 น.
  
ติดตามอ่านผลงานคุณ"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"มาตลอดและชอบคอมเม้นท์คุณมากค่ะ
โดย: Finfama IP: 203.170.228.172 วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:21:18:15 น.
  
ขำขัน มันส์ฮา
สาระไม่เน้น
โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร IP: 203.144.196.34 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:11:58:35 น.
  
เข้ามาอ่านสรุปอ่ะค่ะ เอามาตัดสินใจว่าจะไปดูดีป่าวอ่ะ แฮ่ ๆ
โดย: m*m IP: 58.136.65.240 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:22:26:54 น.
  
สีภาพสวยสู้ หมานครไม่ได้อ่ะ
โดย: Teej วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:21:15:19 น.
  
ไม่ชอบตรงที่เข้ากรุงเทพเหมือนกันค่ะ
มันอืด แล้วมุขก็แป๊ก
ส่วนฉากหลังที่เอาภาพสมัยก่อนมาเป็น Screen
มันดูขัดจนเกินไป
แต่โดยรวมก็ถือว่าหนังเรื่องนี้โอเคเลยทีเดียว
แต่ก็ยังชอบ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมากกว่า
ถ้าจะเปรัยบเทียบในความเป็นหนังของหม่ำ
ส่วนสีที่ใช้ในเรื่องต้องยอมรับว่าจัดจ้านจริงๆ
แต่กลับออกดูมาไม่สวยเหมือนเรื่องมหานคร
มีความรู้สึกว่าเรื่องมหานครสีจะสดมากกว่า
และเนียนมากกว่า
โดย: YCMM วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:18:05:54 น.
  
เข้ามาอ่านจ้า.......
ขอบคุณนะคะ
โดย: ฟ้าฝนไม่เป็นใจ IP: 61.7.148.177 วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:19:46:25 น.
  
มาจ่ายค่าบริการครับ

อ่านแล้วอยากหาเวลาไปดูมั่ง
ขอตัวไปฮาก่อนล่ะครับ
โดย: Dasher IP: 203.114.122.200 วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:20:29:46 น.
  
ครูแนว
โดย: 26 กันยายน 2548 IP: วันที่: 14:44:30 เวลา:203.172.163.82 น.
  
แวะมาจ่ายค่าบริการเหมือนกันค่ะ ^^
โดย: นมัสเต วันที่: 27 กันยายน 2548 เวลา:19:40:46 น.
  
เข้ามาอ่านครับ
โดย: Me first and the Gimme IP: 58.11.51.16 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:11:27:57 น.
  
เดี๋ยวจะไปลองหามาดู

หนังดีดีอย่างนี้ น่าสนับสนุน
โดย: พฤษภาคม 2510 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:1:31:59 น.
  
เขียนได้ดีคับ
ชอบ ๆๆ

อ่านแล้วอยากไปดูบ้าง
โดย: SALB IP: 203.156.28.91 วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:3:00:02 น.
  
โดย: F IP: 202.176.106.38 วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:17:09:31 น.
  
คุณหม่ำเป็นคน Casting คู่พระนาง ทอง-สร้อยครับ
เห็นด้วย ว่าเลือกคนได้เหมาะจริงๆ ยิ่งดูยิ่งทึ่งกับบทสองคนนี้
โดย: อะธีลาส (อะธีลาส ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:7:51:03 น.
  
หมูลูกประดู่
โดย: 19 ธันวาคม 2548 IP: วันที่: 6:01:28 เวลา:58.9.239.86 น.
  
เพิ่งจะได้ซื้อdvdมาดู อยากรู้ว่าคนอื่นดูแล้วคิดยังไง
โดยรวมแล้วก็ถือว่าokโดยเฉพาะช่วงทีเป็นmusic vdoรู้สึกว่าทำออกมาได้ดีกว่าดูหนังอีก
โดย: jayne IP: 202.57.137.195 วันที่: 26 ธันวาคม 2548 เวลา:10:49:48 น.
  
ก็ดีน่ะ แต่ผมต้องเล่นเองนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กูบ้า
โดย: เด็กลาว IP: 124.157.144.116 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:1:55:57 น.
  
โดย: โจ IP: 203.113.17.172 วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:14:35:19 น.
  
สวัสดีค่ะ มาใหม่ค่ะ เพิ่งได้ดูบางตอนของแหยม ในชั้นเรียน เลยลองมาหาบทวิจารย์อ่าน ขอบคุณสำหรับมุมมองดีดี และอารมณ์น่ารักๆ ในหนังเรื่องนี้ ^^
โดย: ofious IP: 202.149.25.225 วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:16:21:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด