Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว) ![]() ![]() Dalton Russell (Clive owen) ![]() การบุกปล้นโดย Dalton Russell และลูกทีม ยึดธนาคารและคนข้างใน(inside)เป็นตัวประกัน พร้อมยื่นข้อเรียกร้องต่อตำรวจเป็นพาหนะที่จะพาพวกเขาหนีไป ในระหว่างการเจรจานั้น มีการก้าวเข้ามาของฝ่ายที่สามนั่นคือ Arthur Case ประธานบริหารของธนาคาร (Christopher Plummer) และ Madeline White (Jodie Foster) หญิงสาวลึกลับผู้ดูมีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหา ![]() ... Keith Frazier (Denzel Washington) นายตำรวจผู้รับผิดชอบคดี พยายามทุกหนทางที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เขาเชื่อมั่นว่า Dalton และ พวกพ้องไม่ใช่โจรใจคอโหดเหี้ยม แต่ยิ่งเวลาผ่านเลยไปสถานการณ์ก็ไม่สามารถคลี่คลาย ![]() ตัวประกันทุกคนถูกจับถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนกับฝ่ายโจร ทุกคนถูกหมุนเวียนสลับห้องไปมา ตัวประกันบางคนถูกบังคับให้มาออกคำสั่งเหมือนเป็นฝ่ายโจร นั่นทำให้ ตัวประกัน จำแนกไม่ได้ว่า ฝั่งโจรมีใครบ้าง ![]() ... ทั้งที่เรารู้แน่ชัดอย่างหนึ่งว่า คนที่อยู่ข้างใน(inside)ธนาคารทั้งหมดนั้น มีคนเป็นโจรปลอมปนเป็นอยู่ข้างใน(inside)กลุ่มพวกเขาอีกที แต่การสอบสวนตัวประกันที่รอดออกมาไม่มีใครสามารถระบุได้ว่า ใครในหมู่พวกเขาคือฝั่งโจร แถม เงินในธนาคารยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ แล้ว โจรคือใคร? , Dalton หายไปไหน? ,พวกเขาบุกปล้นทำไม ? เป็นคำถามที่กลับมาผุดเพิ่มขึ้นให้งงกันเข้าไปใหญ่เมื่อหนังเดินเรื่องมาถึงตอนนี้ หรือนั่นจะเป็นความหมาย ของ การวางแผนปล้นสมบูรณ์แบบที่ Dalton กล่าวไว้ตอนต้น ? ... โดยปกติ หนังกลุ่มจารกรรมหักเหลี่ยมเฉือนคม จะเป็นการต่อสู้ของคนสองกลุ่ม เช่น โจรกับโจร หรือ โจรกับตำรวจ Inside man สร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอ กลุ่มบุคคลที่สาม ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้โจรกับตำรวจทำให้คนดูเดาไม่ถูกว่า คนกลุ่มนี้มีเป้าหมายอะไร เป็นฝั่งผู้ร้ายหรือผู้ดี ซึ่งเมื่อดูจบคนดูก็จะพบว่าไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เพราะหนังเรื่องนี้มีความบอกเราว่า ในโลกเราใบนี้นั้น ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ และ ไม่มีคนชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ ในสังคมเรามีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน มีคนดีใน(inside)หมู่คนชั่ว มีคนชั่วใน(inside)หมู่คนดี และ ใน(inside)คนหนึ่งคนก็ย่อมมีทั้งดีและชั่วผสมปนเปกันไป ฝั่งตำรวจ ที่ดูควรจะดีพร้อมก็พัวพันกับเงินกองโตที่ผิดกฎหมาย ฝั่งคนร้าย ที่ดูควรจะเลวล้วนเห็นแก่ตัวก็ยังรู้จักสอนเด็กให้หลีกเลี่ยงความรุนแรงจากเกมส์ ฝั่งคนกลาง ก็ปนเปื้อนไปทั้งอดีตที่ชั่วร้ายและปัจจุบันที่พยายามชดเชย ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว Arthur Case ประธานบริหารของธนาคาร เข้าใจว่า เมื่อคนเราทำผิดไปหนึ่งครั้งเราสามารถชดเชยได้ด้วยการทำดีอีกร้อยครั้ง แท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อใดที่คนเราเปื้อนสีดำเรามิอาจทำให้สะอาดได้ด้วยการเอาสีขาวมาล้างมันออกไป เราจำเป็นต้องชำระล้างมันจึงจะหมดไปได้ เช่นเดียวกับ คนร้ายที่ทำผิดฆ่าคนตาย ย่อมไม่สามารถหนีความผิดได้ด้วยการทำบุญทำทานเป็นร้อยวัด เพราะ คนเราไม่สามารถทำบุญชดเชยบาปได้นั่นเอง ... การชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบของทั้งสามฝ่ายถูกเขียนบทขึ้นมาอย่างสมดุล แต่ละฝ่ายล้วนมีการแสดงที่ยอดเยี่ยมช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับฝั่งตัวเอง ฝั่งโจรนำทัพโดย Clive Owen เราจะเห็นหน้าเขาเต็มๆไม่เกินสิบนาทีเพราะช่วงเวลาที่เหลือมีผ้าปิดหน้าปิดตา แต่การแสดงของเขาภายใต้ชุดคลุมทึบสามารถแสดงออกถึงความมั่นใจ ความฉลาดและการเป็นดารานำได้อย่างมีพลัง ฝั่งตำรวจนำทัพโดย Denzel Washington ![]() ... และเมื่อหนังดำเนินมาช่วงท้าย หลังจากที่ตำรวจต้องปล่อยเหล่าตัวประกันเอาไปเพราะเอาผิดไม่ได้ ช่วงเวลาถัดจากนี้ หนังท้าทายความสามารถคนเขียนบทอย่างมาก เพราะคนดูย่อมคาดหวังไว้แล้วว่า หนังต้องมีอะไรดีๆ และ ต้องมีคำอธิบายที่น่าพึงพอใจ ไม่ใช่จบแค่นั้น สำหรับคำอธิบายของสิ่งที่เรียกว่า แผนปล้นสมบูรณ์แบบ และเราก็ได้พบว่า แผนการสมบูรณ์แบบ เป็น ผลลัพธ์ของการเขียนบทที่สมบูรณ์แบบ ในการตามเก็บรายละเอียดและเหตุผลของการปล้นได้ครบครัน ซึ่งหนังให้ความสำคัญกับจุดนี้มากจนไม่สนใจรายละเอียดที่มาที่ไปของตัวละครเสียด้วยซ้ำ แผนการที่สมบูรณ์แบบสามารถอธิบายได้ว่า เพราะอะไร การปล้นครั้งนี้จึงไม่มีคนตาย , ไม่มีการแจ้งของหาย , จับตัวคนร้ายไม่ได้ , ทำไม Dalton Russell หายไปอย่างลึกลับ ,ทำไมเงินในธนาคารยังอยู่เท่าเดิม , และ ไม่มีผู้ต้องหา มันเป็นการวางแผนปล้นที่มีวัตถุประสงค์มากไปกว่าการปล้น และ สามารถทำการสำเร็จทั้งสองวัตถุประสงค์ บทสรุปสุดท้ายที่ปิดฉากด้วยการทิ้งแหวนไว้กับตำรวจ และ มอบของขวัญแต่งงาน เป็นการย้ำการทำงานที่ดีของคนเขียนบท ที่ดูออกได้ชัดเจนว่า มีการวางแผนมาดีตั้งแต่ต้น มุกหรือปมที่หยอดไว้ตอนต้นแต่ละอย่างถูกวางเอาไว้อย่างมีวัตถุประสงค์ ... จากหนังตัวอย่างชวนให้คิดว่า Inside man เป็น Action -thriller ประเภทสร้างความกดดันท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด แต่พอดูๆไปกลับกลายเป็นว่า หนังไม่ได้มีความตั้งใจในการเร่งจังหวะให้ตื่นเต้นกดดันแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังบรรยายกลวิธีการทำงานของทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด จนเอื่อยๆเรื่อยๆชวนให้ง่วงเหงาหาวนอนเสียด้วยซ้ำในช่วงครึ่งแรก จึงไม่น่าแปลกใจว่า เพราะอะไร ฉากเปิดเรื่องจึงเริ่มด้วยเพลงประกอบ Chaiyya Chaiyya ที่ดูครึกครื้นร่าเริง เพราะนี่ไมใช่หนังในแนวดูขึงขังจริงจัง แต่เป็นหนังที่มีทีท่าหยอกเย้าเราคนดูอยู่ตลอดเวลา เป็นหนัง Action -thriller ที่เรียกรอยยิ้มคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง หลายมุกที่เล่นกันสนุกสะท้อนถึงบทที่เขียนมาดี มีจังหวะจะโคน มีไดอะล็อกที่เฉียบคม และ ทำให้หนังมีเสน่ห์ในตัว เช่น ช่วงทายปริศนาระหว่างโจรกับตำรวจ หรือ ช่วงตามหาแฟนเก่าชาวอัลเบเนีย หรือจะเป็นบทสนทนาสั้นๆเช่น มุกไล่ให้ไปหาหมวกเอาเอง (มุกนี้ทั้งฉลาดทั้งขำ) ... แม้จะเป็นหนังตลาดแบบขายสไตล์เต็มตัว ผู้กำกับ Spike Lee ก็ยังคงทิ้งลายเซ็นต์ตัวเองไว้ในหนัง ในการสะท้อนสังคมและสอดแทรกสาระเข้าไป การพูดถึง คนตัวเล็กๆ และ ชนกลุ่มน้อย ก็ยังคงปรากฏในหนังเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่า การคลี่คลายสถานการณ์ในเรื่องนั้น ไม่ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยตัวพระเอกที่เก่งเพียงคนเดียว ทุกๆรายละเอียดของการทำงาน ความสำเร็จมันมีส่วนมาจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่เราอาจจะละเลยมองข้าม เช่น ในเรื่อง คนอัลเบเนียอาจเป็นชนชาติที่เรานึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าอยู่ตรงไหนทวีปอะไร แต่ เขากลายเป็นกุญแจสำคัญหนึ่งในหนัง , คนขุดถนนอาจเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาแต่เขาเป็นคนที่จะพาเราไปพบเบาะแสบางอย่าง , ตำรวจยศเล็กๆกลายเป็นคนที่ช่วยชี้สิ่งที่เป็นเส้นผมบังภูเขา ฯลฯ คนกลุ่มน้อยนี้เป็นเหมือนตัวแทนคนผิวสีที่เป็นตัวละครเอกเสมอๆในหนังของ Spike Lee นอกจากนี้หนังยังเสียดสีคนอเมริกาที่มักจะถืออำนาจบาตรใหญ่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งและไม่แคร์คนอื่น อย่างในเรื่องที่มองชาวซิกข์เหมารวมไปเป็นคนอาหรับ มองข้ามความสำคัญของผ้าโพกหัวของเขาอย่างไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับมองคนกลุ่มอื่นๆในสังคมที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน ... ถ้าดูจากแค่เนื้อเรื่องย่อของ Inside man เราอาจจะรู้สึกคุ้นๆ เหมือนการผสม ของ Oceans 11 ที่สนุกกับการนำดาราๆดังๆมายำในเนื้อหาที่เน้นกระบวนการจารกรรม บวกรวมกับ The Negotiator ที่เน้นความสามารถของการเจรจาต่อรองผู้ก่อการร้าย แต่เมื่อดูจบแล้วจะพบว่าหนังเรื่องนี้มีดีไม่ซ้ำรอยสองเรื่องที่ว่ามา และ ความดีที่เกิดขึ้นที่ทำให้มันฉีกตัวมาได้ไม่เป็นหนังสูตรสำเร็จคงต้องชมผู้กำกับ และ บทภาพยนตร์ บทภาพยนตร์ที่เขียนโดย Russell Gewirtz ทำให้เขาเป็นคนเขียนบทที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก สำหรับการเขียนบทหนังใหญ่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เพราะนับว่าเป็นบทที่มีความสร้างสรรค์ในตัวดี มีความสามารถในการเร้าความสนใจคนดู ตั้งแต่ monologue เปิดตัวของ Clive Owen ที่สามารถเรียกความสนใจใคร่รู้ให้กับคนดูได้เป็นอย่างมาก การใส่มุกตลกก็ทำออกมาได้เข้าท่า บทสนทนาต่างๆในเรื่องสร้างความสนุกสนานให้คนดูไม่แพ้การวางแผนจารกรรม และที่น่าชื่นชมอีกจุดหนึ่งของบทในเรื่องคือ หนังเต็มไปด้วยนักแสดงชื่อดังมาเดินชนกันขวักไขว่ แต่หนังก็ยังสามารถกระจายบทบาทความสำคัญให้แต่ละคนได้อย่างสูสี ทุกบทบาทแสดงออกว่าตัวเองเป็นคนมีกึ๋น และ นี่เป็นหนังที่คนมีกึ๋นมาต่อสู้กัน ![]() แต่จุดอ่อนเล็กๆก็คงเป็นตรงหนังที่ดูมีความทะเยอทะยานในการผสมหลายเรื่องราวเข้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่การชิงชักหักเหลี่ยมในการปล้น จนทำให้หนังเต็มไปด้วยโจทย์คำถาม และ เกิดเครื่องหมายคำถามในหัวขณะดูเต็มไปหมด เช่น ปล้นไปทำไม , ฝ่ายที่สามมาเพื่ออะไร, ทำไมจึงต้องมีการสอบปากคำระหว่างปล้นธนาคาร(ยังดีที่ฉากนี้หนังใช้ซับไตเติลสีแดง) ![]() สิ่งที่ชอบ ![]() 1.บท ที่ชอบคือ การวางแผนปล้นอย่างเฉลียวฉลาด การตามเก็บรายละเอียดที่ทิ้งไว้และการคลี่คลายเนื้อเรื่องที่ดูแล้วน่าจะพันกันให้ยุ่งเหยิงอย่างไม่น่าอธิบายได้ครบ ก็สามารถหาทางออกให้ยอมรับได้ดี ที่ชอบยิ่งกว่า คือ การทำให้คนดูยิ้มหัวเราะได้อย่างเพลิดเพลิน จาก ไดอะล็อกของหนัง มุกที่ใส่เข้ามา และ การเล่าเรื่องที่ไม่ซ้ำซากแถมฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เป็น หนังแอคชั่นทริลเลอร์ที่ผมจัดได้ว่ามีเสน่ห์ในตัวไม่แพ้ Ocean's 11 2.นักแสดง ไม่มีใครที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เลือกชอบเลือกชมไม่ถูก แต่ที่เข้าตาผมเหลือเกินคือ Jodie Foster ![]() 3. รอยยิ้ม ... ดูโหน่ง-เท่งมาก่อนหน้านี้ ยังเรียกรอยยิ้มผมได้ไม่มากเท่าในหนังเรื่องนี้ มันไม่ใช่ตลกแบบหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ทำให้ดูไปยิ้มไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่ไม่ชอบ ![]() 1.เกือบหลับครึ่งแรก ช่วงครึ่งแรกของหนังหลังจากเริ่มปล้นไปแล้ว ถ้าไม่นับมุกตามหาสาวอัลเบีย และ การไขปริศนาคำทาย ช่วงที่เหลือของครึ่งแรกดูอืดๆเนือยๆเชื่องช้า จนอาจทำให้งีบหลับได้ง่ายๆ สรุป หลังจากจำเจกับหนังโจรกรรมซ้ำๆซากๆ Inside man เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเหมือนยาแก้เลี่ยน ที่อาจจะกินแล้วง่วงๆไปบ้างในช่วงแรก แต่ ผลลัพธ์สุดท้ายให้ความรู้สึกแตกต่างกว่าที่เคยลิ้มรสมาแน่นอน หนังมีบทที่ฉลาด บทสนทนาที่เข้าท่า การแสดงที่ยอดเยี่ยม เป็นหนังที่ผมดูจบแล้วอมยิ้มอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป ส่วนตัวชอบโจดี้ ฟอสเตอร์กับเดนเซล วอชิงตันแสดงอยู่แล้ว
ก็เลยยิ่งสนใจอยากจะไปดูเรื่องนี้ .. แต่ยังไม่มีโอกาส ![]() กะว่าดีวีดีออกมะหร่ายคงจะซื้อมาดู .. ![]() โดย: noonnanoon IP: 124.120.182.25 วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:1:44:58 น.
กลัวไปดูแล้วตอนแรกๆหลับจัง กลัวหลับ ไม่ตื่น อดดูตอนหลังๆ T^T
โดย: ออนลี้ (ออนลี้
![]() ยังไม่ได้ดูครับ...
แต่ลงเม้นเป้นเครื่องบรรณาการเฉยๆ โดย: ผผผผีหลอก IP: 203.172.48.110 วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:6:08:30 น.
ชอบโจดี้ ตั้งแต่เรื่องคอนแทคแล้ว จากนั้นก็ติดตามดูผลงานของเธอมาตลอด เรื่องนี้คงไม่พลาด
สวัสดีปีใหม่ไทยน๊ะครับ มีความสุขมากๆ ![]() โดย: Zantha
![]() ![]() โง้กำดาอเสอทกดทิรกดิทดา
โดย: พีม ป.6/4 เพชรถนอม IP: 58.8.98.104 วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:15:47:40 น.
หนังทริลเลอร์ที่มีเสน่ห์ -- เห็นด้วยกับประโยคนี้เต็มๆเลยค่ะ
![]() ชอบ Dialogue ตอนแรกมากๆ เป็นการเอา Who, What, When, Where, Why และ How มาใช้อย่างชาญฉลาดจริงๆ(ที่เรียก Monologue เพราะเป็นการพูดคนเดียวใช่ป่าวคะ ![]() อีกฉากที่ชอบมากๆคือฉากเล่นเกมกดของเด็กคนนั้นค่ะ ชอบบรรยากาศแบบนั้น มันสะดุดใจดี เรากลับไม่ชอบบทของ Jodie Foster เท่าไหร่แฮะ รู้สึกว่ามันโดดออกมาและไม่ค่อย smooth ไปกับส่วนอื่นเท่าไหร่ค่ะ ตอนแรกยังข้องใจอยู่เหมือนกันว่าสรุปแล้วเหตุผลในการปล้นคืออะไรกันแน่ แต่ตอนนี้เริ่มคิดขึ้นมาว่าเหตุผลอาจจะเป็นเพราะ He can ล่ะมั้งคะ ![]() โดย: azzurrini
![]() โดยรวมสนุก โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลัง หนังตื่นเต้นและชวนลุ้นมากขึ้น
มีมุขตลกแฝงเรื่อยๆ เป็นหนังที่สนุกขึ้นอีกเมื่อย้อนกลับไปคิดต่อแล้ว get มุขในเรื่องเพิ่มอีก (ขณะที่ตอนดูบางมุขยังงงงงงง) การแสดงของดารานำ มีพลังแบบไม่มีใครยอมใคร เห็นด้วยว่าโจดี้ ออกมาน้อยมาก บทบาทจะว่าไปก็ไม่เชิงมีอะไรมาก แต่เธอเล่นได้มีอะไร เลยทำให้บทมีอะไรมากขึ้นไปด้วย แต่ดูเธอในเรื่องนี้ช่างทำหน้าตาได้มั่นใจ๊มั่นใจซะเหลือเกิน จนอดแอบคิดต่อไปไม่ได้ว่า ฉากสุดท้ายที่เธอรับเงินจากนายธนาคาร แล้วคล้อยหลังเธอเกิดถูกเก็บฐานรู้ความลับ เธอได้หาวิธีป้องกันตัวไว้แล้วหรือยัง(ด้วยความเป็นห่วงจริงๆเถอะแม่คุณ) ![]() โดย: Inside men IP: 58.9.160.246 วันที่: 14 เมษายน 2549 เวลา:21:57:15 น.
ดูแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก้อเหมือนจะงงๆ
โดย: ~~~ IP: 58.64.101.185 วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:21:55:57 น.
ชอบบทของ Jodie Foster เหมือนกันครับ เพราะถึงบทจะเป็นบท(โคตร)สมทบ แต่ก็เด่นมาก ถ้าเกิดเอาคนอื่นมาเล่นก็คงไม่ได้ขนาดนี้
แต่ว่าบทนี้ ผมว่าตัวบทยังไม่ค่อยกลมกลืนเท่าไหร่น่ะครับ แต่ว่าได้ Jodie Foster มาเล่น บทนี้เลยดูดีขึ้นมาเยอะเลย (กรณีเดียวกับ Gong Li ใน Memoirs of a Geisha ไม่มีผิด) ตอนสุดท้ายงงๆน่ะครับ สรุปโจรมีกี่คนกันแน่หว่า - -* โดย: nanoguy (nanoguy
![]() ยังไม่มีเวลาไปดูเลยครับ ต้องหาโอกาสให้ได้ ขอบคุณสำหรับ Review ดีๆ อย่างนี้ครับ
![]() โดย: เข็มขัดสั้น
![]() ผมกลับมองเห็นว่าช่วงต้นของเรื่องสำคัญและน่าสนใจ คือ รู้อยู่ว่าผู้กำกับจะต้องวางกับดักอะไรสักอย่าง(กับคนดู) และไม่ชอบซับไทยสีแดง ในช่วง Flash forward มันเน้นเกินไป ทำให้เสียหนังเปล่าๆ ที่สำคัญช่วงท้ายเรื่องซึ่งควรจะคลี่คลายว่าใครทำอะไรไปทำไม กลับสับสนพิลึก ตั้งใจเขียนมากไปหรือเปล่าให้ซับซ้อน จนคนดูขี้เกียจคิดหาคำตอบแล้ว จนป่านนี้ก็ยังงงๆ อยู่ว่าอะไรคือแรงจูงใจที่แท้จริงสำหรับการปล้นครั้งนี้ แล้วเหตุผลจริงๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง...?
โดย: Bkkbear IP: 124.120.204.44 วันที่: 16 เมษายน 2549 เวลา:22:01:47 น.
Clive Owen โดดเด่นมากตั้งแต่ฉากแรกเลยครับ
เพียงแค่ดูจากลักษณะการพูดจา ท่าทาง หรือ แววตา ก็รู้เลยวว่าหมอนี่มันต้องฉลาดเป็นกรดเลย แต่ก็ทำให้เราฉุกคิดอีก เอ๊ะ...แล้วไหงเอ็งโดนจับล่ะ...แต่สุดท้ายที่ไหนได้... ที่ยังคงเป็นลายเซ็นของ Spike Lee ยังคงครบท้วนด้วยการ "เสียดสี" เชื้อชาติ, สีผิว, ความเป็นอเมริกา... เหล่านี้แทบจะแทรเข้ามาเป็นระยะๆตลอดทั้งเรื่องเลย...นี่เหละทำให้ดูแล้วก็ยิ้มไปส่ายหัวไป..แสบจริงๆ ตย. ฉากที่โจรปล่อยคนซิกซ์ออกมาน่ะครับ พอเห็นหน้าปุ๊บก็สงสัยเลยว่าไอ้ที่ถือนั่นระเบิดรึเปล่า ฮาไปเลย โดย: kimprite
![]() + ชอบเหมือนกันครับ ... บทฉลาดดี แถมยังมีการแก้เซ็งด้วยการตัดสลับเอาช่วงการสัมภาษณ์ (กึ่งสอบสวน) ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาคั่นฉากด้วย ... การที่บุคลิกของเดนเซลในหนัง เป็นนายตำรวจที่ฉลาด(มาก) แต่ก็ซื่อตรง และดูผ่อนคลายสบายๆ ทำให้หนังลดความเครียดลงไปได้พอสมควร
+ ผมไม่เคยได้ดูหนังของ Spike lee มาก่อน แต่ถึงเพิ่งจะมาดูเรื่องนี้เรื่องแรก ก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ประมาณ เสียดสี กระแนะกระแหนการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติในสังคมอเมริกัน ... หนังใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาทำมุกขำขำได้หลายมุกทีเดียว ... และเพลงประกอบก็เท่ห์(แบบแตกต่าง)ดีอ่า + ดูตอนจบก็ค่อนข้างเคลียร์นะครับ (ถึงแม้จะดูโอเวอร์และเพอร์เฟ็กต์ไปหน่อยก็ตาม) ... และตามที่คุณ nanoguy ถามว่ามีโจรกี่คน ... ผมว่าเท่าที่เห็นก็น่าจะมีที่เข้าไปปล้นแบงค์ 4 คน และมีตัวหัวหน้าใหญ่ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดอีกอย่างน้อยคนนึง (ซึ่งคนนี้ก็น่าจะเป็นคนที่รู้รายละเอียดของ 'สิ่ง' ที่จะปล้นว่ามันคืออะไรและอยู่ที่ไหน) ... แต่ประเด็นที่ผมไม่เคลียร์ก็คือ คนที่ว่าเนี่ย มีความสัมพันธ์อะไรกับ Arthur Case มาก่อน แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาวางแผนแฉเอาตอนนี้ แล้วทำไมถึงได้รู้รายละเอียดทุกอย่าง ที่น่าจะมีเจ้าตัวเค้ารู้อยู่แค่คนเดียว อ่ะครับ + สำหรับการแสดง แต่ละคนก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของตัวเอง ... สำหรับ Arthur Case (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) มีใครเคยดูเรื่อง The sound of music มั่งครับ? คนนี้แหละ พระเอกในเรื่องนั้น (ตอนยังหนุ่มๆ) ล่ะ ... ส่วน Clive Owen ผมก็ชอบการแสดงเค้ามานานแล้ว โดยเฉพาะจาก Closer แสดงได้จิตเจงๆ เหอะๆๆ + บทสรุปของเรื่อง คนผิด ไม่ว่าจะยังไง ซักวันนึงบาปกรรมก็ต้องตามทันเค้าจนได้ไม่ช้าก็เร็ว เหมือนคติทางพุทธศาสนาที่ว่า "เราไม่สามารถทำบุญเพื่อชดเชยหรือลบล้างบาปที่เราเคยทำไว้ได้ มีเพียงแค่ทำให้บรรเทาเบาบางลง หรือเลื่อนเวลาออกไปเท่านั้น" ... เพราะฉะนั้น ก่อนจะทำอะไร เราควรคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะไม่งั้นต่อไปในภายภาคหน้าเจ้ากรรมนายเวรก็คงตามไปทวงคืนจากเราจนได้แหละ ... โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:13:36:31 น.
ชอบโจดี้มากๆ และเรื่องนี้ ทำให้บทของเธอดู แน่นมาก เราว่าถ้าเป็นคนอื่นมาแสดงแทน เราคงไม่เชื่อผู้หญิงคนนี้ เธอดูฉลาด เหมาะที่สุดเลย
โดย: หวานใจกิมลี
![]() ดูแล้วค่ะ ครึ่งแรกจะหลับเหมือนกัน
แต่ฝืนใจดูต่อไปว่ามันสนุกยังไง เห็นแฟนบอกสนุกนักหนาให้ดูเอาเอง ![]() พอครึ่งหลังๆเริ่มมัน ทั้งๆที่ดูตอนตี2 ยังต้องลุกมาชงมาม่ากินแก้ง่วง แซบดีแท้ อิอิ หักมุมได้ดีค่ะ ชอบๆ ![]() โดย: เจี๊ยบ (sexybodylove
![]() หนังสนุกดีครับ ก่อนที่จะดูไม่คิดว่าจะสนุกแบบนี้ด้วยซ้ำ คิดว่าเป็นแค่หนังโจรปล้นธนาคารธรรมดา แต่ว่า มันมีอะไรที่ลึกล้ำกว่านั้นจริงๆ ดูไปแล้วก็มีคำถามในใจตลอด แล้วก็มาเฉลยในตอนท้ายได้ดี แต่ว่าต้องตั้งใจดูนิดนึงครับ ไม่งั้นอาจตามไม่ทัน ขนาดตั้งใจดูแล้วยังต้องกรอดูฉากที่งงๆอยู่สองสามรอบเหมือนกัน ดีที่เช่าแผ่นมาดู ถ้าไปดูในโรงอาจตามไม่ทันได้เหมือนกัน ^^"
โดย: donkiyote IP: 125.24.208.15 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:21:03 น.
สนุกม๊าก มาก ! ชอบ Jodie
โดย: นุชนาถ IP: 202.91.18.206 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:16:19 น.
บทความทั้งหมด
|
|
เห็นด้วยในหลายๆเรื่องค่ะ ไม่เคยดูหนังแนวนี้มาก่อน ตอนดูรู้สึกเนิบๆ เกือบหลับเหมือนกัน (ตอนแรกคิดว่าจะเป็น thriller แบบลุ้นตลอด ตื่นเต้นๆ แนวๆ The Interpreter) แต่พอดูจบแล้วมองย้อนกลับไปก็คิดว่าเรื่องนี้เฉียบจริงๆ
ว่างๆต้องหาดีวีดีมาซื้อเก็บซะหน่อย จะได้ดูอีกรอบด้วย เหมือนยังเก็บประเด็นไม่ค่อยครบไงไม่รู้