Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ ![]() ควบ ![]() ...ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งกับการเขียนควบ 2 เรื่อง ด้วยอานิสงส์จาก Movie passport ที่ทำให้ผมได้โอกาสดูหนังมากกว่าที่ตั้งใจ ตอนแรกว่าจะข้ามเรื่องแรกไปเสีย แต่พอดูเรื่องหลังแล้วเห็นว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ มันมีอะไรร่วมกัน จึงตัดสินใจควบ 2 ซะทีเดียว สิ่งที่ผมมองมันร่วมกันคือ ถ้าให้ผมเองจัดหมวดหมู่ ซึ่งผมตั้งหมวดขึ้นมาเองไม่ได้มีในตำราเล่มไหนว่า ทั้ง 2 เรื่องนี้ต่างก็อยู่ในตระกูล(Genre)เดียวกัน คือ ตระกูล Mo-Action(แอคชั่นขี้โม้) ![]() ตัวอย่างฉากในหนังแอคชั่นขี้โม้ : พระเอกยืนอยู่กลางถนน แล้วรถสองคันวิ่งสวนทางจะมาชนพระเอก พระเอกพลันกระโดดขึ้นแล้วรถสองคันก็ระเบิด ตู้ม แล้วพระเอกก็ลงมาเหยียบบนรถที่ชนกัน อย่างไม่สะทกสะท้าน ดังนั้นสิ่งที่แอคชั่นขี้โม้พึงควรจะมี ไม่ใช่ ความสมเหตุสมผล แต่ ควรเป็น ขี้โม้แล้วคนดูสนุกจนไม่คำนึงถึงเหตุผล และ ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะสร้างขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลเลย อย่างน้อยถึงจะโม้ ก็ควรมีความสมจริงในบริบทของการโม้นั้นๆ ไม่ใช่เลอะเทอะเละเทะ และนี่คือหนัง 2 เรื่องที่เป็นแอคชั่นขี้โม้ เรื่องหนึ่งมีคุณสมบัติครบและจัดได้ว่าหนังทำได้ดีมากในตระกูลนี้ ในขณะที่อีกเรื่องหนึ่งยังทำได้ไม่ดีเพียงพอ (ปีที่ผ่านมา รางวัล หนังแอคชั่นขี้โม้ดีเด่น ผมยกให้กับเรื่อง Cellular) เรื่องบนบก ( Transporter 2 ) ...หลายปีก่อน ผมเคยซื้อขนมโตเกียวหน้าแถวหน้ากิ่งเพชร จากวันนั้นถึงวันนี้ยังจำได้ถึง ท่าทีคนขายที่ดูเข้าอกเข้าใจขนมโตเกียวตัวเองเป็นอย่างดี รู้ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี เอาใจใส่ในการทำและขายลูกค้า ผมเคยไปกินซี่โครงหมูที่ร้านอาหารแล้วแม่ครัวบอกว่าวันนี้หมูไม่ค่อยดี ทำให้เขาเหล่านั้นเป็นพระเอกที่ผมยังจำได้อยู่เสมอ โดยเขาหรือเธอไม่ได้ทำอะไรตื่นเต้นเร้าใจอะไรเลย เขาและเธอเพียงแต่ มีจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบ และ ซื่อตรงต่อวิชาชีพ ...Frank Martin มีอาชีพรับจ้างส่งของ จรรยาบรรณ ของเขาคือ ต้องส่งของให้ถึงผู้รับและรักษาสัญญาทุกสัญญาที่ให้ไป เมื่อเขาไปรับจ๊อบชั่วคราวงานขับรถส่งลูกชายคนสำคัญ และ เธอถูกลักพาตัวไป สัญญาที่เขาให้ไว้กับเด็ก คือ ปกป้องไม่ให้เด็กต้องเจ็บ เขาจึงทำทุกวิถีทางที่จะพาเด็กคนนั้นกลับมา ไม่ใช่เพียงสัญญาที่เขารักษา แต่มันเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่าง Frank กับ เด็ก และแม่ของเด็ก ในครอบครัวที่กำลังมีปัญหา ความเป็นพระเอกของ Frank ไม่ได้เป็นแค่การกระโดดเตะผู้ร้ายทีละ 5 คน ไม่ใช่การขับ Audi ข้ามตึก แต่ความเป็นพระเอกของเขา คือ หน้าที่ความรับผิดชอบ ที่สามารถจบได้ตั้งแต่พาเด็กไปให้เหล่าร้าย เขาสามารถจะหนีเอาตัวรอดได้ แต่เขาไม่ทอดทิ้ง เขารักษาสัญญาและกฎที่ตัวเองมี ไม่ใช่แค่การทำสัญญา แต่มันแสดงออกว่าเป็นการทำด้วยหัวใจ ที่เขามีให้กับเด็กและแม่ครอบครัวนี้ แม้แต่โอกาสที่เขาสามารถฉกฉวยได้เมื่อ คนเป็นแม่ที่ไร้ทิศทางพร้อมจะมอบกายให้ในวันที่สับสน เขาเองปฏิเสธและคลายความกังวลสับสนนี้ให้กับเธอ (ดูไปคิดไปว่าหากเป็น James Bond แม่สวยๆเช่นนี้อาจเสร็จไปแล้ว) นั่นคือ ความเป็นพระเอกของเขา และ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ใครต่อใครจดจำเขา เหมือน กับที่ผมเคยจำคนบางคนได้ ที่เล่าไว้ข้างต้น คนเราสามารถเป็นพระเอกในงานตัวเองได้ไม่ยากเลย ....หนังเล่าเรื่องได้ชวนติดตามตั้งแต่ฉากเปิดตัว ที่ใส่ชื่อนักแสดงแขวนตามราวเหล็ก ตามมาด้วย การเปิดตัวพระเอกหน้าตายเจอแก๊งค์หนุ่มสาววัยละอ่อนจะมาซิวรถของเขาไป นั่นตามมาด้วย สูตรสำเร็จของหนังแอคชั่นขี้โม้ทันทีกับการที่พระเอกขอถอดสูทเพราะกลัวสูทเลอะ แล้ว ลูกเตะหมุนตัว 360 องศา พร้อมตีลังกาลงมาเตะปืนในมือคู่ต่อสู้ ![]() หนังถือว่าประสบความสำเร็จในการกำกับฉากบู๊เหล่านี้ ให้ดูสนุกชวนติดตาม และ การกำกับเรื่องราวก็ทำได้กระชับ มีทิศทางชัดเจนว่าหนังจะเล่าเรื่องไปในทิศทางใด(แม้ว่า พล็อตจะคล้ายๆซี่รี่ส์ 24 อยู่บ้าง) และเมื่อความสนุกบังเกิดขึ้น เหตุผลที่อยู่ในตั้งอยู่บนตรรกะความเป็นจริงก็พร้อมจะถูกลืม (เช่น ทำไมเอาประตูกันกระสุนได้โดยลูกปืนไม่ทะลุ , ทำไมคนที่อยู่ในงานคนอื่นๆตอนท้ายไม่เป็นอะไร ฯลฯ) ![]() Transporter 2 เป็นหนังแอคชั่นดูเพลิน หนังให้ความบันเทิงได้ครบสมบูรณ์แบบ เป็นความบันเทิงย่อยง่ายและก็ไม่ได้ไร้สารอาหารแต่อย่างใด อาจจะมีช่วงกลางๆที่ตามล่าหาความจริงหนังอืดๆอยู่บ้างแต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ อารมณ์ขันในหนังมีอยู่เหลือเฟือ โดยเฉพาะมุขฝรั่งเศสท่องอเมริกัน ที่เรียกเสียงรอยยิ้มคนดูได้อยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้นี่ยังเป็นอีกเรื่องที่โฆษณาขายสินค้าพาเหรดมาแบบโต้งๆไม่ปิดบัง ตั้งแต่ Nokia Heineken ฯลฯ ...Transporter น่าจะเป็นยี่ห้อที่พร้อมขายต่อเป็นแฟรนไชส์ให้กับภาคถัดๆไปได้เกิดตามมา ในด้านนักแสดงนำ Jason Statham ![]() ![]() สิ่งที่ชอบ ![]() 1. ฉากแอคชั่น ... หนังบางเรื่องอัดฉากแอคชั่นแบบไม่หยุดพักเหมือนกัน แต่คนดูกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ นั่นเป็นเพราะการกำกับที่ทำให้ฉากแอคชั่นไม่น่าสนใจ ฉากแอคชั่นไม่สัมพันธ์กับเรื่องราว หรือ จังหวะมันไม่ลงล็อคดีๆ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่อง ที่โชว์ฉากแอคชั่นที่แสนจะเว่อร์แต่คนดูสนุก และ มีจังหวะลงตัว 2. ความสนุกต่อเนื่อง ... มันทำให้ผมนึกถึง Cellular อีกหนึ่งหนังแอคชั่นที่สนุกย่อยง่าย แต่สนุกมากมาย และเป็นความสนุกต่อเนื่องไม่มีบันยะบันยัง โดยไม่รำคาญ (แถม Jason Statham ก็ไปเล่นด้วยเช่นกัน) 3. จรรยาบรรณวิชาชีพ ... ชอบความรับผิดชอบ และ ความเป็นพระเอก ในหนังเรื่องนี้ แม้จะดูเป็นคนดีเหลือเกิน แต่พระเอกที่ดีเหลือเกินแบบหนังเรื่องนี้นี่แหละที่คนดูสามารถสอนให้เด็กๆดูเป็นตัวอย่างที่ดีได้ในส่วนที่เขามี และ สอนให้ผู้ใหญ่ได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าจรรยาบรรณวิชาชีพกับความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของงานตัวเอง เรื่องบนน้ำ ( Into the Blue ) ...เมื่อเพื่อนรัก 2 คน มาพบกันพักผ่อนริมทะเลแคริบเบี้ยน ด้วยความบังเอิญดำน้ำไปพบกับ เครื่องบินขนโคเคนที่จมอยู่ใต้ทะเลลึก และ พบร่องรอยของเรือที่อาจมีขุมทรัพย์มหาศาลซ่อนอยู่ สิ่งที่พระเอก (Jared) และ สาวคนรัก (Sam) ![]() ![]() Jared ชายหนุ่ม ที่อยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว ต้องเผชิญกับภาวะที่ยากต่อการตัดสินใจ ว่าตัวเองจะยอมให้อยู่อย่างแร้นแค้นกับเรือเก่าๆขึ้นสนิมลำเดิมต่อ และ ให้คนรักต้องมาเสี่ยงอนาคตนี้ด้วย หรือ จะตัดสินใจทำผิดกฎหมายเล็กๆสักครั้งอย่างที่เพื่อนว่าไว้ แลกกับ เงินทองมากมายที่จะไหลตามมา ...กิเลสมักจะมาหาเราง่ายๆ และ มีข้อเสนอที่ยั่วยวนชวนให้ลองอยู่เสมอ บางครั้งเหมือนแบบทดสอบท้าทายศีลธรรม เช่น ทำผิดเล็กๆน้อยๆจะเป็นไรไป หรือ ทำผิดแค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร แล้วมนุษย์ก็มักจะตกหลุมพรางนี้อย่างง่ายดาย เพราะเห็นว่า มันเป็นแค่ ความผิดเล็กๆ หรือ กิเลสชั่วคราว ซึ่งอันที่จริงแล้ว กิเลส ไม่เคยมีชั่วคราว เมื่อมันเข้ายึดครองแล้วมันก็จะกินรวบต่อไปเรื่อยๆ ครั้งเดียวที่เราเห็นว่าเล็กๆพอทำไปแล้วรอดพ้น ก็เริ่มเกิดกิเลสใหม่ที่ใหญ่ขึ้นอีกไปไม่รู้จักจบจักสิ้น ...หากเราให้คุณค่ากับเงินอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เงินก็เป็นสิ่งสำคัญชนิดที่ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา แต่ หากเราให้คุณค่ากับสิ่งอื่นมากกว่า เงินก็พร้อมจะถูกสละทิ้งไปเหมือนตำนานในอดีตที่ Jared เล่าให้ Sam ฟังถึงกัปตันเรือที่ยอมสละสมบัติเพื่อคนรัก และเหมือนกับที่ Sam บอกพร้อมจะร่วมหอลงโรงกับ Jared ขอเพียงอย่าให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับงานสกปรกและบอกว่า What is it you want in life that money can't get you? แต่แล้วเรื่องเงินๆทองๆ ก็นำมาสู่ กิเลสที่เข้ามาครอบครองคน จนนำไปเข้าสูตร รักไม่ซ้อนแต่ซ่อนเงื่อนและเพื่อนทรยศ ....เกินกว่าครึ่งเรื่องของ Into the Blue ดำเนินเรื่องเหมือนสารคดีดำน้ำที่มีเรื่องราว พร้อมกับ ทรวดทรงองค์เอวของ 2 นักแสดงสาว กับ นักแสดงหนุ่มสุดเท่ห์ ที่ดำน้ำเล่นคลื่นพร้อมฝูงปลานานาชนิดใต้ผืนน้ำสีฟ้า ![]() หนังถ่ายชายฝั่งและท้องทะเลได้สวยงามจนอยากจะตีตั๋วไปเที่ยวเหลือเกิน ความวิจิตรงดงามของน้ำใสๆในเรื่องหาชมได้ตามรายการสารคดีในฟรีทีวีหรือช่องเคเบิ้ลกันได้ เช่น สารคดีดำน้ำ หรือ บางช่วงของหนังก็เหมือน สารคดีที่เขาออกตามกู้สมบัติ แต่การดูในโรงคงได้เปรียบกว่าตรงจอใหญ่ขึ้นทำให้เรารู้สึกอลังการกับความงามนั้นมากขึ้น ...ปัญหาใหญ่ของหนังสำหรับผมคือการเล่าเรื่องที่นิ่งสงบเหมือนไม่ค่อยจะเดินหน้าไปไหน ยิ่งพอมี จุดสำคัญสองจุดในเรื่อง คือ เรือสมบัติ กับ เครื่องบินขนโคเคน ยิ่งทำให้หนังเดินเรื่องเหมือนสับสนไม่รู้จะไปให้ความสำคัญทางไหนดีกว่า การเล่าเรื่องไม่มีทิศทางที่ชัดเจนเหมือนกับ Transporter 2 ที่หนักแน่นและเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รั้งรอ ส่งผลให้ แอคชั่นขี้โม้เรื่องนี้คนดูอย่างผมจะดูโดยพร้อมจะจับผิดกับความไม่สมจริงบนจอ(เช่น ดำน้ำลึกบางช่วงที่ไม่ใช้ออกซิเจนเลยทำได้อย่างไรเป็นเวลานานแสนนาน , การตัดสินใจเชื่อพระเอกง่ายๆตอนในถ้ำ ฯลฯ) ต่างจาก Transporter 2 ที่คนดูเลิกสนใจไปโดยอัตโนมัติ โชคดีที่หนังรอดพ้นความน่าเบื่อมาได้ ด้วยความสามารถของนักแสดงทั้งภายนอก (หุ่น) และ ภายใน (ฝีมือ + เสน่ห์) นี่เป็นหนังที่แฟนๆของอัลบ้าไม่น่าจะพลาด หนังอุตส่าห์ได้ 4 นักแสดงร้อนแรงอย่าง Jessica Alba / Paul Walker / Scott Caan / Ashley Scott ![]() สิ่งที่ชอบ ![]() 1.เจสสิก้า อัลบ้า ![]() ![]() 2.ภาพทะเล ...ทั้งริมหาด บนน้ำ หรือ ใต้น้ำ หนังถ่ายออกมาสวยงามดี อาจไม่ได้สวยกว่าสารคดีที่เคยเห็นในทีวี แต่พอภาพมันขึ้นจอโรงหนังจอใหญ่ๆ มันทำให้ดูได้เพลินดีไม่มีเบื่อ และ ข้อ 1 ที่ผมชอบ กับ ข้อนี้ ทำให้ผมสามารถนั่งดูอย่างเพลิดเพลินตลอด ทั้งที่ไม่ได้มีความตื่นเต้นชวนติดตามในหนังเท่าไหร่ สิ่งที่ไม่ชอบ ![]() 1.กว่าครึ่งเรื่องที่ไม่ตื่นเต้น ไม่ลุ้น ไม่สนุก ... หนังเดินเรื่องอย่างธรรมดาๆมากถึงมากที่สุด ทั้งที่ 15 นาทีสุดท้ายที่หนังทำหน้าที่แอคชั่นเต็มตัวหนังก็ทำได้ดี แต่ไม่รู้ว่าผู้กำกับคิดอย่างไร จึงแบ่งเวลา และ ซอยสัดส่วนหนังออกมาแบบนี้ สรุป ... การเลือกซิ่งขึ้นบกกับ Transporter 2 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคุ้มค่ามาก เป็นหนึ่งหนังแอคชั่นดูสนุกที่ไม่ต้องมีความสลับซับซ้อน และทำออกมาได้ดี จะเสียตังค์หรือใช้พาสปอร์ตก็คุ้มค่า แต่ หากเลือก ดำน้ำหวังความตื่นเต้น ไปกับ Into the Blue หากผมเองเสียค่าตั๋วเต็มราคา คงเสียดายตังค์ แม้ว่าจะชื่นชมหุ่นอัลบ้ามากแค่ไหนก็ตาม แต่ กับการใช้พาสปอร์ตเมื่อวันพฤหัสเวลา 17.40น ที่ SF MBK ก็จัดได้ว่าเป็นการฆ่าเวลาเข้าไปดูของสวยๆงามๆจากธรรมชาติและจากนักแสดง โดยมีแถมความสนุกตื่นเต้นเล็กน้อยใน 15 นาทีสุดท้าย ปล ... ช่วงนี้รู้สึกเริงร่ากับการมี Movie Passport ของ SF มาก อันนี้ทำดีต้องชื่นชม นี่ก็เป็นอีก 1 พระเอกของคนดูหนัง เป็นโปรโมชั่นที่คนคงจำไปได้อีกนาน วันเสาร์ เพื่อนสนิท วันอาทิตย์ เกือกผี ต่อด้วย Red Eye กลางสัปดาห์ ลั้ลลาๆ แล้วปิดท้ายสัปดาห์หน้าด้วยงานหนังสือ (ได้เริงร่าจนตังค์หมดแน่ๆ) ![]() ![]() ![]() ^
^ ไปสุดสัปดาห์หน้าครับ ไปปิดงาน ![]() โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
![]() ไปดูมาแล้วครับ Transporter 2 แต่ Into the Blue ยังไม่ได้ดูครับ เรื่องแรกมันส์ได้ใจ แต่ Special Effect ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะมาก ดูก็รู้ว่าคอมพิวเตอร์
ผมชอบพระเอกครับเหมือนกับเฉินหลงภาคฝรั่ง และหน้าตายมากๆ เวลาต่อยชาวบ้าน และชอบผู้หญิงตัวร้ายนะครับ ตายสวยดีครับ โดย: hamee IP: 202.183.190.14 วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:16:17:40 น.
เอ.....เรื่องแรกไม่มีหัวข้อ สิ่งที่ไม่ชอบเลยหรอครับ แปลกนะเนี้ยะ
ยังไม่ได้ดูทั้ง 2 เรื่องเลยครับ ตอนแรกอยากดู Into the blue มาก โหลด Trailer มาดู หลายเดือนมากแล้ว แต่ยังหาโอกาสไปดูไม่ได้ บวกกับอาการขี้เกียจด้วยครับ คงรอเป็นแผ่นออกมาเลยมั้ง โดย: หนุ่ม (infonoom
![]() ความที่คาดว่าหนังคงเฉยๆ
เลยสนุกไปกับการดูมาดมั่นใจสุดๆ ของพอล วอล์คเกอร์ (มาดเดียวกับใน 2 Fast เป๊ะๆ) กับหุ่นเฟิร์มๆ ของน้องเจสสิก้า เต็มตาไปเลยครับ โอ้ว...ผมบ้าไปแล้ว.... ![]() เรื่องนี้ดูแล้วชอบครับ ฉากใต้น้ำสวยทั้งเรื่องจริงๆ แต่ตัวร้าย อีตาจอช โบรลินนี่ติดหนวดแล้วจำแทบไม่ได้ โดย: dog mulder IP: 203.144.230.209 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:15:15:16 น.
ไปดูมาแล้วละสนุกดีอ่ะ ![]() โดย: สายน้ำ IP: 203.188.37.178 วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:0:29:35 น.
ไปดูมาแล้วละสนุกดีอ่ะ ![]() โดย: สายน้ำ IP: 203.188.37.178 วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:0:30:20 น.
ชอบเรื่องนี้มากกกก สนุกแบบไม่ต้องคิดมาก ดูเพลิน
![]() โดย: AnNie IP: 203.146.119.194 วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:0:58:39 น.
ผมได้อ่านบทวิจารณ์แทบทุกเรื่องครับ
เพราะบทสรุป เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่วยในการตัดสินใจไปดูแต่ละเรื่องของผมเลยครับ โดย: timmy IP: 202.91.23.1 วันที่: 18 ตุลาคม 2548 เวลา:22:51:47 น.
ว่าจะไม่ดูเพราะไม่ชอบภาค1
แต่จะลองดูภาค2 โดย: เดย์ IP: 124.120.51.2 วันที่: 11 เมษายน 2549 เวลา:23:49:38 น.
ทรานสปอร์เตอร์ มันส์ดี งานภาพโฉบเฉี่ยว รวดเร็ว ฉับไว เป็นหนังแอ็คชั่นเทคนิคที่น่าจะถูกใจคอหนังบู๊ อินทู เดอะ บลู ไม่ได้ดู คิดว่า ไม่ดูคงไม่เปนไร เลยไม่ดู โดย: TheChamp IP: 58.8.104.140 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:2:03:59 น.
|
บทความทั้งหมด
|
พูดถึงหนังตระกูลแอคชั่นขี้โม้ เราคิดถึงหนังเรื่อง Sahara น่ะ
เพิ่งดูดีวีดีไป ถ้าสมจริงนี่คงตายกันในทะเลทรายหลายรอบแล้วล่ะ
ไปงานสัปดาห์หนังสือหรือเปล่าคะ?
พรุ่งนี้เราจะไปล่ะ