2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา ![]() ....ถ้าจะไปดู 2046 คงต้องรู้ก่อนว่า รถไฟที่พาเราไปสัมผัสเรื่องราวขบวนนี้ขับเคลื่อนโดย หว่องกาไว จะช่วยทำให้เรารู้ตัวก่อนว่าจะไปเจอกับหนังแบบไหน เพราะถึงเค้าจะทำหนังแอคชั่น คุณก็จะได้พบกับหนังหว่องกาไวอยู่ดี นอกจากนี้รายละเอียดหลายส่วนจากหนังเรื่องเก่าๆจะถูกหยิบเข้ามาใส่ (ผู้หญิงชื่อซูไหล่เจิน / การพูดความจริงใส่โพรง / นกไร้ขา) ซึ่งถ้าไม่เคยดูก็พอรู้เรื่องอย่างกล้อมแกล้ม แต่ถ้าเคยดูก็จะจับและตามรถไฟที่จะไป 2046 ได้ง่ายขึ้น ผมจึงคิดว่าถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น การได้ดูหนังเรื่องก่อนๆจะมีส่วนช่วยอยู่มาก โดยเฉพาะ In the mood of love และ Days of being wild ......หว่องกาไว เป็น ผู้กำกับไม่กี่คนในโลกปัจจุบัน ที่มีตัวตนในภาพยนตร์ของตัวเองชัดเจนมาก ไม่ว่าจะสร้างมากี่เรื่องกี่แนว ทุกเรื่องก็ดูเหมือนมีลายเซ็นต์ของเค้าโปะอยู่แล้ว เชื่อว่าคนดูก็จะมีทั้งขาจรและขาประจำที่ชื่นชอบหนังของหว่องกาไว ซึ่งกลุ่มหลังนี้จะคุ้นเคยและพร้อมตามเนื้อเรื่องและเข้าถึงอารมณ์ของหนังได้เมื่อหนังเดินหน้าไปตลอดเวลา ในขณะที่กลุ่มเฉยๆหรือขาจร อาจจะแค่ชอบในบางส่วน บางอย่างแต่ไม่รู้สึกและกลืนไปกับหนังทั้งเรื่อง มีงงๆเป็นช่วงๆ กว่าจะจับอะไรปะติดปะต่อได้ก็ต้องใช้เวลาเมื่อหนังจบ ---> ผมอยู่ในกลุ่มขาจร ......ผมไม่เคยดูหนังของหว่องกาไวจบรวดเดียว ที่ผ่านมาผมชอบเป็นส่วนๆ เป็นตอนๆ แต่พอดูทั้งเรื่องแล้วจะรู้สึกเบื่อๆ ไม่สามารถจะเข้าไปถึงอารมณ์ความต่อเนื่องของหนังได้ คือรู้สึก แต่เข้าไม่ถึง มีเรื่องเดียวที่ผมดูได้จนจบคือหนังสั้นที่เค้ากำกับใน BMW (อาจเป็นเพราะมันเป็นหนังสั้นและเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าดีที่สุดในชุดนั้น ที่ได้ดูความสวยงามของความเหงาและรถเต้นรำ) หนังยาวของหว่องกาไวที่ชอบมากสุดคือIn the mood for love ......ความเหงา เหมือนกับเป็นรากหลักของหนังของเค้าที่ผ่านมาๆ ก่อนจะแตกหน่อแตกกิ่งก้านเป็นเนื้อเรื่องที่ต่างกันไป ทั้งหนังกำลังภายในอย่าง Ashes of Time เรื่องของชู้รัก เรื่องของรักร่วมเพศ ฯลฯ เรื่องราวจะถูกถ่ายทอดผ่านวิธีการถ่ายภาพที่เป็นเอกลักษณ์ ไดอะล็อกที่คมกริบ สัญลักษณ์ที่ซ่อนเร้น และการเล่าเรื่องแบบหว่องกาไว(55ไม่รู้จะบรรยายยังไง) .....จนมาถึง 2046 หนังที่เดินหน้าพูดถึงโลกอนาคต ทั้งที่จริงอยู่ในโลกแห่งอดีตที่เล่าซ้อนทับกัน โจวมู่หวัน เป็นนักเขียนที่เล่าถึงโลกอนาคต 2046 ดินแดนที่คนไปค้นหาอดีตที่สูญหายไป คนที่ไปไม่มีใครกลับมาได้อีก กับ เรื่องราวในยุคปัจจุบันที่ตัวเค้าใช้ชีวิตอยู่ พร้อมเรื่องราวความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ผ่านมาในชีวิต ....หนังเรื่องนี้เล่าในเรื่องความสัมพันธ์โ ดยมีโจวมู่หวันและอดีตของเค้าเป็นเสมือนศูนย์กลาง (ถ้าได้ดู In the Mood for Love ก็จะช่วยให้รู้จักเค้ามากยิ่งขึ้น ในเรื่องนั้นเค้าแต่งงานแล้วและภรรยาเค้าไปมีสัมพันธ์กับสามีของ ซูไหล่เจิน เขาและซูไหล่เจิน จึงได้มาพบกัน) การเล่าเรื่องที่ตัดสลับไปมา ทั้งสลับอดีต/ปัจจุบัน สลับปัจจุบัน/อนาคต ยิ่งทำให้มันอาจเป็นหนังของหว่องที่ทำให้คนดูงงได้มากที่สุดขณะดู และกว่าจะเข้าใจก็คือตอนออกมาจากโรง (แหะๆ คนดูคนนั้นคือผมเอง สารภาพว่าส่วนหนึ่งที่งงเพราะ ตอนดูตอนแรกผมเข้าใจผิดว่า ตัวละครหญิงตัวแรกนั่นคือจางซิยี่) ....โจวมู่หวัน กับเบื้องหลังอดีตที่เจ็บปวด เริ่มต้นชีวิตที่จะว่าไปก็เหมือนกับ "นกไร้ขา" คำเปรียบเปรยเวลาตัวเค้าพูดถึงคนอื่น นกไร้ขา มีปีกที่อิสระเสรี แต่ไม่มีเวลาที่จะได้หยุดพัก ชีวิตของมันได้แต่บินเรื่อยไป แม้แต่คิดจะหาที่พักให้เกาะเกี่ยวก็ไม่มีโอกาส ไม่ต่างจากคนบางคน ที่ดูเหมือนไร้ซึ่งพันธะแต่ในใจนั้นกลับแสวงหาที่ให้ยึดเกาะ น่าเศร้าที่คนๆนั้นไร้ขาที่จะเกี่ยวเกาะที่พักพิง ชีวิตจึงได้แต่บินล่องลอยต่อไป เค้าเลือกที่จะขอ"ยืมเวลา"จากคนอื่นและให้คนอื่นยืมเวลาเขาไปใช้เพียงเพื่อจะใช้เวลาปัจจุบันของตัวเองให้ผ่านไป เค้าเขียนถึงนิยายที่พูดถึง 2046 ตัวละครของเค้าก็เดินทางไป 2046 แต่จริงแล้วเป็นตัวเขาต่างหากที่ยังอยู่ใน2046และยังไม่ยอมกลับมา สลัดอดีตให้ได้ แล้วตามหาผม ที่เขาตั้งใจจะบอกกับซูไหล่เจิน แต่แท้จริงแล้วเป็นเขาเองต่างหากที่บอกกับตัวเองว่า สลัดอดีตให้ได้ แล้วไปหาเธอ .....เราหลายคนทุกวันนี้ก็อาจจะเหมือนกับโจวมู่หวัน อดีตที่เจ็บช้ำยังไม่ไปไหน บางคนอาจเลือกที่จะยอมรับแล้วเดินสู่อนาคตที่แท้จริง บางคนก็อาจเลือกที่จะเดินไปอนาคตแต่ยังไม่ยอมตัดอดีตให้พ้นไป อนาคตนั้นมันก็คือ 2046 นั่นคืออดีตที่เรายังก้าวไม่พ้นอย่างแท้จริง คงไม่ผิดที่เราเลือกจะไป 2046 บ้างเป็นบางครั้ง แต่ในความเป็นจริง เราคงต้องกลับมาสู่โลกปัจจุบันและก้าวเดินไปบนอนาคตที่แท้จริงด้วยเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่คนรอบข้างเราที่ต้องเจ็บปวด(ดังเช่นไบ่หลิง) ตัวเราเองทั้งที่เจ็บปวดอาจจะยังไม่รู้ว่าเจ็บด้วยซ้ำไป 2046 ... อาจเป็นสถานที่หนึ่ง อาจเป็นอดีต อาจเป็นอนาคต อาจเป็นห้องๆหนึ่ง ที่ใครๆก็คงคิดอยากจะไปหรือยังตกอยู่ในนั้น แต่อย่าลืมว่าชีวิตคนเราอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นไปแล้วก็อย่าลืมกลับมา สิ่งที่ชอบ 1.ความเป็นหว่องกาไว....ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร เพราะไม่ว่ากี่เรื่องต่อกี่เรื่อง สิ่งที่ผมชอบเหมือนกันทุกเรื่องของเค้า คือ เอกลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไดอะล้อกอันเฉียบคมไม่ได้สักแต่คิดคำเท่ๆมาใส่ แต่เป็นบทพูดที่มีความหมายและอธิบายความเป็นไป ทิศทางของเรื่องได้เป็นอย่างดี การกำกับภาพก็เป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่ถ่ยทอด อารมณ์ความรู้สึกออกมา (ผมสัมผัสความเหงาเรื่องนี้ได้น้อยกว่าเรื่องก่อนๆ ที่ผมสัมผัสได้คือความเจ็บปวด,ความไม่หลุดพ้นจากอดีต และเรื่องของความสัมพันธ์มากกว่า) 2.จาง ซี่ยี่ ![]() 3.ความช่างคิด....ดังที่บอกว่าการใส่"อะไร"เข้ามาในหนังใช่ว่าจะเอาเท่เข้าว่าแล้วมันจะดีได้ เช่น การหยิบส่วนผสมของเรื่องเก่าๆมาใส่ หรือที่มาของตัวเลข 2046 (ทั้งที่เป็นเบอร์ห้อง ทั้งที่เป็นตัวเลขของอนาคต แต่มันกลับหมายถึงการไปหาอดีต) ไดอะล็อกที่ตัวละครพูด มันแสดงออกว่าผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดี มันทำให้คนที่ดูจบได้อะไรกลับออกมาคิดต่อและถกเถียงกันต่อไป สิ่งที่ไม่ชอบ 1.ความเป็นหว่องกาไว..ดังที่ผมสารภาพไปตอนต้นว่า ผมเองไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่เข้าถึงหนังของเค้าได้ตลอดเวลาทั้งเรื่อง ตอนดูเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากเรื่องก่อนๆคือรู้สึกเนือยๆเรื่อยๆบางช่วง งงๆในบางตอนที่ดู กว่าจะจับอะไรต่อมิอะไรได้ก็เมื่อหนังจบแล้วจึงจะกระจ่างในความรู้สึกและความเข้าใจ สรุป....เชื่อว่าต้องมีคนที่ชอบมากๆ ทั้งแฟนประจำและหน้าใหม่ (ที่เชื่อว่าต่อไปก็คงจะไปตามงานเก่าๆของเค้ามาดู) และ คนที่ทั้งชอบผสมไม่ชอบอย่างผม ถามว่าถ้าหนังเรื่องใหม่ของเค้าออกมาอีกก็คงจะดูอีก แต่เรื่องนี้เป็นหนังในใจหรือไม่คำตอบคือ ไม่ และก็จะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ออกมาพร้อมกับบอกว่าไม่สนุก ไม่รู้เรื่อง ไม่ชอบ(และก็เชื่อว่ากลุ่มนี้ถ้าไปตามงานเก่าๆของเค้ามาดู ก็มีโอกาสไม่ชอบเช่นกัน) ดังนั้นเงินค่าตั๋วสำหรับเรื่องนี้ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนดูกลุ่มสุดท้าย ส่วนผมในกลุ่มที่สองที่พอรู้ตัวมาก่อนแล้ว ว่าจะไปดูหนังที่เป็นหนังของหว่องกาไว เงิน100 บาทที่เดินทางผ่านลิโด้ 3 รอบ 16.15 น.ทำให้ผมรู้สึกคุ้มค่าเมื่อผมปะติดปะต่ออะไรได้ตอนออกจากโรงมาแล้ว ปล..ของบางอย่างที่ให้ยืมกันไม่ได้ คุณว่าคืออะไร? ปล2....คุณหรือเปล่าครับ ที่เดินออกตอนกลางเรื่องในรอบเดียวกับผม พอดีเห็นมีคนเดินออกไปจากโรงแล้วไม่กลับมาเลยไม่รู้ว่ามีธุระหรือหนังไม่เข้าทางจริงๆ (ถ้าไม่ชอบก็ถือว่าใจเด็ดมาก เรื่องที่ผมไม่ชอบส่วนใหญ่ผมจะยอมนั่งทนดูต่อเพราะเสียดายตังค์ แล้วค่อยมาบ่นด่ากับเพื่อนที่หลัง) ![]() ![]() ![]() ขอชื่นชมว่าทำ blog ได้ดีมากครับผม
Update บ่อย ๆ นะครับ โดย: หวดเจ้ง IP: 203.113.71.4 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:25:24 น.
![]() โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
![]() ![]() โดย: เหลือเพียงความว่างเปล่า IP: 58.10.85.116 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:23:39:30 น.
เพิ่งได้ดูหนังเมื่อวานเองคับ
ชอบมาก ๆ เรื่องนี้ยกให้เป็น 1 หนังสุดโปรดไปเลย โดย: Strange a little boy IP: 168.120.73.159 วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:13:12:43 น.
อืมตอนดูหนังเรื่องนี้ในโรงยอมรับเลยว่ามีบางช่วงที่เกือบจะหลับใน ถ้าไม่ได้ภาพสวยๆมุมกล้องเจ๋ง แสงสี และเพลงเพราะๆของหนังช่วยเอาไว้
เป็นหนังที่ดูแล้วต้องตีความทุกคำพูดของตัวละครแต่ละตัวเลย ซึ่งถ้าใครไม่ชอบหนังแนวนี้อาจตายคาโรงได้ (เพราะหนังยาวมากอ่ะ) แต่โดยส่วนตัวชอบโคตรๆๆๆ(ส่วนหนึ่งเพราะทาคุยะเล่นด้วยแหละถึงมีแรงจูงใจให้ไปดู555) ตอนเดินออกจากโรงเริ่มมึนๆกะตัวเองว่านี่ชั้นถึงปลายทาง 2046 แล้วรึยัง -_-" **ใครซื้อDVDมาดูแล้วบ้างคะอยากรู้ว่ามีเบื้องหลังรึป่าว โดย: kimura IP: 203.151.140.114 วันที่: 6 กันยายน 2548 เวลา:0:09:42 น.
เพิ่งดูวันนี้เองค่ะ
แหะ ๆ งง น่ะ ไม่ถึงกับชอบนะ แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไร เรากลับชอบกงลี่ในเรื่อง แฮะ(บทหนูจางจื่ออี้ เยอะไปหน่อย เอ๊ะ ยังไง 555) โดย: tae IP: 203.118.84.131 วันที่: 9 กันยายน 2548 เวลา:0:22:17 น.
กำลังดูอยู่ค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยเข้าใจ เลยเข้ามาหาความรู้ก่อน.... ขอบคุณที่มีบล๊อคดีๆ แบบนี้ ![]() โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ...login ไม่ได้ IP: 61.90.141.59 วันที่: 9 กันยายน 2548 เวลา:16:45:56 น.
ชอบ Chunging Express มากค่ะ
โดย: khunphan IP: 202.142.200.253 วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:19:55:33 น.
ying
โดย: 14 กันยายน 2548 IP: วันที่: 22:54:21 เวลา:61.90.5.140 น.
ดูแล้วเศร้า รู้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้อะ แต่เศร้า ได้อารมณ์มากๆ ชอบอะ
โดย: gogo IP: 61.91.131.10 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:21:57:49 น.
มาจ่ายค่าบริการค่ะ
![]() เคยเจอกับความคิดเห็นของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณที่พันทิพมานานแล้วค่ะ (สะดุดชื่อสุดๆ) เพิ่งมีโอกาสมาอ่านบลอกวันนี้เอง คุณตั้งใจทำบลอกดีมากเลยค่ะ แล้วก้อชอบรีวิวที่อ่านด้วย ส่วนตัวแล้วเคยดูหนังหว่องกาไวมาหมดทุกเรื่อง ยกเว้น in the mood for love ที่ดูไม่จบเพราะว่า หมั่นไส้ความสวยของจางหมั่นอี้ เอ้ย ม่ายช่าย หลับไปก่อนค่ะ คือเราสังเกตว่า หนังคุณหว่องแกจะทำให้ละเมียดละไมขึ้นเรื่อยๆถ้าลองเปรียบเทียบตั้งแต่ chungking [ ไม่นับ as time goes by ละกัน ] แกจะเริ่มทำหนังให้ช้าลง เล่นกับภาพและการส่งอารมณ์ให้คนดูด้วยองค์ประกอบทั้งหมด ไม่ว่า ภาพ โทนสี การแช่ภาพทิ้งไว้ ฯลฯ เราดูเรื่องนี้จบไปสองรอบ ชอบปานกลางงค่อนไปทางมากค่ะ แล้วก้อแอบน้ำตาไหลกะเหตุผลที่ Fay Wong ต้องยืนพล่ามภาษาญี่ปุ่นอยู่คนเดียว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: Min' Mee IP: 58.8.185.91 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:22:11:03 น.
ชอบมากเลยค่ะ เพิ่งดูเป็นครั้งแรกค่ะ แต่ก้อประทับใจมากๆๆ จางซิยี่กลายเป็ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆๆ การแสดงออกทางอารมณ์สุดยอดมากๆๆ ภาพสวยทั้งเรื่อง ดนตรีประกอบก้อดี ชอบมากค่ะ อยากดูทุกวันเลย อยากเห็นไป่หลินทุกวัน
![]() ![]() ![]() โดย: chichi IP: 203.156.46.233 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:23:08:22 น.
มองในแง่ความเป็นศิลปและความเป็นส่วนตัวก็เก๋ดีนะครับ หนังของเขาซับซ้อนทางความคิดจนบางทีเข้าขั้นสับสน ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงต้องตัดต่อแล้วตัดต่ออีก..ไปเรื่อยๆ ถ่ายไปคิดไปเขียนบทไป ทีมงานก็ต้องอดทนไป.. คงมีผู้กำกับไม่กี่คนที่มีบารมีทำอย่างนี้ได้ นึกถึงซิดนีย์ ลูเมทที่กำกับ The Interpreter นั่นก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน ด้นไปเรื่อยๆ ถ่ายกันไปสองปีกว่าจะจบ โชคดีที่ได้ดาราที่ยอมรับวิธีการทำงานแบบใช้สัญชาตญาณนี้ แต่หนังของเขาก็ดูเป็นเรื่องเป็นราวง่ายกว่าหว่องกาไว
บอกตามตรงว่าดูดีวีดีไปหลับไปสามตลบกว่าจะจบเรื่อง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เหมือนถูกสะกดจิตให้อยู่ในภวังค์ ทั้งๆ ที่ก็ชอบความลึกลับและเสน่ห์ของการนำเสนอ เหมือนกระแสความคิดของตาหว่องมันซึมเข้ามาในสมองหรือไงไม่ทราบ สติพาลป่วนไปด้วย อิอิ.. เขาคงต้องถ่ายจนมีฟุตเตจมหาศาล พอที่จะมายำใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องราว (ซับซ้อน)ขนาดนี้ เห็นด้วยว่า จางซี่ยี่ ตีบทได้โดดเด่นกว่าใคร ว่าแล้วก็ย้อนกลับมานึกถึงหนังไทย มีใครบ้างไหมที่หัดคิดอะไรซับซ้อนแบบนี้ได้มั่ง ..คุณเป็นเอกหรือ ? อือม..ความกระโดกกระเดกดูจะโดดเด่นเป็นเอกมากกว่า ฮาๆ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็มีผู้กำกับที่คิดอะไรนอกกรอบเป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง หวังจะได้ดูหนังไทยสวยๆ เท่ๆ แบบนี้สักเรื่อง.. โดย: Bkkbear IP: 61.90.124.3 วันที่: 24 กันยายน 2548 เวลา:10:43:12 น.
หนังหว่องกี่เรื่องๆดูแล้วก็เหงาทุกทีอ่ะค่ะ รู้สึกอย่างนั้นนะ ก็เลยชอบเรื่องนี้ด้วย ชอบตรงที่มีหุ่นยนตร์แปลกๆ โลกอนาคตในรถไฟแปลกๆ นั่นด้วย แต่สงสัยว่าป๋าเบิร์ดออกมาทำไมแค่นั้น..
มาแปะไว้ว่าอ่าน blog หน้านี้แล้วได้ประโยชน์ เพราะกำลังทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ แหะๆ ขอบคุณนะคะ ![]() โดย: zombitzh IP: 61.91.201.152 วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:0:17:53 น.
ดูไม่รู้เรื่องค่ะ
![]() ![]() โดย: alisalovetatming (alisalovetatming
![]() ทำไมเรื่องนี้ไม่มีใครพูดถึงพระเอกเลยอ่ะ
โดย: Niksa IP: 202.133.136.33 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:1:32:29 น.
เพิ่งดูเรื่องนี้จบไปเมื่อตอนเย็น รู้จักชื่อหว่องกาไว มานานแล้วเหมือนกัน
แต่เพิ่งได้ดูผลงานของเค้าเป็นเรื่องแรกวันนี้เอง ดูจบ เข้าใจไม่ทุกตอน(เลยมา search ในพันทิป ว่ามีใครพูดถึง 2046 บ้าง อิอิ เลยมาเจอบล็อกนี้) ส่วนตัวแล้ว ขนาดดูไม่เข้าถึงทุกตอน แต่ความรู้สึกตอนดูจนจบ คือ ความรู้สึกเศร้าแบบลึก ๆ อธิบายไม่ถูก ดีใจที่ได้มาอ่านบล็อกนี้ ขอบคุณเจ้าของบล็อกที่เขียนให้อ่านค่า อ่านแล้วเข้าใจตัวหนังมากขึ้นนิดหนึ่ง อิอิ เด๋วพรุ่งนี้ เอามาเปิดดูอีกรอบ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นดีกว่า ![]() ป.ล. ตอนที่พระเอกพูดว่า ของบางอย่างให้ยืมกันไม่ได้ สิ่งที่แว๊บมาในหัวเลย ก็คือ "หัวใจ" อ่ะค่ะ คือ ถ้าไม่รักเนี่ย ยังไงก็ให้หัวใจไปไม่ได้หรอก แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายอยากได้แล้วก็เสียใจมากขนาดไหน(ที่ไม่ได้หัวใจ)ก็ตาม สงสารเห็นใจแค่ไหน แต่ก็ให้ไม่ได้ เพราะไม่ได้รัก (อินมากไปไหมเนี่ย แหะ แหะ) โดย: ชิวเทียน
![]() ยังไม่ได้ดูเลยล่ะค่ะ ที่เมืองนี้ไม่เข้าฉาย สงสัยเมืองเล็กไป
กำลังล่าดีวีดีมาดูอยู่เหมือนกัน ไว้ดูก่อนแล้วจะมาคุยให้ฟังว่ารู้สึกยังไง ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ โดย: other places IP: 66.167.32.127 วันที่: 23 ตุลาคม 2548 เวลา:5:27:27 น.
กำลังทำใจ เตรียมจะดูอยู่ค่ะ
แต่คงหลังจากดู be with you แน่นอน โดย: daradai
![]() ชอบตรงนี้มาก
....โจวมู่หวัน กับเบื้องหลังอดีตที่เจ็บปวด เริ่มต้นชีวิตที่จะว่าไปก็เหมือนกับ "นกไร้ขา" คำเปรียบเปรยเวลาตัวเค้าพูดถึงคนอื่น นกไร้ขา มีปีกที่อิสระเสรี แต่ไม่มีเวลาที่จะได้หยุดพัก ชีวิตของมันได้แต่บินเรื่อยไป แม้แต่คิดจะหาที่พักให้เกาะเกี่ยวก็ไม่มีโอกาส ไม่ต่างจากคนบางคน ที่ดูเหมือนไร้ซึ่งพันธะแต่ในใจนั้นกลับแสวงหาที่ให้ยึดเกาะ น่าเศร้าที่คนๆนั้นไร้ขาที่จะเกี่ยวเกาะที่พักพิง ชีวิตจึงได้แต่บินล่องลอยต่อไป โดย: ฉันอยู่ตรงหน้าคุณ IP: 61.91.96.101 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:41:03 น.
ผมก็เป้นอีกคนหนึ่งที่เพิ่งได้ดูหนังของหวองกาไก๋ครั้งแรก ในส่วนตัวผมอยากดูเรื่องนี้มาก
เพราะอยากรู้จักกับความเหงาของท่านหว๋อง แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับต้องพยายามที่จะเข้าใจหนัง ตั้งแต่เริ่มจนจบเพราะไม่อยากพลาดอะไรในสิ่งที่ผมค้นมาอยู่ คิดตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้นตัวละครมันทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ตลอดเวลา2ชั่วโมง สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือความเป็นเอกลักษณ์ที่รู้สึกได้ว่าไม่เคยเห็นจากหนังเรื่องไหน การเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆของเนื้อเรื่อง เล่าเรื่องผ่านภาพสวยๆเท่ๆ ทั้งหมดเดินผ่านผมไปอย่างช้าๆ พร้อมกับความมึนงงชวนอยากรู้อยากเห็น และความไม่เข้าใจต้องใช้เวลาตรึตรองอยู่นาน ทำให้เรื่องที่เดินผ่านไปช้าๆก็เดินผ่านผมไปแล้ว คนที่ติดอยู่กับอดีตของ2046คือผมที่ยังไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าผมไม่เข้าใจในเนื้อเรื่อง แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงคุณค่าของหนัง มันความรู้สึกแปลกที่สื่อออก ที่คนธรรมดาอย่างผมคงไม่เข้าใจ ยังไงมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี ปล.ส่วนตัวผมชอบลูกสาวห้องพักมากๆ แสดงได้ดีและน่ารัก(ไม่รู้ทำไม) โดย: memtest IP: 203.156.133.133 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:23:09:19 น.
ดูแล้ว ก็ชอบค่ะ เหงาดี
"สลัดอดีตให้ได้ แล้วตามหาฉัน" ชอบ จางจื้ออี้ เหมือนกัน อิจฉาเฮียเหลียงมาก โดย: Patella IP: 203.188.19.253 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:31:38 น.
ดูจากแผ่นค่ะ ช่งต้นๆ ที่ดู สับสน มากเลย ก็เลยตั้งใจดูมากๆ ดูตั้งแต่ต้น พร้อมคำถามของเพื่อนที่ว่า ดูรู้เรื่องมั๊ย
ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับต้องการให้ผู้บริโภคได้รับอะไรบ้าง แต่พอจะเข้าใจความหมายค่ะ แม้จะรู้สึกแปลกๆ ไปบ้าง แต่ก็น่าสนใจดีค่ะ ![]() โดย: MDA
![]() ดูรู้เรื่องแต่ตอนกลางๆ ตอนต้นกะตอนหลังดูไม่รู้เรื่องอ่ะ ยิ่งตอนหลังที่อยู่บนขบวนรถไฟของโลกอนาคตยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ แบบว่าจบแล้วก็งงๆ กว่าจาดูจบหลับไป3ตื่นกลอไปกลอมา พอตอนจบก็งงๆ ว่าจบแล้วเหรอ แต่สีโทนของหนังสวยมาก
โดย: por_8 IP: 58.8.87.35 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:58:08 น.
เพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อคืนนี้เองค่ะ (คริสต์มาสพอดี ใกล้กับเวลาในหนังเลย) สารภาพค่ะว่าดูไม่รู้เรื่อง พอจับได้เป็นจุดๆแต่โดยรวมแล้วชอบโทนของเรื่องกับภาพค่ะ ไว้ไปหาเรื่อง In the Mood for Love มาดูด้วยดีกว่า ^ ^
ชอบตรงที่บอกว่า "ที่มาของตัวเลข 2046 (ทั้งที่เป็นเบอร์ห้อง ทั้งที่เป็นตัวเลขของอนาคต แต่มันกลับหมายถึงการไปหาอดีต)" Merry Christmas & Happy New Year 2007 !! โดย: kwan IP: 125.24.44.252 วันที่: 26 ธันวาคม 2549 เวลา:13:12:25 น.
เพิ่งจะเช่าหนังเรื่องนี้มาดู เพราะได้ยินชื่อมานานเเล้วเเละคิดว่าน่าสนใจจะลองดูหนังของหว่องกาไว นี่เลยเป้นเรื่องเเรกที่ได้ดู..
ยอมรับว่างงกับเนื้อเรื่องที่เล่าสลับไปมาระหว่างอดีต ปัจจุบัน...จนต้องย้อนไปมาอยู่หลายรอบ พอดูจบรู้สึกมึนๆอินๆ(บวกกะอาการเอียนเเปลกๆที่รู้สึกว่าไม่อยากจะหาหนังมาดูอีกแล้วพักนี้) เเต่ก็พอเข้าใจอยู่บ้างว่าเขาต้องการสื่ออะไร เลยเข้ามาอ่านในนี้ดู ก้ช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น เเละได้รู้ว่าอันที่จริง การดูหนังของหว่องกาไว เราก็ไม่เห็นจำเป้นว่าเราจะต้องดูเเล้วเข้าใจไปซะหมดละเอียดยิบ เเต่เเค่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ของหนังที่ถูกถ่ายทอดออกมาก็พอแล้ว ไว้จะลองหาเรื่องIn the mood of love มาดูบ้างดีกว่า จริงอยู่หนังเเบบนี้ หายากสำหรับผู้กำกับคนไทย โดย: This road is mine IP: 58.9.142.94 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:2:04:55 น.
2046 ต้องดูหนังเก่าๆของเค้าก่อนถึงจะสนุกน่าติดตาม
หนังหว่องแต่ละเรื่อง ผมหยิบมาดูซ้ำทุกปี รวมเรื่องละ 7-8 รอบ เจออะไรใหม่ๆแทบทุกครั้ง นอกจากความเหงาทุกครั้งที่ดูแล้วแต่ละครั้งก็พบอะไรใหม่ๆเล็กน้อยๆแต่ทำให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆเพิ่มเติมเสมอ ชอบจริงๆหนังแบบนี้ โดย: กุราชิ IP: 210.246.146.153 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:29:45 น.
ึคิดถึงบล็อกนี้มาก ได้อ่านบทความ 2046 ของคุณหมอตั้งแต่ปี 48 แต่เพิ่งมีโอกาสดูหนังหว่องทาง netflix เอา 1-2 เดือนที่ผ่านมาเอง และกำลังจะถึงคิว 2046
ตื่นเต้นที่จะได้อ่านหน้านี้อีกทีหลังดูเสร็จ ไม่น่าเชื่อ ดองหนังมา 16 ปี ฮ่าฮ่า โดย: a IP: 171.101.106.0 วันที่: 7 ธันวาคม 2564 เวลา:17:56:59 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ได้มีโอกาสดูหนังหว่องกาไวบ้าง รู้สึกว่าการดูหนังของหว่องกาไวให้ทำจิตว่างๆและไปสัมผัสอารมณ์หนังอย่างเดียวก่อน ส่วนเนื้อหาจะดูรู้เรื่องเมื่อดูหนังจบแล้วทั้งเรื่องจึงจะปะติดปะต่อได้บ้างว่าหนังกล่าวถึงอะไรอยู่ และเห็นด้วยว่าถ้าจะให้รู้เรื่องมากขึ้นถ้าได้ดูผลงานของเขาเรื่องอื่นๆมาด้วยจะเข้าใจหนังเค้าง่ายขึ้นค่ะ
ปล. ช่วงนี้ได้มีโอกาสซื้อดีวีดีหนังของเขามาดูหลายเรื่อง คิดว่าหนังของเขาแม้ดูรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็มีเสน่ห์ดีค่ะ