An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน


ข้อมูล: An Unfinished Life มีความยาว 107 นาที เรท PG-13 กำกับการแสดงโดย Lasse Hallström และ นำแสดงโดย Robert Redford , Morgan Freeman , Jennifer Lopez , Josh Lucas ฯลฯ ใน IMDB.com ให้คะแนนเรื่องนี้ 7.2/10 ส่วนใน //www.rottentomatoes.com ให้เรื่องนี้ Rotten ด้วยคะแนน 52 % , ผลงานชิ้นต่อไปของผู้กำกับคนนี้ที่จ่อคิวฉายในบ้านเราคือ Casanova


An Unfinished Life เป็นคำจารึกบนหลุมฝังศพของชายหนุ่มคนหนึ่งกลางไร่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง

Einar ชายวัยกลางคนที่สูญเสียลูกชายไปก่อนวัยอันควร เหลือไว้แต่ความเจ็บปวดที่ไม่เคยเลือนหาย ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆทิ้งไร่ให้รกร้าง ดูแลเพื่อนสนิท รีดนมวัวและเก็บฟาง จนวันหนึ่งภรรยาของลูกชายที่จากไปของเขา แวะกลับมาหาพร้อมลูกสาวของเธอ จากที่ดูเหมือนไม่เจ็บปวด ความรู้สึกที่ไม่หายไปนั้นมันกลับมาแสดงออกขึ้นอีกครั้ง

Mitch เพื่อนแท้ของ Einar ที่ทนอยู่กับความเจ็บปวดทางกาย กับร่างกายที่เป็นอัมพฤกษ์ ซึ่งเป็นผลจากการถูกหมีป่าทำร้าย เขาต้องอาศัยฉีดมอร์ฟีนทุกวันเพื่อลบความทรมาน ความสามารถในการดูแลตัวเองลดลง เขาต้องพึ่งพาให้ Einar มาช่วยฉีดยา เช็ดตัว ทำอาหาร แม้จะออกนอกบ้านก็ต้องมี Einar มาช่วยพยุง

....ชีวิตของ Mitch ไม่สามารถเดินไปข้างหน้า เพราะข้อจำกัดทางร่างกาย แต่ Einar ที่มีแขนขาปกติดีพร้อมกลับไม่สามารถใช้ชีวิตเดินไปข้างหน้าเพราะข้อจำกัดทางจิตใจ

Jean ลูกสะใภ้ของ Einar มีชีวิตอย่างทุกข์ทนจากการถูกทำร้ายร่างกายโดยคนรักของเธอในปัจจุบัน Jean เป็นเหมือนตัวแทนหญิงสาวส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว ถูกทำร้ายร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า(physical abuse) แต่เธอก็ไม่เคยสลัดชายคนนั้นได้พ้นอย่างจริงจัง ด้วยเหตุผล เพราะเธอกลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสเจอใครที่ดีกว่านี้ได้อีก เธอคิดว่าเธอคู่ควรแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเหตุผลที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในสังคมจริงๆที่ประเมินคุณค่าในตัวเองต่ำเกินไป จนคิดว่าไม่มีอะไรที่ควรค่าดีไปกว่านี้อีก และไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้ไปได้

...แม้หนังจะเดินเรื่องไปข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าเวลาของตัวละครในเรื่องหยุดนิ่งไม่ได้เดินไปไหน บางสิ่งที่ยังไม่ได้สะสางยังคงคั่งค้างในใจของพวกเขาและเธอ

...ในเรื่องมีสองชีวิตที่มีชะตากรรมเหมือนกัน มันคือ ชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกไปก่อนตัวเอง และ ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่ออย่างทรมานใจเหมือนตายทั้งเป็นกับการต้องเห็นลูกตัวเองถูกฝังไปต่อหน้าต่อตา ดังที่ตัวละครว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากจะมีชีวิตยืนยาวไปกว่าลูกตัวเอง สองชีวิตนั้นคือชีวิตของสาวเสิร์ฟประจำร้านอาหาร และ ชีวิตของ Einar จะต่างกันก็ตรงที่ว่า สาวเสิร์ฟคนนั้นในฐานะแม่เก็บความรวดร้าวนี้ไว้ในความทรงจำและยอมให้ชีวิตได้เดินไปข้างหน้า แต่ Einar ในฐานะพ่อไม่สามารถผ่านกระบวนการทำใจนี้ไปได้และยังคงหยุดนิ่งอยู่ณ.จุดเดิม

...ภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสียที่ยังไม่คลี่คลาย(unresolved grief) ไม่ได้แสดงออกด้วยการโศกเศร้าร้องไห้ฟูมฟายเสมอไป ในหลายๆคนดูเหมือนว่าจะลืมได้แล้ว หรือไม่แสดงออกทางอารมณ์ แต่แท้จริงแล้วยังไม่คลี่คลายภาวะนี้ไปได้ ก็อาจแสดงออกมาทางการใช้ชีวิตอยู่แบบไม่ก้าวไปข้างหน้าตามวันเวลา เหมือน Einar

การทำใจทำไมมันถึงได้ยากเย็น ?

...เพราะการทำใจไม่ได้ง่าย เหมือนกับ ที่ Einar บอก Jean ว่ามันไม่เหมือนกับ การทำจานตกแล้วบอกเอ่ยปากขอโทษ หรือ รับปากจะซื้อจานใบใหม่มาทดแทน การที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับการสูญเสียในสิ่งที่ไม่มีวันหวนคืนมา ไม่มีอะไรจะมาทดแทนได้ มันเจ็บช้ำยิ่งกว่าสิ่งใดๆในโลกนี้

นั่นเป็นเรื่องจริงที่ Jean ต้องยอมรับและเข้าใจ Einer แต่ความจริงที่ Einar ต้องยอมรับให้ได้เช่นกันก็คือ เราหาจานใหม่มาทดแทนไม่ได้ แต่ เราสามารถให้อภัยกับคนที่ทำจานแตกได้ เราจะหยุดกินข้าวเพราะจานใบเก่าแตกไป หรือ จะหยิบจานใบใหม่มาใส่อาหารและใช้ชีวิตกันไปต่อ

...ในเชิงทฤษฎีกระบวนการทำใจหรือ Mourning task หากจะลุล่วงผ่านไปได้ด้วยดีนั้นจำเป็นต้องผ่าน 4 ระยะนี้คือ ยอมรับความจริงของการสูญเสีย , ประสบความเจ็บปวดของการสูญเสีย , ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีผู้ตาย , ถอนพลังงานชีวิตจากจุดเก่า และ เริ่มต้นพลังงานชีวิตใหม่ หากใครคนใดคนหนึ่งยังติดชะงักอยู่ที่ขั้นตอนใด ก็มีแนวโน้มที่ชีวิตของคนๆนั้นยังไม่สามารถจะผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้ เหมือนกับ Einar ยังติดอยู่ตรงที่พลังงานชีวิตจมหายไปพร้อมกับความตายของลูกชาย เขายังไม่สามารถจะพาชีวิตเดินทางต่อไป

..ดังนั้นเมื่อปมในใจยังไม่ถูกสะสาง สิ่งที่ทำให้ Einar หยุดนิ่งในไร่ที่ว่างเปล่า ย่อมไม่ใช่เพราะตัว Jean ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ แต่เป็น ความแค้นความโกรธของตัวเองที่ยังไม่จางหายและไม่ยอมปล่อยวางวิญญาณของลูกชาย การมาของ Jean จึงเหมือนการกระตุ้นมันขึ้นมาอีกครั้ง

อุบัติเหตุที่เขาไม่ยอมรับว่ามันคืออุบัติเหตุ เพราะ ความโกรธที่สูญเสียลูกชายยังไม่สามารถหาที่ระบายได้ อุบัติเหตุไม่สามารถมายืนรองรับความโกรธของเขาได้ แต่ Jean ที่เป็นคนขับรถในคืนที่ลูกชายของเขาเสียชีวิต สามารถมาเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธแค้นจากการสูญเสียของเขาได้ เขาจึงพร่ำเพ้อคิดเสมอว่าเธอคือฆาตกร

... เขามองเห็น Jean เป็นความทรงจำเลวร้ายที่เป็นตัวแทนลูกชายที่สูญเสีย แต่ลืมไปว่าในเวลาเดียวกัน Jean ก็เป็นความทรงจำสุดท้ายของลูกชายที่เหลืออยู่ และ Griff ลูกสาวของเธอก็คือชีวิตของลูกชายเขาที่อยู่ต่อไป สิ่งที่เขาต้องการเป็นอย่างที่เขาทำเช่นนี้จริงๆหรือ? เขาต้องการกล่าวโทษและโกรธแค้นไปจนชั่วชีวิตจริงๆหรือ?

เพราะถ้า Einar หวนกลับมาดู Mitch

…หลังจาก Mitch ถูกหมีป่าทำร้ายและกลายเป็นคนเจ็บ เมื่อรู้ว่าหมีตัวนั้นกลับมาและถูกจับตัวได้ เขาเฝ้าคอยบอกให้ Einar ตามไปดูหมีที่ทำร้ายเขาว่ามันมีชีวิตอย่างไร เมื่อรู้ว่ามันถูกจับเขาบอกให้ Einar คอยดูแลและให้อาหาร และเขาบอกให้ Einar ไปปล่อยมันคืนสู่ธรรมชาติ หากเป็นคนอื่นที่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับ Mitch คงสงสัยว่าเพราะอะไรเขาจึงต้องทำเช่นนั้น เพราะหากเป็นเรา เราอาจอยากให้หมีตัวนั้นถูกฆ่าให้ตายหรือถูกจับไปขังไว้ตลอดกาล ให้สาสมกับที่มันทำลายชีวิตเราไปกว่าครึ่ง

หรือ Mitch จะไม่โกรธ?

..ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมคิดว่า Mitch ยังมีความโกรธอยู่ ชีวิตของเขาก็ถูกทำลายและต้องหยุดนิ่งไม่ต่างจาก Einar แต่เขาเลือกจะดับไฟโกรธ และ เลือกจะไม่โทษโชคชะตาหรือโทษEinar เขาเลือก ให้อภัย

เขารู้ว่าหมีป่านั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ แต่มันทำร้ายเขาก็เพราะเขาเข้าไปขัดขวางวิถีธรรมชาติของมันนั่นเอง สำหรับ Mitch การให้อภัยและเฝ้าดูหมีตัวนั้นมีชีวิตต่อไปมันก็อาจเหมือนชีวิตของเขาได้ใช้ชีวิตส่วนนั้นต่อไปอีก ชีวิตที่สูญหายของ Mitch อยู่ในชีวิตหมีตัวนั้นและ หาก Einar ให้อภัย เขาก็จะเห็นว่าชีวิตลูกชายของเขาก็ยังดำรงอยู่ต่อไปในตัวภรรยาและลูกสาวนั่นเอง

...การที่คนเราทุกข์ทนส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรอกแต่มันเป็นเพราะตัวเองทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ Einar เพราะหากปมในใจนี้ยังไม่ได้สะสาง ไฟโกรธในใจยังไม่ดับด้วยการให้อภัย หากเขาต้องจากโลกใบนี้ไป ชีวิตของเขาต่างหากที่จะเป็น An Unfinished Life อย่างแท้จริง


…หนังเล่าเรื่องไปข้างหน้าอย่างอบอุ่น ไม่เร่งเร้า ไม่กำหนดสถานการณ์บังคับจำเพาะบีบคั้นคนดูให้เสียน้ำตา ไม่ได้มีฉากประเภทว่า ใครคนใดคนหนึ่งกลับมาไม่ทันแล้วอีกคนเสียชีวิต หนังเล่าเรื่องไปในทิศทางธรรมดาสามัญอย่างที่ชีวิตคนทั่วๆไปพึงจะเป็น ก่อนจะถึงบทสรุปที่แสดงให้เห็นว่า ตอนจบของหนังเป็นเหมือนการเริ่มต้นของชีวิตตัวละครอีกครั้งหนึ่ง

สองรุ่นเก๋าลายครามอย่าง Morgan Freeman และ Robert Redford ยังคงความประทับใจให้กับคนดูด้วยฝีไม้ลายมือที่คงเส้นคงวา Jennifer Lopez เป็นนักแสดงที่ผ่านๆมามักถูกบดบังฝีมือการแสดงด้วยอคติ หากดูตามจริงแล้วบทของหญิงสาวระทมทุกข์ในเรื่องนี้เป็นการแสดงที่ดีใช้ได้ แต่ยังไม่ดีพอหากเธอต้องมายืนคู่กับสองคนนั้น เช่น ฉากที่เธอประชันกับเรดฟอร์ดกลางดึก การที่เธอต้องเผยความเจ็บปวดออกมาเธอยังทำได้ไม่เข้าถึง ที่น่าเห็นใจเพิ่มก็คือ ลูกสาวที่เล่นประกบเธอ ยังมาขโมยซีนเธอได้ในหลายฉาก ตัวละครที่โผล่มาอย่างแปลกหน้าและทำให้หนังดูแปลกตาดีคือ หมี ที่มีบทบาทเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว

... หนังถูกมองในตอนแรกๆที่เริ่มสร้างว่าน่าจะได้มามีบทบาทบนเวทีชิงรางวัลในช่วงเทศกาล เพราะมันเป็นการผสมผสานระหว่าง Lasse Hallstrom ผู้กำกับชาวสวีดีชฝีมือดีในการสร้างหนังอบอุ่นนุ่มนวล เช่น The Cider House Rules , What's Eating Gilbert Grape และ Chocolat) บวกกับการได้นักแสดงคุณภาพหลายรางวัลอย่าง Morgan Freeman และ Robert Redford แต่เมื่อหนังฉายปรากฎว่าเลือนหายไปในกลีบเมฆในช่วงชิงรางวัล ส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังไม่ได้มีข้อบกพร่อง เพียงแค่ว่า หนังเองก็ไม่ได้มีจุดเด่นที่เข้มข้นหนักแน่นพอ หนังออกจะธรรมดาๆเมื่อยืนเทียบกับคู่แข่งอีกหลายๆเรื่อง จึงยากที่จะยืนแทนสู้กับหนังเรื่องอื่น เป็นหนังที่แฟนดราม่าใครได้ดูก็คงประทับใจ แต่ไม่ใช่ความประทับใจที่จะจดจำในอันดับต้นๆหรือตราตรึงใจไปนาน ความดีของหนังที่เด่นเป็นพิเศษคืออารมณ์อบอุ่นละมุนละไม ทั้งจากการเล่าเรื่อง การถ่ายภาพ และ จากการแสดงชั้นยอดของเหล่านักแสดงในเรื่อง

สิ่งที่ชอบ

1. Morgan Freeman และ Robert Redford … ทั้งสองฝากการแสดงที่น่าชื่นชมไว้ในหนัง มันคงไม่ใช่ผลงานที่ดีที่สุดของเขาทั้งสองคน แต่การจับคู่กันนั้นมันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ช่วยให้หนังแผ่ไออุ่นของมิตรภาพ ความจริงใจ ส่งมายังคนดูได้เป็นอย่างดี เหมือนปีก่อนที่เราได้ดูมิตรภาพของสองยอดฝีมืออย่าง Morgan Freeman และ Clint Eastwood ต่างไปที่เรื่องนี้เป็นเวอร์ชั่นคู่duoที่ตัวละครดูจะอ่อนระโหยโรยแรงกว่าเท่านั้นเอง

2. ความอบอุ่น ... หนังทำให้คนดูรู้สึกถึงความอบอุ่นทั้งจากมิตรภาพของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นคู่ดูโอที่กล่าวไว้ หรือจะเป็นจาก มิตรภาพของคนในเมืองเล็กๆแห่งนี้ มันดูเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง บรรยากาศในเมืองที่ถ่ายทอดออกมาด้วยการเล่าเรื่องอย่างละเมียดละไมและถ่ายภาพอย่างนุ่มนวล ช่วยส่งเสริมอารมณ์อบอุ่นของหนังได้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ความเรียบจนเกินไป … เสียดายที่หนังอุดมไปด้วยมือพระกาฬทั้งผู้กำกับ นักแสดง และ โครงเรื่อง แล้วหนังปีนไปได้ไม่ถึงระดับสุดยอด เพราะความรู้สึกส่วนตัวว่าหนังมันน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ หนังทำออกมาได้ราบเรื่อยธรรมดาเกินไปนิด จนช่วงกลางๆของหนังเกือบหลับไปได้เหมือนกัน คิดว่าเป็นที่ตัวบทด้วยที่ตั้งใจจะไม่ลงลึกและไม่ใส่ความขัดแย้งให้แน่นหนามากไปกว่านี้ การคลี่คลายความรุนแรงก็ดูจะจบลงง่ายๆเกินไป

สรุป …สำหรับคอดราม่าที่ชื่นชอบหนังชีวิต ชอบชมฝืมือการแสดงของดารา ชอบหนังที่เดินหน้าไปแบบนุ่มนวล ไม่น่าผิดหวัง สำหรับคนที่ชอบหนังดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้น มีจุดเร่งเร้าหักมุม หนังอาจทำให้ง่วงและงีบหลับได้



ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 30 มกราคม 2549
Last Update : 30 มกราคม 2549 1:02:09 น.
Counter : 2836 Pageviews.

20 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
๏ ... รามคำแหง แรงคำหาม ... ๏ นกโก๊ก
(2 ม.ค. 2567 14:22:51 น.)
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
  
อยากดูอะ
โดย: คนสวย (ทำใจได้ ) วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:0:35:23 น.
  
วางแผนไว้ว่าถ้ามีเวลาว่างๆ ซัก 1 วัน จะหาหนังที่อยากดูมาดูให้ได้เลย แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็มีหลายเรื่องมากจนตัดสินใจไม่ได้ สรุป อดดูค่ะ

ซินเจียอยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ อั่งเป่าตั่วๆ ไก๊นะคะ
โดย: ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:1:32:56 น.
  
ตั้งใจอยากดูเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ ... ได้อ่านเรื่องนี้ก่อนก็ยิ่งทำให้อยากดูเข้าไปใหญ่เลยเพราะชอบดรามาเรียบๆ ดูแล้วมันไม่ทำให้พลิกล็อกมากมายดีค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:1:46:29 น.
  
เป็นหนังที่อยากดูด้วยชื่อของผู้กำกับแหละค่ะ


เพราะงั้นยังไม่อ่านนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:10:00:50 น.
  
คิดเหมือนกันเลยครับ
"บทหนัง" ที่เรียบจนเกินไป

โดย: Marvellous Boy วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:11:37:38 น.
  
มีความสุขกับเที่ยง วันจันทร์ น๊า
โดย: แมวน้อยของเสี้ยวเทียน วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:12:39:02 น.
  
ไม่ได้ดูเรื่องนี้ครับ ไปดูเกอิชามาแทน แต่ก็ยังไม่ได้เขียนถึงเลย... สำหรับหนังทั้ง 4 เรื่องที่เพิ่งได้ดูไปในปีนี้อย่าง March of the Penguins, วัยอลวน 4, Rashomon และก็เกอิชา...
โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:18:25:59 น.
  
... อยากดูเพราะเครดิตเก่าๆ ของ ผกก. ลาสส์ ฮอลล์สตรอม + ดาราเก๋าอย่างลุงฟรีแมน และ น้าเรดฟอร์ด (ยอดยับ - สงสัยจะลืมใช้ครีมแอนตี้เอจจิ้ง)
... ไม่ค่อยอยากดู เพราะมีเจ๊เจโลเล่นด้วย + ตามที่ว่าๆ กันว่าบทหนังเรียบๆ จนไม่ติดกลุ่มหนังรางวัลเท่าไหร่
... บทสรุป เลยตัดสินใจไม่ดู รอดู Geisha กับ Prime อาทิคย์นี้ดีฝ่าครับ
โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:13:51:07 น.
  
เหมือนจะน่าดูอ่ะ แต่กลัวจะหลับ

ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากดูแนวดราม่า เดินเรื่องเรียบๆเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นแบบ Big Fish ก็คงโอเคอ่ะ
โดย: hAmlet IP: 58.9.175.181 วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:19:31:07 น.
  
เนื้อหาที่เขียนก็ OK นะ แต่อยากได้เรื่องราวที่ละเอียดกว่านี้ ไม่แน่ใจว่าในหนังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยให้เขียนถึงหรือเปล่า น่าจะทำให้น่าอ่านมากขึ้นมั้ย
โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร IP: 202.28.181.9 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:32:03 น.
  
ไปดูมาแล้วค่ะ เราชอบมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ชอบหนังอารมณ์นี้นะคะ ดูแล้วอมยิ้มได้เรื่อยๆเกือบทั้งเรื่องแน่ะ หนังอบอุ่นดีดูแล้วอิ่มเอิบ ประทับใจ เห็นแล้วอยากเป็น cowgirl แบบ Griff มั่ง อีกอย่างที่ชอบมากๆคือบทสนทนาหลายๆประโยคที่เฉียบคม ช่างคิด และแฝงความหมายดีๆไว้เยอะแยะเลย

ชอบที่พี่เขียนเกี่ยวกับ Mitch จัง เพราะเป็นจุดที่เราดูแล้วก็แอบติดใจสงสัยอยู่หน่อยๆ ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ "ชีวิตที่สูญหายของ Mitch อยู่ในชีวิตหมีตัวนั้น"

ชอบที่หนังพุ่งประเด็นไปที่การ"ให้อภัย" และไม่ใช่แค่การ"ให้อภัยคนอื่น"เท่านั้น แต่ที่สำคัญยยิ่งกว่าคือการเรียนรู้ที่จะ"ให้อภัยตัวเอง"ให้ได้

ปล. เห็นหนังตัวอย่าง Prime แล้วน่าดูดีนะคะ ประกอบกับกระแส Geisha ก็ไม่ค่อยแรงแบบตอนแรกๆ ก็เลยลังเลอยู่ว่าจะดูอะไรดีหว่า อีกเรื่องที่ได้ดูหนังตัวอย่างคือ Inside man น่าดูมากๆๆๆ
โดย: azzurrini วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:31:13 น.
  
เห็นด้วยว่าเป็นหนังดรามาเรียบๆเรื่องนึง ได้อารมณ์แบบนุ่มๆอบอุ่นๆดี มีอะไรให้คิดหลังดูจบแต่ถ้าเทียบกับ cider house rule หรือ Gilbert คิดว่ายังทำได้ไม่ดีเท่า งานนี้ให้คะแนนฝีมือ Morgen Freeman ไปเต็มๆ ส่วน Redford หง่อมไปเยอะเลยนา เฮ้อ
โดย: เดล IP: 58.11.73.227 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:44:31 น.
  
หนังดีกว่าที่คิดค่ะ ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องและนักแสดง ยังนึกเลยว่าต้องมีฉากดราม่าเรียกน้ำตาและสะเทือนใจ

แต่บทสรุปของหนังกลับกลายเป็นความอบอุ่นและทุกฝ่าย happy

สรุปว่าหนังเรื่องนี้ไม่เลว ชดเชยกับความผิดหวังเรื่อง The Memoirs of Geisha ไปได้ค่อนข้างมาก อิอิ

โดย: Tai-Sarunya วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:48:02 น.
  
เพิ่งจะได้ดูค่ะ เหมือนชีวิตของแต่ละคนจะถูกขังอยู่ในกรงทั้งนั้นนะคะ ทั้งที่สร้างขึ้นมาเองและคนอื่นสร้างให้

เจ โลสวยดีนะ
โดย: Chapter 1-17 IP: 61.47.107.47 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:08:37 น.
  
จริงๆ ดูแล้วก็ชอบนะ ไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด ให้ความรู้สึกอบอุ่น และยิ้มไปได้ทั้งเรื่องอย่างที่ว่า แต่ก็เข้าใจดีว่าคอหนังที่ชอบอะไรเข้มข้นคงรู้สึกว่าอะไรหายไป นั่นเพราะสไตล์หนังดูจะเป็นอเมริกันมั่กๆ จะเผยความรู้สึกของแต่ละซีนชัดๆ รวมไปถึงสไตล์การแสดงที่เน้นชัดเจนทางสีหน้า อย่างฉากสุดท้ายที่เห็นแกรี่ อดีตแฟนเจโลถูกซ้อมนอนหงิกอยู่บนรถทัวร์ ถ้าเป็นหนังยุโรปคงไม่ได้เห็นฉากนี้ นี่เป็นหนังอเมริกันก็เลยได้ดูเพื่อความสะใจ

บรรยากาศของไวโอมิ่ง ทำให้นึกถึง Brokeback Mountain ขึ้นมาทันที แต่คนละ Mood โดยแท้ ในเรื่องนี้ดูมีสีสันและอบอุ่น ไม่เหงาหงอยเท่า วิธีเล่าเรื่องก็ให้ Plot เป็นตัวนำ แรงผลักดันของบุคลิกตัวละครดูจะน้อยกว่า ซึ่งกลับกันกับ Brokeback อย่างไรก็ดีก็มีความสุขที่ได้ดู เพราะสร้างทัศนคติดีๆ ให้ชีวิต อยากให้หนังไทยหันมาให้คุณค่ากับหนังดราม่าที่มีคุณค่าแบบนี้บ้าง ทำให้เป็นก็ดูได้สนุกเท่าเทียมหนังแนวอื่นเช่นกัน ดูแล้วก็ได้ความคิดดีๆ ติดตัวกลับไป นี่แหละคืออิทธิพลของหนังที่สร้างทัศนคติดีๆ ให้กับสังคม

โดย: Bkkbear IP: 61.90.84.107 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:14:18 น.
  
เขียนได้ดีมากเลยครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบหนังเรื่องนี้มากเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกดีผมชอบตอนที่ลูกสาววิ่งไปหาปู่ครับ ประทับใจมาก
โดย: aun IP: 203.113.66.9 วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:7:34:21 น.
  
อาจจะดูเหมือนใจแคบ ผมเห็น Robert Redford เล่น ก็อยากดูแล้ว ชื่อเรื่องก็อ่านดูสะดุดตาดี แถมมี Morgan Freeman อีก แต่ที่ทำให้เปลี่ยนใจไม่ดูไปเลย ก็เพราะ Jennifer Lopez เนี่ยล่ะครับ ดูกี่ทีก็ลบภาพเธอตอนเป็นนักร้องไม่ออก ชื่นชมความสวยเซ็กซี่ของเธอมากครับเมื่อสามสี่ปีก่อน แต่ในฐานะนักแสดง ผมไม่อยากดูหนังเธอเลย
โดย: ayres IP: 58.64.103.45 วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:3:35:22 น.
  
เพิ่งได้ดู ดูเสร็จก็กลับมาอ่านเมนท์ ชอบค่ะ
โดย: nam IP: 58.147.119.143 วันที่: 28 มิถุนายน 2549 เวลา:22:23:33 น.
  
ชอบค่ะ เพราะมีเจโลแสดงด้วย ซะงั้นเลยเรา อิอิ
โดย: love jlo IP: 203.114.120.104 วันที่: 1 สิงหาคม 2549 เวลา:17:28:50 น.
  
หนังที่มีJ-Loผมไม่ค่อยอยากดูเลยจริงๆแบบว่าไม่ชอบ ริชาร์ด เกียร์อีกคนอย่างเกลียด
โดย: download IP: 124.120.168.108 วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:8:19:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด