.หลังจากดูหนังจบผมคิดว่าจะมีหนังของชาติไหนอีกไหมหนอ ที่บรรจงยกชีวิตเด็กสาวมัธยมมาขึ้นจอได้สดใสมีชีวิตชีวาได้เท่ากับหนังญี่ปุ่นอีก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือของชุนจิ อิวาอิที่สร้างโลกของHana and Alice/April story หรือ ล่าสุดกับสาวๆSwing girls
....แม้ว่าจะมาจากผู้กำกับคนเดียวกันจากWaterboys เรื่องนั้นมีจุดเด่นที่ฉายชัดน่าสนใจตั้งแต่พล็อตหลักของเรื่องแล้วว่า ตัวละครต้องมาทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับบทบาทตัวเองตามมุมมองทั่วไปของสังคม(ผู้ชายมาเล่นระบำใต้น้ำ)นั่นทำให้หนังมีความขัดแย้งหลักๆตั้งแต่ธีมของเรื่อง อันชวนให้สามารถพาคนดูอยากตีตั๋วเข้าไปสัมผัสเรื่องราวนั้นแต่แรก ครั้นมาถึงSwing girlsหากมองแค่ภายนอกเชื่อได้ว่าจุดขายนั้นไม่ชัดและแรงเท่าเรื่องก่อนที่จะให้คนดูยอมตีตั๋วเข้าไปแต่แรก ผมเองก็ตีตั๋วที่โรงลิโด้รอบ14.00น.อย่างไม่มั่นใจนักว่าจะสนุกกับมันได้มากน้อยเท่าใดนอกจากที่ได้ยินมาอยู่ว่าคนดูหลายคนพึงพอใจและหนังเองก็เข้าชิงรางวัลในประเทศตัวเองมากอยู่ แล้วก็พบว่า หนังบางเรื่องที่ขาดความขัดแย้ง มันอาจดูราบเรียบจนยากที่จะชวนให้คนดูติดตามไปจนจบแต่หากสามารถชดเชยด้วยความสามารถในการเล่าเรื่องหรือปัจจัยอื่นที่แน่นพอแล้ว มันก็สามารถผลักให้หนังเรื่องนั้นเดินหน้าไปได้อย่างชวนติดตามเช่นกัน และเรื่องนี้นอกจากการเล่าเรื่องที่ทำได้สนุกสนานมีชีวิตชีวาแล้วการมีเสียงดนตรีกับเหล่านักแสดงที่เลือกมาลงตัวคือสิ่งชดเชย
...หนังไม่ใช่ในแนวปลุกเร้าอารมณ์คนดูผ่านการแข่งขันของตัวเอก หรือ เน้นอารมณ์การต่อสู้ของกลุ่มคนที่ด้อยกว่า(underdog)แต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าในเรื่องไม่มีตัวละครที่เป็นตัวร้ายเลยแม้แต่น้อย นี่แทบจะเป็นหนังเด็กมัธยมที่มองโลกในแง่ดีชนิดโลกนี้ช่างงดงามเหลือเกินไปหมดเหมือนกับApril Story หนังสามารถจะเสกสรรปั้นแต่งให้ทีมหลักของวงดนตรีเดิมเป็นตัวร้ายคอยดูถูกสาวๆสวิงเกีร์ล หรือ จะใส่ทีมมืออาชีพระดับชาติมาท้ารบก็ได้ แต่หนังไม่ทำอย่างนั้นแม้แต่ทีมหลักของโรงเรียนที่มักจะต้องเป็นตัวร้ายก็ยังเชียร์และเอาใจช่วยสาวๆสวิงเกิร์ลมาตลอด นี่ทำให้Swing Girlsเป็นอีกหนังวัยรุ่นที่มองโลกอย่างสดใส ปราศจากมลพิษและเหมาะกับทุกเพศทุกวัยไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ฉากในตอนท้ายของSwing Girlsไม่ใช่ฉากclimaxประเภทเร้าอารมณ์ให้ถึงขีดสุดหรือทำให้คนดูต้องเกิดความฮึกเหิมเหมือนหนังแนวเดียวกันนี้เรื่องอื่นๆ แต่ฉากตอนท้ายเป็นคำอธิบายความเป็นตัวตนของหนังได้เป็นอย่างดี ด้วยเสียงดนตรีที่คึกคักกับจังหวะที่นักแสดงเล่นอยู่บนเวทีพร้อมกับคนดูในโรงหลายคนที่ขยับเท้าหรือเบิกบานไปด้วยกัน นั่นคือตัวตนของหนังเรื่องนี้
.....การกำหนดคาแรคเตอร์ของสมาชิกในทีมทำได้อย่างมีสีสัน การที่ไม่ยกความเด่นไว้ที่ตัวนางเอกสาวแซ็ก(โปรดเช็คตัวสะกดก่อนอ่าน55)ให้แบกรับแต่เพียงคนเดียว และกระจายรายละเอียดไปที่ คู่สาวกีต้าร์-เบสสุดเท่ห์ สาวแว่นขวัญใจใครต่อใครหลายคน สาวกลอง(ขำได้ใจผมมากคนนี้) สาวทรัมเป็ต(หน้าตาเหมือนแมวน่ารักมาก) รวมไปถึงหนึ่งหนุ่มที่เล่นได้น่าเอ็นดูไม่แพ้สาวๆ ฯลฯได้เกลี่ยความน่ารักความสามารถไปด้วยกัน ทำให้หนังฉายภาพของความเป็นทีม ความเป็นวง ได้แจ่มชัดขึ้นเพราะถ้าหนังที่เล่าเรื่องของวงดนตรีที่ต้องประสานร่วมกันแต่ผู้สร้างกลับไปเน้นความเด่นแค่คนสองคนมันก็จะลดทอนความรู้สึกน่าเชื่อถือและความรู้สึกร่วมของคนดูไปโดยปริยาย น่าเสียดายที่บทครูของNaoto Takenakaนักแสดงจอมขโมยซีนจากหลายต่อหลายเรื่องกลับกลายเป็นบทที่หนังสร้างออกมาไม่ดีเท่าไหร่นัก ค่อนข้างอ่อนและเบาบาง ทำให้เค้าเล่นได้ไม่เด่นเท่ากับบทในหนังคอมิดี้เรื่องเก่าๆอย่างเรื่องWaterboys หรือ Shall we dance
....ในด้านของบทภาพยนตร์ไม่ได้โดดเด่นยังออกจะเรียบง่ายเกินไปเสียด้วย มีหลายตอนที่ล้นๆเกินๆ แต่แทบจะไม่มีความหมายหรือเป็นข้อด้อยที่สำคัญอะไรเพราะความสนุกสดใสของหนังมันกลบความอ่อนแอต่างๆเหล่านี้ของตัวหนังไป หากหนังสนุกเมื่อถึงฉากที่สะดุดแต่ฉากถัดมาก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคนดูได้ นักแสดงเล่นได้ชวนติดตาม มันก็สามารถทำให้คนดูมองข้ามข้อพร่องเหล่านี้ได้โดยไม่ยากเย็น
......หนังสร้างโลกมัธยมของเด็กๆกลุ่มนี้ให้มีผู้ร้ายในเรื่องเพียงอย่างเดียว คือ อุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงที่คอยขวางกั้นไม่ให้พวกเธอไปถึงฝั่งฝันได้ จะว่าไปอุปสรรคเหล่านั้นมันก็เป็นผู้ร้ายในโลกจริงๆสำหรับเด็กมัธยมมากกว่าผู้ร้ายที่เป็นตัวตนในหนังส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น ข้อจำกัดทางการเงิน การเหลวไหลใช้ชีวิตด้วยความสนุกไปวันๆ(ซื้อคอมมาตั้งโชว์ฯลฯ) การขาดความรับผิดชอบ การล่องลอยโดยหาตัวตนไม่เจอ
ฯลฯ ด้วยเหตุนี้การที่หนังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการแก้ปัญหาจึงเป็นอีกทัศนคติหนึ่งของผู้กำกับที่เลือกจะมองมากกว่าเน้นที่การแข่งขันเหมือนหนังในแนวนี้ทั่วๆไป เหล่าสาวๆสวิงเกิร์ลจึงต้องแข่งกับตัวเองนั่นนำไปสู่การที่พวกเธอรู้จักที่จะเรียนรู้การหาเงินมาด้วยตนเองเพื่อสร้างฝัน(แม้ว่าจะตามมาด้วยความวุ่นวาย) รู้จักที่จะจริงจังกับชีวิต รู้จักความรับผิดชอบ สามารถไขว่คว้าสิ่งที่เป็นตัวตนเป็นอัตลักษณ์ได้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในวัยก่อนเข้าวัยรุ่น ผู้ร้ายหลักตัวหนึ่งของเด็กในช่วงวัยนี้ คือการหลงทางบนเส้นทางชีวิตตัวเอง ไม่รู้ว่าจะล่องลอยไปที่ใด คล้ายๆกับกลุ่มที่ไปเล่นโบว์ลิ่งในเรื่องที่มองว่าหากชีวิตมีให้เลือกพวกเธอก็ต้องเลือกความสนุก โดยในท้ายที่สุดพวกเธอจึงได้รู้ว่าความสนุกที่แท้จริงและจะอยู่กับเราไปตลอดมันย่อมมาจากสิ่งที่ใจรักและมันจะหล่อหลอมตัวตนของเราไปจนโต โดยไม่ว่าใครต่อใครก็จะต้องเหลียวมองกลับมาด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาเมื่อเราค้นพบตัวตนและมีความสุขสนุกไปกับมัน ไม่ใช่ความสนุกชั่วครู่ชั่วครั้งชั่วคราว และสิ่งนั้นในเรื่องนี้คือดนตรี
สิ่งที่ชอบ1.ฉากหมูป่า....ไม่เพียงแค่เทคนิคของภาพเท่านั้น จังหวะของภาพ สีหน้าตัวละคร รวมทั้งจุดจบของฉากนี้ทำให้เป็นฉากที่ยอดเยี่ยม ขำที่สุด ตลกที่สุด และเป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่สุดของปีนี้ตั้งแต่ผมดูหนังมา ฮามากๆๆ เชื่อว่าเมื่อได้ยินเพลงWhat a Wonderful world ในหัวของผมจะต้องถูกจับคู่กับภาพของฉากนี้ไปอีกนาน
2.เสียงดนตรี....หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะทำให้คนดูได้รับรู้ไปพร้อมกับเด็กสาวเหล่านี้ว่า แจ๊ซ ไม่ใช่ดนตรีของรุ่นใหญ่ที่นั่งคลึงบรั่นดีแสนน่าเบื่อเท่านั้น การนั่งชมเรื่องนี้ได้มากกว่าการนั่งชมภาพยนตร์เพราะมันก็เป็นเหมือนกับการนั่งชมการแสดงดนตรีที่ในเรื่องนั้นก็เล่นกันได้สมราคา สนุกคึกคัก สร้างความสุขและจังหวะในใจคนดูได้สำเร็จ(+สาวๆน่ารักๆ55)
3.สาวๆSwing Girls.... เคยนึกชื่นชมชุนจิ อิวาอิว่าทำไมมักได้นักแสดงสาวๆสวยๆมาเล่นหนังประการสำคัญเธอเหล่านั้นเล่นหนังได้ดีเป็นธรรมชาติเหลือเกิน มาถึงเรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกเช่นเดียวกัน ใครได้ดูแล้วไม่ประทับใจสาวๆSwing Girlsคนใดคนหนึ่งก็ออกจะใจร้ายไปนิด เพราะพวกเธอไม่ได้มาแค่หน้าตาน่ารักน่าหยิกเท่านั้น สิ่งที่น่าชื่นชมคือการแสดงที่เล่นได้เป็นธรรมชาติ สดใส และที่สำคัญที่สุดพวกเธอเล่นดนตรีเหล่านั้นด้วยตนเอง
สิ่งที่ไม่ชอบ1.บางฉากล้นๆเกินๆ ....อารมณ์ของหนังไม่ราบรื่นเท่าใดนัก ด้วยบางฉากที่ผมรู้สึกว่ามันล้นเกินความจำเป็นและมันก็ทอนพลังของเรื่องราวลงไป ฉากที่ผมรู้สึกชัดฉากหนึ่งคือหลังจากหมูป่าอันฮาสุดๆแล้วอารมณ์ของหนังก็ตกฮวบทันทีเมื่อถึงฉากที่สาวๆเอาเครื่องดนตรีไปเจรจาซ่อมกับอดีตแฟนหนุ่มของมือกีต้าร์-เบส ช่วงเจรจากับหนุ่มนักดนตรี ผมไม่เก็ทมุขเลยไม่ขำแถมดูยืดเยื้อไม่จำเป็น
2.การตัดจบ....น่าเสียดายที่ฉากจบค่อนข้างห้วนและเรื่องนี้เป็นเรื่องที่3ของเดือนนี้สำหรับตัวผมเอง ที่เจอตอนจบแบบต้องรู้สึกว่า ว้า จบแล้วเหรอ (ถัดจากApril storyและHotel)
3.ซับไตเติ้ล...เป็นอีกเรื่องที่มีปัญหาซับไตเติ้ลขึ้นไม่หมด บางประโยคตัวละครพูดก็ไม่มีซับขึ้น หรือ จดหมายที่เด็กผู้ชายจะส่งให้ครูก็ไม่แปลให้ ปัญหาคือเรื่องนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งผมก็จนด้วยเกล้านอกจากเดาไปเรื่อยเท่านั้นเอง
สรุป... เป็นหนังที่ดูแล้วอารมณ์ดีไม่มีพิษภัยไม่น่าเบื่อน่าจะเข้าถึงคนดูได้ในวงกว้าง เชื่อว่าใครได้ดูก็คงต้องมีรอยยิ้มกับความสุขกลับไป แต่จะมากหรือน้อยคงแล้วแต่คน มีล้นๆจบแบบห้วนๆไปบ้างไม่สำคัญอะไร เพราะแค่หนังสามารถทำให้คนดูมีความสุขหลังดูหนังจบ ก็คุ้มค่าเงินที่เสียไปแล้ว สำหรับคนชอบดนตรีและเด็กสาวน่ารักๆจะมีความสุขมากขึ้นเป็นพิเศษ
ปล...ระหว่างรอ20th century boyมาแสนนาน วันนี้ได้การ์ตูนมาอีกเล่มที่มีพล็อตน่าสนใจอยู่คือ คนปาฏิหาริย์ของวิบูลย์กิจ เรื่องของคนในอนาคตที่มองเห็นญี่ปุ่นจะล่มสลายจึงกลับมาปัจจุบันเพื่อช่วยเหลือนางเอกไม่ให้ตาย(คล้ายๆกับTerminator3) + Gorillazชุดใหม่เพราะดี ฟังไปหลายรอบชอบมากกว่าชุดที่แล้วแฮะตรงข้ามกับScrubbที่ฟังรอบแรกไม่ติดหูเท่าที่ควร
มาโหวตกัน คุณชอบ Swing girls หรือไม่? |
หากคุณเข้าเว็บบล้อกนี้เป็นครั้งแรก ขอเชิญชวนไปเริ่มต้น คลิกที่นี่เลยครับ -->
หน้าแรกเชิญชวนแวะไปอ่านไปคุย ค้นหาหนังเรื่องเก่าๆได้ที่ ---> ห้องเก็บหนัง
ตามมาอ่านในฐานะแฟนประจำค่ะ
จริงๆ ไม่อยากอ่านเล้ย
อ่านคอมเม้นท์คุณทีไร อยากไปดูได้ทุกเรื่องสิน่า
สุขสันต์วันเริ่มสัปดาห์นะคะ