The Ring เป็นต้นตระกูลที่ออกลูกออกหลานมามากมายที่ล้วนแต่เจ๋ง เหนือชั้น และเป็นที่น่าจดจำ (มีเพียงไม่กี่ส่วนที่ทำให้เสียชื่อ) ไม่ว่าจะเป็น
นิยาย : ตั้งแต่ The Ring --> Spiral --> Loop และภาคผนวก Birthday ไตรภาค 3+1ของหนังสือน่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุดของThe Ring การเปลี่ยนจากความสยองในภาค 1 มาสู่อีกเรื่องราวหนึ่งในภาค 2 ต้องเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะของคนเขียน Kôji Suzuki ที่สามารถสลัดหลุดออกจากกับดักเดิม และก้าวไปสู่อีกหนึ่งด้านแถมทำการบ้านมาอย่างดีเสียด้วย
ถ้า The Ring --> Spiral ทำให้คนอ่านทึ่งแล้ว Spiral > loop ยิ่งน่าทึ่งกว่า เพราะจัดเป็นการก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ ที่ทำให้คนอ่านต้องตื่นตะลึงว่าผู้เขียนยังอุตส่าห์หาทางออกได้อีกมิหนำซ้ำยังดีขึ้นไปอีกด้วย (เรียกได้ว่าถ้าใครได้ดูหนังชื่อดังเรื่องหนึ่งแล้วมาอ่าน Loop ต้องอดคิดไม่ได้ว่า ใครลอกใครกันแน่) เท่านั้นยังไม่พอผู้เขียนยังอุตส่าห์หาทางเขียน Birthday ออกมาได้อีกเล่มโดยไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของตระกูลนี้แต่อย่างใด
ภาพยนตร์ญี่ปุ่น : Ringu เริ่มต้นตำนานความสยดสยองแบบเสียวสันหลังกับการแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักวิดิโอเทปกับซาดาโกะ ตามมาด้วย The Ring 2 ที่ไม่ได้ยึดเนื้อหาตามหนังสือต้นฉบับ เริ่มต้นถึงกลางเรื่องได้น่าสนใจแต่หลังจากผ่านจุดหักมุมตอนกลางเรื่อง หนังกลับเริ่มออกทะเลและเลอะๆเทอะๆไป ก่อนจะมาเป็น Ringu 0 ที่เป็นอีกหนึ่งตอนที่สร้างแยกมาต่างหาก เป็นจุดเริ่มต้นของ Ringu ตัวหนังทำออกมาในแนวดราม่าสยองขวัญให้เห็นโชคชะตาอันน่าเศร้าของซาดาโกะ แม้จะไม่สยดสยองเท่าต้นฉบับแต่ก็ทำออกมาได้ดีในแนวของมันเอง
TV Series : The Ring /The ring virus (เกาหลี)--> ไม่ได้ดูครับ
The Ring Remake : The Ring1 เป็นฉบับหนังRemake ที่ผมคิดว่าทำออกมาได้ดี หนังจับซาดาโกะมาแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นซามาร่าได้อย่างเข้ากับวัฒนธรรมตะวันตก หนังอาจไม่ได้มีบรรยากาศหลอน กดดัน สยองขวัญเท่า Ringu แต่องค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการคลี่คลายปมที่ใส่ไว้ทำให้การติดตามเรื่องเป็นไปด้วยความสนุก เนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาได้อย่างกลมกล่อม รวมไปทั้งการอธิบายเรื่องราวที่ทำออกมาได้ดีกว่า Ringu เสียด้วยซ้ำ จึงทำให้ The Ring (Remake) ไม่ใช่หนังสยองขวัญที่คอยยึดชายเสื้อต้นฉบับหากินแต่เป็น The Ring ในแบบตัวของมันเอง
.......The Ring Two คล้ายกับ The Ring 2 ของญี่ปุ่นที่สร้างเนื้อเรื่องขึ้นมาเองไม่ได้ยึดตามต้นฉบับ แต่ภาค 2 ของทั้ง 2 version นี้ก็แตกต่างกัน (ทุกวันนี้ผมเองก็ยังสงสัยอยู่ว่า ทั้งที่ต้นฉบับนิยายภาค 2 ก็ออกจะสุดยอดขนาดนั้น จนถึงบัดนี้ทำไมยังไม่มีใครหยิบเอามาสร้าง) โดยในภาคนื้เล่าเรื่องต่อจากภาค 1 เป็นการให้ Rachel กับลูกย้ายบ้านไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อลบฝันร้ายที่เกิดขึ้น ก่อนจะพบความจริงว่า ซามาร่า ไม่ปล่อยพวกเธอไปง่ายๆ
....... The Ring Two มีความน่าสนใจคือการดึง Hideo Nakata ผู้กำกับจากต้นฉบับมา Remake หนังของตัวเอง(Ringu และ The Ring2 แถมยังเป็นผู้กำกับต้นฉบับ Dark waterที่กำลังจะเอามา Remakeใหม่เช่นกัน) เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ Takashi Shimizu ก็เพิ่งจะ Remake Ju-onจากต้นฉบับที่ตัวเองกำกับเอง และก็เป็นที่น่าสนใจว่าผู้กำกับ Hideo Nakata เป็นผู้กำกับที่ชอบเล่นกับ "น้ำ" เป็นอย่างยิ่งทั้งที่ต้นฉบับนิยายไม่ได้มีน้ำมากขนาดนี้ แต่ความสยองของเขามักจะมากับน้ำ มิหนำซ้ำหนังที่เค้ากำกับอีกเรื่องคือ Dark Water ก็เต็มไปด้วยน้ำอีกเช่นกัน
....... The Ring Two กลายเป็นความขยักตรงกลางไม่ไปทางไหนซักทาง คือไม่สามารถจะเป็นตัวของตัวเองได้เหมือนกับภาคแรก แต่ก็ไม่สามารถคงความสยองเยือกเย็นได้เหมือนต้นฉบับ การเล่าเรื่องที่ไปเน้นส่วนคลี่คลายปริศนาของซามาร่า กับ ส่วนความสัมพันธ์แม่-ลูก ถ้าไม่ใช่ว่ามีวิดิโอเทปตอนต้นกับการมีซามาร่า ภาคนี้จะกลายเป็นหนังอีกเรื่องที่แทบจะไม่มีส่วนความเป็นThe Ring แม้แต่น้อย
หนังใช้เวลาค่อนข้างมากกับการหาที่มาที่ไปของซามาร่า จนละเลยว่าสิ่งที่คนดูต้องการคือหนังผีดีๆเรื่องหนึ่ง หนังผีดีๆไม่จำเป็นว่าต้องมีผีออกมาให้มากมายเพราะใน Ringu ซาดาโกะก็ออกมาไม่กี่ฉากแต่หนังก็มีความสยองขวัญ ตรงข้ามกับThe Ring Two ที่ไม่เพียงผู้กำกับเหมือนจะพยายามกักซามาร่าจะไม่ให้มาหาคนดูแล้ว เวลามาก็ไม่ได้สร้างความตกใจได้เหมือนที่ผ่านมา บรรยากาศของหนังที่ดูเหมือนผู้กำกับจะพยายามจะสร้างให้น่ากลัวแทนการหลอกแบบโฉ่งฉ่าง ก็ไม่สามารถกดดันคนดูได้ และเมื่อความคาดหวังของคนดูค่อยๆลดลงตามเวลาที่หนังเดินไปข้างหน้าก็ย่อมตามมาด้วยความผิดหวังของคนดู
..... The Ring Two มีจุดเด่นอยู่ในหลายๆตอนที่ Hideo Nakata ทำออกมาได้ดีเสียดายที่ไม่ใช่กับหนังทั้งเรื่อง เช่น
ฉากกวาง เป็นฉากหนึ่งที่บรรยากาศดูหลอนๆไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ น่ากลัวและสมจริง หรือ
ฉากหมอฉีดยา ที่ทำให้ออกมานิ่งน่าตกใจ เนื้อเรื่องที่หนังสร้างออกมาเป็นภาค 2 ก็เป็นพล็อตที่น่าสนใจ (เด็กที่ถูกแม่ทำร้าย ความโหยหาแม่ ความรู้สึกแบบ ambivalent คือทั้งรักและทั้งเกลียดแม่ และพยายามหาตัวแทนความเป็นแม่เพื่อที่จะได้อยู่เป็นลูก) เพียงแต่ว่าถ้าใครได้ดู Dark Water ต้นฉบับ จะพบว่ามันคล้ายคลึงกันค่อนข้างมากในแง่
ผีเด็กหิวรักอยากได้แม่ จนน่าสงสารถ้า Dark Waterฉบับ Remake ออกมาฉายแล้วจะถูกครหาว่าเนื้อหาไม่ต่างกัน
สิ่งที่ชอบ1.ฉากกวาง....หลอน สมจริง น่ากลัวกว่าซามาร่าด้วยซ้ำ
2.ประโยค Im not your _ucking mommy
..น่าจะเป็นประโยคเด็ดสุดของหนัง ได้จังหวะ ได้อารมณ์ ได้ความสะใจ(เพราะรำคาญยายซามาร่าอยู่เหมือนกัน mommyๆๆอยู่ทั้งเรื่อง)
3. David Dorfman
..... เป็นส่วนที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดีขึ้นมามากโข กับการแสดงที่ทำให้เห็นความแตกต่างของเด็กผี และ เด็กราเชล ทั้งสีหน้า แววตา การขยับตัวท่าทาง ชวนให้คิดไปถึงเด็กผีที่เป็นตำนานความคลาสสิคในThe Omen และที่สำคัญน่ากลัวกว่าซามาร่าเช่นกัน
4.Naomi Watts....อันนี้ความชอบส่วนตัวครับ55 ในเรื่องนี้แค่ได้เห็นเธออยู่บนจอก็ทำให้หนังก็ดูดีและน่าดูอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่ไม่ชอบ1.ความสยองที่หดหาย.... ไม่ว่าจะเป็นสยองแบบโฉ่งฉ่างชนิดเสียงดังตกใจหนังก็ไม่มีให้เห็น หรือจะเป็นสยองเงียบกดดันหนังก็ไม่ทำออกมาให้รู้สึกได้ เป็นความสยองแบบบางเบาเท่านั้น
2.ซามาร่าที่ถดถอย
.....ดังที่บอกข้างต้น กวาง กับ Aidan ยังน่ากลัวกว่า
3.ความเป็นThe Ringที่เหือดแห้ง
..ถึงแม้นิยายทั้ง 4 เล่ม, Ringu, Ringu 0, The Ring (Remake) จะมีความแตกต่างกัน แต่เมื่อจับมารวมกลุ่มกันผมยังรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นตระกูลเดียวกัน คือเชื่อมโยงกันได้และมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่กับ The Ring Two ผมกลับรู้สึกเหมือนเป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่เข้าพวก หนังไม่ได้ถึงขั้นเลวร้าย แต่หนังเองก็ไม่สามารถดีไปทางไหนซักทาง ความสนุกดูจะเป็นมาจากการตามล่าหาตัวจริงซามาร่ามากกว่า (ในส่วนนี้ภาคแรกทำได้สยองกว่าและอธิบายได้ดีกว่าอีกต่างหาก)
สรุป...ไม่ถึงขั้นเสียดายตังค์ที่เสียไปให้กับโรงสยามรอบ18.30น.วันนี้ เพราะหนังก็ดูได้เรื่อยๆไม่น่าเบื่อ สำหรับคนดูที่เริ่มดูภาคนี้เป็นตอนแรกอาจจะพึงพอใจ แต่ถ้าได้ดูฉบับ Remake ภาคแรกมาก่อน อาจจะพบว่าภาคนี้ทำได้ไม่ดีเท่าภาคแรกซักทางไม่ว่าจะเป็นความสนุกหรือความสยอง และสำหรับแฟนพันธุ์แท้ TheRing ผมคนหนึ่งที่รู้สึกว่านี่เป็นการ Remake ที่ไม่สมศักดิ์ศรีต้นตระกูลThe Ring อันยิ่งใหญ่เลย
ปล....ตัวอย่าง Don't move ทำให้ความคิดที่จะไม่ดูเพราะได้ยินว่าไม่ดีนักต้องเปลี่ยนไป ทั้งการเปลี่ยนฉากแบบเลื่อนออกด้านข้างกับเพลงประกอบที่เพราะเหลือเกิน แต่คงต้องเป็นหลังจากไป Crying out for love กับ ผีบุปผาและเจอกับ Tokyo Godfatherก่อน
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
=)