Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว


...Volver อาจจะเป็นหนังของ “ป้า” ที่ใครๆเขาเรียกกัน แต่ สำหรับผมหนังเรื่องนี้ “ป๋า” มาก

จากหนังตัวอย่าง หรือ อ่านแค่เรื่องย่อ หนังดูเหมือนจะหนัก หนังดูเหมือนจะยาก แต่ คนที่มีความสามารถอย่างเปโดร อัลโมโดวาร์ พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า คนเก่งจริงคือคนที่ทำของยากให้ออกมาดูง่ายๆ คนที่เล่าเรื่องซีเครียดแต่ก็ยังสอดแทรกอารมณ์ขัน เปรี้ยวจี๊ดเข็ดมัน ผสมผสานในหนังได้อย่างกลมกล่อม เขาสามารถทำสิ่งที่เข้าใจยาก ทำความอาร์ตอย่างที่คนทั่วไปเขาเรียกกัน ให้ออกมาเป็น อาหารย่อยง่ายเข้าถึงได้ทุกกลุ่มคนดู


บางสิ่งในหนังของเขาทำให้ผมคิดถึง เฮียมาโนช M. Night Shyamalan

ทั้งสองคนนี้ มีสารหรือเนื้อความที่อยากจะบอกผ่านหนัง แต่ไม่ขอเล่าแบบตรงไปตรงมา อาจจะกลัวว่า ถ้าเล่าตรงๆจะดู บ้านๆ ซ้ำซากจำเจ


M. Night Shyamalan จึงเลือกที่จะ สอดไส้เนื้อความปรัชญา ผ่าน หนังผี หนังสัตว์ประหลาด หนังซูเปอร์ฮีโร่ หรือ มนุษย์ต่างดาว เช่น อยากจะบอกถึงเรื่อง ความศรัทธา ก็ดันเอามนุษย์ต่างดาวโผล่มาให้คนดูอึ้ง อยากจะเล่าเรื่องปรัชญาความดีความชั่ว ก็ส่งตัวประหลาดขนดกมาวิ่งเล่นในหมู่บ้านให้คนตกใจเล่น ส่วน เปโดร อัลโมโดวาร์ เลือกที่จะเล่าเนื้อหาธรรมดาปัญหาในสังคม ผ่านลูกเล่นลีลาที่จัดจ้าน บวกเทคนิคในการนำเสนอกับตัวบทที่แพรวพราว

Volver (ผมหลงอ่าน โวลเว่อร์ ซะตั้งนาน จนไปเจอว่า ต้องอ่าน วอลแวร์ และก็ แหะๆ ยังผิดอยู่ดี ต้องขอบคุณ คุณ absent-minded จากพันทิป และ ความเห็น 10 ในบล็อก ที่ช่วยมาบอกการอ่านที่ถูกต้องแล้วครับว่าต้องอ่าน "โบล-เบร์" ครับ (ตัว r กระดกลิ้นเล็กน้อย) ) ก็เช่นกัน หน้าหนังหลอกให้ตายใจคิดไปว่า มันก็แค่ หนังความสัมพันธ์แม่ลูก แต่ กลับเป็นว่า ผู้กำกับของเราไม่ได้มีสารที่อยากจะสื่อแค่นั้น

หนังเล่าเรื่องราวคู่ขนานสองเหตุการณ์



เรื่องที่หนึ่ง ... เริ่มต้นจาก ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองในครอบครัวของไรมุนด้า นางเอกของเรื่อง แถมหัวหน้าครอบครัวอย่าง ปาโก้ สามีของ ไรมุนด้า ก็ดันมาตกงาน ความเลวร้ายที่ตามมาอย่างไม่คาดฝัน คือ การฆาตกรรมภายในครัว เมื่อ ปาโก้ หวังจะเคลมลูกสาววัยรุ่นของไรมุนด้า ลูกสาวเธอจึงป้องกันตัวด้วยการแทงซวบเข้าที่พุง แม่อย่าง ไรมุนด้า พยายามที่จะกลบเกลื่อนหลักฐาน และ หาทางหาเงินมาเจือจุนครอบครัวด้วยการเปิดร้านอาหาร พร้อมกับอำพรางศพไว้ในตู้แช่ซึ่งพร้อมจะมีคนมาเปิดได้ทุกขณะจิต

ความตาย นำมาซึ่ง ความลับ ที่ถูกปิดเงียบมาเนิ่นนาน เมื่อลูกสาวของไรมุนด้า ถามว่า ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้กับเธอ แล้วไรมุนด้าตอบว่า ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อที่แท้จริง

ความลับที่ในเรื่องที่หนึ่ง มีความเชื่อมโยง กับ เหตุการณ์ในเรื่องที่สอง



เรื่องที่สอง ... เริ่มต้นจาก น้องสาวของไรมุนด้า พบเหตุการณ์เหลือเชื่อ เมื่อ ผีแม่ที่ตายไปตอนสี่ปีที่แล้ว โผล่มาให้เห็นตัวเป็นๆจับต้องได้ และ เหตุการณ์โอละแม่ เมื่อ วิญญาณแม่เข้ามาอาศัยในร้านปลอมตัวเป็นลูกจ้างชาวรัสเซีย เรียกเสียงยิ้มขำขันจากคนดู ภาระของตัวน้องสาว คือ ต้องคอยแอบซ่อนไม่ให้ ไรมุนด้า รู้ว่า แม่กลับมาแล้ว



... จุดเชื่อมโยงของทั้งสองเหตุการณ์นี้อยู่ตรงที่ ความไม่เข้าใจกัน ของ แม่และไรมุนด้า สะท้อนผ่านประโยคที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่ คือ การที่ลูกสาวไม่รักตัวเอง”

น่าเศร้าที่ช่วงเวลาสิบปีของสองแม่ลูก ต้องเก็บความทุกข์ความเจ็บปวด เพียงเพราะ มีที่มาจาก ความลับ ที่ถูกเก็บงำ

ปัญหาที่เราเห็นจากสองเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็น การฆาตกรรม หรือ วิญญาณแม่ที่กลับมา ล้วน เป็นผลลัพธ์ของการถูกกระทำ ซึ่งหนังไม่ลังเลใจที่จะบอกว่า ต้นเหตุของทั้งสองเหตุการณ์ล้วนมาจาก ความบัดซบเสื่อมโทรมในสังคม โดย ฝีมือผู้ชาย

เปโดร สร้างภาพ ผู้ชาย ในเรื่องนี้ไว้ให้เป็นผู้ร้ายอย่างชัดเจน เพราะ ในหนังเรื่องนี้ มีผู้ชายสำคัญอยู่สองคน และทั้งสองคนก็ราวกับเดินออกมาจากหนังสือ ผู้ชายเลวกว่าหมา ของกาละแมร์

ผู้ชายสองคน เป็น ต้นตอของเรื่องเลวร้ายของสองเหตุการณ์ ทั้งในอดีต และ ปัจจุบัน

... เมื่อปริศนาถูกไขออกมา เราก็จะไม่แปลกใจว่า ทำไมไรมุนด้าจึงทำใจยอมรับได้เร็วปานนั้นเมื่อเห็นสามีตาย

คำตอบคือ เพราะ เหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้ย้อนกลับ(flashback)ไปพบกับอดีตอันเจ็บปวด ไม่น่าจดจำ เมื่อภาพคนสองคนมาซ้อนทับกันให้เห็นเป็น

สามี = พ่อ = ผู้ชายเลวๆ


ลูกสาวของเธอเกือบจะต้องตกในสภาพเดียวกับเธอ และ หากลูกสาวเธอไม่ป้องกันตัวด้วยการแทงซวบ ไม่แน่ว่า สุดท้ายแล้ว ความขัดแย้งไม่เข้าใจ ก็อาจจะต้องสืบทอดต่อจากรุ่นเธอมายังรุ่นลูก และ ไรมุนด้าเองก็อาจต้องเปลี่ยนบทบาทจาก ลูกสาวที่แม่ไม่เคยเอะใจ มารับบท แม่ที่ไม่เคยรู้ความจริงเสียเอง

... สภาพครอบครัวในหนังเรื่องนี้ ชวนให้ผมคิดถึง Curse of the Golden Flower ที่เพิ่งฉายบ้านเราไปไม่นาน ซึ่งตอกย้ำให้ได้เห็นว่า ปัญหาความเน่าหนอนฟอนเฟะภายในครอบครัว ชนิดที่เราคิดว่ามีแต่ในนิยายนั้น เกิดขึ้นและมีอยู่จริงไม่เว้นว่าจะเป็นชนชาติใดไทย จีน ฝรั่ง สเปน ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ยังมีกระจัดกระจายทุกแห่งหน

... นอกจาก ปัญหาสังคมที่หนังสอดไส้เข้ามา หนังยังสะท้อน ปัญหาความสัมพันธ์ของ แม่ลูก ซึ่งเป็นสภาวะของคนสองคนยังรักกัน แต่ กลับทอดระยะห่างและโกรธขึ้งต่อกัน เพราะ การมองแต่ละฝ่ายเพียงแค่ ภาพภายนอก ผ่าน สายตาและความคิดของตัวเอง

เพราะไม่ได้เปิดใจพูดคุย ทั้งไรมุนด้า กับ แม่ จึงมองเห็นอีกฝ่าย แค่ ‘พฤติกรรม’ และ ‘ความรู้สึก’

จากมุมของ ไรมุนด้า


...ไรมุนด้า ตัดสิน แม่ จาก พฤติกรรม(behaviour)ที่ไม่เอะใจในความเป็นไปและการเปลี่ยนแปลงของเธอ

ไรมุนด้า โกรธและผิดหวังแม่ตลอดเวลา เธอมีภาพ(perception)ว่า แม่คือคนที่ไม่เคยเข้าใจ สิ่งที่เธอต้องการ(yearning)จากแม่คือ ความรักและเข้าอกเข้าใจ เข้ามาช่วยเหลือเธอ

เธอเองไม่ทันได้รับรู้ว่า แม่เองก็ต้องการ ความรักความเข้าใจ จากเธอเช่นเดียวกัน

จากมุมของแม่


...แม่ไม่เข้าใจ สิ่งที่ ไรมุนด้าคิด สิ่งที่เธอ มองเห็น ไรมุนด้า มีแต่ อารมณ์โกรธ(feeling) และ พฤติกรรม(behaviour)ทำตัวเหินห่าง

เธอจึงยิ่งโกรธลูก ยิ่งเจ็บปวด และยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมลูกสาวถึงทิ้งห่างทำตัวเสมือนไม่รักแม่

ต่างฝ่ายก็ต่างผิดหวัง เพราะ ความคาดหวังที่มีต่ออีกคน ต่างเจ็บปวด เพราะ ต่างฝ่ายก็แปลความจากสิ่งที่รับรู้ในมุมของตัวเอง

...หากเปิดใจ พูดคุยกัน ทั้ง ไรมุนด้าและแม่ก็จะพบว่า สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการเพื่อมาเยียวยาแผลในใจ คือ ความรักความห่วงใยจากอีกคน แต่เพราะ การไม่เปิดใจ เวลาแห่งความโกรธจึงทอดระยะไปแสนเนิ่นนาน



...Volver แปลว่า การหวนคืนกลับมา ในตอนแรกนั่นอาจหมายถึง ตัวแม่ที่เสียชีวิตไป และ ในท้ายที่สุดน่าจะหมายถึง ความรัก ที่เคยสูญเสียไปของแม่ลูกคู่นี้นั่นเอง

...ทั้งสองคนยังโชคดี ที่บทหนังเขียนให้แม่ลูกกลับมาพบกัน ปมที่ผูกไว้อย่างแน่นเหนียวก็ได้มาคลี่คลาย ภารกิจที่คั่งค้างอยู่ก็ได้มาจัดการให้จบลง

แต่ในโลกความจริง บทชีวิตไม่ได้เขียนเช่นนั้น หลายคู่ ต้องทะเลาะต้องจากกันไปตลอดกาล โดยไม่มีโอกาสพูดหรือแม้แต่จะแก้ตัว เพียงเพราะทิฐิ หรือ เพียงแค่ ความไม่เข้าใจ ทำให้ ภารกิจที่ติดค้างในใจ (unfinished business) ของคนสองคน คนหนึ่งต้องแบกมันไปปรโลก ส่วนอีกคนหนึ่งก็ต้องแบกอย่างทุกข์ทรมานตราบที่ยังมีชีวิต

คุณเองเป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า ?

... ดูหนังเรื่องนี้จบอยากจะรีบหาซื้อเสื้อ "ฉลาด" จากหนังของยุทธเลิศ ส่ง EMS ไปให้ เปโดร อัลโมโดวาร์ ใส่เสียเหลือเกิน เขาทำให้เราสามารถขำได้เป็นระยะๆทั้งที่เนื้อหาของหนังไม่ใช่เรื่องราวเบาสมอง เขาผูกเรื่องหลายๆส่วนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พล็อตหลักๆสองพล็อต หรือ พล็อตปลีกย่อยอย่างเรื่องของเพื่อนบ้านที่ตามหาแม่ ก่อนจะนำมาคลี่คลายให้มาบรรจบกันในตอนท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม

ผมเองเคยดูแต่หนังของเขาแค่สองเรื่องคือ Tie Me Up! Tie Me Down! และ หนังใหม่ที่ได้ดูจากแผ่นปีก่อนก็คือ Talk to Her ซึ่งดูจบมันทำให้ผมอึ้งถึงความอัจฉริยะของผู้กำกับได้เป็นอย่างดี หนังซับซ้อนทางความคิด แต่ ผู้กำกับกลับสามารถนำเสนอให้ออกมาดูง่ายๆ ไม่โชว์เหนือชนิดดูไม่รู้เรื่อง และพอผมดู Volver จบลง ยิ่งทำให้ผมอยากกลับไปค้นผลงานเก่าๆ มาดูให้หายอยาก

จากการมีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ เพเนโลปี ครูซ น่าจะได้รู้ตัวแล้วว่า การเลือกจับคู่ผู้กำกับที่เข้าใจตัวตนของนักแสดง มีส่วนช่วยให้นักแสดงคนนั้นได้ฉายความสามารถสมศักดิ์ศรี เพราะจากผลงาน หลายต่อหลายเรื่องในฮอลลีวูด เธอมีค่าเป็นแค่นักแสดงอกอึ๋มหน้าสวยเข้มสไตล์ละติน หนังฮอลลีวูดน้อยเรื่องที่คนดูจะรู้จักเธอและยอมรับจากฝีมือการแสดง



แต่เมื่อไหร่ที่เธอกลับมาร่วมงานกับ เปโดร อัลโมโดวาร์ หรือ หันไปหา หนังบ้านเกิดดีๆซักเรื่อง เธอจะสามารถปล่อยพลังลมปราณทางการแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่า น่าแปลกตรง แม้เราจะฟังเธอพูดหรือร้องเพลงผ่านภาษาสเปน ที่ฟังแล้วแปลไม่ออก แต่มันกลับรื่นหูกว่า เวลาฟังเธอพูดภาษาอังกฤษในหนังฮอลลีวูดมากนัก

สิ่งที่ชอบ

1.การกำกับและเขียนบท ... อัจฉริยะ , เทพ ,เซียน ,ป๋า ฯลฯ

2.เพเนโลปี ครูซ ... แสดงดีมีเสน่ห์

สรุป ... ไม่ควรพลาด หนังสเปน เรื่องนี้ ลองดูหนังนอกฮอลลีวูดสักที แล้วจะพบว่า หนังล่ารางวัลไม่ได้ดูยากอย่างที่เคยคิดไว้







ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไปแว้ว)
เดือนแห่งความรัก มอบ"หนังสือรัก"แด่คนที่คุณรัก ฮิ้ววว






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป



Create Date : 13 มีนาคม 2550
Last Update : 14 มีนาคม 2550 0:50:36 น.
Counter : 3287 Pageviews.

22 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
โอ้ววว เย้ อุวะฮะฮะ Blog กลับมาแล้วคร้าบ คิดถึงเพื่อนผู้อ่านที่ซู้ดดดด

ช่วงนี้หลังจากหายหน้าไปเป็นอาทิตย์ เพราะ ทาง Bloggang จัดการปรับปรุงระบบใหม่ ทำให้ ไม่สามารถเขียนหรือตอบ Comment ได้เลย

แต่ ณ.บัดนาว

Blog กลับมาแว้ววว

ต้องขออภัยที่ช่วงอาทิตย์นี้ เพื่อนๆจะได้อ่าน Blog ชนิดติดๆกันเป็นเทอร์โบไปหน่อย เพราะ อัดอั้นมานาน เขียนเก็บไว้รอ blog กลับมา

ขอประเดิม ด้วย Volver ซึ่งช่างเหมาะสม กับ การกลับมาของ Blog มาก

เพราะ Volver ก็มีความหมายว่า การกลับมา

แล้วมาตะลุยคุยกันต่อที่ หน้าแรก นะครับ
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:0:41:01 น.
  
พี่ยังไม่ได้ดู Bad Education เหรอครับ?
เรื่องนี้นี่มาสเตอร์พีซของป้าเลย (ส่วน Tie Me Up นี่ผมไม่รู้จะหาที่ไหน - -)

เรื่องนี้นี่เพเนโลปีเล่นได้ดีกว่าที่เห็นในฮอลลีวู้ด เยอะ มากครับ... (มีช่วงหนึ่งที่รังเกียจเธอเพราะเห็นว่าเธอเอาแต่เป็นข่าวกับทอม ครูซอยู่นั่นแหละ ไม่เห็นจะเก่งตรงไหน) สมควรแล้วที่กลับมาเล่นหนังบ้านเกิดซะที
(สงสัยจะเหมือนโจวเหวินฟะ)

สำหรับ Volver เป็นหนังดีเรื่องหนึ่งครับ แต่ยังไม่ดีขนาดที่ชอบมากๆๆ อาจจะเพราะว่าได้ดูเรื่องที่เยี่ยมกว่าอย่าง Bad Education มาแล้ว ก็เลยคาดหวังเยอะไปนี้ดดดดนึง

***ห้ามลืม Tag โฮก! นะครับ***
โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:0:59:18 น.
  
คิดถึงเช่นกันค่ะ


แต่มาถามนิดหนึ่ง เอารูปลงนี่ อัพโหลดจากเครื่องหรือเปล่าคะ

ทำไมเราทำไม่ได้ง่ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:9:16:11 น.
  
แล้วเรื่อง Volver มันเข้าฉายอยู่หรือเปล่าค่ะ หรือว่าต้องไปหาซื้อแผ่นมาดูคะ อยากดูมากๆเลย
โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:9:22:21 น.
  
ตั้งใจจะดูค่ะเรื่องนี้ ขอ save ไว้อ่านตอนที่ดูจบแล้วนะ
โดย: bua ja วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:10:01:36 น.
  
nanoguy ... แท็กโฮก โฮ่ๆๆ ขอเวลาซักกะหน่อยครับ

สาวไกด์ใจซื่อ ...อัพจากเครื่องลงไปครับ ลองดูอีกรอบนะครับ อาจเป็นช่วงเวลา เพราะผมก็เคยเป็นเหมือนกัน

คนเลวที่แสนดี ... ที่ลิโด้ยังฉายอยู่นะครับ ส่วนโรงอื่นไม่แน่ใจ เพราะหนังเข้าเยอะเหลือเกินช่วงนี้

bua ja ... เซฟไว้รออ่านเลยจ้า

... ชะเอิงเอยดีใจ คึกคัก blog กลับมา
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:10:28:07 น.
  
+ สำหรับหนังของ 'ป้า' ผมมีโอกาสได้ดูเรื่องแรกคือ Talk to her ในเวอร์ชันพูดสแปนนิช แบบไม่มีซับฯ!!! (เป็นความผิดพลาดของการส่งฟิล์มของงาน BKK.IFF.) ... ขนาดไม่เข้าใจที่เค้าพูดกันเลย ก็ยังอึ้งและทึ่ง กับไอเดียบรรเจิดของป้าซะเหลือเกิน ... และยิ่งได้อ่านผลงานเก่าๆ ก็ยิ่งอยากย้อนกลับไปดูหนังเก่าๆ ของป้ามากขึ้น
+ เรื่องถัดมา น่าจะเป็น Bad education ซึ่งถึงแม้พล็อตจะซับซ้อนไปนิด แต่ก็ดู 'เหนือ' อยู่ดี ในความรู้สึกผม ... และช่างโชคดี ที่วันนึงโรงหนังเฮาส์ร่วมกับหนังสืออะไรซักอย่างจัดฉายหนังฟรี เรื่อง "All about my mother" หนังเรื่องที่ทำให้ป้าโกอินเตอร์ ได้รางวัลเพียบ มีชื่อเสียงในระดับสากลจนทุกวันนี้ (มีเพเนโลปี้แสดงด้วย) ... และก็ไม่ผิดหวังเลยครับ ... ผมว่าที่ผมได้ดูป้ามา 4 เรื่อง (รวม Volver ด้วย) ผมชอบ All about my mother มากที่สุดแล้วนะ ดูไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากเกินไป ดูสนุก และที่สำคัญ ตัวละครบ้าบอคอแตกที่มักปรากฎตัวอยู่ในหนังเก่าๆ ของป้า ก็มากันเพียบ อาทิเช่น กะเทยแปลงเพศ (ที่ไปทำผู้หญิงท้อง), แม่ชีที่ท้อง, โสเภณีบ้าเซ็กซ์ ฯลฯ ... ถ้ามีโอกาสลองหามาดูกันนะครับ

+ สำหรับ Volver ... ผมว่านี่เป็นหนังของ อัลโมโดวาร์ ฉบับ Lite Version ... ถึงแม้หน้าหนังจะเป็น Drama/Comedy ... แต่ในเนื้อเรื่องก็มีความแรงและมืดหม่น(ตามสไตล์ป้า) แฝงไว้อยู่ดี รวมทั้งความเป็น 'เฟมินิสต์' ด้วย (จะสังเกตว่าในหนังป้า ผู้ชายปกติที่เป็นคนดี มักไม่ค่อยปรากฎเท่าไหร่) ... ถ้าเทียบกับเรื่องก่อนๆ เรื่องนี้ถูกเกลาบทมาให้ เบาลง ซับซ้อนน้อยลง เนียนขึ้น และที่สำคัญคือจบแบบมีความหวัง (หรือนุ่มละมุน - ที่ผมเรียกว่า 'soft landing' นั่นแหละครับ) ... และดูง่ายกว่าเรื่องก่อนๆ อยู่เป็นอันมาก
+ เรื่องนี้เป็นการประชันระหว่าง ขวัญใจรุ่นก่อน (คาร์เมน เมารา) และรุ่นปัจจุบัน (เพเนโลปี้ ครูซ) ของป้า ... ซึ่ง Volver อาจสื่อความได้ถึง การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของป้า กับ คาร์เมน เมารา (ซึ่งเคยแตกหักกันไปพักใหญ่ๆ) อีกด้วย ... ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เธอทั้ง 2 ประชันบทบาทกันอย่างสนุก รวมทั้งตัวประกอบคนอื่นๆ ทุกคนด้วย
+ ธีมที่เด่นชัดอีกอย่างของเรื่องนี้คือ การไถ่บาป หรือการกลับย้อนมาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต ... ซึ่งไม่ค่อยเคยเห็นป้าจะมาโทนนุ่มแบบนี้ซักเท่าไหร่ ... และตอนแรกผมก็ยังสงสัยว่าป้าจะหา 'ที่ลง' แบบเป็นเหตุเป็นผล ให้กับ 'วิญญาณแม่' ได้อย่างไร ... แต่สุดท้ายเธอก็ทำได้จริงๆ แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ 3 แปะครับ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:12:08:51 น.
  
ตอนแรกผมดู ผมนึกว่าหนังจะมีอารมณ์แบบ magical Realism ไปโทน ๆ หนังเหนือจริงเสียอีก

ก็มีอย่างที่ไหน คุณแม่ตายไปแล้วกลับมาหา

แต่ก็ผมว่าเจอหลอกเสียเต็มคราบ 5555 อัลโมโดวาร์ฝีมือไม่ตกเลยครับ หนังดูสนุกมากแถมสิ่งที่ต้องการเล่าก็ยังเข้มข้นเหมือนเดิม
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:12:24:00 น.
  
ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ
ดูแล้วคิดถึงแม่ ^^
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:13:12:07 น.
  
Volver ในภาษาสเปนอ่านว่า โบล-เบร์ ครับ

ตัว V ออกเสียงเป็นเหมือนตัว บ ในภาษาไทย
ถ้าออกเป็น ว ต้องเป็นประเทศแถบลาตินอเมริกาครับผม
โดย: แอบมาอ่าน IP: 161.200.255.162 วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:13:54:34 น.
  
ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้เลยครับ มาอ่านก่อน แต่สำหรับผู้กำกับคนนี้ ผมเคยดูเรื่อง Bad Education มาก่อนน่ะครับ อึ้ง ทึ่ง เสียววาบๆ อ้าปากค้างในความช็อกเป็นระยะ และสนุกมากในการผูกเรื่อง ทำให้ตอนจบ ผมเอ๋อรับประทาน + ทึ่งในความสามารถของผู้กำกับและนักแสดงสุดๆ

สำหรับเรื่องนี้ ผมอาจจะต้องรอแผ่นแล้วแหงๆ ครับ
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:13:58:05 น.
  
อาจจากเรื่องเหมือนมันจะซีเรียสเลยนะคะ

ดูจากภาพเพเนโลเป้ สวยมากเลย
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:14:45:41 น.
  
โอ้ว ผมชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพเนโลปี้แสดงได้ดีมากๆครับ ดูเป็นเฟมินิสต์ดี มีแอบขำ แอบเศร้า คอยเอาใจช่วยสาวๆทุกคนในเรื่องตลอดเลย ประทับใจแม่ของนางเอกมากๆ
โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:22:56:12 น.
  
ทำไมเรียก ผกก.ว่า "ป้า"ครับ

ไม่เกท

ไม่เคยดูงานของแกเลยครับ เห็นภาพตัวอย่างของ talk to her ที่ดูเหนือๆ เลยกลัวดูไม่รู้เรื่อง

ลองซักหน่อยละกัน เริ่มจากเรื่องนี้ล่ะ
โดย: จอมผีดิบมันตรัย IP: 125.27.20.17 วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:0:52:31 น.
  

ดูซับอังกฤษครับ

เลยมึนๆ

เเต่ก็เข้าใจในภาษาหนัง

พอมาอ่านริวิวของคุณ
ก็ทำให้หายคล่องใจมากขึ้น

**คุณสงสัยไหม**เหมือนผมไหม

ทำไมเเต่ก่อนเพเนโลเป้ หน้าอกไม่ใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยน่ะ

เเปลกดีหน้าเล็กหน้าอกใหญ่

เเต่ผมชอบ tutumamatabien ของเปโดร โมวามากสุดครับ

เพี้ยนเเละเข้าถึงดี
ตอนจบก็เจ็บเเสบเหลือเกิน
โดย: moderato (moderato ) วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:0:55:17 น.
  
เออ คุณ เปน นักวิจารหนังหรือป่าวครับ

หรือทำหนังสือเกี่ยวกะหนังป่าวครับ

ผมสนใจอาชีพนี้อ่ะครับ

ช่วยมาตอบในบลอคผมก็ได้น่ะครับ(ถ้าสะดวก)

โดย: moderato (moderato ) วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:1:02:48 น.
  
[mode ช่วยตอบ] :
#10 คุณแอบมาอ่าน : เห็นหนังสือบางเล่มเขียนไว้แบบนั้นเช่นกันครับ ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ย ... วันหลังต้องไปเรียนภาษาสเปนซะแล้น

#14 คุณจอมผีดิบมันตรัย : ที่เค้า (หมายถึงทั่วๆ ไป แม้แต่ในนิตยสารหนังก็ตาม) เรียกเปโดร อัลโมโดวาร์ว่า ป้า หรือ เจ้าป้า เนี่ย ... เนื่องจากเปโดรเค้ายอมรับโดยเปิดเผยว่าเค้าเป็นเกย์น่ะครับ และหนังแต่ละเรื่องของเค้าก็ค่อนข้างจะเชิดชูเพศหญิง, มองเพศชายในแง่ร้าย, มีตัวละครบ้าบอคอแตกที่มีพฤติกรรมเพี้ยนหลุดโลก, มืดหม่นหรือมีประเด็นทางสังคมที่หนักหน่วง ฯลฯ ... มันก็เลยกลายเป็น 'ลายเซ็น' สำหรับหนังของเค้าไปในที่สุด ... เมื่อหนังทุกเรื่องของเค้ามีสีสันจัดจ้านซะขนาดนี้ ... ผู้คนก็เลยรักที่จะเหน็บแหนม ... เอ๊ยหยอกเอินว่าเค้าเป็น 'เจ้าป้า' อ่ะครับ เหอะๆ
... และก็คิดถูกแล้วล่ะครับ ที่จะดูหนังของป้าโดยเริ่มจากหนังเรื่องนี้ เพราะดูง่ายที่สุดแล้วใน 4 เรื่องของป้าที่ผมเคยดูมา

#15 คุณ moderato : สำหรับหน่มน้ม ของเพเนโลปี้ อาจเป็นที่ชุดด้วยมั้งครับ เลยทำให้ดูอึ๋มขึ้นในเรื่องนี้ (จริงๆ เธอคงอึ๋มอยู่แล้ว)
... และเรื่อง tutumamatabien ที่เขียนไว้นี่ หมายถึง Y Tu Mama' Tambie'n รึเปล่าครับ? ... ถ้าเป็นเรื่องนั้น ผกก.คือ อัลฟองโซ คัวรอง นะครับ มิใช่ 'ป้า' แต่อย่างใด ... ซึ่งผมก็ชอบเรื่องนี้เช่นกัน
#16 : คุณ จขบ. เค้าเป็นนักวิจารณ์หนัง ... ที่เดิมเคยเป็นสมัครเล่น แต่ตอนนี้น่าจะเป็นกึ่งสมัครเล่น (เขียนในบล็อคนี้) กึ่งอาชีพ (ส่งบทความลงนิตยสารหลายฉบับอยู่เนืองๆ) แล้วนะครับ ... ส่วนหนังสือเกี่ยวกับหนัง เค้าก็เคยรวมเล่มตีพิมพ์แล้ว 1 เล่ม ชื่อ "หนังสือรัก" ... ลองคลิกอ่านรายละเอียดที่ตัววิ่งข้างบนสุดของหน้านี้ หรือที่กรุ๊ปบล็อกอันล่างสุด ที่เป็นรูปหนังสือดูนะครับ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:10:25:47 น.
  
ชอบมากมายครับ หนังดูสนุก และภาพสีสวยมากๆ เหอะๆ เพิงรู้อ่ะคับว่าต้องอ่านว่า โบลเบร์ หลงออกเสียงว่า โวฟเวอร์ ตั้งนาน ปกติชอบหนังผู้หญิงๆ อยุ่แล้ว ความประทับใจ พอๆกับ ดิ อาวส์ และ อิน เฮอร์ ชูส์ เลยครับ
โดย: เบนนี่ทักกี้ IP: 125.24.159.157 วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:13:43:17 น.
  
พอดีไปดูในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ค่ะ ง่วงตั้งแต่ก่อนหนังฉาย ตอนดูนี่ต้องพยายามถ่างตาสุดชีวิตไม่ให้หลับ ทรมานชะมัด แต่ก็ยังมีแอบวูบเป็นพักๆ เลยทำให้ตามทันแค่เนื้อเรื่อง แต่ไม่มีสมาธิพอที่จะจมไปกับหนังน่ะค่ะ ทั้งที่จริงแล้วเราก็ว่าหนังดูสนุกและไม่น่าเบื่อนะคะ

ชอบอารมณ์และสีสันในเรื่องค่ะ เปรี้ยวดีจริงๆ แต่ส่วนตัวคิดว่าบทเฉลยเรื่องแม่เดาง่ายนะคะ พล็อตเหมือนนิยายสืบสวนทั่วไปเลยอ่ะ

คราวหน้าต้องหาทางดูหนังของ"เจ้าป้า"ตอนที่ไม่ง่วงใด้ค่ะ ตัวเองคงสนุกกว่านี้เยอะเลย
โดย: azzurrini วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:15:14:48 น.
  
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเป็นครั้งแรกค่ะ

ตอนที่ดูก็คิดเหมือนแบบนี้เหมือนกัน แต่อธิบายไม่ได้มันแบบนี้ค่ะ

ชอบจริงๆ
โดย: ,,,*[ - (@) - ]*,,, & ,,,^[ - (@) - ]^ IP: 203.154.52.94 วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:1:48:06 น.
  
อ่านชื่อหนังถูก ก็เพราะบล็อกนี้ล่ะค่ะ

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากเลยค่ะ คิดว่าแม่นางเอกเป็นผีจนถึงตอนเฉลย (นึกว่าเป็นแนว Magical Realism แฟนตาซีอะไรประมาณนั้นซะอีก) ภาพก็สวย ชอบมากเลย
แต่ดูจบแล้ว ถึงมันจะแฮปปี้เอนด์ แต่เราก็รู้สึกหดหู่อยู่ดี...อาจจะเป็นเพราะยังไง เนื้อเรื่องมันก็ไม่ได้ชวนให้รู้สึกสดชื่นล่ะมั้ง...
โดย: หงส์ IP: 58.10.167.10 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:1:31:22 น.
  
เพิ่งได้ดู หนังดีจัง
โดย: คนขับช้า วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:40:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด