The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก ![]() ![]() ใน ความลับ มี ความจริง ... กว่ายาแต่ละตัวจะออกมาวางตลาดให้เราได้ใช้กัน จำเป็นต้องผ่านกระบวนการวิจัยทดลองยา ตั้งแต่ทดลองในห้องแล็ป ทดลองในสัตว์ มาจนถึงทดลองในคน ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายก่อนที่ผู้ผลิตจะนำเสนอขออนุมัตินำยาออกมาใช้กับคนทั่วไป งานวิจัยทุกชิ้นจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาว่า กระบวนการวิจัยนั้นถูกต้องตามหลักจริยธรรมหรือไม่ เพราะถึงยานั้นอาจจะมีประโยชน์อเนกอนันต์ แต่หากยานั้นมีอันตราย หรือ มีการปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง การวิจัยชิ้นนั้นก็จำเป็นต้องหยุดและหาทางแก้ไข แต่บริษัทยา ไม่ใช่องค์กรการกุศล บางบริษัทจึงอาจคิดว่า หากมัวแต่รอการอนุมัติ หรือ มัวกลับไปแก้ไขเริ่มต้นใหม่ โอกาสที่จะกอบโกยจากการขายยาตัวนั้นก็จะสูญหายตามเวลาที่ยืดออกไป มันหมายถึงการสูญเสียมหาศาล ของบริษัทยา และ หุ้นส่วนที่รอคอยผลกำไรเมื่อยาออกมาวางตลาด วงเงินในธุรกิจสินค้ารักษาคนชิ้นนี้ มีมูลค่าตั้งแต่ร้อยล้านไปจนถึงพันล้าน มันจึงเป็นอาหารอันโอชะของเหล่านักการเมือง นักธุรกิจ ที่จ้องหาผลประโยชน์ร่วมจากมัน ฯลฯ ...ดังนั้นในยุคที่ผู้นำหรือคนในสังคมที่อยู่ภายใต้ระบอบทุนนิยม ผู้คนล้วนมองหาแต่ความสำเร็จและเงินทุน จริยธรรม จึงเป็น คำที่เริ่มถูกลืมเลือนไปจากสารบบอย่างง่ายดาย เพราะ คน อยากเห็นความก้าวหน้า อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เมื่อมีความสำเร็จรออยู่ปลายทาง จึงทำให้ คน ยอมเสียอะไรง่ายๆหรือแกล้งลืมบางอย่างไปเพื่อให้มันไปถึงได้เร็วขึ้น และ จริยธรรม คือ สิ่งที่ละลืมหรือมองข้ามได้ง่ายที่สุดเพราะมันเป็นสิ่งจับตัองไม่ได้ไม่มีตัวตน แต่ความเจริญก้าวหน้าโดยไม่มองข้ามจริยธรรม มันจะนำความสุขที่แท้จริงมาสู่สังคมได้จริงหรือ ในเมื่อความสำเร็จที่ได้มา มันคือ ความสำเร็จที่ละเลยคุณค่าของคุณธรรม และ ความเป็นมนุษย์ มันคือผลสำเร็จที่เห็นแต่ เงิน เป็นเป้าหมายเพียงอย่างเดียว ความสำเร็จที่ได้มานั้น อาจมาเร็วจริง แต่ย่อมอยู่ได้ไม่ยั่งยืน เพราะสุดท้ายก็จะถูกนายทุนหรือคนรุ่นใหม่ที่เรียนรู้จากการขาดจริยธรรม แก่งแย่งกอบโกยต่อไปไม่รู้จักจบจักสิ้น บริษัทยา KDH เลือกวิธี ทดลองยาตัวเองในดินแดนห่างไกล ที่ซึ่งไม่มีใครจะมาสนใจว่า งานทดลองนี้ผิดหลักจริยธรรมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ แอฟริกา ดินแดนที่ยังมีประชากรยากจนข้นแค้นจำนวนมาก และ มีอัตราการผู้ป่วยโรคเอดส์สูง(โรคเอดส์เป็นโรคที่ภูมิคุ้มกันจะต่ำลงและเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรคได้ง่าย เราพบผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นวัณโรคจำนวนมาก) กลายเป็น แหล่งทดลองยาชั้นดี ในการทดลองวิจัยยารักษาวัณโรคชื่อ Dypraxa ของบริษัท KDH เพราะอะไรพวกเขาจึงเลือกแอฟริกา ? .ในดินแดนที่เต็มไปด้วยคนป่วยที่ยากจนและไร้การศึกษา การได้รับยาฟรีย่อมดึงดูดให้พวกเขาเข้ามารับรักษา โดยไม่คิดมองหาข้อแม้ใดๆ เพราะหากไม่มาก็ได้แต่นอนรอความตายสถานเดียว พวกเขาเป็นเหมือนลูกนกที่ได้แต่อ้าปากรออาหารจากผู้เลี้ยง โดยไม่สามารถเรียกร้องต่อรอง และ หากจะเกิดปัญหาหรือเสียชีวิตไป ก็ไม่มีใครจะเหลียวแลสนใจ สำหรับเหล่านายทุน ที่นี่จึงเหมือนแดนสวรรค์ที่จะทดลองยาของตัวเองในมนุษย์ หากเกิดฤทธิ์ข้างเคียงหรือเกิดอันตราย ก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนคิดจะมาต่อสู้อยู่ดี คนจนจึงต้องตกเป็นเหยื่อของนายทุนในระบบทุนนิยมทุกยุคทุกสมัย แม้รู้ทั้งรู้ว่า โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี แต่เขาก็ยินดีมาต่อคิวเข้าแถวรับยาเหล่านั้น เพราะของฟรีที่เอามาแจกให้ มันย่อมดีกว่าไม่มีอะไรให้เอาไปใช้เลย Tessa Quayle (Rachel Weisz) ขอตาม Justin (Ralph Fiennes) คนรักของเธอไปแอฟริกาในฐานะภรรยา เธอค้นพบว่า เบื้องหลังการแจกจ่ายยาของบริษัท KDH มีบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ บริษัทยากับพวกพ้องใช้ความยากจนของคนไข้โรคเอดส์ชาวแอฟริกา เป็นเหยื่อทดลองยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงอันตรายถึงแก่ชีวิต ![]() ...ก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย Tessa ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมพร้อมชายหนุ่มผิวดำที่ถูกพาดหัวข่าวไว้ว่าเป็นชู้รักของเธอ ...Justin เดินตามรอยภรรยาเพื่อมาสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ ก่อนที่เขาจะถูกขู่คุกคาม และ ตกอยู่ในสถานะวิกฤติเดียวกับเธอ การต่อสู้ของเขาที่มีเขาอยู่เพียงคนเดียว กับ บริษัทยาและคนของรัฐบาลที่เหมือนกำแพงใหญ่คอยขัดขวาง บนดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเอง การต่อสู้ที่ไม่มีใครกล้าอาสาเป็นเพื่อนและเพื่อนที่มีอยู่ก็ไม่อาจไว้วางใจ ![]() ...หนทางเดียวที่ดูเหมือนเขาจะทำได้ดีที่สุดคือทิ้งการสืบสวนครั้งนี้ แล้วเอาชีวิตรอดกลับบ้านเกิดตัวเอง แต่ เขายังคงเลือกสู้แม้รู้ว่าไม่มีหนทาง ![]() ใน ความจริง มี ความรัก ความไว้วางใจ เป็น เสาหลักเสาหนึ่งของบ้านแห่งความรัก หากเสานี้ง่อนแง่นถูกกัดกร่อน ความรัก ก็มีโอกาสที่จะล่มสลายลงอย่างง่ายดาย ความไว้วางใจ และ ความเปิดเผยจริงใจ เป็นเหมือนสองทุ่นน้ำหนัก ที่คานน้ำหนักกันคนละด้านในสมดุลของความรัก สองสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการอยู่ร่วมกันของคนสองคน เพราะ หากคนหนึ่งใช้ชีวิตที่ปิดบังความจริง ทำอะไรหลบๆซ่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม มันย่อมส่งผลให้อีกคนเกิดความไม่ไว้วางใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกัน หากคนหนึ่งขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ขาดความมั่นใจในตัวคนรัก ต่อให้อีกฝ่ายจะเปิดเผยแค่ไหนความคลางแคลงใจ ความหวาดระแวงก็เกิดขึ้นได้วันยังค่ำ ...เธอ (Tessa Quayle) ![]() ![]() Tessa ต่อสู้และสืบค้นของเธอเพียงลำพัง สามีของเธอถูกกันเป็นคนนอกออกจากโลกของเธอ Justin ได้รับข่าวสารข้อมูลต่างๆนานาที่ชวนให้คิดว่า เธออาจลักลอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานที่ออกไปหาข้อมูลด้วยกัน ยิ่งบวกกับการที่เธอไม่เคยเปิดเผยในการกระทำ ยิ่งทำให้คู่ครองอย่าง Justin เกิดความระแวงสงสัยได้มากขึ้น หากเราเป็น Justin เราจะคงความเชื่อมั่นไว้ใจนี้ได้มากเพียงไร ความลับที่ถูกปิดบังจาก Tessa จะสั่นคลอนความไว้วางใจที่มีต่อกันได้หรือไม่ ? "Constant" มีความหมายถึง การคงที่สม่ำเสมอ The Constant Gardener ไม่ได้แค่หมายถึง ความเป็นคนสวนรักสงบที่คงเส้นคงวาของ Justin แต่ยังหมายถึง ความรัก ที่ Justin มีให้กับ Tessa อย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด Justin เคารพและเชื่อถือเธอ สนับสนุนเธอ และ รักเธอ นับตั้งแต่วันแรกที่พบกันจนถึงวันสุดท้ายที่เธอจากไป เขาไม่เคยคัดค้านในงานและความต้องการของเธอ ยกเว้นเพียงครั้งเดียว ในวันที่เธอกลับจากโรงพยาบาล เธอต้องการให้รับชาวแอฟริกันที่เธอรู้จักในโรงพยาบาล เธอต้องการให้เขาหยุดรถแวะรับเด็กๆเหล่านั้นพาไปส่งบ้าน ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางนานข้ามคืน แต่ เขาเห็นว่าสุขภาพของเธอสำคัญมากกว่า เขาจึงไม่รับเด็กๆเหล่านั้น ที่ผ่านมา Justin ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกระทำ เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเธอถึงยุ่งกับเรื่องของคนอื่นอยู่เสมอ ในฉากหนึ่งที่ Justin คงได้เรียนรู้และเข้าใจ Tessa โดยไม่ต้องมีคำอธิบาย คือ ฉากที่เขายืนยันให้เจ้าหน้าที่ UN บนเครื่องบิน รับเด็กแอฟริกันที่กำลังถูกคนตามสังหาร แต่ เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ ด้วยเหตุว่า มันไม่ใช่เรื่องของเรา และ เราต้องเอาตัวรอดกันก่อน ...น่าตลกดีที่เหล่าประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่ชอบทำตัวเป็นพระเอกในการก่อความรุนแรงและเป็นผู้ร้ายในกรณีต้องการความสงบ เพราะพวกเขาชอบยื่นมือมามีส่วนร่วมอย่างรวดเร็ว ในกรณีสงครามหรือการต่อสู้ของประเทศโลกที่สาม จนตามมาด้วยความรุนแรงที่มากขึ้นอยู่เสมอ เช่นใน Black hawk down แต่ในขณะที่ประเทศเหล่านั้นต้องการความช่วยเหลือ เช่นใน Hotel Rwanda หรือ ในเรื่องนี้ พวกเขากลับชักมือกลับมาแล้วยืนยันว่า มันไม่ใช่เรื่องของเรา Justin ไม่มีโอกาสได้รู้ความจริงในสิ่งที่ Tessa เก็บงำไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือ เรื่องความสัมพันธ์ จนเมื่อเธอตายจากไปและทิ้งไว้แค่จดหมายหนึ่งฉบับ จากจดหมายฉบับนั้นมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตัดสินใจสาวเส้นด้ายแห่งความจริง เพื่อค้นหาตัวจริงของภรรยา เพื่อแก้มลทินของเธอที่ถูกกล่าวหา เพื่อตามหาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัย เขาตามขุดคุ้ยจนพบความจริงที่ไม่ใช่แค่เรื่องทุจริตหรือเรื่องการเบียดเบียนสิทธิมนุษยชน แต่ยังเป็นความจริงของความรัก ...ความจริงที่ว่า ไม่ใช่เธอไม่เคยศรัทธาเขา ไม่ใช่เธอรักเขาน้อยลง ไม่ใช่เธอรักเขาน้อยกว่าเขารักเธอ แต่ความจริงแล้ว เขา คือ หลักการที่เธอยึดมั่นและศรัทธามาโดยตลอด และ ในทุกๆการกระทำที่ปิดบังไว้มันก็เพราะว่า เธอนั้นรักเขามากเหลือเกิน ทั้งสองคนอาจดูเหมือนมีความแตกต่าง ยืนกันอยู่คนละขั้ว แท้จริงแล้ว คนทั้งสองนั้นยืนอยู่บนจุดร่วมเดียวกันมาตลอดเพียงแค่แสดงออกมาคนละอย่างเท่านั้นเอง ![]() ...The Constant Gardener เป็นความพยายามผสมผสานสองโครงเรื่องหลัก ระหว่างเรื่องราวความรัก กับ เรื่องราวของจริยธรรมและสิทธิมนุษยชน ทั้งสองส่วนมีจุดเชื่อมโยงกันที่ การตายของ Tessa ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการคลี่คลายความเคลือบแคลงของสองโครงเรื่องนี้ และพาคนดูไปพบกับความจริง บทหนังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการนำสองโครงเรื่องนี้มารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ทั้งสองส่วนเดินเรื่องควบคู่กันไปอย่างกลมกลืน ดึงอารมณ์คนดูคล้อยตามได้เป็นอย่างดี ...ผู้กำกับ Fernando Meirelles จาก City of God คุมหนังทั้งเรื่องให้ออกมาอย่างหนักแน่นเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย ผมชอบการกำกับภาพและถ่ายภาพในเรื่อง ที่มีความหลากหลาย มีทั้งสมจริง ทั้งดิบ ทั้งปรุงแต่ง ทั้งเรียบง่าย และ หวือหวา แอฟริกาในหนังถูกถ่ายทำออกมาสมจริงอย่างมากจนเหมือนหนังสารคดี ภาพที่ออกมาทำให้เราสัมผัสถึงความรู้สึกยากจนข้นแค้นและแฝงอันตรายในทุกตารางเมตร แม้เนื้อหาจะไม่ได้ซับซ้อนเกินไปนักแต่ด้วยความที่หนังมีเนื้อหาอยู่มาก และ หนังไม่ได้ใช้เวลาอธิบายทำความเข้าใจรายละเอียดเหล่านั้น มันก็อาจทำให้คนดูเกิดอาการงงและตามไม่ทันได้ จึงอาจต้องอาศัยสมาธิติดตามเรื่องพอสมควร ...Ralph Fiennes เป็นตัวละครหลักที่ปรากฏตัวในหนังมากที่สุด แววตาที่มีความเศร้าตลอดเวลาของเขา ช่วยเสริมบุคลิกตัวเองตามบทได้ดี ส่วน Rachel Weisz แสดงความเป็นนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องประเภทสู้ไม่ถอย กัดไม่ปล่อย ได้อย่างมีพลัง ตัวบทที่เขียนไว้บวกกับการแสดงของเธอ ทำให้ บท Tessa มีความชัดเจนมาก เป็นคาแรกเตอร์ที่หนักแน่นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แปลกใจว่า เธอปรากฏออกมาในหนังแค่ไม่กี่ฉาก แต่หนังกลับเหมือนมีวิญญาณของเธอล่องลอยมีอิทธิพลอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ชอบ ![]() 1.บทภาพยนตร์ .... ดังที่กล่าวข้างต้น หนังดูเหมือนจะเป็น Drama-thriller ที่พูดถึงสังคม ความชั่วร้าย การฉ้อฉล สิทธิมนุษยชน แต่ การมีพล็อตความรักของคนสองคน ทำให้หนังมีความพิเศษออกไป หนังไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่การผสมผสานสองส่วนนี้อย่างกลมกลืน แต่ในแต่ละส่วนของหนังนั้น ยังสร้างออกมาได้อย่างมีระดับและเข้าถึง นั่นคือ ส่วนดราม่าทริลเลอร์ เข้มข้น สมจริง ชวนติดตาม และ ส่วนโรแมนติก ก็ เศร้า กินใจ 2.การถ่ายภาพ ... ภาพที่ถ่ายออกมา บางครั้งก็ทำให้เวียนหัว แต่ภาพในเรื่องสามารถแสดงอารมณ์และเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี ความโดดเด่นของภาพไม่ทำให้มันเด่นจนหลุดกรอบของสารที่หนังต้องการเสนอ สิ่งที่ไม่ชอบ ![]() 1.ความง่ายเล็กๆน้อยๆ ... ทั้งเรื่องเป็นการต่อสู้ที่เหมือนปิดประตูชนะของฝ่ายพระเอก แต่การเปิดอ่านหลักฐานที่ได้มาตอนท้าย ดูสรุปง่ายๆไปนิด ผิดกับที่ผ่านมาซึ่งดูหนักแน่นน่าเชื่อถือมาโดยตลอด เช่นเดียวกับ ความรักตอนต้นที่เกิดขึ้นมาอย่างผูกพันหนักแน่นดูจะรวดเร็วอย่างไม่ชวนให้เชื่อถือว่าทำให้คนสองคนจะรักกันมากขนาดนี้ สรุป ... นี่เป็นอาหารจานโปรดสำหรับคอหนังหนักๆ และ อาจเป็นของแสลงสำหรับคอหนังเบาสบาย หนังไม่ได้ดูยากแต่อย่างใด เพียงแต่เดินเรื่องไปข้างหน้าเร็วโดยไม่หยุดพัก เนื้อหาของหนังทั้งในส่วน Political-drama-thriller ชวนติดตามลุ้นระทึก ในส่วน Romantic ก็ออกมาเป็นความรักแบบผู้ใหญ่และกินใจคนดู ในบรรดาหนังออสการ์ที่ได้ดู The Constant gardener กับ Transamerica เป็นสองเรื่องที่ผมสนุกขณะดูมากที่สุด ไม่ควรพลาดแต่อย่างใด ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป อยากดูแฮะ อ่านแล้วพาให้นึกถึงหนังเรื่อง the English patient เลย
![]() ![]() โดย: นางสาวอาร์ต
![]() wow!! your review is adorable, it's very nice. Thank a lot na ka.
โดย: nat_zume IP: 70.249.163.32 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:0:47:12 น.
ดูที่ลิโด2 รู้สึกว่าซับมันแปลกๆ เราก็ไม่เก่งภาษาอ่านแทบไม่ทัน แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้ รู้สึกไม่ค่อยมีใครพูดถึงซักเท่าไหร่ อยากบอกว่านั่งร้องไห้ตอนหนังจบ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร และไม่เข้าใจรายละเอียดในหนังหลายอย่างแต่ก็หนักเกินกว่าจะกลับไปดูซ้ำ ชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ
โดย: girl1968 IP: 202.57.173.182 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:7:42:31 น.
ไปดูมาเมื่อวันศุกร์ค่ะ ชอบมากๆ เศร้ามากๆ เหมือนกัน จะบอกว่าตอนแรกไม่ชอบนางเอกเลยที่ดูเหมือนจะชอบจุ้นจ้านไปซะทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พอเริ่มตามสืบไปพร้อมพระเอกกลับรู้สึกว่ารักนางเอกมากขึ้นทุกที ฉากที่ทำให้เข้าใจ เทสซามากที่สุด ก็คือฉากที่พระเอกขอให้นักบินช่วยเหลือเด็กขึ้นเครื่องบินแต่นักบินปฏิเสธว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา ....เหมือนตอนที่พระเอกบอกกับเธอ....
ชอบงานผู้กำกับคนนี้เหมือนกันค่ะ แอบน้ำตาซึมตอนจบด้วย....ฮือๆ ![]() โดย: เดอะ กั้ง
![]() ไปดูมาเมื่อวันศุกร์ค่ะ ชอบมากๆ เศร้ามากๆ เหมือนกัน จะบอกว่าตอนแรกไม่ชอบนางเอกเลยที่ดูเหมือนจะชอบจุ้นจ้านไปซะทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พอเริ่มตามสืบไปพร้อมพระเอกกลับรู้สึกว่ารักนางเอกมากขึ้นทุกที ฉากที่ทำให้เข้าใจ เทสซามากที่สุด ก็คือฉากที่พระเอกขอให้นักบินช่วยเหลือเด็กขึ้นเครื่องบินแต่นักบินปฏิเสธว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา ....เหมือนตอนที่พระเอกบอกกับเธอ....
ชอบงานผู้กำกับคนนี้เหมือนกันค่ะ แอบน้ำตาซึมตอนจบด้วย....ฮือๆ ![]() โดย: เดอะ กั้ง
![]() สวัสดีค่ะ
เราชอบหนังเรื่องนี้มากนะคะ เรื่องจดหมาย หลักฐานที่เอามาอ่าน ไม่มีที่มาที่ไปคือไงเอ่ย? งงน่ะค่ะ ก็คือจดหมายที่พระเอกไปนำมาจากหมอคนนั้นแล้วฝากนักบินส่งให้ผู้ชายคนนั้นไงคะ (คนที่อ่านน่ะค่ะ) ส่วนเรื่องความรักแบบง่ายไป มันอาจเป็นความประทับใจเมื่อแรกพบน่ะค่ะ พระเอกคงประทับใจในสิ่งที่นางเอกแสดงออกมา อย่างที่ตลอดชีวิตเค้าไม่เคยทำ (อาชีพนักการฑูตไม่เอื้อต่อการแสดงความจริงใจค่ะ หึๆ) มาอ่านเช่นเคยค่ะ ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() สาวไกด์ใจซื่อ ... ขอบคุณครับ จดหมายฉบับนั้นมีที่มาที่ไปจริงๆ ขอไปแก้ในบล็อกก่อนนะครับ
![]() นางสาวอาร์ต ... ผมเองก็ไม่รู้เป็นอะไร เห็น ราฟ ไฟนส์ ในหนังแบบนี้ทีไร ก็มีภาพของเขาใน The English patient โผล่มาทุกที ...ขอบคุณทุกความเห็นที่แวะมาพูดคุยกันครับ ![]() โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
![]() ![]() เป็นภาพยนตร์ที่ดีมากค่ะ
แม้จะดูหนักและแฝงแนวสารคดีอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดูยากจนเกินไปนัก ... Rachel Weisz ทุ่มเทให้การแสดงขนาดนี้ สมแล้วที่เธอได้ออสการ์ไป ส่วน Ralph Fiennes แม้ในตอนแรกบทจะดูไม่เด่น (เพราะบทไปเทให้ Rachel เสียเป็นส่วนใหญ่) แต่พอไม่มีบทของ Rachel แล้ว Fiennes ก็เอาหนังเสียจนอยู่หมัดจนถึงตอนจบเลยค่ะ แววตาของเขาตอนที่ค้นหาความจริงทั้งหมด สะท้อนออกมาให้เห็นแล้วว่าแท้จริงแล้วเขารักภรรยามากเพียงใด (จะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้จะมองว่าเป็นหนังรักโรแมนติกก็ได้นะคะ ชอบจัง) โดย: Tai-Sarunya
![]() + หนังเด่นตรงสไตล์ของผกก.เฟอร์นันโด เมอเรลเลส ที่เหมือนจะกลายเป็นลายเซ็นกลายๆ ของเค้าไปแล้ว ... กับเอกลักษณ์ การตัดภาพแบบโฉบเฉี่ยวฉับไว, ดนตรีประกอบอันแสนเร้าใจและคงกลิ่นอายพื้นเมืองไว้, สีสันฉูดฉาดบาดตาของดินแดนโลกที่ 3 (City of God เป็น Colourful Latino / Canstant Gardener เป็น Colourful Africa / อยากให้ผลงานชิ้นถัดๆ ไปของเค้าเป็น Colourful Asia หรือ Colourful Oceanea จัง)
+ ความเด่นมากๆ ของหนังที่ผมรู้สึกได้ 3 ประการก็คือ 1. การหยิบเอาธีม Political(&Business) Thriller / สืบสวน-แกะรอย / Romantic Drama มาผสานกันได้อย่างกลมกลืนและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง 2. หนังหยิบเอาประเด็นที่น่าจะหนักและทำได้ยาก มาทำให้ดูได้แบบไม่เครียดมาก และต้องคอยตามลุ้นกับการแกะรอยของพระเอกอยู่ตลอด (จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบหนังแนวแกะรอยเท่าไหร่ แบบว่าคิดตามไม่ค่อยทัน ... แต่เรื่องนี้ก็ดูรู้เรื่องอยู่นะ ดูไม่ยากจนเกินไป) 3. วิธีการเล่าเรื่องของ ผกก. ที่เล่าผ่านมุมมองของพระเอกที่เหมือนกับไม่รู้อะไรเลยในตอนแรก ให้ค่อยๆ ปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ทีละชิ้นจากร่องรอยต่างๆ (ตอนแรกนึกว่าเค้าจะเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา อย่าง Pulp Fiction หรือ 21 grams ซะอีก ... แต่ก็ไม่ใช่) จนกระทั่งสมบูรณ์เป็นภาพใหญ่ในที่สุดตอนจบเรื่อง + ประโยคนึงที่ชอบมาก และสามารถอธิบายเหตุผลที่พระเอกทำไปทั้งหมดว่าทำไมต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงอันตรายขนาดนี้ก็คือ "Tessa is my home" (และประโยคนี้ก็นำไปสู่ฉากจบอันชวนอึ้งของหนังด้วย) ... เพราะถ้าเค้าไม่คิดแบบนี้ หรือไม่รักเธอขนาดนี้ ... เค้าก็คงไม่ได้อยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอมากขนาดนี้หรอก เป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่า "Love at first sight" ก็สามารถเป็นรักแท้ได้เช่นกัน + ในส่วนของการแสดง เรฟ ไฟนส์ สมควรมีรายชื่อเข้าชิงออสการ์นำชาย และ เรเชล ไวส์ ก็คู่ควรแล้วกับรางวัลออสการ์ประกอบหญิงที่เธอได้รับมาจากเรื่องนี้ เพราะโดดเด่นและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง (ถึงแม้จะตายไปตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วก็ตาม) + คนแถวบอร์ดที่ผมอยู่ เค้าบอกว่า งานนี้ดูเหมือนเมอเรลเลส จะมีพัฒนาการขึ้น (กว่า City of God) เพราะมีการจับประเด็นอันใหญ่โตเป็นปัญหาลึกลับที่ไม่ค่อยมีใครกล้าแตะขึ้นมาพูดอย่างถึงอารมณ์เป็นที่สุด + ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับเค้าเช่นกันว่า ผกก.เมอเรเลส ช่างกล้า ... ตบหน้าบริษัทนายทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ (ส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมกานั่นแหละ) ที่มักเห็นชีวิตของคนในโลกที่ 3 เป็นมดปลวกที่ไม่มีทางสู้รบตบมือ ไม่มีกำลังเงินหรือความรู้มาต่อกรกับพวกเค้า ... ในสายตาเค้า ชีวิตเหล่านี้ช่างไม่ต่างอะไรกับหนูลองยาในห้องแล็บเลย ... ดูแล้วก็สลดอ่ะครับ เพราะเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ มันอาจโหดร้ายและดำมืดกว่าที่ถูกแฉในหนังเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป ... คิดๆ แล้วคนไทยเราช่างโชคดียิ่งนัก ที่ได้เกิดในแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ สามารถอยู่กันได้แบบพอเพียง มีพ่อหลวงทรงเป็นหลักชัยแห่งประเทศชาติ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดในโลก (คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) ... คนจนบ้านเรา ถึงแม้จะจนอย่างไร ก็ยังพออยู่พอกินได้อย่างไม่อัตคัดนัก แต่ถ้าไปดูคนจน(จริงๆ)แถว เอเชียใต้หรือแอฟริกา ของบ้านเราก็ยังดูมีฐานะและสภาพความเป็นอยู่ดีกว่าพวกเค้าเยอะเลยอ่ะครับ โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:12:38:17 น.
ชอบเรื่องนี้มากเลย
แต่ก็คิดเหมือนกันที่ว่า ทำไมเพราะอะไรพระเอกถึงรักนางเอกมากอย่างนี้ เพราะไม่มีฉากไหนทำให้รู้สึกอย่างนั้นเลย แต่พอดูจบแล้วรู้สึกว่า พระเอกรักนางเอกมากมาก การแสดงของเรฟ ทำให้รู้สึกอย่างงั้น ราเชลเล่นดีคะ สมกับที่ได้รับรางวัล โดย: tong IP: 202.28.179.1 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:16:36:10 น.
ชอบบทที่เขียนให้ราเชลดูเป็นคน "ฉลาด" มากๆครับ (โดยเฉพาะตอนที่เธอ "แขวะ" คนโน้นคนนี้ไปเรื่อย)
ชอบที่พี่เขียนตรงนี้จังครับ ^^ ตรงใจผมเป๊ะเลย ในขณะที่ประเทศเหล่านั้นต้องการความช่วยเหลือ เช่นใน Hotel Rwanda หรือ ในเรื่องนี้ พวกเขากลับชักมือกลับมาแล้วยืนยันว่า มันไม่ใช่เรื่องของเรา โดย: nanoguy IP: 58.11.53.133 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:17:53:14 น.
^
^ ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของประเทศมหาอำนาจ (หรือแม้แต่องค์กรกลางอย่าง UN) ก็ ... ใช่เลยครับ เค้าจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็ต่อเมื่อประเทศเค้ามีผลประโยชน์เอี่ยวอยู่ในดินแดนแห่งสงครามนั้นเท่านั้น (เช่นกรณีอิรักบุกคูเวต) ... ส่วนที่ไม่มีผลประโยชน์ เช่น สงคราม(อดีต)ยูโกสลาเวียในคาบสมุทรบอลข่าน หรือ เหตุการณ์ในเรื่อง Hotel Rwanda ... เค้าไม่เหลียวแลหรอกครับ จะฆ่ากันตายเป็นล้านคนก็ฆ่าไปสิ .......... ช่างเลือดเย็นจริงๆ เลย - -" โดย: Blue Yatch IP: 210.1.33.130 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:22:37:24 น.
ชอบมากๆเช่นกันค่ะ เป็นหนังแนวที่ชอบอยู่แล้วด้วย แม้ว่าตอนแรกจะต้องใช้ความพยายามไปกับการอ่าน subtitle ให้ทัน จนไม่ค่อยได้สังเกตภาพบนจอเท่าไหร่ เสียดายจัง และคิดว่าอยากดูอีกรอบแฮะ
![]() ชอบทั้งราเชล ไวซ์และราล์ฟ ไฟนส์ในเรื่องนี้มากเลยล่ะค่ะ ชอบฉากบนเครื่องบินเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่เด็กคนนั้นวิ่งลงไป และก็วิ่งตามไปเรื่อยๆ โอ้โฮ ![]() โดย: azzurrini
![]() สิ่งที่ไม่ชอบ
1.ความง่ายเล็กๆน้อยๆ ... ทั้งเรื่องเป็นการต่อสู้ที่เหมือนปิดประตูชนะของฝ่ายพระเอก แต่การเปิดอ่านหลักฐานที่ได้มาตอนท้าย ดูสรุปง่ายๆไปนิด ผิดกับที่ผ่านมาซึ่งดูหนักแน่นน่าเชื่อถือมาโดยตลอด เช่นเดียวกับ ความรักตอนต้นที่เกิดขึ้นมาอย่างผูกพันหนักแน่นดูจะรวดเร็วอย่างไม่ชวนให้เชื่อถือว่าทำให้คนสองคนจะรักกันมากขนาดนี้ -------------------------------------------------------------- ผมมองว่าการที่พระเอกไม่เปิดเผยหลักฐานด้วยตัวเอง ก็ชัดเจนว่าเป็นเพราะ "Tessa is my home" อย่างที่ comment ก่อนหน้านี้พูดถึง หลังนางเอกตาย เค้าเองก็เหมือนไม่มีที่ไป เพราะฉะนั้นพระเอกจึงเลือกที่จะทำอย่างที่เห็นในหนัง ส่วนเรื่องความรักของทั้ง 2 คนนั้น ผมมองว่าแรกๆ อาจจะดูรวดเร็ว แต่ก็อาจเป็นเพราะเหมือนขั้วบวกกับลบมาเจอกัน นางเอกเป็นคนหุนหัน จริงจัง ในขณะที่พระเอกดูสงบเสงี่ยม แต่หนักแน่น สุภาพ แบบนักการทูต ก็เลยเริ่มรักกันได้ แต่ที่ทำให้รู้สึกว่าทั้งคู่รักกันจริงๆ ก็น่าจะเป็นฉากแฟลชแบ็กต่างๆ ที่คอยแทรกเข้ามาในเรื่องหลังจากที่นางเอกตายแล้ว ทำให้เราได้รู้ว่าก่อนหน้าที่นางเอกจะตาย ทั้งคู่ดูรักกันและมีความสุขมากแค่ไหน ------------------------------------------------------------- โดยรวมแล้วชอบเรื่องนี้มากๆที่ผสมผสานทั้ง Drama, Thriller, Politic, และ Romantic ได้อย่างกลมกลืน โดย: Justin IP: 58.10.66.237 วันที่: 15 มีนาคม 2549 เวลา:18:28:26 น.
สวัสดีครับ
ผมไปดูมาแล้วครับ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยซึมซับกับ"สารหลัก"ที่หนังนำเสนอซักเท่าไรเลยไม่อินมากน่ะครับ ประเด็นคือถึงแม้ว่าโดยโครงร่างเนื้อเรื่องคร่าวๆผมพอเข้าใจนะ แต่ลึกลงในรายละเอียดผมกลับตามไม่ทัน(หัวไม่ค่อยไวน่ะครับ) ก็ดำเนินเรื่องฉับไวขนาดนี้ ด้วยเหตุนี้ละมั้ง พวกเหตุและผลของการกระทำบางอย่างในรายละเอียดก็เลยตกๆหล่น ทำให้ความรู้สึกที่ผมได้รับเลยไม่เต็มที่ บอกตรงๆเลยครับเกือบหลับแต่พอดีหนังจบซะก่อน แต่รับรองหาดูอีกรอบแน่ๆเพราะผมสนใจประเด็นแบบนี้มากๆ อาจคอยVCDเลย หวังว่าคงมีเจ้าของลิขสิทธิ์ซื้อไปทำนะ ![]() โดย: kimprite (kimprite
![]() คุณผมอยู่ข้างหลังคุณ เขียนได้ลึกซึ้งกินใจ ทั้งส่วนการเมืองและส่วนโรแมนติกของหนัง
เป็นหนังที่ดูสนุก น่าติดตาม ชอบการแสดงของ ราฟ ไฟน์ค่ะ ![]() โดย: Political stress syndrome IP: 58.10.58.242 วันที่: 21 มีนาคม 2549 เวลา:21:46:29 น.
เข้ามาอ่านและลงชื่อ ยังวิจารณ์ ได้ละเอียดถึงใจเช่นเคย
ขอบคุณจ้า โดย: เกือกซ่าสีชมพู IP: 72.130.176.40 วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:14:01:57 น.
เพิ่งได้ดูวันนี้ ที่ดูก็เพราะอ่านเจอในหนังสือของคุณ และชอบ เลยหามาดู ก็ดีมากเลยครับ คิดถึงหนังแนว Fugitive และ แนวที่ต้องไปผจญต่างประเทศ เช่นโคลัมเบีย แล้วมีเรื่องลุ้นๆ
เรื่องนี้มีแถมเรื่องความรักเข้ามาด้วย เป็นอีกมุมมอง หากไม่อ่านจากคุณ ผมคงไม่รู้ความหมายของชื่อเรื่องแน่นอนเลย สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๐ ครับ โดย: คนขับช้า
![]() หวังว่าผมคงเป็น The Constant Gardener ได้ซักวัน ก่อนอื่นต้องปลูกต้นไม้ก่อนดีไหม ช่วยโลกอีกทางหนึ่งด้วย 555
โดย: คนขับช้า
![]() เพิ่งดูครับ ชอบมาก
โดย: ชัย IP: 58.8.129.46 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:17:20:38 น.
อ่านแล้วเรื่องนี้น่าสนใจมากเลย ..เย็นนี้จะไปหาดูค่ะ
โดย: rosymirror IP: 222.123.82.164 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:11:40:23 น.
เปนหนังเข้าชิงออสการ์ในปีนั้นเรื่องเดียวที่ได้ดู ส่วนตัวคิดว่าหนังดีมาก สไตล์ภาพและการกำกับเข้ากับเนื้อเรื่องและบรรยากาศได้อย่าง
ไม่น่าเชื่อ การแสดงที่มีความลึก เนื้อเรื่องที่หนักแน่น ทั้งหมดเข้ากันได้เป็นอย่างดี โดย: TheChamp IP: 58.8.104.140 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:2:11:44 น.
หนังดีมากครับ แต่อารมณ์ของหนัง สำหรับผมยังไม่มากเท่า Hotel Rwanna หรือ Blood Diamond บทหนังดีมากๆแต่หนังน่าจะทำได้เศร้ากว่านี้
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ของ สามี-ภรรยา มันไม่สามารถตรึงใจผู้ชมได้เท่าความสัมพันธ์ของ พ่อ-แม่ ที่มีต่อลูก ตอนจบ จบแบบง่ายๆเลยครับ แค่เอาจดหมายมาอ่าน แล้วผู้บงการเรื่องทั้งหมดก็เดินฝ่ากลุ่มนักข่าวออกไปขึ้นรถ แค่นั้นเอง น่าจะมีลงโทษอะไรให้มันสะใจกว่านี้ ขอบคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" มากครับ บทความของคุณมีประโยชน์ต่อคนรักหนังมาก ทั้งในการเป็นตัวเลือกที่ดี และอธิบายสำหรับคนที่ดูแล้วไม่กระจ่าง... โดย: YoiChi IP: 125.24.174.151 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:13:22:47 น.
9/10 คะแนน
ดูเรื่องนี้หลังจากดู Hotel Rwanna ไม่นาน รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างคล้ายกัน (ไม่ใช่เนื้อเรื่องนะ) ก็คือ คนผิวสีที่ยากจน ยังไงก็ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการดูแล หรือถูกเป็นหนูทดลอง จากประเทศที่ร่ำรวยอยู่วันยังค่ำ ทั้งที่สินค้าบางอย่างเราใช้ หรือซื้อจากประเทศเค้า หนังเรื่องนี้สะท้อนความรักของความรักตัวเอกทั้งสอง และสังคมของประเทศแอฟริกาได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสร้างจากเรื่องจริง ทำให้สามารถสร้างอารมณ์คนดูให้ร่วมไปกับหนังนั้นไม่ยากเลย โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น IP: 125.24.181.222 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:12:28 น.
ดูเรื่องนี้เเล้วคะ เป็นหนังที่หนักมากเลย ตอนที่ดูครั้งเเรกดูไปได้ประมาณครึ่งชม.ช่วงที่เล่าถึงก่อนที่เทสซ่าจะตาย ดูเเล้วไม่เข้าใจเเละรู้สึกเบื่อมาก เลยเลิกดูไป หลังจากนั้นก็ทิ้งช่วงยาวพอสมควรก่อนที่จะกลับมาตั้งใจดูอีกครั้งจนจบ เมื่อดูจบเเล้วรู้สึกซึ้งมาก ไม่คิดว่าจะสามารถผสมผสานเรื่องราวความรักกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆในปัจจุบัน นั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับ "ยา" เเต่ต้องยอมรับว่าเมื่อดูจบเเล้วก็ยังมีหลายๆส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจ เเต่สิ่งที่สรุปได้คือเรื่องสิทธิมนุษยชน+ความรักของทั้งสองคน ส่วนตัวเเล้วเห็นด้วยที่ว่าทั้งสองพบกันและรักกันเเบบสายฟ้าเเลบ ความสัมพันธ์นั้นดูเเล้วไม่น่าจะลึกซึ้งเเละรักกันได้มากถึงขนาดนี้ เเต่ถ้าพิจารณาโดยรวมเเล้วก็บอกได้เลยว่า เรื่องนี้ภาพยนตร์โรเเมนติกที่หนักเเละซึ้งกินใจที่สุด
โดย: FunnyDream IP: 58.9.173.93 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:17:49:42 น.
อยากจะบอกว่า เมื่อคืน หลังจากดูเรื่องนี้จบปุ๊บก็รีบมาเข้าเน็ทแล้วก็คลิกมาที่บล็อกนี้เลยค่ะ เพราะจำได้ว่าคุณ"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เคยเขียนไว้ เคยอ่านเต็มๆแล้วด้วย แต่อย่างที่บอกในกระทู้ว่าพยายามหลีกเลี่ยงหนังเรื่องนี้ตลอด เพราะไม่คิดว่าจะทนดูได้ เป็นหนังที่เศร้า หดหู่ สุดๆ แต่ความรักของ Justin กับ Tessa ทำให้รู้สึกว่ายังมีความหวังอยู่มากมายค่ะ
นี่ยังน้ำตาซึมๆอยู่เลยนะเนี่ย อินมากๆเลย โฮๆ ป.ล.ส่วนตัวเคยไป south africa ค่ะ ขนาดไป cape town เมืองที่เจริญมากๆๆๆๆแล้ว ก็ยังเห็นความยากจนค่นแค้นของคนทวีปนี้อยู่เลยอะ แล้วเค้ากั้นเขตชัดเจน...จนกับรวย ดำกับขาว มันต่างกันมากๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าอยู่กันแค่ฟากถนนน่ะค่ะ ![]() โดย: patsypacky IP: 58.10.65.248 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:13:19:09 น.
อัดหนังเรื่องนี้มาเป็นปีแล้วครับ พึ่งดูจบเมื่อสักครู่ สนุกมากครับ แต่ผมสงสารจัสตินตอนจบมาก
โดย: ปากกาพเนจร IP: 58.9.44.205 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:43:15 น.
ดูแล้วชอบมาก ต้องซื้อของแท้มาสะสมเลย
โดย: Bandai IP: 125.27.215.55 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:22:37:52 น.
เป็นหนังรักที่ซึ้งที่สุดที่เคยดูมา
โดย: meo IP: 58.8.243.48 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:27:15 น.
ส่วนตัวชอบ เรล์ฟ ไฟน์ อยู่แล้ว หนังเรื่องนี้เราต้องดูถึงสามรอบถึงจะเข้าใจหนัง ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกันคะ แต่คิดว่าถ้าหากไม่ชอบเรลฟ์มาก่อนคงดูรอบเดียว แล้วงงๆ จากไปแน่ๆ
โดย: เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker
![]() บทความทั้งหมด
|
|