
........ความอยากดูของผมถ้าจำไม่ผิดเริ่มมาจากบทความในPulp ที่มีคนพูดถึงหนังเรื่องนี้ว่าได้รับคำชื่นชมในเทศกาลSundance และจากตัวอย่างทำออกมาได้กระตุ้นความอยากดูมาก เป็นตัวอย่างหนังที่ดีในแง่ที่ว่าไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องออกมามากแต่ให้คนดูเข้าไปดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่า ผมจึงได้ตามเข้าไปดูที่โรงสยาม รอบ20.30น. และคนค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับว่าเป็นหนังที่เพิ่งเข้าโรงวันนี้
..........เรื่องเริ่มต้นที่ว่าชาย2คนเข้าไปอยู่ในห้องๆหนึ่งโดยที่เราและตัวละครไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น (ตอนเริ่มทำให้ผมนึกถึงoldBoy) หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยการแก้ปริศนาที่มีเข้ามาเรื่อยๆเหมือนกับเรากำลังเล่นเกมส์อยู่ ตัวละครในเรื่องก็ค่อยๆไขปริศนาไปทีละเปลาะ(ตอนนี้นึกถึงCube)ร่วมกับเริ่มเล่าย้อนถึงที่มาของแต่ละตัวละครและความสัมพันธ์ของทั้ง2คน เพื่อหาว่าใครพาพวกเค้ามาและพามาทำไม?
..............ช่วงแรกผมรู้สึกว่าเหมือนกับกำลังดูการเล่นเกมส์มากกว่าดูหนัง คือพยายามหาอะไรแปลกๆให้เกิดขึ้นในวิธีการทรมานเหยื่อและทริคที่ซ่อนเพื่อให้ทั้ง2คนหาทางออก แต่ก็ทำได้ค่อนข้างสนุกและกดดันคนดูพอสมควร ทำให้ต้องตั้งอกตั้งใจดูเป็นพิเศษจนถึงช่วงกลางและท้ายที่เริ่มเป็นการคลี่คลายและมีการเล่าเรื่องมากขึ้น จึงค่อยรู้สึกว่าเหมือนดูหนังมากขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วเป็นหนังที่ไม่ชอบมากนัก เพราะรู้สึกว่ามีดีที่ กลวิธีและลูกเล่นในการเล่าเรื่อง แต่ อ่อนในส่วนของเนื้อเรื่องหลัก
สิ่งที่ชอบ 1. ความกดดัน......หนังทำได้ดีและทำให้ตึงเครียดได้เกือบตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีช่วงผ่อนบ้างก็คงเป็นช่วงเล่าครอบครัวของDr. Gordon แต่ที่เหลือแทบจะทำให้คนดูต้องลุ้นตามไปด้วยความกดดันตลอดเวลา
2. ความไม่รู้....เป็นหนังอีกเรื่องที่ความสนุกคือความไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ตัวละครตัวไหนจะตายหรือจะอยู่ เพราะหนังกล้าที่จะทำให้เกิดความตายที่เราไม่คาดคิดได้ตลอด และทำให้เดาได้ยากว่าเกิดอะไรขึ้นจึงมาเป็นเช่นนี้
3. เสียง....เสียงที่ใช้ให้ความกดดันกับเนื้อเรื่องได้ดี ทั้งดนตรีประกอบและเสียงต่างๆที่หนังสรรสร้างมา
4.ความช่างคิด.....ความช่างคิดในการหาวิธีมาจัดการกับเหยื่อแต่ละคน ความคิดสร้างสรรค์ในความรุนแรง
4.ตอนจบ......การเปิดเผยว่าเค้าคือใครและทำทำไม ไม่ได้ทำให้ผมประทับใจ กลับไปอยู่ในส่วนที่ไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่ส่วนที่ชอบคือตอนที่ตอนตัวละครตัวหนึ่งฟังเทปม้วนสุดท้าย
สิ่งที่ไม่ชอบ 1.บทสรุป.......ถึงแม้ว่าจะเป็นการหักมุมในระดับหนึ่ง และ มีการพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่หนังก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ผมรู้สึกว่าเพียงพอและทำให้อึ้งหรือทึ่งได้ เพราะถ้าOldBoyทำให้ผมดูจบด้วยความรู้สึกแบบ โอ้ววว เรื่องนี้ก็ความรู้สึกเพียงแค่ อ้าวเหรอ เสียมากกว่า
จากคำถามตอนต้นที่ว่ามันคือใคร--คำตอบที่ได้ก็ทำให้ประหลาดใจในระดับหนึ่ง(แต่การพยายามเชื่อมโยงกับตอนต้นดูมันไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่เหมือนเป็นการจงใจยัดเยียดมากกว่า)
และยิ่งกับคำถามที่ว่าทำไปทำไม---คำตอบที่ได้ก็ไม่น่าประทับใจนัก มันกลับทำให้เป็นเหมือนหนังฆาตกรโรคจิตเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง
ถัดจากนี้คือSpoiler....ถ้ายังไม่อยากรู้ข้ามไปอ่านตรง สรุป ได้เลยครับ2.โปสเตอร์หนังที่เห็นเท้าที่ถูกตัด........ผมคิดว่าclimaxหนึ่งคือ Dr. Gordon จะตัดเท้าตัวเองหรือไม่ แต่ถ้าหลายคนได้เห็นโปสเตอร์แล้วมันก็ชวนให้คิดว่าสุดท้ายเค้าก็คงต้องตัด พอถึงจุดนี้มันก็ทำให้ไม่ประหลาดใจเท่าไหร่นัก
3.ประเด็นของหนังที่ต้องการสื่อ.......การมีชีวิตอยู่ที่ฆาตกรนำมาเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการกระทำ เหมือนกับพยายามที่จะทำให้หนังมีอะไรมากขึ้น แต่มันค่อนข้างเลื่อนลอยและไร้เหตุผลเหมือนกับการพยายามยัดเยียด(เพื่อให้โยงเข้ากับโรคของเจ้าตัวด้วย)และดูไม่เนียนไปกับหนังเท่าไหร่เลย
3.ความรุนแรง..........อันนี้ไม่เกี่ยวกับหนังโดยตรงแต่ตอนดูแล้วรู้สึกว่าหนังที่รุนแรงแบบนี้ ฉายในบ้านเราแล้วไม่มีเรตหนังที่จำกัด(ตอนดูแล้วก็นึกถึง Haute tension) ใครก็เข้ามาดูได้โดยไม่จำกัดอายุถ้าเด็กมาดูแล้วคงไม่เหมาะเท่าไหร่เลย
สรุป..............ชอบในระดับหนึ่งครับ แต่ไม่ได้ประทับใจมาก ใครที่ชอบแนวนี้ก็คงจัดได้ว่าไม่ผิดหวังอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นเหมือนดูฆาตรกรโรคจิตแบบพวกTexas chainsaw Massacre ที่ไม่ได้มาวิ่งไล่ฆ่าแต่มีลูกเล่นที่แพรวพราวและช่างคิดตบท้ายด้วยการหักมุมบ้างร่วมกับการพยายามสอดใสเนื้อหาให้มากกว่าการฆ่าที่ไร้เหตุผล เพียงแต่ไม่ได้สุดๆเท่าที่ตัวเองคาดหวังไว้ และถ้าใครที่แม้แต่ดูJasonแล้วก็ไม่ชอบหรือขยะแขยง ผมแนะนำให้เก็บเงินไว้ดู หนังที่จะเข้าอาทิตย์หน้ามากกว่าเพราะมีถึง3เรื่องที่ผมต้องเสียเงินแน่ๆคือ Wimbledon/Love me if you dare/Ladder49 แล้วพบกันใหม่ครับ
11/11/2004
หนังมีแบบฉากโหด ๆ ประเภทไล่ฆ่ากัน เลือดสาดจอไหมคะ (จะได้ไม่ดู)
คือเราชอบดูหนังแบบบีบคั้นอารมณ์น่ะค่ะ แบบกลัวก้อสุด ๆ แต่ไม่ชอบอะไรที่สยดสยอง เละ ๆ โหด ๆ
จะกลับมาอ่านคำตอบนะคะ