Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์ ![]() ![]() / หนังได้รับเรท PG-13 / ใน IMDB.com ให้คะแนนเรื่องนี้ 6.7/10 ส่วนใน //www.rottentomatoes.com ให้เรื่องนี้ Fresh ด้วยคะแนน 73% ...การเปลี่ยนผู้กำกับแต่ละภาคโดยยึดนักแสดงหลักคนเดิม ทำให้ Mission impossible (MI) มีมนต์เสน่ห์ มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไปในแต่ละภาค เหมือนมีลายเซ็นต์ของตัวผู้กำกับในภาคนั้นๆ MI โดย Brian De Palma ไม่ได้ขายฉากแอคชั่นเป็นงานขายสไตล์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับสลับซับซ้อนในแผนการ มีโจทย์ที่ต้องพิสูจน์กึ๋นพระเอกในการแก้ปัญหา หนังบีบคั้นคนดูด้วยการกำกับของผู้กำกับผู้เชี่ยวชาญงาน Thriller เราจึงได้เห็น การเฉลยความลับที่หลอกลวงบนโต๊ะอาหารและการหักเหลี่ยมเฉือนคมบนขบวนรถไฟตอนท้าย MI 2 โดย John woo ลดความซับซ้อนและเน้นโชว์ฉากแอคชั่นแบบขายลีลาท่วงท่าและเสริมความเท่ให้กับตัวละคร เราจึงได้เห็นนกพิราบบินกันพรึบพรับเวลา Ethan Hunt เดินออกมา หรือ ฉากควงปืนสองมือก่อนหมุนตัวสไลด์ขาก่อนยิง ...สองภาคที่ผ่านมา จัดได้ว่ามีความแตกต่างในตัวเอง และ ต่างก็ประสบความสำเร็จในตัวระดับสูง ถึงจะแตกต่างในรูปแบบการนำเสนอ แต่ก็มีความเชื่อมโยงและยังคงธีมของ MI ได้อย่างไม่หลุดออกนอกกรอบไป งานที่น่าหนักใจคือการหาคนมาสร้างภารกิจใหม่ให้กับ Ethan hunt การได้ J.J. Abrams มากำกับ MI3 เป็นความน่าสนใจอย่างยิ่งยวด แม้เรื่องนี้จะเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกของเขาแต่ด้วยผลงานกำกับและสร้างซีรี่ส์ชื่อดังอย่าง Alias และ Lost (ซีรี่ส์แนะนำที่ทำให้ผมไม่ได้หลับไม่ได้นอน) ก็ทำให้พอจะเชื่อมั่นได้ว่า งานนี้ต้องมีดี J.J. Abrams เปิดตัวภาค 3 นี้ได้น่าทึ่ง ฉากเปิดตัวของหนังทำให้คนดูต้องนั่งลุ้นอย่างตึงเครียด กับการนับถอยหลังของตัวร้ายรายใหม่ Owen Davian (Philip Seymour Hoffman) และถัดจากนั้นหนังก็ผ่อนลงให้เราได้มาพบกับชีวิตใหม่ของ Ethan Hunt (Tom Cruise) เขากำลังจะสร้างชีวิตใหม่กับหญิงคนรัก ![]() ![]() อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า หนังภาคสามนี้เปิดตัวอย่างกระตือรือร้นและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ฉากเปิดตัวสะกดคนดูได้อยู่หมัดและช็อคคนดูทันทีที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น พร้อมทั้งแกล้งให้คนดูต้องอดทนกระสับกระส่าย ด้วยว่าอยากเห็นภาพหลังเสียงปืนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หนังดันเล่าเรื่องถอยหลังย้อนเวลาไปก่อนหน้านี้แทนที่จะเล่าต่อจากเสียงปืนดัง การเปิดตัวที่ชาญฉลาดนี้นับได้ว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมของ MI3 ...หนังดำเนินเรื่องได้อย่างกระฉับกระเฉง มุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีเบรก ช่วงครึ่งแรกของหนังมีกลิ่นอายของ MI เดิมๆอยู่ทั้งในแง่ของการมีความลับในองค์กร , หนอนบ่อนไส้ , การตายที่คาดเดาไม่ได้ ฯลฯ น่าเสียดายที่กลิ่นอายเหล่านี้นั้นจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อหนังดำเนินเรื่องเข้าครึ่งหลัง หนังกลายเป็นแอคชั่นระเบิดเถิดเทิงเกรดเอเรื่องหนึ่ง และแอคชั่นระเบิดเถิดเทิงนี่ละคือสิ่งที่ต้องชื่นชม ฉากแอคชั่นในภาคนี้เป็นฉากแอคชั่นที่มันส์ที่สุดเท่าที่มีมาใน MI ทั้งหมด หลายฉากต่อให้อยากหลับก็ทำใจหลับได้ยาก เพราะมันตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน หนังโชว์ความมันส์จากฉากแอคชั่นอย่างไม่มีกั๊กชนิดปล่อยของกันเต็มที่ คนดูจะได้เห็นฉากแอคชั่นที่ไม่ได้หมกเม็ดหรือเกิดในเนื้อที่แคบๆ แต่อัดประจุมาเป็นชุดๆในที่โล่งแจ้ง เช่น ฉากบนสะพานเป็นฉากโชว์ฝีมือของผู้กำกับอย่างแท้จริง ![]() ...หาก ความมันส์ คือ จุดแข็งของ MI 3 ความง่าย ก็คงเป็นจุดอ่อน ที่แฟนๆ MI รู้สึกผิดหวัง จากที่ผ่านๆมา MI มีความเว่อร์เหมือนหนังสายลับทั่วไปแต่จะต่างจากหนังแอคชั่นธรรมดาสามัญทั่วไป หรือ แม้กระทั่งหนังสายลับอย่าง James Bond ก็ตรงความซับซ้อน , การซ่อนปมปริศนาและทรยศหักหลัง , การปิดบังความจริงที่รอการเฉลย หรือ ความยากของภารกิจที่คนดูเดาไม่ได้ว่าจะออกมารูปแบบไหน และ Ethan Hunt จะได้มาโชว์กึ๋นในการแก้ปัญหาสถานการณ์เหล่านั้นด้วยสติปัญญา แต่ในภาคนี้ เขากลับได้แต่โชว์กล้ามมากกว่าโชว์สมอง เขาไม่ได้แสดงออกถึงการวางแผนหรือใช้เชาว์ปัญญามากไปกว่าขีดๆเขียนๆบนกระจก จะมีซับซ้อนมากสุดก็ฉากชิงตัวผู้ร้าย ซึ่งก็ธรรมดาเสียเหลือเกินหากเทียบกับสองภาคก่อน ทุกอย่างดำเนินไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงๆทื่อๆ แถมความลับที่หนังเก็บงำก็ทำออกมาเหมือนไม่อยากให้คนดูต้องคิดหนัก เพราะไม่ยากเลยที่เราจะเดาว่าใครคือหนอนบ่อนไส้ สิ่งที่ปิดไว้ไม่ได้ตั้งใจจะซ่อนให้ยากเย็น จนทำให้ Mission: Impossible 3 เหมือนเป็นงานของไมเคิล เบย์ที่สลับซับซ้อนขึ้น และในขณะเดียวกันมันก็ เป็น MI ที่มีความซับซ้อนน้อยลง แม้ผมจะผิดหวังที่จะได้ดูเสน่ห์ของ MI แต่ J.J. Abrams ไม่ทำให้ผมต้องผิดหวังกับการคาดหวังจะดูหนังแอคชั่นชั้นดี ตลอดเกือบสองชั่วโมงที่ยาวนานมีช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเบื่อๆแค่ช่วงเดียว (ช่วงวางแผนก่อนลักพาตัวOwen ที่นานนิ่งจนเนือยไป) ในขณะที่ส่วนที่เหลือนั้นหนังเอาคนดูได้อยู่หมัด การเล่าเรื่องที่ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นสูตรสำเร็จรูปของหนังแอคชั่นไม่ได้มีความแปลกใหม่เลย ตัวบทเองในครึ่งหลังก็แสนจะธรรมดาสามัญเข้าข่ายซ้ำซากเสียด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังคุมจังหวะของหนังให้กระชับฉับไว และ ทำให้คนดูไม่รู้สึกเบื่อหน่ายไปกับมัน อีกจุดที่เขาสร้างความแตกต่างให้กับ MI คือการสอดใส่อารมณ์ขันเข้าไปให้กับหนังอีกด้วย ...คาแรคเตอร์ Ethan Hunt ![]() ...สิ่งที่ภาคสองอ่อนด้อยไปถนัดใจคือการได้ผู้ร้ายที่หล่อแต่ดูไม่สมศักดิ์ศรีอย่าง Dougray Scott มาต่อกรกับ Ethan Hunt ในภาคนี้จึงจัดการอุดจุดอ่อนเดิมด้วยการว่าจ้างวายร้ายรายใหม่ที่การันตีฝีมือด้วยออสการ์ปีล่าสุด อย่าง Philip Seymour Hoffman ![]() นักแสดงชื่อดังอีกหลายคนได้มามีส่วนร่วมกับภารกิจครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น หน้าเก่าอย่าง Ving Rhames และหน้าใหม่ๆอย่าง Jonathan Rhys Meyers , Billy Crudup , Laurence Fishburne ที่ขาดเสียไม่ได้คือสาวๆในภาคนี้ที่ถูกเปลี่ยนจากสาวเรียวปากงาม Emmanuelle Béart ในภาคแรก และ สาวผิวสีทรงเสน่ห์ Thandie Newton ในภาคสอง มาเป็น Keri Russell , Michelle Monaghan พร้อมสบทบด้วยนางแบบสาวหน้าตากิ๊บเก๋หุ่นดี Maggie Q ![]() สิ่งที่ชอบ ![]() 1.Philip Seymour Hoffman อึ้ง (เมื่อเห็นเขาเปลี่ยนจาก Capote มาเป็น วายร้าย ชนิดไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เดิม) ทึ่ง (กับการแสดงที่ทรงพลังและร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง) เสียว (ทุกฉากที่เขาออกมาขู่เข็ญพระเอกของเรา เพราะเขาทำให้เราเชื่อว่า ตานี่เอาจริง) 2.ฉากแอคชั่น ... มันส์ ยอดเยี่ยม ฉากบนสะพานเป็นการโชว์การกำกับฉากแอคชั่นชั้นหนึ่งชนิดมากันเป็นชุดๆไม่ให้คนดูได้หยุดหายใจ ดูแล้วยังรู้สึกเหนื่อยตาม ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() 3.การเปิดตัว ... ทำได้กดดัน น่าทึ่ง และ ตื่นเต้น เป็นฉากเปิดตัวของหนังแอคชั่นที่น่าจดจำฉากหนึ่ง องค์ประกอบทุกอย่างในฉากนี้หนักแน่นและทรงพลัง 4.J.J. Abrams สมแล้วกับการที่ได้รับการไว้วางใจให้มากำกับหนังจอใหญ่ชุดนี้ เขาสร้างความแตกต่างให้กับภาคสาม และ รักษามาตรฐานของหนังตระกูล MI ไม่ให้ตกต่ำลง พร้อมกดดันผู้กำกับคนต่อไปอย่างกลายๆ ว่าผู้กำกับภาค 4 จะหาทางออกอย่างไรกับหนังได้อีก โดยที่ยังคงมาตรฐานของสามภาคที่ผ่านมาและไม่ซ้ำกับภาคเดิมๆ สิ่งที่ไม่ชอบ ![]() 1.ความเป็น MI เมื่อผมตีตั๋วเขามาดู สิ่งที่ผมคาดหวังต่างจากหนังเรื่องนี้ต่างจากหนังแอคชั่นทั่วไป เพราะอย่างน้อยหนังก็น่าจะมีของดีในตัวเหมือนสองภาคที่ผ่านมา มีความลึกลับ มีแผนการณ์ที่ท้าทายความคิด มีการใช้กึ๋นมาต่อสู้และแก้ปัญหา ในภาคนี้หนังมีดีทุกอย่างแต่พอขาดจุดนี้ไป มันเหมือนขาดเสน่ห์ แม้ส่วนอื่นๆของหนังจะทำได้ดีเพียงใดก็ตาม (อดคิดไม่ได้ว่า หากเอาความมันส์ในภาคนี้ไปใส่ภาคแรก หรือ เอาความซับซ้อนซ่อนปมในภาคแรกมาใส่ในภาคนี้ จะสุดยอดได้ขนาดไหน) 2.บท ... ผมไม่ค่อยอินกับความซึ้งของคู่รัก ผมรู้สึกตลกกับบางเหตุการณ์เช่นการปั๊มหัวใจตอนท้าย ผมเสียดายที่บทสรุปสุดท้ายเร็วเกินเหตุ และ ฉากสุดท้ายมันช่างโรแมนติคเหมือนงานแต่ง Tom Cruise มากกว่าจะเป็นตอนจบของ MI และ เสียดายที่บทไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรเพียงแค่หยิบของเก่าๆเอามายำๆกันใหม่โดยไม่ได้มีชั้นเชิงน่าสนใจ สรุป ... หากซื้อตั๋วด้วยความคาดหวังดูหนังสนุกเรื่องหนึ่ง ดูหนังแอคชั่นตื่นเต้นสุดมันส์ คุ้มค่าตั๋วอย่างแน่นอน หากคาดหวังหนังอย่าง MI เหมือนที่ได้ดูจากสองภาคก่อน ผิดหวัง แต่ก็ยังคุ้มค่าตั๋วอยู่ดี เพราะมันเป็นหนังแอคชั่นที่สนุกมาก ผมชอบภาค 1 มากสุด ชอบภาค 2 น้อยสุด ส่วนภาคนี้ถ้าผมได้เป็นครูฝึกของ Ethan hunt คงให้การประเมินแก่องค์กรIMFไปว่า ภารกิจชิ้นนี้เป็นหนังแอคชั่นเกรดเอ ที่คะแนนสูง แต่เป็นหนังตระกูล MI ที่คะแนนปานกลาง ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป ผมว่าผมชอบตาฟิลิปมากกว่าฉากแอ็คชั่นซะอีก.. มาดแกเป็นตัวร้ายที่คุกคามชีวิตมากเลย
รองลงมาก็เป็น Lindsey Farris ครับ แย่จังที่ไปก่อนเพื่อน (แง~) โดย: nanoguy IP: 203.172.108.204 วันที่: 6 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:50:32 น.
เออ..ความเวอร์..ก็..ok.นะ..ความมันก็ดีนะ..
แต่รู้สึกพระเอกหล่อขึ้นนะ... ![]() เหมือนเราเลย..ผู้หญิงที่เราชอบกลับไปก่อนเพื่อน.. น่ารักดีนะค่ะ.. ![]() ชอบดู..ซะ..ตาย..นี้ค่ะ...แบบ..x-men..ก็ชอบ... ![]() โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya..
![]() ไม่เคยดู MI มาก่อนเลย เคยได้ยินกิตติศัพท์ว่า พระเอกฉลาดมากๆๆๆ มีการชิงไหวพริบกัน สู้ด้วยของไฮเทค
ดูแล้วพบว่า พระเอกฉลาดดีอยู่ มีชิงไหวพริบกันด้วย และ สู้กันด้วยของไฮเทคบ้างเหมือนกัน แต่ฟังจากคนที่เคยดูภาคอื่นๆมา ดูไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก สำหรับตัวเอง ใหม่ต่อ MI ก็โอเคนะคะ หนังคลายปมในตัวเองไปเรื่อย ไม่ค่อยเครียด ไม่ค่อยต้องลุ้นเหนื่อยอะไร ไม่ค่อยรู้สึกกดดัน ดูก็ขำๆๆๆๆ กันไป เพื่อนพระเอกก็ยิงมุขอุตลุต สรุปคือ ให้ความบันเทิงแบบมันส์ๆและตลกๆดี ![]() โดย: Impossible ทุก Mission IP: 58.9.159.180 วันที่: 6 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:22:10 น.
ยังไม่ได้ดูเลยครับ อย่างที่รู้ว่าขาผมเข้าเฝือกอยู่ เมื่อวานหาหมอยังมีอาการบวม เลยต้องเข้าต่อ
![]() อยู่บ้านก็ดูหนังที่ซื้อไว้เกือบหมดแล้ว เริ่มจะหงุดหงิดเล็กๆ แล้วนะเนี่ย ![]() โดย: Mint@da{-"-}
![]() วันนี้ไปดูมาและ ผมว่าหนุกดีนะ
แต่รู้สึกตาทอมครูซหน้าไม่อ่อนเหมือนใน โปสเตอร์เลย ![]() โดย: ช IP: 124.120.5.251 วันที่: 6 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:20:06 น.
ตาทอม ครูซนี่ท่าจะตัวเล็กมาก รถชน 2 ที ลอดใต้ท้องรถไปทั้งสองครั้งเลย อยากหาซีรีส์ทีวีมาดูฟื้นความหลังวัยเด็กจัง
โดย: spock IP: 202.57.173.88 วันที่: 6 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:13:03 น.
แอคชั่นมันมันส์เหมือนเคยแหละ แต่เราชอบฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน อ่ะ แกโหดนิ่งเหี้ยมได้สุดจิต แต่หนังพอเน้นไปที่ชีวิตคู่แล้ว มันเลยนิ่มขึ้น
![]() โดย: octavio
![]() ผมชอบกว่าภาคสองนะ แต่ยังไงภาคแรกก็ดีกว่า ใครคิดเหมือนผมบ้างว่าพระเอกเจ้าน้ำตาไปหน่อย ฉากแอคชั่นก็โอเค แต่มันไม่ติดตาเหมือนภาคก่อนๆ(ที่พอนึกถึง ฉากโรยตัว กับฉากขี่มอเตอร์ไซค์ก็แวบเข้ามาทันที)
.....สำหรับผม Maggie Q ทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูขึ้น โดย: yatiko IP: 203.146.55.130 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:19:28 น.
ชอบการแสดงของ Philip Seymour Hoffman เหมือนกันค่ะ แสดงได้ร้ายกาจดี ออกมาไม่มากเท่าไหร่แต่การแสดงกินขาดทุกฉาก เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสดู Capote
ส่วนประเด็นเรื่องอื่น ๆ ก็รู้สึกเฉย ๆ ค่ะ ค่อนข้างผิดหวังว่าน่าจะสนุกกว่านี้ หนังกลับชูประเด็นไปในเรื่องของความรักซะงั้น .. ฉากปั๊มหัวใจเกินจริงและเข้าสูตรไปหน่อยค่ะ โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.169.165 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:22:25 น.
ผมว่าการแสดงของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน แค่ในหนังตัวอย่างก็กินขาดคนทั้งเรื่องแล้วครับ
ยิ่งมาเห็นฉากปืนจ่อหัวนับถอยหลังตอนต้นยิ่งรู้สึกได้เลยว่า แค่มาดูการแสดงของหมอนี่ก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว แม้ตอนหลังๆบทพี่แกจะอ่อนลงไปหน่อยก็เถอะ โดยรวมแล้วภาคนี้มันส์ดีครับ แต่ก็อย่างที่พี่บอกไว้มันขาดเสน่ห์ของ MI แบบภาคแรกไปซะงั้น สวัสดีก่อนไปอยู่เวรครับ ปล. ฉาก CPR สุดท้ายของนางเอกมันผิดguideline ใหม่น่ะฮะ เพื่อนกับผมนั่งขำกันกลุ่มเดียวในโรง ไม่รู้จะมีใครคิดว่าพวกนี้ประสาทหรือเปล่า ![]() โดย: keano (jonykeano
![]() เราหลับอ่ะ - -"
โดย: ปีกที่ไม่อาจจะโบยบิน (WhaT iT'S W๐l2tH
![]() วิจารณ์ ได้ละเอียดดีมากเลยครับ
ผมก็เป็นคนนึงที่ได้ดูแล้ว มันส์มากเลยครับ แต่ไม่ได้นึกเทียบกับภาคอื่นเลยอ่ะครับ ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ ชอบอ่านมาก ๆ เลย โดย: nuay007 IP: 203.144.190.9 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:13:53 น.
หนังมันดีค่ะ เนื้อหา อาจจะงง และเว่อร์เล็กน้อย
แต่ไม่เป็นไร เพราะ action มันหยดจริง ๆ ![]() โดย: ฟ้าฝนไม่เป็นใจ IP: 61.7.164.181 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:54:26 น.
เมื่อวานผมได้ไปเจอตัวคุณ aorta เป็น ๆ มาแล้วถามว่า MI-3 เป็นไงบ้าง เค้าบอกว่าให้มาอ่านใน webboard เอง ...เลย เข้ามาบอกว่า อ่านแล้วนะครับ
โดย: บอกไม่ได้ IP: 124.157.168.68 วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:25:56 น.
^
^ ...ดีแล้ว มาช่วยอุดหนุนกิจการกันบ้าง ไม่บอกต่อหน้าหรอก บอกแล้วเดี๋ยวไม่เข้ามาอ่าน ![]() ![]() โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
![]() ![]() จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็มันส์ตลอด 2 ชั่วโมงนะ
แต่อย่างที่เจ้าของบล็อกว่า... มันน่าจะเป็น mission ที่น่าลุ้นแบบมีเหตุ มีความสมจริงกว่านี้หน่อย เฮ้ออ.. สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่าของสำคัญที่ชิงกันทั้งเรื่องมันคืออะไรเน้อ โดย: aliZy IP: 58.136.228.26 วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:06:19 น.
ทอม ครูส สร้างหนังเพื่อให้ตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นเขาเก่งเกินมนุษย์มนาแถมด้วยจิตใจอ่อนโยน มีรักแท้ และยอมตายเพื่อเมียได้!! ..เหอะๆ จะสมบูรณ์แบบอะไรปานนั้น
ถึงยังไงก็ขอบคุณที่อุตส่าห์เก็บกลิ่นอายของทีมเวิร์คที่ดีเยี่ยมในสไตล์ของ Mission : Impossible ไว้ได้ไม่น้อย ฉากแอ็คชั่นอลังการงานสร้างยังคงมาตรฐานของฮอลลีวู้ดไว้ครบถ้วน หากไม่ค่อยชอบวิธีการถ่ายแบบไหวไปไหวมาเพื่อสร้างอารมณ์ แต่ดูไม่เห็นรายละเอียดว่าทำอะไรไปมั่ง บางครั้งก็เลยดูเหมือนมั่วๆ ไป (โดยไม่เจตนา) โดยเฉพาะช่วงพระเอกเอาตัวรอดจากการถูกมัด (ถึง 2 ครั้ง 2 ครา) ความที่อยากสร้างความลึกและสีสันให้ตัวพระเอก ตัวละครอื่นในทีมงานก็เลยกลายเป็นของประดับฉากไปโดยปริยาย นึกถึงสมัยหนังทีวี บทของ บาร์บารา เบน และมาร์ติน แลนเดานั้น เล่นได้เจ๋ง และลึก มีชีวิตชีวามากๆ ขนาดเกร็ก มอร์ริส หนุ่มผิวดำในเรื่องซึ่งดูนิ่งๆ ก็ยังเด่น(กว่าหัวหน้า ปีเตอร์ เกรฟ เสียอีก) จนเป็นที่ติดใจของคนดู ขนาดคุณฉลอง ภักดีวิจิตร ต้องเอาตัวมาเล่นหนังเรื่อง "ทอง" ในตอนนั้น ถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ได้สร้างโดยซูเปอร์สตาร์อย่างทอม ครูส มันจะออกมาเป็นรูปไหนกันนะ..ไม่แน่ อาจจะได้สไตล์ดั้งเดิมอันเป็นเสน่ห์ของขบวนการพยัคฆ์ร้าย กลับมาก็ได้..ใครจะรู้ โดย: Bkkbear IP: 124.120.196.163 วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:00:25 น.
เอ่อ...ผมมีคำถามครับ
ไอ้ตีนกระต่าย...มันคืออะไรหรือครับ เป็นอาวุธชีวภาพใช่ไหมครับ โดย: ก้อง IP: 125.25.21.104 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:40:43 น.
ถามต่อครับ กระต่ายต้องพิการแน่ๆ เพราะมีตีนเดียว
โดย: Movie Mania IP: 202.142.201.230 วันที่: 26 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:14:16 น.
ดูมันๆ ขำๆ เพลินๆดี
![]() โดย: deadman IP: 203.156.86.185 วันที่: 13 มิถุนายน 2549 เวลา:18:00:00 น.
ชอบภาคแรกมากที่สุด ทำให้รู้สึกถึงความเป็น MI
ได้มากที่สุด ![]() โดย: HHH IP: 203.170.246.99 วันที่: 15 มิถุนายน 2549 เวลา:13:38:32 น.
เจ เจ เขาต้องการให้ออกมาแนวดราม่ามากกว่าทุกภาค เหมือน 007 ภาคล่าสุด ประมาณว่าจะเก่งฉกาจแค่ไหน ก็เจ็บเป็น ก็รักเป็น เสียใจเป็น
โดย: เทพ IP: 58.8.173.64 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:1:09:13 น.
รบกวนหน่อยค่ะหนังเรื่องที่ทอมเล่นเป็นตำรวจหรือเปล่าไม่แน่ใจ ที่ลูกชายถูกลักพาตัวไปแล้วมีผู้หญิงหัวโล้นเป็นผู้หยั่งรู้ อยากรู้ว่าชื่อเรื่องอะไร เมื่อวานดูแล้วสนุกมากอยากดูอีกแต่ไม่รู้ชื่อเรื่อง
รบกวนช่วยหน่อยนะค๊ะ ขอบคุณค่ะ โดย: Nuly (Valen&Nuly
![]() บทความทั้งหมด
|
|
ขาดเสน่ห์ของ M:I ไปครับ
ดูได้มันๆ อยากให้หักเหลี่ยมเฉือนคมเเบบ เจสัน บอนด์ ซึ่งมันมาก เเอ็คชั่นไม่ต้องเยอะ