โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง


ข้อมูล: หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง / เป็นผลงานหนังชิ้นแรกของ เวิร์คพอยท์เอ็นเทอร์เทนเมนท์ และ หนังเรื่อง นางสาวสุวรรณ ที่ถูกอ้างอิงในเรื่องก็เป็นหนังไทยเรื่องแรกของสยามประเทศที่ออกฉายในปี 2466 ตามช่วงเวลาเหมือนในเรื่อง


... ปีพ.ศ. 2466 ลิเก กำลังจะถูกลืม หนังใหญ่ กำลังจะเข้ามาแทนที่ คนดูเริ่มเปลี่ยนแนวทางไปดูหนังมากกว่าการดูลิเก การมาแบ่งปันพื้นที่ของวัฒนธรรมตะวันตก ค่อยๆคืบคลานเข้ามาผ่านกองถ่าย นางสาวสุวรรณ หนังใหญ่ที่กำกับโดยทีมของคนฝรั่งและร่วมหุ้นโดยคนไทย การถ่ายหนังจำเป็นต้องใช้สถานที่ วิกลิเกรวมไปถึงบ้านพักของบุญเท่งและครอบครัวจึงถูกรื้อออกเพื่อใช้ในการถ่ายทำ ไม่แค่เท่านั้นพื้นที่บริเวณนั้นยังถูกมองเป็นเป้าหมายของการสร้างโรงหนังแห่งใหม่อีกด้วย

บุญเท่ง น้อยโหน่ง และชาวคณะ จำต้องร่วมมือกันปกป้อง วิกลิเก แห่งนี้ด้วยชีวิต เพราะมันเป็นทั้งที่ทำงาน เป็นทั้งบ้าน ทั้งสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น

...ในเวลาเดียวกันนั้น บุญเท่ง ก็ตกหลุมรักกับ นวลจันทร์ นางเอกของหนังใหญ่นางสาวสุวรรณ ผู้มีพ่อเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ต้องการยึดครองวิกลิเกของเขาพร้อมๆกับ น้อยโหน่ง ก็ตกหลุมรักลิ้นจี่น้องสาวคนงามของบุญเท่ง

...แล้วหนังก็เล่าเรื่องการต่อสู้ของวัฒนธรรมและการต่อสู้ของความรักต่างชนชั้นไปอย่างขำๆตลอดความยาว 2 ชั่วโมง ในส่วนการต่อสู้ของความรักต่างชนชั้นเป็นไปตามครรลองของหนังตลกขำๆฮาๆทั่วไปไม่มีอะไรน่าสนใจนัก ที่น่าสนใจมากกว่า คือ มุมมองการต่อสู้กับวัฒนธรรมตะวันตกที่คืบคลานเข้ามาเมืองไทย

ในหนัง ความเป็นไทยแท้(ลิเก) กำลังถูกเคาะประตูจากตะวันตก(หนังใหญ่) แต่การมานั้นเป็นการบุกรุกเอาเปรียบแบบมัดมือชก เป็นการกลั่นแกล้งรังแก เพราะมีทั้งการไล่ที่ การรื้อถอน การทำร้ายคนในวิกลิเก จนทำให้ บุญเท่ง อดทนไม่ไหว คิดจะเอาคืนด้วยการ ทำลายฟิล์มหนังของฝรั่ง

ฉากสำคัญฉากหนึ่งในหนัง นวลจันทร์ พยายามยับยั้ง บุญเท่งที่กำลังจะทำลายฟิล์มหนังนางสาวสุวรรณ นวลจันทร์บอกเขาว่า การทำเช่นนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะ ฟิล์มเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไรผิด หนังไม่ได้ทำร้ายใคร ภาพยนตร์ คือ ความทรงจำที่ถูกบันทึกไว้ผ่านแผ่นฟิล์ม การทำลายฟิล์ม ก็เท่ากับการทำลายความทรงจำที่มีโอกาสได้อยู่ถ่ายทอดต่อไปเป็นร้อยปีให้ลูกหลานเราได้ดู

...เรามักปาวร้องประกาศต่อต้านการบุกรุกของวัฒนธรรมต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือน อย่างในเรื่อง พ่อของบุญเท่งยืนยันไม่ยอมให้คนใกล้ตัวเข้าไปดูหนังในโรง ไม่ยอมแม้แต่จะเข้าใกล้โรงหนังใหญ่ ทั้งที่หากดูให้ดีแล้ว การมาของวัฒนธรรมตะวันตกนั้น มันไม่ได้เข้ามากลืนกินความเป็นไทยเสมอไป การพบปะกันของสองวัฒนธรรมที่แตกต่างสามารถอยู่ร่วมกันด้วยดีได้ เหมือน ฉากสำคัญในโหมโรง ที่ตัวเอกเล่นระนาดในท่วงทำนองเพลงตะวันตกคู่กับเปียโน

.... ไม่ว่าจะ โหมโรง หรือ โหน่งเท่ง แสดงให้เราได้เห็นว่า ศิลปะไม่สามารถทำลายศิลปะด้วยกัน คนต่างหากที่ทำลายมัน เช่นในเรื่อง บ่อนทำลายศิลปะวัฒนธรรมนั้น หาใช่ ศิลปะจากประเทศอื่นไม่ แต่เป็น คนไทยด้วยกันเองต่างหากที่มิได้เข้าใจศิลปะอย่างแท้จริงและถูกครอบงำด้วยระบอบทุนนิยมไม่รู้จักคุณค่าของงานศิลปะ

ซึ่งหากท้ายที่สุด บุญเท่ง เผาฟิล์มหนัง มันไม่ได้แสดงว่าเขาทำเพื่อศิลปะของชาติเราแต่อย่างใด ตัวเขาก็ไม่น่าจะได้ชื่อว่า เป็น ศิลปินไทย เพราะ ศิลปินที่ทำลายศิลปะคนอื่นแม้จะเพื่อปกป้องผลงานตัวเอง ก็มิอาจเรียกได้ว่า ศิลปิน การเผาฟิล์มของบุญเท่งไม่ต่างอะไรจากอันธพาลที่มารื้อวิกลิเกของเขาที่เป็นได้เพียง ขยะสังคมที่ถ่วงการเจริญของวัฒนธรรมผู้ไม่รู้จักคุณค่าของศิลปะ

โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง...มีดีต่างจากหนังตลกประเภทตีหัวเข้าบ้านทั่วไป ที่นิยมใช้มุกต่อมุกไปเรื่อยๆจนหนังจบบนความว่างเปล่าโหวงเหวง แต่ โหน่ง-เท่ง ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะนี่คือ หนังที่มี เนื้อเรื่อง อยู่พอสมควร ไม่ใช่แค่เอาฮาอย่างเดียวบนพล็อตทิศทางเดียวไม่มีรายละเอียดฯลฯ

...หลังจากดูจบแล้วทำให้เดาว่าตัวพล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้ในตอนที่เป็นเรื่องย่อ ต้องเป็นพล็อตของหนังตลกที่ดีมากเรื่องหนึ่งและสามารถขยายมาเป็นหนังตลกที่สอดแทรกสาระอย่างกลมกลืน ไม่ใช่พยายามจับยัดสาระเหมือนในหลวงพี่เท่งแต่การเล่าเรื่องเป็นตลกมุกชนมุก แต่เมื่อสร้างออกมาเป็นหนังแล้วแล้วการขยายมาเป็นบทหนังความยาวสองชั่วโมง มันแสดงให้เห็นว่าตัวบทยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะการไปให้ความสำคัญกับความตลกจนมากเกิน

...จริงอยู่ว่านี่เป็นหนังตลกไม่ใช่หนังดราม่า แต่ก็ใช่ว่า จะจำเป็นที่ต้องไปเน้นความฮาให้ยาวนานมากมาย เพราะหลายตอนที่คนดูรู้สึกได้ว่าหนังใช้เวลาไปมากอยู่กับการเล่นมุก มากจนทำให้บางซีนที่หนังทำให้คนดูตลกแล้วต้องมารู้สึกเฝือต่อเพราะหนังไม่ยอมจบซีน(เช่น ตอนต้นที่โหน่งวิ่งหนีไปมา ฯลฯ) ซึ่งปัญหานี้พบได้อยู่เป็นประจำในช่วงสามช่าของชิงร้อยชิงล้าน ประเภทคนดูขำแล้วแต่ตัวนักแสดงยังสนุกกับการเล่นมุกอย่างยืดเยื้อ หรือ บางฉากที่หนังพยายามเล่นมุกโดยไม่จำเป็นและทำให้บทสรุปของฉากนั้นไม่ได้ผลไม่ว่าจะทั้งทางซึ้งหรือทางขำ(เช่นฉากดูพระอาทิตย์บนภูเขาทอง ฯลฯ) หนังพยายามขยายส่วนตลกในแต่ละช่วงให้ยาวยืดจนเกินไป

แล้วพอจะผสมผสานส่วนสาระกับส่วนตลก หนังก็ยังทำได้ไม่ดีนัก มันจึงทำให้ บางช่วงก็ยักแย่ยักยัน ขำก็ขำได้ไม่สุด มันมีช่วงที่คนดูไม่ขำ และ คนดูก็ไม่สามารถจะจับสาระนั้นได้ ได้แต่รอว่า มุกฮาๆเมื่อไหร่จะถูกปล่อยออกมาอีก จนทำให้มันเกิดช่วงเงียบเหมือนกับเครื่องยนต์ที่เดินหน้าอยู่ๆก็ผ่อนลงจนบางทีก็ดับวูบไป และ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่าหนังยาวเกินไป ทั้งที่เนื้อหาหนังสามารถทำให้ความยาวสองชั่วโมงมีคุณภาพกว่านี้ได้

...ความตลกของหนัง ยังคงเป็นไปในแนวเดียวกับบนเวทีของแก๊งค์สามช่าที่ฉายทางทีวีทุกวันพุธ ซึ่งแฟนรายการประจำคงรู้ว่า บางสัปดาห์ก็ขำเรี่ยราดฮากันเข้าไป บางสัปดาห์ก็ขำๆฝืดๆ บางสัปดาห์ก็ฝืดเป็นส่วนใหญ่ ก็พอเข้าใจได้เพราะการที่ต้องมีรายการทุกสัปดาห์จะให้ฮากันระเบิดระเบ้อทุกพุธก็เป็นโจทย์ที่ยาก ในหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน มุกแรกที่ปล่อยออกมาจากเท่งทำให้คนดูสามช่าเป็นประจำแล้วเคยขำก็ขำต่อทั้งที่เดาได้โดยอัตโนมัติว่าเขาจะพูดอะไร หลังจากนั้น มุกที่เหลือที่ปล่อยออกมา ก็เป็นเช่นเดียวกันนั่นคือ เหมือนกับการนั่งดูสามช่าทางทีวี มีทั้งขำมากที่สุด ไปจนถึง ขำขำ และ ไม่ค่อยขำเท่าไหร่ สลับกันไปมา จุดนี้เป็นจุดที่น่าเสียดาย การทำหนังใหญ่ มีเวลาให้คิดมากกว่าทำรายการทีวี เพราะไม่ต้องรีบนำเสนอออกมาฉายทุกสัปดาห์ ดังนั้นหนังน่าจะกลั่นกรองแล้วเลือกมุกที่มั่นใจว่ายิงแล้วได้ผล มาเล่น มากกว่าที่เลือกมุกทั่วๆไปมายิงกันโปรยปรายแล้วกลายเป็นมุกแป้ก

...ทั้งโหน่งและเท่ง เล่นกันได้แบบสบายๆ ไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมาย การจับคู่กันนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเข้าคู่ ทั้งสองคนนำพาหนังไปสู่เป้าหมายได้อย่างสบายๆไม่มีปัญหา

ถึงทั้งคู่จะเป็นดารานำที่ทำหน้าที่ได้ดี แต่ในจอทั้งคู่ยังให้ความรู้สึกเหมือนแค่เท่งโหน่งบนจอทีวีสามช่าที่ขยายขนาดขึ้นจอใหญ่ ซึ่งต่างจาก หนังใหญ่เรื่องก่อนๆที่เขาเคยเล่น เช่น โหน่งเคยฉายพลังดาราได้มากกว่านี้ในสายล่อฟ้าหรือเล่นสั้นๆเป็นตัวประกอบในบอร์ดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมก็เด่นกว่านี้ เท่งในหลวงพี่เท่งมีรัศมีของนักแสดงนำในหนังมากกว่าการเป็นเท่งจากแก๊งค์สามช่า หรือ หม่ำที่ได้รับเชิญไปเป็นตัวประกอบมาหลายต่อหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ทั้งที่เป็นหนังของทีมตัวเอง การปรากฎตัวของหม่ำกลับใช้ประโยชน์จากหม่ำได้ไม่มากเท่าเรื่องอื่นๆ

...ผู้กำกับ พาณิชย์ สดสี แม้จะคุ้นเคยกับทั้งสามคนบนจอทีวีมาหลายปีในฐานะโปรดิวเซอร์ของแก๊งค์สามช่า แต่ กลับไม่สามารถดึงศักยภาพและแสดงพลังดาราของทั้งสามให้มาเกิดบนจอใหญ่ได้มากพอ มันเลยกลายเป็นแค่เท่งโหน่งชะชะช่ามาขึ้นจอหนังย้อนยุค เดาว่า การคุ้นเคยของผู้กำกับมากเกินไปอาจเป็นจุดอ่อนในจุดแข็ง คือ รู้ว่าสองคนนี้มีดีอะไรก็ดึงออกมา แต่ไม่สามารถเห็นมุมมองที่แตกต่างมากไปกว่าการเป็นสมาชิกของแก๊งค์สามช่า มุกที่ออกมาก็เช่นกันทั้งจุดดีและปัญหาก็ไม่ต่างจากในรายการทีวี อย่างไรก็ดี ในฐานะผู้กำกับหนังใหญ่ชิ้นแรกก็ต้องถือว่าเป็นผลงานหนังตลกที่น่าชื่นชม สำหรับการผสมผสานสาระความฮา และ การเล่าเรื่องของหนังที่อาจยังมีร่องรอยสะดุดอยู่บ้าง แต่ ภาพรวมของหนังแล้วถือว่าเป็นหนังตลกที่มีคุณภาพเรื่องหนึ่ง ที่ต้องชมมากเป็นพิเศษคืองานสร้างของหนังเรื่องนี้ ที่เนรมิตกรุงเทพเมื่อ 80 กว่าปีก่อนออกมาได้บรรยากาศไทยๆดูน่าเชื่อถือ แสดงออกถึงความประณีตทั้งฉากและเครื่องแต่งกายเป็นอย่างดี

สิ่งที่ชอบ

1.โหน่ง+เท่ง ... ใครชอบ ฮะโหน่งมาแว้ว กับ หลวงพี่เท่ง ก็ไม่ผิดหวัง ทั้งสองคนยังคงเข้าคู่กันเรียกเสียงฮาได้ตลอดทั้งเรื่อง สังเกตเลยว่า หากคนใดคนหนึ่งไปจับคู่กับใครในหนังแล้วเล่นมุกก็ยังไม่ฮาเท่าสองคนนี้มายืนเฉยๆเสียด้วยซ้ำ เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ยากจะหาใครมาเลียนแบบ

2.ตลกมีเนื้อเรื่อง ... ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นหนังตลกบ้านเรา มีความพยายามในการให้หนังมีรายละเอียดของเนื้อหาสาระ มีซับพล็อตในพล็อตหลัก มีความพยายามที่จะทำให้เป็นหนังมากกว่าเป็นตลกขึ้นจอใหญ่ และเรื่องนี้ ความพยายามที่ทำออกมาถือว่าทำได้ดี ประเด็นที่หนังหยิบมาใส่ก็เป็นประเด็นที่ไม่ซ้ำซาก มีมุมมองข้อคิดที่ดี

3.สวยไทยๆ.. นวลจันทร์ (นิกัลยา ดุลยา) + ลิ้นจี่ (อิสรีย์ สงฆ์เจริญ) คนคัดนักแสดงสองคนนี้เลือกคนมาได้ถูกต้องดีเหลือเกิน เพราะทั้งสองคนนี้ดูสวยแบบไทยโบราณและเข้ากับบุคลิกตัวละครทั้งสองบทได้ดี

4.งานสร้าง ... สวยงามและได้บรรยากาศไทยย้อนยุค ภูเขาทองในหนังเมื่อมองจากภายนอกนั้นสวยงามดี

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ฮาไม่มีประสิทธิผล ... ฮาน้อยกว่าที่หวัง เมื่อเปรียบกับชิงร้อยชิงล้านผมยังรู้สึกว่า มุกในเรื่องนี้มุกที่ฮาสุดๆก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับมุกที่ฮาสุดๆของชิงร้อยชิงล้าน จริงอยู่เวลาสองชั่วโมงมันอาจจะยากที่จะทำให้ฮาได้ทุกเม็ดทุกหน่วย แต่หลายมุกเลยที่รู้สึกว่ามันไม่น่าจะฮาอยู่แล้ว มันดูเกร็งๆ และ มีช่วงเวลาที่เรียกได้ว่า เงียบเสียงฮา หรือ แค่หึๆในลำคอ อยู่หลายช่วงทีเดียว

2.ความยาว ... เชื่อว่า ถ้าหนังตัดต่อให้สั้นกว่านี้ ตัดมุกที่ไม่จำเป็น ไม่ปล่อยบางฉากให้ยืดเยื้อเกินไป หนังยังจะออกมาได้สนุกมากกว่านี้

สรุป ... ถือว่าเป็นหนังตลกไทยๆที่น่าพึงพอใจถ้าเทียบกับหนังตลกของไทยเราที่สร้างๆกันมา ชอบดูสามช่าฮากับมุกพวกเขา ไปดูแล้วไม่ผิดหวังไม่เสียดายตังค์ หนังมีทั้งขำและฝืดสลับกันไปมา ที่ชอบมากกว่าความฮา คือ การสอดใส่สาระเข้าไปในหนังและงานสร้างที่ทำออกมาได้อย่างมีระดับ แต่ถ้าคุณดูหม่ำ-เท่ง-โหน่งกี่ทีก็ไม่มีซักครั้งที่ขำออก คาดว่าเสียดายตังค์แน่นอน



ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป



Create Date : 01 เมษายน 2549
Last Update : 3 เมษายน 2549 0:40:45 น.
Counter : 3708 Pageviews.

19 comments
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh
(2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)
  
อืม มา ComMent ให้นะครับ อืมๆ บล๊อคน่าสนใจดี แต่...แต่

อย่าลืมไปเขียน บล๊อคผมมั้งนะครับ นะนะ ค้าบบบ
โดย: Nanoดะ วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:2:55:40 น.
  
ครับใช่เลย ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจดีทีเดียว พล็อตเรื่องดี มีสาระน่าคิด
คงต้องไปหยิบหามาดูเสียแล้ว เชื่อหรือเปล่าครับว่า ตอนนี้หนังไทยกำลังเป็นที่สนใจของชาวจีน
หนังดีๆมีแผ่นมาขายในจีน แต่น่าเสียใจตรงที่ว่าเป็นแผ่นผี และไม่มีโรงฉาย
หากสมาคมหนังไทยติดต่อมายังทางสมาพันธ์ภาพยนต์จีน
อีกไม่นานหนังไทยจะมีตลาดขนาดใหญ่รองรับอยู่
หลายวันก่อนผมไปได้แผ่นเรื่องซีอุยมาดู หนังเป็นที่กล่าวกันมากในจีน เพราะมีดาราจีนเป็นตัวชูโรง
องค์บาก ต้มยำกุ้ง สุริโยทัย ก็ดังกันมากในจีน
หนังของอาร์เอส และแกรมมี่ก็มีแผ่นขายที่จีนเหมือนกันครับ

ผมคิดถึงบรรยากาศและตัวละครไทยๆในหนังเรื่องนี้ที่คุณเล่าจังเลยครับ
ขอบคุณมากครับที่เล่าสู่กันฟัง

ผมเองหายไปหลายวัน ไปถ่ายทำสารคดีมาครับ คราวนี้นำเรื่องสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มาฝากกัน(ยังเขียนไม่จบ มีภาพเยอะ) มีเวลาแวะไปอ่านชมกันได้น๊ะครับ
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:5:53:41 น.
  
ว่าจะไปดูเหมือนกัน
โดย: ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:10:54:18 น.
  
ไม่เคยคิดว่าจะดูเลยค่ะ เรื่องนี้
โดย: กระจ้อน วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:11:00:02 น.
  
ไม่คิดว่าจะดูเหมือนกัน แต่ก็ได้ดูด้วยมติเสียงข้างมาก ไปดูกัน 5 คน มีคนยกมือเห็นด้วยที่จะดูเรื่องนี้ 3 คน พอดูจบออกมา คนที่เสนอความคิดที่จะดูเรื่องนี้บอกผมว่า "หนูขอโทษ"

แทบไม่อยากยกโทษให้เลยจริง ๆ
โดย: 9A วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:12:33:27 น.
  
อื้มม ที่อยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ เพราะอัพใหม่นี่เอง
โดย: อ่านจบแล้วก็แซว (แ ม ง ป อ ) วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:14:54:46 น.
  
ตอนแรกสนใจจะดูเหมือนกัน แต่พอได้เห็นตัวอย่างก็ตัดสินใจได้ว่า ไม่ดูดีกว่านิ พอเดาได้เลยว่าจะมาแนวอย่างที่คุณเจ้าของบล็อควิจารณ์ อย่างว่าแหละ ดูชิงร้อยชิงล้าน(แบบผ่านๆ )ก็คงพอแล้วสำหรับมุข (หรือมุก) ตลกบ้านๆ แบบนี้... หนังไทยสมัยนี้มันจะหาความพอดีๆ ไม่ได้เชียวหรือเนี่ย...
โดย: Bkkbear (Bkkbear ) วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:10:50:50 น.
  
ตอนเเรกก็ว่าจะเข้าไปดูแต่คนเยอะมาก และกลัวไม่ขำ
เลยลงเอย ที่เกมกระดานทะลุจักรวาล
โดย: Jr 2 IP: 58.147.94.104 วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:19:01:29 น.
  
ผมชั่งใจอยู่นะ ระหว่างการดูกับไม่ดูเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลก็คือ
+ สิ่งที่น่าดู
1. เป็นหนังใหญ่เรื่องแรกของเวิร์คพอยต์(+สหมงคล) ซึ่งถ้าพิจารณาจากรายการเกมส์โชว์ทั้งหลายที่คุณปัญญาสร้างสรรค์ขึ้นมา คาดว่าไม่น่าจะเป็นหนังตลกกลวงๆ ธรรมดาๆ อีกเรื่องนึง
2. ผมชอบบางตอนของเทรลเลอร์นะ บรรยากาศโบราณๆ (โปรดักชั่นน่าจะดี) กับชอบตอนที่หม่ำถูกถีบออกนอกจออ่ะคับ เหอะๆ

- สิ่งที่(คาดว่าจะ)ไม่น่าดู
1. ผกก.ใหม่-ค่ายหนังใหม่ ถึงแม้จะดาราเก่า แต่บางทีของบางอย่างก็ต้องผ่านการพิสูจน์เหมือนกัน (โดยเฉพาะเรื่องบทภาพยนตร์ ซึ่งหนังค่าย GTH มักจะได้ใจผมไป บทดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว)
2. ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมรึเปล่านะครับ (แฟนๆ แก๊ง 3 ช่าอย่าด่ากันนะ) ... อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวว่าผมออกจะเซ็งๆ มุกของแก๊ง 3 ช่ามานานแล้ว คือดูตอนแรกๆ ก็ตลกดี แต่พอดูบ่อยๆ มันชักจะซ้ำ แล้วก็เฝือ (เลยไม่ได้ดูชิงร้อยชิงล้านมาเป็นชาติแล้ว) ... ก็เลยคาดว่ามุกในหนังคงคล้ายๆ กัน (ซึ่งอ่านจากที่คุณผมอยู่ข้างหลังคุณเขียนไว้ แสดงว่าสิ่งที่คาดไว้ก็ไม่ไกลความจริงเท่าไหร่)

บทสรุป : จากการชั่งน้ำหนักแล้ว ผมเลยตัดสินใจ 'ไม่ดู' เรื่องนี้ตั้งแต่แรก ... และได้ไปดู Inside man มา (บทดีครับ โจรฉลาดโคตรๆ ตำรวจก็ฉลาด ... ถึงเนื้อเรื่องดูโอเวอร์ไปนิด แต่ก็ชอบนะ)
โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:10:36:26 น.
  
มาอ่านค่ะ

เรื่องนี้คงต้องดูแผ่นแน่ๆ เพราะหมดตัวไปกับงานหนังสือแล้ว


ไปงานหนังสือมาหรือยังคะ?
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:12:07:43 น.
  
มาจ่ายค่าอ่านครับ
โดย: หน่อย SNC IP: 58.136.102.235 วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:20:07:20 น.
  
เรื่องนี้น่าดูเหมือนกันนะคะ แต่หนังตลกอ่ะ ดูได้รอบเดียวก็หายฮาแล้ว
โดย: Mocha Macchiato วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:0:19:05 น.
  
ผมไม่ไปดู ก็เพราะ โหน่ง กับ เท่ง นี่แหละครับ
ยอมรับว่าไม่ค่อยชอบมุขของเขาสักเท่าไหร่
คาดว่าจะไปดู Be with me ที่ House พรุ่งนี้ครับ
โดย: Marvel' Boy IP: 203.154.242.2 วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:16:13:00 น.
  
นัทว่าที่ผิดหวังกันคงเพราะแต่ละตนตั้งใจมาดู"หนังตลก" แต่สำหรับนัทนัทไม่ผิดหวังเลยนะคะ
ไม่ใช่ไม่คาดหวังนะ เรื่องมุขอ่ะ
อาจเป็นเพราะนัทไม่เคยดูชิงร้อยด้วยมั้ง
แต่นัทว่าเค้าทำได้ดีมากๆเลยเรื่องนี้
ก็อย่างว่าแหละ สะดุดๆไปบ้าง มือใหม่ ให้อภัยกันหน่อย

พอดีว่านัทไม่ใช่แฟนคลับสามช่า
แต่เป็นแฟนคลับคุณปัญญา แฟนเวิร์คพอยท์ ก็เลยมั่งใจและอยากมาชมเนื้อหามากกว่า
สิ่งที่เคยกระทับใจอย่างฉากก็ทำได้เนี้ยบไม่เปลี่ยนแปลง

นัทว่า เปิดใจกว้างๆ แล้วจะพบกับสิ่งที่หนังอยากจะบอกค่ะ
โดย: Nat-NaN IP: 202.129.24.99 วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:23:04:33 น.
  
ผมว่า ถ้าทำดีๆเป็นหนังดรามาไปเลย ..เอาโหน่งเท่งออกไป ทำบทเศร้าๆหน่อย จะดีกว่านี้
โดย: p IP: 58.136.228.42 วันที่: 16 เมษายน 2549 เวลา:17:41:40 น.
  
คงต้องรอดีวีดี ชอบนางเอก หน้าไทยๆดีครับ
โดย: kid IP: 203.170.175.57 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:20:59 น.
  
น่าดู แต่เราดูแล้ว ฮิๆๆ
โดย: nam IP: 58.10.96.220 วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:22:02 น.
  
มุขแป๊ก มาก
แต่ตลกที่ไปดูกับเพื่อนรัก
ก็เลยมีความสุข
โดย: ฉันอยู่ข้างหลังคุณอีกที IP: 202.28.181.9 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:47:05 น.
  
น่าดูจังเลย
โดย: ปาน IP: 192.168.1.88, 124.157.238.82 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:14:42:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด