
.....หลังจากที่ผมต้องทนอิจฉาดูกระทู้คนอื่นที่ไปดูมาแล้วหลายกระทู้แต่ตัวเองยังไม่ได้ดูซักที ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้โอกาสที่จะเลิกอิจฉาได้แล้ว เพราะวันนี้เวลา19.15น.ผมจะได้ร่วมผจญภัยไปกับบริษัทPixarนี้เสียที และเพื่อความต้องการจะได้ดูภาพอย่างเต็มตาเต็มอื่ม ผมตัดสินใจสละลิโด้เพื่อไปหาระบบดิจิตอลในโรงSF Emporium
.......อะไรที่ทำให้Pixar ทำอนิเมชั่นออกมาได้อยู่ในระดับแนวหน้าภายในเวลาไม่กี่ปี ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้าเพียรพยายามมานานแสนนานก็เป็นได้แค่ลูกไล่ของ waltz disney ทั้งๆที่ก็ไม่ได้จ้างดาราดังๆมาพากษ์ ไม่ได้ใส่เพลงดังๆแล้วให้ตัวละครมาร้อง หรือเป็นเพียงภาพที่สวยงามกว่าเจ้าอื่นๆ ผมเองคิดว่าสิ่งที่เค้ามีมากกว่านั่นคือ
1.เนื้อเรื่อง......อนิเมชั่นของPixar ไม่ได้เป็นแค่นิทานที่เจ้าชายขึ่ม้าไปหาเจ้าหญิงจูบแล้วฟื้นกลับปราสาท แต่เป็นเรื่องราวที่เข้าได้ถึงทุกเพศทุกวัย เป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี และส่วนร่วมของทุกเรื่องเหมือนกับจะเป็นการพูดถึงการเรียนรู้ชีวิต (อีกหนึ่งสตูดิโอที่ผมคิดว่าโดดเด่นเหลือเกินในการให้แง่คิดและปรัชญาคือ สตูดิโอจิบลิ แต่เจ้านั้นมันออกจะยากเกินไปบ้าง)
Finding nemo....การเรียนรู้ถึงความเป็นพ่อที่ไม่จำเป็นจะต้องหมายถึงเฝ้าตามลูกไม่ห่างสายตาแต่เป็นพ่อที่พร้อมจะเฝ้าดูลูกเติบโตด้วยตัวเอง และการเรียนรู้ความกล้าที่จะเสี่ยง กล้าตัดสินใจเมื่อมารู้จักกับปลาขึ้ลืม
Toy story......การเรียนรู้ที่จะกลับมาเห็นคุณค่าบางสิ่ง พูดถึงของใกล้ตัวที่มีคุณค่าแต่เรามักจะละเลยเมื่อมันไร้คุณค่ากับเราแล้ว แต่เล่าโดยมุมมองของตุ๊กตา
A Bug's Life .....จากมดที่ใครๆก็ลืม มดขี้แพ้ แต่มีความฝันและกล้าที่จะออกไปเรียนรู้โลกกว้างและเชื่อมั่นในตัวเอง
2.คาแรคเตอร์.....พระเอกไม่ใช่เป็นแค่เจ้าชายรูปงามที่มีหน้าที่เพียงหาเจ้าหญิงที่นั่งรีดผ้าอยู่ในบ้านพักคนสวนรอการค้นพบ แต่บทตัวละครของ ใส่มิติและความลึกเข้าไปมากกว่านั้น เช่น พ่อวิตกจริตในNemo/ มดที่ถูกลืมอย่างFlik /พระเอกที่ทำใจไม่ได้เมื่อเห็นกล่องอื่นๆของตัวเองอย่าง บัซไลท์เยียร์ รวมถึงยังมีคาแรคเตอร์ที่คอยเป็นตัวขโมยซีนเช่น ปลามอรี่ขี้ลืม เต่าทองที่ไม่ชอบให้ใครเรียกlady และ หนังมักจะเลือกเล่าในมุมที่คนทั่วไปมักจะหลงลืมหรือเป็นมุมกลับอีกด้านที่คนไม่มอง เช่น เล่าชีวิตของของเล่น/เล่าชีวิตของสัตว์ประหลาดที่กลัวคน
...............The Incredibles ก็ไม่ต่างจากเรื่องก่อนๆที่ผ่านมาคือยังเป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี มีคาแรคเตอร์ที่หนังสนุกเหลือเกินที่จะเล่นกับคุณลักษณะพิเศษได้มากกว่าเรื่องอื่นๆ มีเรื่องราวที่พูดถึงมุมที่คนไม่มอง(แทนที่จะเป็นหนังของHeroไปปราบผู้ร้ายตัวเอ้ แต่เป็น heroที่ต้องทำตัวเป็นคนธรรมดา เหมือนผสมผสานเรื่องของX-men2 + Spiderman2 + Unbreakable ) การเรียนรู้ชีวิตจะต้องทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องใช้พลังวิเศษ จากสิ่งที่เคยเป็นและสิ่งที่เคยมี(ชื่อเสียง/พลัง)ที่เป็นสิ่งภายนอกเมื่อสูญเสียไป เราจะใช้ชีวิตด้วยสิ่งภายในของเราได้หรือไม่ (ดูแล้วเชื่อมต่อไปถึงBoundin' ตอนต้นที่พูดถึงการมีชีวิตอยู่ในสิ่งที่ตัวเองมีและสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งผมชอบมากๆที่สอดแทรกเนื้อหากับภาพและเสียงได้อย่างกลมกลืน)
สิ่งที่ชอบ 1.ภาพสวย.....ถ้านับเรื่องยาวที่ฉายโรง(ไม่นับตาแก่เล่นหมากรุกที่เป็นหนังสั้นปะหัว) ผมเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องแรกของPixarที่เป็นเรื่องของ "คน" ซึ่งที่ผ่านมาการที่เป็นโลกของเล่น โลกตุ๊กตา โลกใต้ทะเล หนังสามารถใส่สีสันและจินตนาการได้อย่างเต็มที่ แต่มาพูดถึงเรื่องของคน แล้วไม่น่าจะมีอะไรที่จะตื่นตาตื่นใจได้อีกเพราะเราก็ได้ดูในหนังคนแสดงทั่วไปอยู่แล้ว แต่หนังก็ยังสามารถที่จะให้ความสวยงามของภาพไปพร้อมกับฉากแอคชั่นได้อย่างน่าตื่นตะลึง ภาพที่เห็นในจอมันสวยและสมจริง(ไม่ได้สมจริงที่เหมือนกับโลกจริงแต่สมจริงในความเป็นหนังเรื่องนี้) จนเหมือนกับว่าเราได้อยู่ในโลกนั่นอยู่ด้วยจริงๆ รวมทั้งสีหน้าท่าทางการเคลื่อนไหวที่ทำได้เนี้ยบเหลือเกิน
2.คาแรคเตอร์...เข้าใจสร้างบุคลิกลักษณะของตัวละครแต่ละตัวได้น่ารักน่าชังจนเลือกไม่ถูกว่าในครอบครัวนี้ใครน่ารักที่สุด (แต่ผมเอนเอียงไปทางเจ้าตัวเล็กนะ ยิ่งตอนจบนี่ยิ่งน่าร้ากกก)ไปจนถึงตัวผู้ร้ายและดีไซเนอร์ นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอนิเมชั่นบริษัทนี้ที่ดีกว่าหนังใหญ่คนแสดงหลายต่อหลายเจ้าคือ ทำให้คาแรคเตอร์ที่เราดูมันจับต้องได้ น่าเชื่อถือและให้คนดูมีส่วนร่วมหรืออินไปกับการแสดง(ทั้งที่เป็นอนิเมชั่นนะเนี่ย)
3.คุณลักษณะ

.....ต้องชมคนคิดมากๆๆ ที่เข้าใจเลือกหาคุณลักษณะของheroมาใส่แต่ละบุคลิกของคนในครอบครัว ทั้งที่มันก็มีอยู่มากมายเช่นตาเลเซอร์ พลังไฟ ฯลฯ คงจะเลือกมั่วๆไม่ได้เพราะมันจะต้องนำไปสู่การพึ่งพาอาศัยและรับมือเหล่าร้ายให้สอดคล้องกัน ดังที่จะเห็นในหลายฉากที่ครอบครัวมาผนึกกำลังกัน
4.บทที่น่าสงสาร......มีอยู่2ตัวที่ดูแล้วแอบอดสงสารในใจไม่ได้ คือ ตัวผู้ร้าย(Syndrome)ที่มีปมตั้งแต่เด็กเพียงแค่อยากทำงานอย่างเป็นฮีโร่แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับก็เลยนำไปสู่การอยากจะเอาอย่างและการแข่งขันและการเอาชนะสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้เป็น และ Mirageที่คนรักเหมือนพร้อมจะสละเธอทิ้งไปและคนที่เธอชื่นชมก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว
5.Edna 'E' Mode .............ใครหนอช่างคิดบทนี้ขึ้นมา ทั้งลีลาทั้งเสียงและสำเนียงมันช่างเด็ดดวงเหลือเกิน เป็นบทที่ผมชอบมากๆและปลุกผมจากความง่วงในครึ่งแรกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเป็นตัวขโมยซีนอย่างแท้จริง ดูจนจบยังหวังให้เธอได้โผล่มาอีกแต่น่าเสียดายที่ไม่มีแล้ว(และเพิ่งรู้ว่าบทนี้ให้เสียงโดยผู้กำกับเรื่องนี้เอง)
สิ่งที่ไม่ชอบ 1.20-30นาทีแรก.....ในช่วงแรกผมไม่ค่อยสนุกกับหนังมากนักจนเกือบหลับช่วงที่พระเอกไปรับภารกิจปราบหุ่นยนต์ มันเนือยๆจนเกือบหลับ ยังคิดเลยว่าท่าจะผิดหวังซะแล้วเรื่องนี้ไหนเห็นมีแต่คนว่าดีนักดีหนาแต่หลังจากEdna 'E' Modeมาปลุกผมก็ทำให้ผมตื่นได้เต็มที่เสียที
2.Frozone .....เป็นบทที่เฉยๆมาก เวลาที่เค้าออกมาแล้วมันดูไม่มีความหมายเท่าไรเลย เหมือนผู้สร้างไม่ใส่ใจกับตัวนี้มากนัก คิดดูถ้าให้ยืนคู่กับเจ้าตัวเล็กตอนที่ยังไม่แสดงฤทธิ์ผมว่าเจ้าตัวเล็กยังดูน่าดูกว่าเลย
3.ขาดความกินใจ......ทุกเรื่องของPixar มีตอนที่ทำให้ผมซาบซึ้งกินใจอยู่จนน้ำตาซึมแทบทุกเรื่องจนเป็นเหมือนเอกลักษณ์อีกด้านของหนังที่ทำได้ดีในจุดนี้ทั้งที่ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องของคนเลยแม้แต่น้อย แต่เรื่องนี้พอเป็นเรื่องของคนเรื่องราวในส่วนของดราม่าที่พูดถึงความรักและความสัมพันธ์กลับทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก
สรุป................แน่นอนครับไม่เสียดายตังค์และคุ้มค่าอย่างยิ่ง แนะนำอยากให้ไปดูโรงที่เป็นดิจิตอลเหลือเกินเพราะภาพที่ออกมามันสุดยอดจริงๆ(คุ้มค่ากับการนอกใจเครือApexซักครั้ง) ความสนุกและบันเทิงได้อย่างเต็มที่แน่นอนแต่สิ่งที่อาจขาดหายไปคือความลึกซึ้งกินใจที่ผมว่าเรื่องก่อนๆทำได้ดีกว่าเรื่องนี้ จึงทำให้สุดยอดความประทับใจกับPixarของผมยังคงเป็นA Bug's LifeและToy story2อยู่เหมือนเดิมรอคอยเรื่องใหม่ว่าจะไปได้ไกลอีกเท่าไร ----แล้วครั้งหน้าไป"หมานคร"ด้วยกันมั้ยครับ----
ปล........Spoil สำหรับหนังและแฟนการ์ตูน 20th century boy................
ใครอ่าน 20th century boy บ้างครับ ผมเองรู้สึกว่ามันคล้ายคลึงเหลือเกินในเรื่องของ
"เพื่อน"ที่อิจฉาเคนจิอยากได้การยอมรับ จนทำไปสู่แผนการล้างโลก----->ก็คล้ายคลึงกับตัวSyndromeในเรื่องนี้
ตัวหุ่นยนต์------>รูปร่างเหมือนในหุ่นปี2000ในการ์ตูนเลย
พูดไปแล้วก็อยากอ่านเล่มถัดไปเร็วๆๆๆ
6/12/2004
ที่ไม่ชอบเลยก็คือ เสียงพากย์ไทย ฟังแล้วรับไม่ได้จริงๆ ที่เอาดารามาพากย์เสียง ฟังแล้วมันไม่ได้อารมณ์ของตัวละครนั้นๆ ได้เลย