จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 3 ตอนที่ 4)


ผมไปถึงซิลเวอร์สตาร์ราวสี่ทุ่มเกือบครึ่ง เลือกนั่งได้ที่เดิม บ๋อยเข้ามาถามความต้องการเรื่องเครื่องดื่มของผม ผมเอาขวดวิสกี้ที่หิ้วเข้ามาด้วยขึ้นมาวาง แล้วสั่งไปแค่น้ำแข็งกับโซดา เขาบอกว่าผมจะต้องเสียค่าเปิดขวดร้อยหนึ่ง ผมไม่ขัดข้อง เงินมันแน่นกระเป๋า ร้อยเดียวมันไม่ถึงเศษ แล้วผมก็อยากจะกินเหล้าชั้นดีอย่างแท้ มากกว่าที่จะเสี่ยงกินไอ้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของไนต์คลับ

พอบ๋อยผละไป แม่ต๊อยก็ถลามาจากไหนก็ไม่รู้ มานั่งแปะลงข้าง ๆ ผม ก้นยังไม่ทันถึงเบาะก็พูดขึ้นว่า

“ เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นน่ะพี่ พอพี่ออกจากบ้าน ต๊อยก็ได้ยินเสียงปืนหลายนัด แล้วสักประเดี๋ยวก็มีรถตำรวจเข้ามา เสียงผู้คนเอะอะกันใหญ่ ”

ทำไมหล่อนถึงเปลี่ยนสรรพนามให้ผมเสียจับใจยังงั้นก็ไม่ทราบ แถมยังจับแขนผมอย่างสนิทสนม ผมหันไปมอง วันนี้แม่ต๊อยดูสวยกว่าวันวาน ผมตอบไปว่า

“ ทำไมต๊อยไม่เปิดประตูออกมาดูล่ะ ”

หล่อนสั่นหน้า

“ ไม่เอา ต๊อยกลัว ดับไฟเงียบเลย มาได้ยินเขาพูดกันเอาตอนเช้าว่า มีคนถูกยิงตายคนนึงที่หน้าบ้านพอดี ต๊อยยังไม่กล้าออกจากบ้านจนเขาเอาศพไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นน่ะพี่ ”

ผมหัวเราะเสียยังงั้น ไม่ตอบ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงถึงจะไม่ต้องถูกซักต่ออีกยืดยาว

“ ต๊อยยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย คืนนี้เห็นจะต้องไปขอเพื่อนนอนที่บ้านเขา ” แม่ต๊อยรำพันเบา ๆ

“ พี่ไปนอนเป็นเพื่อนให้ก็ได้นี่ ” ผมฉวยโอกาสเปลี่ยนสรรพนามให้ตัวเองให้เข้าเรื่อง “ ไปต่ออะไร ๆ ให้มันจบ ”

หล่อนซัดมือที่ต้นแขนผมเผียะ

“ บ้า ! ยังกับง่ายนักนี่ ”

“ อะไรที่มันง่ายก็ให้มันง่ายเสียบ้างซีต๊อย ” ผมว่า “ ทำให้มันยาก เดี๋ยวมันก็จะยุ่ง ”

“ คอยไปเถอะ ” หล่อนพูดแค่นั้นแล้วนิ่ง

“ วันนี้มีอะไรที่จะขอความช่วยเหลือจากต๊อยสักเรื่อง” ผมพูดให้เข้า
เรื่อง

“ เรื่องอะไรล่ะพี่ นอกจากเรื่องให้ช่วยปลดเปลื้องความใคร่แล้วละก็ พอจะรับได้ ”

“ ไอ้เรื่องนั้นมันก็ต้องมาถึงวันหนึ่งแน่ พี่คอยได้ ว่าแต่ต๊อยอย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน ใครไม่ทำตามสัญญาน่ะแหละ จะมีอันเป็นไปต่าง ๆ ”

“ จะวานอะไรยังไม่เห็นบอก ” หล่อนตัดบท

ผมล้วงเอาเงินออกจากกระเป๋าสตางค์และที่เสียบเอาไว้ที่กระเป๋าหลังออกมา เหลือเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ไม่กี่พัน ส่งให้หล่อน

“ ต๊อยช่วยเก็บไว้ให้พี่ที ”

แม่ต๊อยมองดูปึกเงินในมือผมนิ่งอยู่นานก่อนจะพูดออกมาว่า

“ เรื่องอะไรเอาเงินมาให้ต๊อยเก็บ มันหายไปจะว่ายังไง ”

“ หายก็หาย ช่างมัน ” ผมพูดออกมามองดูตาหล่อน “ อยู่กับพี่มันก็จะหายเหมือนกัน พี่ไม่มีที่เก็บ แล้วก็ยังหาคนที่ไว้ใจได้อย่างต๊อยให้เก็บไว้ให้ไม่ได้ ”

“ เรื่องอะไรถึงจะมาไว้ใจต๊อยให้เป็นคนเก็บเงินเป็นปึก ๆ ยังงี้ ” หล่อนจ้องผมเขม็งเหมือนกัน

“ ก็เรื่องที่ไม่รู้จะไว้ใจใครดีกว่าต๊อยนั่นยังไง แล้วก็อีกหน่อยพี่อาจจะได้เป็นตัวแทนคุณร้อยเอกของต๊อยก็ได้ จะไม่ให้ไว้ใจต๊อยได้ยังไง ”

หล่อนมองดูปึกธนบัตรแล้วมองดูผมอีก ไม่พูด ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นหันมาพูดว่า

“ จะถึงเวลาร้องของต๊อยแล้ว เดี๋ยวก่อนนะ ”

ผมยึดมือหล่อนไว้เบา ๆ นึกอะไรขึ้นมาได้ ถามไปว่า

“ เพลงจับปูดำ ขยำปูนาน่ะ ต๊อยร้องทุกคืนหรือเปล่า ”

“ ไม่ค่อยได้ร้องหรอกเพลงนี้น่ะ นอกจากจะมีคนขอให้ร้อง ”

“ เมื่อคืนนี้ มีคนขอให้ร้องงั้นหรือ ”

หล่อนพยักหน้า

“ แขกจรมาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามาก็เขียนให้บ๋อยเอาขึ้นไปให้ต๋อยร้อง พี่ชอบหรือคะ เดี๋ยวต๊อยร้องให้ฟังเอามั้ย ”

“ ไม่ต้องหรอก ” ผมรีบปฏิเสธ

อะไร อะไร ดูมันจะวกวนหนักขึ้น ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าแม่ต๊อยกับนายวรวิทย์หรือเสี่ยตั้งคนนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกันตรงไหน อีตาผู้การเยี่ยมนี่แกเอาอะไรมาให้ผมเล่นก็ไม่รู้ แกบอกเสียด้วยว่าผมตามรอยถูกแล้ว แต่ผมดู ๆ แล้ว ไอ้รอยนี้ชักจะกว้างขึ้นทุกที

ผมนั่งอยู่กับวิสกี้ไม่กี่อึก แม่ต๊อยก็ขึ้นไปบนเวที เสียงคนปรบมือเกรียวตั้งแต่ยังไม่เริ่มจับไมโครโฟน แล้วหล่อนก็คารวะแขกด้วยการกระพุ่มมือไหว้งาม ๆ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ วันนี้พวกแฟน ๆ ของแม่ต๊อยคงจะบังเอิญมาเจอกันมากเป็นพิเศษ เพลงของหล่อนทุกเพลงมีชีวิตชีวาด้วยลีลาการร้องที่เป็นของตัวเอง บางเพลงเป็นเพลงแปลกและใหม่ที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือผมมันไม่ค่อยเอาไหนเรื่องเพลงอยู่ด้วยก็ไม่รู้ ผมชอบอยู่อย่างก็ตรงที่แม่คนนี้ไม่เคยร้องเพลงฝรั่ง เพลงของหล่อนเป็นเพลงไทยล้วน ๆ ท่วงทำนองทันสมัย ลีลาในการร้องของแม่คนนี้นี่ซิที่เหลือร้าย หล่อนเล่นกับเพลงและเสียงของตัวเองได้อย่างเหมาะเจอะและน่าดูชม

ผมลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ติด ๆ กับเคาน์เตอร์บาร์ ผมไม่ได้อยากจะเข้าไปจริง ๆ เดินเข้าไปเดี๋ยวเดียวผมก็กลับออกมา เดินไปอีกฟากหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ว่าง บ๋อยที่ประจำอยู่ทางด้านนั้นก็เข้ามาคอยรับคำสั่ง ผมสั่งวิสกี้โซดาไป และขอกระดาษปากกาของเขา เขียนชื่อเพลงจับปูดำ ขยำปูนาลงไป แล้วบอกให้บ๋อยคนนั้นเอาไปส่งให้นักร้องที่กำลังร้องอยู่ นัยน์ตาผมคอยจับมองอยู่ที่โต๊ะเดิม เงินของผมยังกองอยู่ที่นั่น ต้องคอยดูไว้

บ๋อยคนนั้นเข้าไปสั่งเครื่องดื่มของผมที่บาร์ แล้วก็เดินไปที่เวที ส่งใบขอเพลงของผมให้แม่ต๊อย หล่อนรับไปดู อ่านแล้วกำไว้ในมือ หันไปมองทางโต๊ะที่ผมนั่งอยู่เดิม เพ่งอยู่พักหนึ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ร้องเพลงต่อไปอย่างเดิม แต่สายตากวาดไปทั่ว ๆ

ที่มุมที่ผมนั่งอยู่มันบังเหลี่ยมของห้องน้ำ และมีโต๊ะบังอยู่ข้างหน้า หล่อนไม่เห็นผม ผมนั่งอยู่กับวิสกี้ถ้วยใหม่จนหมดถ้วย แม่ต๊อยก็ยังไม่จบการร้อง ผมเรียกบ๋อยมาชำระค่าวิสกี้ถ้วยนั้น แล้วนั่งรอจนสายตาของหล่อนผันผายไปทางอื่น ผมจึงลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำอีกที แล้วออกมาเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเดิมอย่างเก่า พอดีแม่ต๊อยจบเพลงสุดท้าย เสียบไมค์เข้าที่แล้วก็เดินลงเวทีมา ผมไม่ได้ยินหล่อนร้องเพลงที่ผมขอ

ผมนั่งอยู่ครู่ใหญ่ แม่ต๊อยกำลังเดินไปทักทายกับแขกต่าง ๆ ตามโต๊ะ บางโต๊ะหล่อนก็นั่งคุยด้วยสักครู่ บางโต๊ะก็เพียงแต่เข้าไปทักทายพูดจาด้วยพอเป็นพิธี หล่อนเดินไปจนทั่วทุกโต๊ะแล้วก็เดินไปทางบาร์ ผมเห็นหล่อนยืนพูดกับบ๋อยคนที่ผมเขียนใบขอเพลงให้ไปส่งให้นั้น บ๋อยคนนั้นพูดอะไรกับหล่อนแล้วหันไปมองรอบ ๆ ส่ายหน้า ชี้ไปทางประตูเข้าออก หล่อนก็ผละมาจากบ๋อยคนนั้น เดินมาหาผม

เงินที่ผมควักออกมานั้นยังกองอยู่ที่เบาะนั่ง ที่ตรงนั้นเป็นมุมมืด และบ๋อยคนที่รับใช้อยู่ประจำโต๊ะก็ยังยืนเฝ้าอยู่ห่าง ไม่มีใครเข้ามาใหม่ แล้วผมก็จับตามองของผมอยู่ตอนที่ผมยักย้ายไปที่อื่นเพื่อเล่นอะไรของผมนั่น

แม่ต๊อยนั่งเกือบจะทับกองเงิน ผมต้องเอามือกันไว้ หล่อนก้มลงมองกองเงินแล้วว่า

“ พี่ทิ้งมันไว้ยังงั้นน่ะหรือ เมื่อกี้นี้หายไปไหน ต๊อยมองมาไม่เห็น ”

“ เข้าห้องน้ำแล้วทิ้งเงินไว้ยังงี้ หายไปว่ายังไง ” หล่อนดุเอา

“ ถึงว่านั่นซี พี่ถึงได้อยากฝากให้ต๊อยเก็บไว้ให้ ”

“ พกเงินมาทำไมกันน่ะ มากมายยังงี้ ” หล่อนทำตาขึงเอาอีก “ แล้วทำไมถึงไม่ไปไว้บ้าน พกเงินมาก ๆ ยังงี้มาที่นี่ทำไม ”

“ มันคิดถึงต๊อย ได้เงินมา ทางนี้มันทางผ่านก็เลยแวะมาหาต๊อยก่อน ตั้งใจจะเอามาให้ช่วยเก็บไว้ให้ด้วย ”

“ แล้วเรื่องอะไรมาไว้ใจต๊อยให้เก็บเงินมาก ๆ ยังงี้ ” หล่อนยังสงสัย

“ บอกแล้วไงว่า พี่ไม่มีใครที่จะไว้ใจได้เท่าต๊อยตอนนี้ ”

หล่อนถอนหายใจลึก ๆ ยาว นัยน์ตาจับอยู่ที่นัยน์ตาของผม เหมือนกับจะค้นหาอะไรสักอย่างในนั้น แล้วพูดออกมาว่า

“ แปลกนะพี่นี่ พูดอะไรเอาง่าย ๆ คนอย่างนี้ ถ้าได้ง่าย ๆ จะทิ้งง่าย ๆ เหมือนกันหรือเปล่าน่ะ ฮึ ”

“ ไม่รู้ซี ” ผมพูดของผมเสียงธรรมดา ๆ “ ยังไม่เคยได้อะไรง่าย ๆ อย่างต๊อยนี่ก็เรียกว่ายากแล้ว พี่ยังจะต้องรอให้คนตายเสียก่อนอีก เพี้ยง – ขอให้ตาร้อยเอกคนนั้นตาย ๆ ไปเสียทีเถอะ ”

“ บ้า ! ” หล่อนซัดแขนผมเผียะใหญ่ “ คนยิ่งใจคอไม่ค่อยจะดีอยู่ คนผี ดูลายมือให้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วยังจะมาแช่งคนของเขาอีก ”

“ เดี๋ยวไปดูต่องั้น ” ผมว่า “ ที่นี้ดูให้แน่ ๆ ลงไปเลยว่า เขายังอยู่หรือไปแล้ว ”

“ ไปดูที่ไหนอีกล่ะ คืนนี้ต๊อยจะไปนอนกับเพื่อน กลัวผี ”

“ ไม่ต้องกลัว พี่จะไปนอนด้วย – เอ๊ย ไปอยู่เป็นเพื่อนให้ทั้งคืน ขอให้ช่วยเป็นที่เก็บเงินหน่อยเถอะ ไหว้ละ ” แล้วผมก็ยกมือไหว้จริง ๆ

“ ต๊าย ! ” หล่อนรีบจับมือผมลง “ บาปจะกินต๊อย คนอะไร ไหว้เอาง่าย ๆ ”

“ พี่มันเป็นคนง่าย ๆ ยังงี้เองต๊อย ใจมันคิดยังไง ปากมันก็พูดออกมา ”

“ อื่ออื้ ” หล่อนครางออกมาเบา ๆ “ พูดไวยังกับปลาไหลยังงี้ ไว้ใจได้ที่ไหน ”

“ ไว้ใจพี่เถอะ ต๊อย พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนจริง ๆ รับรองไม่ยุ่ง ขอให้เป็นที่เก็บเงินคืนนี้เท่านั้น ไม่รู้จะไปที่ไหน ”

“ ก็ที่บ้าน หรือที่โรงพิมพ์นั่นยังไงล่ะ ”

“ ที่บ้านก็ไม่มีที่เก็บ พี่เคยมีเงินมาก ๆ ยังงี้เสียเมื่อไหร่ ยิ่งที่โรงพิมพ์ยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้พวกนั้นมันได้กลิ่นธนบัตรเป็นปึก ๆ ยังงี้ก็ไม่มีเหลือ ... น่า – ต๊อยน่า ... พี่ไม่มีที่จะไปจริง ๆ ”

หล่อนนั่งนิ่ง มองนัยน์ตาผมอีก นัยน์ตาของผมมันอ่านออกง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ ครู่หนึ่งก็ร้องว่า

“ จริง ๆ นะ อย่ายุ่งนะ ต๊อยก็เป็นห่วงบ้านเหมือนกัน ” หล่อนลุกขึ้น “ ให้ต๊อยไปบอกเพื่อนเดี๋ยวว่า จะไม่ไปกับมันแล้ว เดี๋ยวออกไปเลยก็ได้ หมดเวลาร้องของต๊อยแล้ว ”

ผมไม่ต้องรอนาน แม่ต๊อยผละไปพูดอะไรกับเพื่อน แล้วเดินเลยไปในห้องแต่งตัวนักร้อง ผมก็ลุกจากโต๊ะไปรออยู่ประตูทางเข้าออก หล่อนออกมาจากห้องมองเห็นผมก็พยักพเยิดให้ออกไปคอยข้างนอกก่อน ผมเปิดประตูออกไป ไม่ขัดใจเพราะรู้ว่าแม่ต๊อยยังจะต้องทำพิธีเอาใจแฟนอีกสักครู่ และจะอ้างเหตุผลที่ออกไปก่อนเวลาบาร์ปิด ให้พวกแมลงเหล่านั้นตายใจ

แม่ต๊อยออกมาขึ้นรถ รถเคลื่อนที่ ผมก็ขับไอ้จี๊ปคู่ยากของผมตามไปห่าง ๆ จนถึงหน้าบ้านหล่อน

ผมจอดรถของผมไว้ที่เดิมที่เคยจอด ก่อนลงจากรถ ผมก็อดที่จะมองไปทางพุ่มไม้ตรงข้ามไม่ได้ ที่นั่นมันมืดดีและไอ้พุ่มไม้นั้นมันก็ทึบดีเสียด้วย เหมาะที่จะเป็นที่แอบกำบัง แต่วันนี้มันยืนนิ่งสงบดี

แม่ต๊อยยกเอาขวดเหล้าขวดเก่าที่ยังเหลือเมื่อวานนี้ออกมาตั้งให้บนโต๊ะ พร้อมทั้งแก้วน้ำแข็งและโซดา หล่อนชงเหล้าให้ผมเองโดยผมไม่ต้องยุ่ง วันนี้แม่ต๊อยมีอะไรแปลก ๆ หลายอย่าง ทั้งพูดจาไพเราะและเอาใจผมผิดปกติ และวันนี้หล่อนผสมวิสกี้โซดาบาง ๆ ให้กับตัวเองด้วย พอผมยกแก้วเหล้าขึ้น หล่อนก็ยกถ้วยของหล่อนขึ้นมาชน แล้วว่า

“ สำหรับความสุขของเรา ”

ผมยกถ้วยขึ้นดื่ม นัยน์ตามองผ่านถ้วยเหล้าไปที่นัยน์ตาแม่ต๊อย แววตานั้นยิ้มได้ ยังไม่รู้ว่า วันนี้แม่ต๊อยจะเล่นบทอะไรกับผม ผมน่ะเตรียมมาแล้วว่าจะเล่นบทอะไรกับหล่อน และผมว่าของผมสนุก พอหล่อนวางแก้วลง นัยน์ตายังเชื่อม ผมก็พูดว่า

“ ต๊อย รู้จักคนชื่อเสี่ยตั้งไหม ”

แววตาของแม่ต๊อยเปลี่ยนไปแวบหนึ่งก่อนที่จะถามว่า

“ เสี่ยตั้งไหนพี่ ”

“ วรวิทย์ เจ้าของคอกม้าแข่งแถวฝั่งธนยังไงล่ะ ”

หล่อนนั่งนิ่งเหมือนกับนึกอะไรอยู่ในห้วงคิด นัยน์ตามองพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองผม พูดว่า

“ ไม่เคยได้ยินชื่อค่ะ พี่ ทำไมหรือคะ ”

“ เปล่า ถามดูยังงั้นเอง เห็นเขาบอกว่ารู้จักต๊อย ”

“ พี่ไปพบเขาที่ไหนล่ะ ”

ผมล้วงเงินปึกนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทั้งหน้าทั้งหลังที่ยัดเอาไว้เต็มเอียดนั้น ออกวางบนโต๊ะ

“ เขาเป็นเจ้าของเงินทั้งหมดนี่ ”

หล่อนมองดูเงินบนโต๊ะนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองผม

“ ไหนพี่ว่าเป็นเงินของพี่ แล้วพี่ไปเอามาจากเขาได้ยังไง ”

“ เขาแพ้พนันพี่เมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง ”

“ แล้วทำไมเขาจึงบอกว่าเขารู้จักต๊อย ”

“ พี่บอกว่าพี่จะไปหาต๊อยที่ซิลเวอร์สตาร์ ชวนเขามาเลี้ยงฉลองด้วยเงินของเขา และจะพามาให้รู้จักต๊อยด้วย เขาถามพี่ว่าต๊อย นุจรีใช่ไหม พี่ก็บอกว่าใช่ เขายังหัวเราะ แล้วบอกว่าเขารู้จักแล้ว ไม่ต้องมาก็ได้ เขามีที่อื่นที่จะไปดีกว่าที่นี่ ”

“ คนผี ” เสียงแม่ต๊อยกัดฟันคำรามออกมา

ผมหัวเราะ ไม่พูด

แม่ต๊อยเปลี่ยนท่าทีทันที หัวเราะเบา ๆ แล้วว่า

“ คนผี วันหลังพี่พามาหาต๊อยหน่อย อยากจะดูหน้าเสี่ยตั้งคนนี้นัก หน้าตาเป็นยังไง อยู่ ๆ มาบอกว่ารู้จักต๊อย ”

ผมหัวเราะอีก เสียงหัวเราะของผมคงจะฟังพิลึก แม่ต๊อยจึงเงยหน้าขึ้นมามองผมนิ่ง

“ ดูลายมือต่อหรือยังล่ะ ” ผมพูดแบมือไปจับข้อมือหล่อนดึงเข้าหา
แม่ต๊อยเอื้อมมือไปหยิบถ้วยเหล้าส่งให้ผม

“ เอ้า ดื่มเสียก่อน จะได้ไม่วอกแวก” หล่อนหันมาเข้าร้อง เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็ว

ผมยกถ้วยเหล้าด้วยมือข้างที่ว่าง กระดกถ้วยเหล้าเข้าปากพรวดเดียวเกือบหด วางถ้วยลง แล้วดึงข้อมือหล่อนลากตัวเข้ามาใกล้ ๆ จับฝ่ามือหล่อนหงายขึ้น เพ่งดุลายมือนิ่งนาน ตามแบบฉบับของหมอดูที่สุขุม แล้วก็ส่ายหน้าช้า ๆ

“ ใช่เสียแล้วละ ต๊อย ”

“ ใช่อะไรคะ พี่ ” หล่อนแหงนสายตาจับอยู่ที่สายตาของผม

“ เขาตายเสียแล้ว ลายเส้นมันขาดที่ตรงเส้นความรักพอดี ” ผมพูดช้า ๆ ชัด ๆ

แม่ต๊อยชักมือออกจากมือผม สั่นหน้าเร่า ๆ

“ ไม่จริง ไม่จริง เขาต้องไม่ตาย เขายังไม่ตาย ”

ผมนิ่ง นั่งองดูหล่อนเฉย ก่อนที่จะพูดออกมาช้า ๆ ว่า

“ ถ้าที่พี่ดูมาแล้วหมด มันถูก เรื่องนี้ก็ต้องถูก ”

หล่อนจับแขนผมเขย่า ๆ แรง ๆ หลายครั้ง ก่อนที่จะพูดเสียงสั่น ๆ ออกมาว่า

“ พี่อย่าล้อต๊อยเล่น เรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาล้อกันนะพี่ ”

“ พี่ไม่ได้ล้อเล่น เส้นของต๊อยมันบอกยังงั้น แล้วต๊อยจะได้ข่าวนี้เอง ”

แม่ต๊อยซบหน้าลงกับฝ่ามือ พูดปนเสียงสะอื้นออกมาว่า

“ ต๊อยบอกแล้ว อย่าไปกับเขาก็ไม่เชื่อ โธ่ ! ”

ผมฟังอยู่เงียบ ๆ เกือบจะเอ่ยถามออกไปว่า ไปกับใคร แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาถาม ผมปล่อยให้หล่อนซบหน้าสะอื้นอยู่อย่างนั้นตามสบาย เอื้อมมือไปจับถ้วยเหล้าของผมยกขึ้นมาดื่มต่อ บทของผมเกือบจะถึงแล้ว รอให้มันเข้าไคลอีกสักครู่ก็ได้

หล่อนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดูผม เสียงสะอื่นยังเฮือก ๆ อยู่เบา ๆ

“ พี่คะ ต๊อยอยากนอน มันเหนื่อยใจอย่างไรก็ไม่รู้ ” หล่อนพูดเสียงเครือ “ ต๊อยจะพยายามนึกว่ามันไม่เป็นความจริง ”

“ เข้านอนเถอะ ต๊อย ” ผมตบที่หลังมือหล่อนเบา ๆ “ ต๊อยอนุญาตให้พี่นอนข้างนอกอยู่ที่เก้าอี้ตัวนี้ก็ได้ ”

หล่อนยกมือขึ้นทาบอก

“ ตายจริง ต๊อยลืมไปว่า พี่จะมาอยู่เป็นเพื่อน ขอโทษนะพี่ - พี่นอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามตาย ”

“ ก็ไม่เห็นค่อยมียุงเท่าไหร่ พี่มีเหล้าเป็นเพื่อน ยุงมันกลัวกลิ่นเหล้า ว่าแต่อนุญาตให้พี่เปิดตู้เย็นเอาโซดาน้ำแข็งได้ก็แล้วกัน ”

“ ตามสบายเถอะ พี่ ” หล่อนพูดแล้วขยับตัวเข้ามาจุ๊บผมที่แก้มเบา ๆ “ ราตรีสวัสดิ์นะคะ พี่ ”

แล้วหล่อนก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูที่ผมเห็นหล่อนยังไปเคยแตะต้องเลยตั้งแต่วันแรก เปิดประตูนั้นก้าวลับหายเข้าไป แล้วประตูก็ปิดสนิท ได้ยินเสียงล๊อคประตูดังกริ๊กเบา ๆ ผมนึกแล้วว่ามันต้องเป็นห้องนอน
บทของผมเดินไปได้ตามที่ผมคิดเอาไว้แล้ว

ผมนั่งละเลียดอยู่กับวิสกี้อีกสองสามถ้วย ผมกำลังวางบทขั้นที่สองอยู่เงียบ ๆ

ผมได้ยินเสียงเครื่องโทรศัพท์ที่แอบอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ส่งเสียงดังกริ๋ง ๆ เบา ๆ เป็นเสียงมีคนหมุนหมายเลขต่อออกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ผมเดาเอาว่าจะต้องเป็นเครื่องพ่วงที่อยู่ในห้องมากกว่าจะเป็นเครื่องที่อื่น เครื่องในห้องนอนของแม่ต๊อยนั่น ข้างในห้องนอนแม่ต๊อยจะต้องมีเครื่องพ่วงอีกเครื่องแน่

บทที่สองของผมเล่นไม่ยากเสียแล้ว เหตุการณ์มันมาเข้าทางผมเอง
ผมล้มตัวลงนอน หลังจากเทเหล้าอึกสุดท้ายลงคอเกลี้ยงถ้วย

ผมเกือบจะหลับไปจริง ๆ ถ้าไม่ตั้งใจไว้ว่าจะแกล้งนอนดูเหตุการณ์ ผมได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิด ผมหลับตาหายใจลึกแถมปล่อยสียงกรนออกมาด้วยเบา ๆ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ย่ำมาที่ที่ผมนอนอยู่ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นที่โชยมาเข้าจมูกผมนั้น ผมจำได้ว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมที่แม่ต๊อยใช้ ผมนอนนิ่ง กรนลึก ๆ ต่อ ทำปากจั๊บ ๆ แบบคนนอนหลับสนิทให้แน่ลงไปอีกด้วย

เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไปจากผม เสียงประตูห้องเปิดออกแล้วปิด สักครู่ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังกริ๋ง ๆ เบา ๆ แบบต่อออกอย่างที่ได้ยินเมื่อกี้นี้ แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท

ผมล้วงปืนออกมาจากเอว ออกมาวางไว้ใต้ขา นอนทับอยู่อย่างนั้น คอยเหตุการณ์




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2552
0 comments
Last Update : 2 สิงหาคม 2552 23:04:58 น.
Counter : 973 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.