จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 3 ตอนที่ 2)
ผมตื่นนอนเอาตะวันโด่งฟ้า เหลือบดูนาฬิกาที่หัวนอน ใกล้เที่ยงเข้าไปแล้ว ผมโงเงขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แต่งตัวอย่างอยู่กับบ้าน ผมตั้งใจว่าวันนี้จะออกหาข่าวเอาตอนบ่าย ๆ หน่อย ลุกขึ้นหาเบอร์โทรศัพท์ที่ผมจดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เบอร์ที่บ้านแม่ต๊อยนั่นไงครับ แล้วก็ล้วงปืน ๑๑ มม. ที่ผมเก็บเอามาเมื่อคืนนี้ที่ผมซุกไว้ใต้หมอนรวมกับปืนพกประจำตัวของผม ผมจดหมายเลขประจำปืนไว้ในเศษกระดาษ ไอ้เสือนี่ใช้ปืนมีทะเบียนเสียด้วย มันคงจะเชื่อมือของมันว่าไม่มีทางเสียท่าแน่ นักเลงพวกนี้ธรรมดาจะใช้ปืนเถื่อน ไอ้เสือนี่ต้องไม่ใช่มือปืนกระจอกแน่ กรรมของมันที่มาเจอเอามืออย่างผมเข้า ขอโทษ ...คุยมากไปหน่อย
ไอ้น้อยเด็กของผมจัดอาหารเช้ามาให้ เมื่อมันรู้ว่าผมตื่นแล้ว ไอ้นี่มันรู้ใจผม มีมันอยู่ด้วยคนเดียว ผมไม่ต้องมีเมียก็ได้
มึงทำกับข้าวเป็นเหมือนกันนี่หว่า ผมชมมันไป กินอาหารไปด้วย กูไม่เคยเห็นมึงทำให้กูกิน ยายปิ๋วมันเอามาให้แต่เช้าครับ ไอ้น้อยตอบ คุณเพิ่งจะเข้านอน มันบอกว่าเอาไว้ให้ยกมาให้ตอนคุณตื่น
โธ่ กูนึกว่าฝีมือมึง ผมเขี่ยมือฝรั่งไปที่สีข้างมัน เมื่อไหร่มึงกับยายปิ๋วจะลงโรงกันเสียทีวะ มึงจะแอบกินไข่แดงเขาฟรี ๆ หรือไง กูเห็นมึงหลอกมันมานอนด้วยบ่อย ๆ
คุณก็พูดเรื่อยไปได้ ผมไม่เคยยุ่งกับมัน
ทีนี้ผมยันมันพลั่กเข้าไป
กูเคยเห็นมึงนอนยู่กับมันจนถึงเช้า วันนั้นมึงว่ามันมาส่งปิ่นโตกู แล้วเลยกลับบ้านมาได้ กลัวแม่ดุ กูกลับมาเช้ามืดเจอเข้าให้วันนั้นไง
เออ จริงซีครับ มันเกาหน้าผาก ผมก็ลืมไป
ไอ้นี่ของผมมันกระล่อนยังงี้ ไม่รู้ว่ามันไปจำเอาแบบฉบับใครมา
ฟังเพลงให้สบาย ๆ ใจดีกว่าคุณ มันแนะนำ ผมจะเอาวิทยุมาเปิดให้ฟัง
ผมนั่งฟังเสียงเพลงจากวิทยุที่ไอ้น้อยเอามาเปิดอยู่ใกล้ ๆ พลางกินอาหารเช้าไปด้วยอย่างไม่รีบร้อน กะว่าประเดี๋ยวก็จะออกไปสอบทะเบียนปืน กับขอทราบชื่อเจ้าของโทรศัพท์หมายเลขที่บ้านยายต๊อยดูว่า มันเป็นของใคร แล้วก็เลยไปเตร่แถว ๆ โรงพักบางรัก ไปดูว่าไอ้เสือคนที่กลิ้งโคโร่ด้วยลูกปืนของผมเมื่อคืนนี้มันเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงไร ส่วนรูปของร้อยเอกเชิดนั้น ผมยัดใส่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ลั่นกุญแจไว้แล้ว ยังไม่รีบร้อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเกี่ยวกับเขานัก
กำลังเพลินกับเสียงเพลงเกือบจะอิ่มอยู่แล้ว ไอ้วิทยุเครื่องนั้นก็ดันส่งเสียงเจื้อยแจ้วออกมาเป็นเพลง จับปูดำ ขยำปูนา จับปูม้า คว้าปูทะเล...
ผมต้องลุกขึ้นเข้าไปห้องนอน โทรศัพท์ของผมวางอยู่บนหัวเตียง ผมหมุนเลข ๑๒๓
เสียงเรียกดังขึ้นทันที ไอ้โทรศัพท์บ้านี้ไม่มีเสียงเพลง จับปูดำ ขยำปูนา มันไม่ยอมดัง พอมันดังก็มีเสียงยกหูทางหมายเลขนั้นทันที เสียงที่ดังมาตามสายนั้นผมก็จำได้ เสียงเขาละ พันเอกเยี่ยม วีรพล คนขี้เล่นคนนั้น
มาพบผมที่เก่าเดี๋ยวนี้ แล้วเขาก็วางหูกริ๊ก ไม่ทันให้ผมได้พูดอะไร
ผมลองหมุนหมายเลข ๑๒๓ อีกที ทีนี้มันเงียบเสียเฉย ๆ ยังงั้น ไม่มีเสียงอะไรเลย !
ผมต้องแต่งตัวใหม่ เก็บเอาหมายเลขโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ต้องเอาติดตัวไปด้วย ทั้งปืน ๑๑ มม. กระบอกนั้น ผมก็เลยต้องเหน็บปืนสอง กระบอก เข้าเอวทั้งซ้ายขวา ทางซ้ายนั้นเป็นคู่มือของผม บรรจุกระสุนทดแทนที่ใช้ไปเมื่อคืนนี้เรียบร้อยเต็มลูกโม่
ผมบึ่งจี๊ปคู่ยากของผมพักเดียวก็มาถึงโรงแรมเอราวัณ จอดรถเรียบร้อยแล้วผมก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้น ๕ เคาะที่ประตูห้อง ๕๐๕ เสียงร้องเชิญดังมาจากลำโพงเหนือประตู ผมเปิดประตูชั้นแรกเข้าไป มันก็ลั่นปิดดังกริ๊กตามหลังอย่างคราวก่อน ผมเปิดประตูชั้นที่สอง คราวนี้ผมไม่ก้าวเข้าไป ผมยืนนั่งอยู่ตรงหน้าประตู
เสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างในห้อง
เข้ามาเถอะ คุณยอดทวน ไม่มีการทดสอบอะไรกันอีกแล้ว
ผมค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น พอประตูเบื้องหลังของผมปิดเอง ผมก็หันขวับไปทางนั้น ไม่มีใครมีแต่บานประตูที่ปิดสนิท
ผู้การเยี่ยมหัวเราะชอบใจอีก แล้วพูดว่า นั่งซี
เขายื่นอยู่เบื้องหน้าโต๊ะตัวเก่านั้น ชี้มือไปที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะ แล้วเขาก็นั่งลง
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น มองดูเขานิ่งอยู่ ผมไม่ใช่คนที่จะต้องรีบพูด
เมื่อคืนนี้สนุกใหญ่เรอะ เขาพูดยิ้ม ๆ แล้วก็เปิดลิ้นชักโต๊ะข้าง ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาส่งให้ผม นี่เป็นชื่อ ที่อยู่ และประวัติของคนที่คุณยิงตายเมื่อคืนนี้ คุณไม่ต้องไปตรวจสอบที่ไหน ถ้าไม่จำเป็นผมไม่อยากให้คุณไปปรากฏตัวที่สถานที่ราชการอื่น ๆ ผมจึงรีบเรียกตัวคุณเสียก่อนที่คุณจะไปที่ไหน เมื่อเช้านี้ผมส่งสัญญาณเรียกคุณตั้งแต่เช้า ไม่ได้รับตอบ เพลียมากหรือยังไง
ผู้การเรียกไปทุกสถานีหรือยังครับ ผมถามดูยังงั้นเอง
ทุกสถานี แต่สถานีละครั้ง ไล่เวลาไป
ผมเพิ่งได้นอนเอาเกือบรุ่งเช้า ตื่นขึ้นมาก็พอดีได้ฟังเสียงเรียก
ต่อไป ถ้าคุณได้อะไรมา และจะต้องตรวจสอบ อย่าไปด้วยตัวเอง ให้ส่งให้ผู้บังคับการของคุณ เขาจะติดต่อผมเอง
ผมรับคำแล้วนั่งมองเขานิ่ง ไม่มีหน้าที่พูด
เอาปืนของไอ้นั่นมาให้ผมเสีย เขาแบมือมาตรงหน้า อย่าไปยุ่งกับมัน
ผมต้องดึงเอาปืนกระบอกนั้นมาจากเอว ส่งให้เขา เขารับมันไปแล้วใส่เข้าลิ้นชักปิดเก็บ
คุณตามรอยถูกแล้ว ตามต่อไป เขาพูดต่อ ไปได้แล้ว ขออนุญาตถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ ผมยังนั่งพูดอยู่
เขาพยักหน้า
แม่ต๊อยนี่เป็นคนของท่านหรือเปล่า ผมถามเอาดื้อ ๆ
เปล่า ไม่ใช่
ผมก็ว่า เขาก็คงจะตอบยังงั้น ถึงใช่ก็เถอะ ถามส่ง ๆ ไปยังงั้นเอง เผื่อจะเผลอมั่ง แต่เบอร์โทรศัพท์ของแม่ต๊อย เขาคงไม่รู้ว่าผมแอบจดเอาไว้ ไม่ยังงั้นก็คงถูกยึดเหมือนกัน ผมลุกขึ้นโค้งลา กลับหลังหันเดินมาที่ประตู
อ้อ อีกอย่างหนึ่ง เสียงของเขาไล่หลังผมมา อย่าไปที่ชะอำ ไม่ใช่เรื่องของคุณ รูปศพคุณเชิดผมให้คุณดูเฉย ๆ ไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้
ช่างเดาใจผมออกทุกเรื่องซีนะ ผู้การเยี่ยมคนนี้
ผมกลับมานั่งศึกษาประวัติของไอ้เสือที่กินลูกปืนของผม ยังไม่จำเป็นที่จะต้องไปที่กองเงิน ยังมีเหลือพอที่จะถลุงได้อีกเยอะ ไอ้งานประเภทเสี่ยงตายแต่ได้ใช้เงินไม่จำกัดอย่างนี้ผมชอบ แล้วผมก็ไม่ใคร่จะชอบหน้าผู้การของผมนักตอนนี้ ช่างเลือกตัวผมส่งไปดีนัก ผมจะไปให้เห็นตอนที่เงินขาดมือ ตามที่ผู้การเยี่ยมสั่งเอาไว้
ไอ้เสือนั่น ชื่อมันโก้ยังกับดาราหนัง มันชื่อนิรุตต์ ฉายาทระนง นามสกุลมันก็ไม่เบา ผมว่าชื่อเดิมของมันคงไม่ใช่อย่างนี้ รวมทั้งนามสกุลด้วย ใครคนหนึ่งคงจะตั้งให้มันตอนที่เอามันมาเป็นมือปืน
ประวัติของมันเคยยิงคนมาแล้วสี่ราย มีหลักฐานสองราย อีกสองรายตำรวจยังสืบสวนหาหลักฐานกันอยู่ และเรื่องของมันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว มีหมายจับอยู่ที่กรมตำรวจสองรายที่ถูกมันยิงตาย เป็นพ่อค้าหนีภาษี อีกสองรายเป็นเรื่องขัดกันทางผลประโยชน์ในการคุมบ่อนการพนัน เป็นมือปืนอิสระ ไม่สังกัดเจ้าพ่อคนไหนและมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก มือปืนแบบนี้ก็ต้องยังงั้น อยู่เป็นที่เป็นทางไม่ได้ เพราะมีคนตามล่าอยู่เหมือนกัน
ในประวัติบอกไว้ว่ามันมีเมียอยู่สามคน ไอ้นี่ก็ไม่แปลกอีก เพราะมันต้องเปลี่ยนที่นอนอยู่เสมอ ๆ และเมียของพวกนี้ มักจะไม่พ้นพวกผู้หญิงหากิน หรือไม่ก็พาร์ทเนอร์ นักร้องชั้นสวะ ผมไม่สนใจชื่อเสียงเมียของมัน เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องติดตามอีกแล้ว
ผมเก็บประวัติของมันเข้ากระเป๋าเอกสาร แหงนหน้าพิงพนักเก้าอี้มองเพดาน นึกถึงคำพูดของผู้การเยี่ยมที่ว่า คุณตามรอยถูกแล้ว ตามต่อไป ประโยคนั้นผมยังไม่ได้ตามใครเป็นเรื่องเป็นราว มีแต่แม่ต๊อยคนเดียวที่ผมไปหาเพื่อจะหาข่าวเรื่องคุณเชิด
หรือยายต๊อยคนนี้เองที่ผู้การเยี่ยมหมายถึง
ผมควักเอาหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ต๊อยออกมาดู ๓๑๓ ๑๖๑๑ ไอ้เบอร์แบบนี้ต้องเป็นเบอร์ของคนที่ไม่ใช่เล็ก ๆ เลขมันสวยต้องเป็นของพวกมีอิทธิพล หรือไม่ก็ต้องทางราชการสำคัญ ๆ จึงจะได้ไว้ ไม่งั้นก็ต้องเป็นคนใหญ่ ๆ ในวงการอะไรสักวงการหนึ่ง ไม่น่าจะเป็นเบอร์ในชื่อของแม่ต๊อย
ผมลุกขึ้นจากท่าที่เอนกำลังสบายอยู่ เปิดประตูออกไป
คุณครับ ไอ้น้อยเด็กของผมมันมาดักผมอยู่หน้าบ้าน ผมกำลังจะขึ้นนั่งรถ เย็นนี้จะกลับมาทานข้าวบ้านหรือเปล่า ยายปิ๋วมันให้คอยถาม
ยุ่งนักยายปิ๋วคนนี้ แล้วมันก็เป็นสาวแล้วดันสวยเสียอีก
ถ้าสองทุ่มกูยังไม่มา มึงเก็บเอาไปกินได้ ผมตะโกนบอกมัน แล้วก็เวลามึงจะกินยายปิ๋ว อย่าเสือกขึ้นไปกินบนที่นอนกู กูจับได้เมื่อไหร่ละก็มึง.. ผมต้องคอยห้ามมัน ไอ้นี่ไม่ได้ มันล้ำเส้นเก่ง
ผมออกรถพรืดไปทันที ผมมีเพื่อนชอบ ๆ กันที่องค์การโทรศัพท์อยู่คนหนึ่ง ผมบึ่งไปที่นั่น
ผมได้อาศัยฝีมือของเพื่อนของผมคนนี้ให้ช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ผมจดเอาไว้นั้น ปกติถ้าไม่มีหนังสือเป็นทางการมาแล้วก็ยาก แล้วที่เขาทำให้นี่ก็ต้องชอบกันจริงและจำเป็นจริง ๆ เขาเองก็ต้องระวังตัวเหมือนกัน ผมก็ได้ชื่อเจ้าของโทรศัพท์หมายเลข ๓๑๓๑๖๑๑ นั้นมา
เขาชื่อ นายวรวิทย์ วิเศษสุริยอนันต์ บ้านเลขที่ ๔๖๐ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ธนบุรี
ผมเคยได้ยินชื่อนี้ เขาเป็นคนที่กว้างขวางคนหนึ่งในสังคม อาชีพที่แท้จริงของเขาไม่มีใครรู้แน่นอน แต่เขาเป็นคนมีเงินและอิทธิพลค่อนข้างมาก รู้จักกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน เขาเป็นเจ้าของคอกม้าที่ใหญ่โตคอกหนึ่งอยู่ทางย่านฝั่งธน ฯ คอกม้าก็คงอยู่ในบริเวณบ้าน ผมไม่เคยได้มีโอกาสได้เห็นบ้านของเขาว่า จะใหญ่โตสักแค่ไหน ผมรู้แต่ว่าที่นั่น นอกจากจะเป็นบ้านที่พักอาศัยของเขาแล้ว มันยังเป็นบ่อนการพนันใหญ่บ่อนหนึ่งที่มีอิทธิพลที่ยังไม่เคยมีตำรวจไปตอแย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหน่วยไหน ก็คงไม่เบาทีเดียวแหละนายวรวิทย์คนนี้
แม่ต๊อยอาจจะเป็นผู้หญิงที่เขาเก็บเอาไว้ดูเล่นคนหนึ่งก็ได้ ผู้หญิงที่โดนเก็บแบบนี้ หล่อนมีคู่รักได้โดยไม่ผิดกติกาแต่ย่างใด หล่อนก็ต้องหาทางออกของหล่อนเหมือนกัน ฉะนั้น ไม่ประหลาดอะไรที่หล่อนจะมีร้อยเอก เชิด ทรงพลัง เป็นคนรักที่หล่อนหมายมั่นที่จะฝากอนาคตของหล่อนไว้ หรือไม่ หล่อนก็อาจจะมีการเกี่ยวข้องทางชู้สาว อันนี้แหละที่ผมอยากรู้ ทำไมโทรศัพท์ที่บ้านแม่ต๊อยจึงต้องเป็นชื่อของเขา
ผมบึ่งกลับมาบ้าน เปิดลิ้นชักที่ผมยัดเอาประวัติของมือปืนที่ผมยิงคว่ำไปนั้น ขึ้นมาอ่านอีกทีอย่างละเอียด
นั่นปะไร มือปืนชื่อเหมือนพระเอกหนังคนนั้น เป็นนักเลงม้าคนหนึ่ง และเป็นพรรคพวกของโต๊ดเถื่อนอีกด้วย เรียกว่าทั้งแทงทั้งรับ และพวกโต๊ดเถื่อนนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับเจ้าของม้าดีพอสมควร เขาจะต้องมีความรู้เรื่องม้า ตัวไหนจะสู้ตัวไหน จะดึงค่อนข้างแน่นอนก่อนที่จะรับ หรือจะออกตัว พร้อมทั้งแทงตามไปด้วย
อะไรต่ออะไรดูมันเกี่ยวพันกันเป็นวงกลมวนเวียนพิลึก ๆ อยู่ ไอ้รอยที่ผู้การเยี่ยมบอกว่าผมตามมาถูกแล้วนี้ ดูท่ามันจะวกวนน่าค้นคว้า
ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือ มันบอกเวลาเกือบจะหกโมงเย็น ผมลุกขึ้นออกจากบ้าน ขึ้นรถบึ่งมาที่สโมสรราชตฤณมัยสมาคม มันเป็นเวลาเหมาะที่พวกสมาชิกจะมาใช้สโมสรนั่งกินเหล้าและสังสรรค์กัน หรือไม่ก็เล่นบิลเลียด
ผมพบพรรคพวกหลายคนที่สโมสร ผมยังไม่รู้ว่านายวรวิมย์หน้าตาเป็นยังไง พวกนี้อาจจะรู้จักเขาดีบางคน ผมถามถึงเขากับพรรคพวกคนหนึ่ง
อ๋อ เสี่ยตั้งน่ะเหรอ อยู่ที่โต๊ะบิลเลียดแน่ะ เขาชี้เข้าไปในห้องข้างใน
ผมคิดว่าเสี่ยตั้งที่เขาเรียกคงจะเป็นนายวรวิทย์ที่ผมต้องการ ผมไม่อยากถามอะไรเขามากกว่านี้ ผมเดินเข้าไปในห้องที่ผมได้ยินเสียงลูกบิลเลียดกระทบกัน ห้องหนึ่งมีโต๊ะบิลเลียดอยู่สองโต๊ะ อีกห้องเล็กหน่อยมีอยู่โต๊ะเดียว ทั้งสามโต๊ะไม่ว่าง ผมกวาดสายตาหาคนที่น่าจะชื่อตั้งไปรอบ ๆ ทั้งที่โต๊ะบิลเลียดและที่ม้านั่งรอบ ๆ โต๊ะคนที่น่าจะชื่อตั้งมีหลายหน้า ผมนั่งลงบนม้ายาวสำหรับคนดูที่ยังว่างอยู่ มองไปรอบ ๆ อีกที ยังเจาะตัวคนที่น่าจะชื่อนั้นซึ่งเป็นคนที่ผมต้องการไม่ได้ ทำท่าจะยุ่ง
โชคเข้าข้างผมอย่างบังเอิญพอดิบพอดี ผมกำลังส่ายตาหาที่หมาย อยู่ ก็ได้ยินเสียงบ๋อยคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า
คุณวรวิทย์ครับ โทรศัพท์ครับ
คนหนึ่งที่หน้าตาน่าจะเป็นเสี่ยตั้งได้ลุกขึ้นจากม้านั่งในห้องข้างใน เขาส่งเสียงลั่นออกมาด้วยขณะที่เดินจะออกจากห้อง
ไอ้ห่ ... ทำไมต้องตะโกนด้วยวะ เดินเข้ามาบอกกูเงียบ ๆ ไม่ได้ เรอะ แม่มันไม่อบรมกันเสียบ้าง ไอ้พวกบ๋อยที่นี่มันจะเป็นพ่อสมาชิกอยู่แล้วโว้ย
ก็ไม่รู้ว่าเขาด่าใคร แต่ผมว่าดีที่บ๋อยเข้ามาตะโกน ไม่งั้นผมก็ยังคงหาตัวเขาไม่เจอ โชคมักจะเข้าข้างผมเสมอเวลาต้องการอย่างนี้
Create Date : 01 สิงหาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 3:05:13 น. |
Counter : 1009 Pageviews. |
|
|
|