จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 3 ตอนที่ 1)
ปืนที่เอวของผมเข้ามาอยู่ในอุ้งมือแล้ว ผมลั่นไกสองนัดซ้อนสวนไปที่ประกายไฟนั้น ขอบรถจี๊ปของผมเป็นที่วางมือให้อย่างเหมาะมือ ร่างของใครคนหนึ่งล้มฟาดคว่ำหน้าลงมาจากซุ้มไม้นั้น นิ่งอยู่กับพื้นถนน
ผมหลบสงบนิ่งอยู่ตรงที่เดิมนั้น ทุกสิ่งเงียบสนิท ไม่มีชาวบ้านแถวนั้นออกมาสนใจกับเสียงปืน ผมหันไปมองทางประตูแม่ต๊อย ไฟในบ้านปิดมืด ไม่มีใครเปิดประตูออกมาเหมือนกัน ประหลาดดี ไม่มีอะไรที่เคลื่อนไหวผิดปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่สนใจอะไรกันเลย
ผมค่อย ๆ ย่องข้ามถนนเข้าไปยังร่างที่นอนคว่ำหน้านิ่งอยู่นั้น ใช้เท้าเขี่ยที่ใบหน้าที่ตะแคงอยู่กับพื้นถนน มันก็กลิ้งไปมาตามกำลังเขี่ยของผม แขนทั้งสองข้างเหยียดกาง ปืนออโตเมติกกระบอกหนึ่งตกอยู่ปลายมือด้านขวา เป็นปืนขนาด ๑๑ มม. ผมก้มลงหยิบมันขึ้นมา ลำกล้องยังอุ่น ๆ อยู่ ผมแกะเอาแม็กกาซีนออก ดึงลูกเลื่อนเอากระสุนที่ยังค้างอยู่ในลำกล้องออกมาบนฝ่ามือ ตบแม็กกาซีนเข้าที่เหน็บปืนเข้าเอว แล้วยัดลูกกระสุนลงกระเป๋ากางเกงเดินกลับมาที่รถของผม ขึ้นนั่ง วางปืนของผมลงข้าง ๆ ตัว ผมไม่แน่ใจว่ายังจะต้องใช้มันอีกหรือเปล่า เส้นทางที่จะออกไปจากซอยนี้มันยังวกวนอีกหลายเลี้ยว
ผมสตารท์รถ ขับช้า ๆ ออกมาตามทางที่ผมจำเอาไว้ ผมได้ยินเสียงไซเรนดังมาแต่ไกล มันดังใกล้เข้ามาตามทิศทางที่ผมจะออกไป ผมดันปืนของผมเข้าไปใต้ขาบนเบาะรถที่ผมนั่ง แล้วก็เอาขาข้างนั้นทับปืนไว้
ผมถึงทางเลี้ยวจะออกปากซอย เสียงไซเรนก็ดังมาถึงปากซอยพอดี เสียงโหยหวนนั้นค่อย ๆ หรี่ลงเมื่อรถคันนั้นจอดนิ่งขวางปากซอยอยู่ แล้วเสียงก็เงียบเหลือแต่ไฟแดงบนหลังคารถยังหมุนรอบ ๆ ตวัดแสงสีแดงวอบแวบอยู่ ตำรวจสองนายในเครื่องแบบเปิดประตูก้าวลงมาจากรถ เขาทำสัญญาณให้ผมหยุด
ผมพุ่งรถเข้าหาแล้วเหยียบเบรกตรงหน้าเขาห่างเพียงชั่วไม่ถึงเมตร เขากระโดดหลบ ว่องไวทั้งคู่ ทั้งสองคนอยู่ในท่าพร้อมที่จะยิง ปืนทั้งสองกระบอกในมือของเขาจ้องตรงมาที่ผม ผมนั่งนิ่งอยู่บนรถ
คนที่มีบั้งสิบตำรวจเอกติดอยู่ที่แขนเสื้อด้านซ้ายก้าวเข้ามาหาผมช้า ๆ
ยกมือขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้าง เขาออกตำสั่ง
ผมยกมือขึ้นตามคำสั่งของเขา
ลงมาจากรถ เขาออกคำสั่งอีก อย่าเอามือลง แล้วเดินมาช้า ๆ
ผมก้าวลงจากรถ เดินชูมือช้า ๆ เข้าไปหาเขา พอถึงตรงหน้าเขา ผมก็หัวเราะก้ากออกมาแล้วพูดว่า
ขอเอามือลงข้างหนึ่งได้ไหม จะควักบัตรประจำตัวให้ดู
คุณเป็นใคร สิบตำรวจเอกคนนั้นถามขึ้น
เอาเหอะน่า ผมยังหัวเราะเบา ๆ อยู่ตอนพูด เดี๋ยวก็รู้ บัตรประจำตัวมันอยู่ในกระเป๋าตังค์ในกระเป๋าหลัง
ผมล้วงให้ก็ได้ เขาพูดค่อย ๆ เดินเข้ามาหาผม ยกมือไว้ยังงั้นก่อน
ผมปล่อยให้เขาอ้อมมือไปดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกง เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ของผมออก ในขณะที่อีกคนหนึ่งยังจ้องปืนนิ่งมาที่ผมอยู่
สิบตำรวจเอกคนนั้นดึงเอาบัตรอะไรต่ออะไรในกระเป๋าสตางค์ของผมออกมา เขาพบบัตรประจำตัวของผมซึ่งเป็นบัตรประจำตัวของตำรวจทั่ว ๆ ไป เขาเดินไปอ่านกับแสงไฟที่หน้ารถแล้วเดินกลับมาหาผม ยกมือตะเบ๊ะ
ขอโทษ หมวด
ผมลดมือลงมารับกระเป๋าสตางค์ที่เขาส่งคืนมาให้แล้วพูดว่า
เกือบจะซัดกันเองเข้าให้แล้วมั้ยละ
ก้อผู้หมวดเล่นจี้รถเข้ามาหาผมจนเกือบจะชนยังงั้น เขาพูดหัวเราะมั่ง หมวดออกมาจากทางไหนครับนี่ ได้ยินเสียงปืนมั่งมั้ย ๑๙๑ เขาวิทยุเรียกให้ผมเข้ามาในซอยนี้ เขาว่าชาวบ้านแจ้งไปที่เขาว่าได้ยินเสียงปืนหลายนัด เหมือนมีการต่อสู้กันที่ในซอย ผมก็บึ่งมานี่แหละ
ได้ยินเหมือนกัน ผมบอกเขา แต่มาได้ยินเอาตอนที่จะออกมาถึงนี่แล้ว เลยขี้เกียจกลับไปดู มันดึกแล้ว ง่วง
เชิญเถอะครับ หมวด เขายกมือตะเบ๊ะอีกที เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูเอง ไอ้ซอยนี้มันทะลุถึงไหนก็ไม่รู้
ผมก้าวขึ้นรถของผม นั่งทับปืนอย่างเก่า แล้วติดเครื่องขับออกมาจากที่นั่น ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปจนถึงเจอเอาศพไอ้เสือนั่นหรือเปล่า
บึ่งรถกลับบ้านพัก เอารถเข้าเก็บเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้าบ้าน ระหว่างเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนพักให้สบาย ผมก็คิดว่าควรจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้พันเอกเยี่ยมทราบดีหรือไม่ดี ความจริงมันก็ไม่น่าจะต้องรายงาน เพราะไอ้เสือนั่นตายเงียบแน่ แต่ผมอยากทดลองอะไรบางอย่าง
ผมเข้าห้องนอนยกหูโทรศัพท์ขึ้น หมุนหมายเลข ๑๒๓
เงียบ ... ไม่มีเสียงอะไรดังเลยในกระบอกหู ผมวางหูหมุนอีก มันก็เงียบอีก
พันเอกเยี่ยมคนนี้ขี้เล่นนัก แล้วไอ้โทรศัพท์บ้านั้นมันจะดังเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงเพลง จับปูดำ ขยำปูนา หริอยังไงของมัน ช่างมัน นอนดีกว่า
แล้วผมก็หลับเป็นตาย
Create Date : 31 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 2:55:06 น. |
Counter : 1085 Pageviews. |
|
|
|