จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
14 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 23)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 23

พิธีการปลดนักเรียนออกจากสภาพนี้ เป็นพิธีที่ทารุณจิตใจยังไง อ่านต่อไปครับ

เริ่มพิธี ทางโรงเรียนจะเรียกนักเรียนทั้งหมดมาประชุมที่รอบ ๆ ศาลาวงกลมนี้ เมื่อนักเรียนทุกกองร้อยมาเข้าแถวรอบ ๆ ศาลาลงกลมเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีนายทหารเวรเดินไปที่ห้อง 18 ที่เป็นห้องขัง นำเอาตัวนักเรียนนายร้อยที่จะถูกปลดนั้นออกมาจากห้องขัง นำตัวไปให้แต่งเครื่องแบบชุดขาว ซึ่งเป็นชุดที่หนึ่งของนักเรียนที่ใช้แต่งสำหรับออกนอกโรงเรียน เป็นชุดขาวสวยงาม แล้วนำตัวนักเรียนคนนั้นมาที่ศาลาวงกลม ให้ยืนหันหน้าไปทางพระบรมรูปของเสด็จพ่อ แล้วนายทหารเวรก็จะอ่านคำสั่งปลดอย่างช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ นักเรียนคนนั้นยืนตรงฟังคำสั่ง

เมื่ออ่านคำสั่งจบแล้ว นายทหารเวรท่านนั้นก็จะเดินมาที่นักเรียนผู้นั้น ค่อย ๆ ปลดเครื่องหมายทุกอย่างบนเครื่องแบบที่แต่งอยู่นั้นออก เริ่มจากตราหน้าหมวก เรื่อยมาจนถึงเครื่องหมายที่คอเสื้อมาถึงเครื่องหมายชั้นที่บ่า ถอดเสื้อเครื่องแบบออก เหลือแต่กางเกง ปลดหมด แล้วก็จะมีนักเรียนในเครื่องแบบฝึก ถือปืนเล็กยาวในท่าแบกอาวุธสองนาย เข้ามากระหนาบข้างนักเรียนผู้นั้น นายทหารเวรจะบอกกลับหลังหัน นักเรียนทั้งที่ถูกปลดและที่กระหนาบข้างก็กลับหลังหันอย่างเข็มแข็ง แต่ตัวนักเรียนที่ถูกปลดย่อมหมดความเข็มแข็งไปกว่าที่เคยเป็น

นายทหารเวรจะสั่งหน้าเดิน ทั้งสามก็จะออกเดินไปตามถนนที่เรียกกันว่า ถนนสายกลางที่เป็นถนนตรงไปถึงหน้าประตูโรงเรียน แถวนักเรียนทั้งหมดก็จะเดินตามไปตามตำสั่งของหัวหน้าแต่ละกองร้อย แถวนั้นจะเดินตรงไปยังประตูใหญ่หน้าโรงเรียนที่มีถนนราชดำเนินกลางผ่านหน้า

เมื่อถึงหน้าประตู นักเรียนผู้เดินคุมขนาบข้างคนที่ถูกปลดมา ก็จะหยุดตรงหน้าประตูนั้น ปล่อยนักเรียนที่ถูกปลดนั้นเดินออกนอกโรงเรียนไปคนเดียว แล้วประตูใหญ่ก็จะปิดช้า ๆ ตามหลังนักเรียนคนนั้น เป็นอันจบพิธี นักเรียนคนนั้นก็หมดสภาพไปในตัว

เป็นไงครับ ถ้าท่านเป็นนักเรียนที่ถูกปลดคนนั้น หรือนักเรียนที่เดินตามไปส่งเพื่อนถึงหน้าประตูทั้งขบวนนั้น ท่านจะรู้สึกอย่างไร เป็นพิธีที่ให้ความรู้สึกทางใจที่ทารุณแค่ไหน

พิธีนี้ก็ไม่ได้ใช้บ่อยนัก จะใช้ก็ต่อเมื่อนักเรียนคนนั้นได้กระทำความผิดร้ายแรงเท่านั้น ผู้รับโทษก็ยังอยู่ในวินัยเมื่ออยู่ในพิธี ยอมทำตามคำสั่งเป็นครั้งสุดท้ายอย่างทหารที่มีวินัย เป็นครั้งสุดท้าย

เท่าที่ผมได้ทราบมาก็มีรายนี้รายเดียวที่เข้าพิธีปลดอย่างนั้น เพราะมีความผิดอย่างร้ายแรง ถูกตัดแต้มความประพฤติเกินกว่ายี่สิบ หมดสิทธิ์สอบ และในปีที่สองของการเรียนซ้ำ ก็ยังกระทำความผิดซ้ำอีกจนโดนตัดแต้มความประพฤติเกินกำหนดอีก ทางโรงเรียนจึงจำต้องออกตำสั่งปลด

ความจริงแล้ว การเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบกนั้น ไม่ค่อยมีใครสอบตกกันนัก ทางโรงเรียนจะไม่ค่อยกวดขันในการสอบไล่นัก เขาเรียกกันว่า “ สอบไล่ ” ไม่ได้สอบเอาตัวไว้ ฉะนั้น เมื่อสอบเสร็จก็หมายความว่า ไล่ให้เลื่อนชั้น หรือไม่ก็ไล่ให้ออกไปรับราชการ ไม่ใช่สอบแล้วให้อยู่ให้เห็นในชั้นเดิม ผู้ที่สอบตกนั้นต้องเป็นผู้ที่ไปไม่ไหวจริง ๆ

สมัยที่ผมยังอยู่ในโรงเรียน และเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดกองร้อยที่ 1 ซึ่งเป็นกองร้อยนักเรียนปีที่หนึ่งที่เข้ามาใหม่ ๆ ได้มีนักเรียนถูกปลดออกสองคน นักเรียนสองคนนั้นอยู่ในบังคับบัญชาของผม คืออยู่ในหมวดที่ผมเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดอยู่ นักเรียนสองคนนั้นถูกปลดออกในฐานความผิดฐานการช่วยเหลือกันในการสอบไล่กลางปี คนหนึ่งนั่งโต๊ะหน้าอีกคนหนึ่ง แล้วทำกระดาษที่เขียนคำตอบห้อยลงมาข้าง ๆ ตัว ให้คนที่นั่งอยู่ข้างหลังชะโงกอ่านคำตอบได้ นายทหารที่คุมสอบเห็นเข้าก็จับตัวไปรายงานให้ผู้บังคับการโรงเรียนลงโทษ ผู้บังคับการ ฯ รายงานไปยังเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก คำสั่งออกมาให้ปลดทั้งคู่

คนที่ถูกปลดคนหนึ่งไปเป็นข้าราชการกรมศุลกากร อีกคนไม่ทราบว่าไปไหน ไม่ได้รับข่าว คงจะต้องไปเป็นทหารในกรมกองใดกรมกองหนึ่ง เพราะมีกฎอยู่ว่า นักเรียนนายร้อยที่สอบเข้าไปแล้ว ตกชั้นปีที่หนึ่งจะได้ยศสิบตรี ชั้นสองได้ยศสิบโท ชั้นสามจะได้ยศสิบเอก จะต้องอยู่ในราชการตามยศนั้นจนกว่าจะพ้นอายุการเป็นทหาร ตาม พ.ร.บ. รับราชการทหาร

นักเรียนที่ถูกปลดในพิธีอันสะเทือนใจตามที่เขียนมาข้างต้นคนนั้น ต้องไปเป็นสิบตำรวจเอกอยู่ที่กองตรวจคนเข้าเมือง เพราะเขาเป็นนักเรียนตำรวจปีที่สาม อันเป็นปีสุดท้าย เมื่อถูกปลดก็ต้องไปเป็นสิบตำรวจเอกรับใช้ราชการตามกรมกองที่เลือก เขาเลือกไปกองตรวจคนเข้าเมือง

ผมรู้จักชื่อนักเรียนคนนั้น แต่จะไม่เอ่ยชื่อเขาในที่นี้

ฉะนั้น นักเรียนนายร้อยที่ขึ้นทะเบียนทางโรงเรียนไว้แล้ว จะออกจากโรงเรียนไปที่อื่นไม่ได้ง่าย ๆ จะต้องไปรับใช้ชาติก่อนตามกฎที่วางไว้ จนกว่าจะหมดอายุราชการทหาร

ตัวผมเองก็เกือบไป เมื่อตอนที่สอบเข้าไปได้ ผมเลือกเรียนตำรวจ แต่พ่อผมไม่ชอบ ตอนที่สอบได้แล้วจะต้องนำผู้ปกครองไปเซ็นรับรอง พ่อผมไม่ยอมเพราะไม่ชอบตำรวจ แต่ก็ยอมท่านเจ้ากรม ฯ ที่บอกว่า ถ้าจะเอาผมออก ผมต้องไปเป็นพลทหารสองปี เพราะทางโรงเรียนขึ้นทะเบียนผมไว้แล้ว เมื่อผลการสอบคัดเลือกปรากฏออกมา ผมต้องรับราชการทหาร สำหรับปีที่หนึ่งซึ่งยังไม่ได้เริ่มเรียนนั้น ก็ต้องไปเป็นพลทหารตามกฎหมาย

ผมถึงได้เรียนเป็นตำรวจ พ่อผมจำต้องยอมให้ผมเรียนเป็นนายดีกว่าเป็นพล ยอมเซ็นรับรองในฐานะเป็นผู้ปกครอง ไม่ยังงั้นผมก็คงจะเร่ร่อนไปเรียนที่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกเรียนตำรวจ ผมเข้าโรงเรียนนายร้อยครั้งนั้นก็เพื่อจะเลือกเรียนเป็นทหารอากาศ อยากเป็นนักบินมานานแล้ว ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน ม. 4 ม. 5 พอจบแปดก็ไปสอบเข้าโรงเรียนนายเรือก่อน ตกกลับมาไม่เป็นท่าตั้งแต่สอบวันแรก ตอนนั้นเป็นนักบินนาวีก็โก้ดี

เมื่อตกจากนายเรือก็ตรงมาสอบเข้านายร้อย พอเข้าไปในปีนั้น เขาเกิดไม่มีเหล่าอากาศเสียอีก เพราะในปีที่ผมเข้าเป็นปีที่เขารับนักเรียนนายร้อยเพียงสี่สิบเท่านั้น ทางตำรวจขอไปหนึ่งในสี่ ก็สิบคน นอกนั้นต้องไปเรียนเป็นทหารราบหมด ไม่มีเหล่าพิเศษ เพราะรับน้อยกว่าทุกรุ่น ผมขี้เกียจหัดทหารก็เลยสมัครเรียนตำรวจ ไหน ๆ ก็ไม่ได้เป็นทหารอากาศแล้ว ไปเรียนตำรวจดีกว่า ขี้เกียจตื่นแต่เช้าหัดทหาร ผมจึงสมัครตำรวจซึ่งมีคนสมัครเพียงหกคน ต้องจับสลากเข้าอีกสี่คน ตอนนั้นคนสมัครเรียนตำรวจน้อย ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ต้องจับสลากออกกัน เพราะสมัครมากกว่าที่ต้องการ

ก็เกือบจะไม่ได้เรียน ถ้าไม่ใช่เพราะอายุถึงเกณฑ์แล้ว และถ้าต่อไปเอาออกได้โดยไม่ต้องไปเป็นพลทหารอีกสองปี ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไมโง่ยังงั้น ดันไปเกลียดที่จะต้องตื่นเช้าหัดทหาร อยู่ในโรงเรียนเขาก็ปลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าเหมือนกัน และถูกหัดแถวเยิ้ว ๆ ทุกเช้าบ่ายเย็นตลอดสามปี แล้วก็ไม่รู้ว่าการเป็นทหารราบนั้นมันดียังไง ทหารราบนั้นนอกจากจะเป็นเหล่าหลักในการรบตามวิชายุทธวิธีแล้ว ยังเป็นอะไร ๆ ที่ใหญ่ ๆ ได้ เช่น เป็นกำลังหลักในการปฏิวัติได้อย่างดี เป็นใหญ่ในการสนับสนุนรัฐบาลมาในทุกสมัย ตัวผู้บัญชาการทหารบกนั้นก็มักจะต้องเป็นทหารราบ ทหารเหล่าอื่นจะมาบังคับบัญชาทหารราบนั้นยาก ทหารราบนั้นยึดพื้นที่ได้ รักษาพื้นที่ได้มั่นคง และยังต้องทำหน้าที่คุ้มกันรถเกราะปืนใหญ่ หรือเหล่าอื่นอีก เขาจึงต้องให้เป็นเหล่าหลักในการรบ

ถ้าไม่โง่เสียตอนนั้น เลือกเรียนทหารเสียก็คงจะไม่ต้องมีอันเป็นไปถูกปลดเกษียณไปรับบำนาญเมื่ออายุเพียง 38 ปีอย่างนั้น เผลอ ๆ อาจจะเป็น ผบ. ทบ. เอาก็ได้

ตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างไรก็จะเอามาเขียนให้อ่านกันในตอนต่อไป เมื่อถึงตอนสำคัญของเรื่องนี้

เอาเป็นว่า ตอนนี้ก็มานั่งเขียนหนังสือให้ท่านอ่านกันถึงประสบการณ์ที่ได้รับรู้มาจากความผิดพลาดของตัวเองที่เลือกทางงเดินผิดเสียตั้งแต่ตอนที่เข้าโรงเรียนตอนนั้น

ตอนต้น ๆ ของบทนี้ เขียนถึงการเริ่มต้นชีวิตของท่านบุรุษเหล็กอยู่ดี ๆ ทำไมมันถึงเรื่อยเปื่อยมาได้ยังงี้




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553
1 comments
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 19:51:06 น.
Counter : 1172 Pageviews.

 

~~ Happy chinese new year & Happy Valentine ~~

 

โดย: Princess Lily 14 กุมภาพันธ์ 2553 20:46:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.