ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 17)
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 17
กบฏวังหลวง
ผมพบท่านผู้ช่วย อ.ตร. ที่นั่น กำลังเดินอยู่กับพรรคพวกชั้นผู้บังคับหน่วยต่าง ๆ และปรึกษาหารือกันถึงเรื่องปราบปรามฝ่ายกบฏ ซึ่งกำลังออกอากาศว่า ยึดวังหลวงได้แล้ว และตั้งกองบัญชาการอยู่ในนั้น ผมเข้าไปรายงานตัว
เออ ไอ้พุฒมาพอดี เจ้านายหันมาพูด กำลังหาตัวไอ้ม้ายอยู่ ไม่รู้มันหายไปไหน มึงไปตามตัวไอ้ม้ายมาทีวะ
ไอ้ม้าย ก็คงเป็นพันโทละม้าย ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ ๓ ซึ่งอยู่ในแถบบางซื่อนั่น ผมมาถึงได้จังหวะพอดี แล้วผมจะไปตามตัวพี่ม้ายที่ไหน พูดสั่งยังกับว่าผมสนิทชิดชอบกับพี่ม้ายดีจนถึงขั้นรู้ว่าอยู่ที่ไหนทุก ๆ วินาที แล้วก็ทำไมตัวผู้บังคับกองพันถึงไม่อยู่ที่ตั้งกองพันในยามฉุกเฉินอย่างนี้ ผมก็ยืนงง
มันคงอยู่ที่บ้านหลังวัดธาตุทอง เจ้านายพูดต่อ คงเห็นว่าผมยืนงงนิ่งอยู่ มึงรู้จักบ้านหลังวัดธาตุทอง ที่พวกนี้เขาชอบไปนอนพักกันไหมวะ
ผมก็งงอีก จะไปรู้ได้ยังไง
บ้านที่กูเคยไปกับมึงไงล่ะ บ้านคุณชุณห์นั่นไง มึงเคยไปวันที่กูไปกินเหล้ากับพรรคพวกเขาวันนั้นไง
ผมนึกออก ผมเคยร่อนเร่ไปกับท่านคืนวันหนึ่งตอนที่ติดตามกันแจนั่น แล้วได้เคยแวะไปที่บ้านหลังวัดธาตุทอง ซึ่งเป็นของคุณชุณห์ ปิณธานนท์ เศรษฐีใหญ่คนหนึ่งของเมืองกรุง ผมไม่เคยเอ่ยไว้ตอนต้น ๆ ของข้อเขียนนี้ ลืมไป ไม่ได้นึกว่ามันจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในตอนนี้
มึงลองไปดูที่บ้านนั้น ท่านสั่งต่อ ไอ้ม้ายคงอยู่ที่นั่น ถ้าไม่เจอก็ช่างมัน
ผมก็ต้องไปตามสั่ง ทั้ง ๆ ที่จะพอรู้ ๆ ว่าแถว ๆ นั้นฝ่ายกบฏคงจะต้องมีด่านตรวจ เพราะเป็นแดนของทหารเรือ กำลังของฝ่ายกบฏเป็นพวกทหารเรือส่วนใหญ่ และหัวหน้าคณะปฏิวัติครั้งนี้คือ นายปรีดี พนมยงค์ ตามคำประกาศทางวิทยุ
ผมกลับมาที่แท็กซี่คันเดิมของผม ขึ้นนั่งแล้วสั่งให้เขากลับไปที่เดิม ขณะนั่งไปในรถก็คิดไปว่าจะหาทางผ่านด่านไปได้ยังไงดี ถ้ามีด่านที่นั่น เพราะทางที่จะไปวัดธาตุทองนั้น ต้องผ่านไปตรงสี่แยกราชประสงค์ เข้าถนนสุขุมวิท ตรงไปทางนั้น
ผมตกลงใจที่จะต้องเสี่ยง พูดจากับคนขับแท็กซี่คนนั้น
ไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน ผมพูดกับเขา ถ้าพบด่านทหารตั้งที่ไหนระหว่างทาง และเขาเรียกหยุดตรวจ ก็บอกเขาว่า คุณรับผมมาจากเยาวราช เมาเป๋มา ขึ้นรถก็เมาหลับ บอกแต่เพียงให้ไปส่งแถวซอยประสานมิตร ไม่ต้องพูดอะไรอีก ถ้าเขาซักถามอะไรต่อก็บอกว่าไม่รู้ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมมีรางวัลพิเศษให้
เขาพยักหน้ารับคำหนักแน่น มีทีท่าเล่นด้วย ผมเบาใจไปหน่อย แต่ก็ยังคิดหาทางแก้ไขถ้าเหตูการณ์มันไม่เข้าข้าง และเกิดเหตุที่คิดไม่ถึงขึ้น เพราะผมต้องมาให้ความไว้วางใจกับคนขับแท็กซี่คนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย และเขาก็ไม่รู้จักว่าผมเป็นใคร
รถแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ก็ต้องหยุด เพราะมีรถหยุดเป็นแถวยาวตรงนั้น แสดงว่ามีการตั้งด่านตรวจจริงที่นั่นอย่างที่ผมคาดไว้ ผมตบไหล่คนขับ
เอาละ เห็นจะต้องเล่นบทที่ผมบอกไว้แน่
ว่าแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนตะแคงบนเบาะ ดึงเอาปืนที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาสอดเข้าใต้ตะโพกนอนทับไว้ มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปกุมด้ามปืน ปืนของผมนั้นขึ้นนกห้ามไกไว้เรียบร้อย เพียงแต่ใช้นิ้วดันห้ามไกไว้ก็ใช้ได้ทันที ผมขยี้หัวให้ยุ่ง แล้วนอนคอพับอยู่แบบคนเมาไม่ได้สติ คอยเหตุการณ์
รถค่อย เขยื้อนช้า ๆ ไปข้างหน้า ในที่สุดมันก็มาหยุดลงตรงที่จุดตรวจ ผมรู้สึกมีแสงไฟมากระทบใบหน้า แล้วได้ยินเสียงพูด
จะไปไหน ไปส่งที่ซอยประสานมิตรครับ มาจากไหนล่ะ จากเยาวราชครับ ขึ้นรถก็เมาหลับไปยังงี้แหละครับ คนรถผมตอบ อ้าว ไปถึงซอยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอยู่บ้านไหน เสียงซักมาอีก ตอนถึง ผมก็จะต้องปลุกถามละครับ ตอนนี้ปล่อยให้หลับสบาย ๆ ไปก่อน
ผมทำขย้อนจะอ้วก เป็นการแสดงบทบาทให้เข็มข้น
ไป ๆ รีบไปเหอะ ทำท่าจะรากแตกแล้ว เดี๋ยวเลอะรถตายห่า เสียงพูดปนหัวเราะจากเจ้าของแสงไฟนั้น แล้วไฟก็ดับ
รถของผมเคลื่อนที่ต่อไป ผมลุกขึ้นตบไหล่คนขับเมื่อรถผ่านมาไกลแล้ว
ขอบใจมากน้องชาย เล่นบทได้เฉียบ เดี๋ยวอาจต้องกลับมาทางนี้อีก เคยเป็นตำรวจหรือเปล่า
เขาหัวเราะ ไม่เคยครับ เขาตอบสั้น ๆ แค่นั้น แต่ผมเชื่อว่าไม่เคยก็ต้องเคยเป็นคนที่อยู่ในงานประเภทนี้มาก่อน ไม่งั้นจะแสดงบทบาทอย่างนี้ได้อย่างไม่มีความตื่นเต้นเลยไม่ได้
ผมมาถึงบ้านวัดธาตุทอง ก็ให้เขาเข้าไปในบริเวณวัด สมัยนั้นวัดนี้ยังไม่เจริญอย่างเดี๋ยวนี้ ไม่มีศาลามากมาย และไม่มีกุฏิ เมรุเผาศพอย่างหรูหราอย่างเดี๋ยวนี้ สมัยนั้นมีแต่เมรุเก่า ๆ มีศาลาวัดเพียงสองสามหลัง และมีถนนตัดผ่านเลยไปทางหลังวัดได้ บ้านที่พักผ่อนของเศรษฐีคนนั้นอยู่หลังวัด เป็นบ้านปลูกอยู่ริมคลอง คลองอะไรผมก็ไม่รู้จักชื่อ คลองนี้ไหลผ่านออกแม่น้ำได้
ผมให้รถแล่นเข้าไปหลังวัด ไปถึงบ้านหลังนั้น ซึ่งมีอยู่หลังเดียว ปรากฏว่าพี่ม้ายออกไปแล้ว มีคนมารับทางน้ำ นั่งเรือไป ผมก็กลับ
ผมกลับมาที่บ้านผมที่ซอยประสานมิตร แต่งเครื่องแบบแต่เพียงนุ่งกางเกง ส่วนเสื้อเครื่องแบบพร้อมหมวกนั้น ผมเอาซุกไว้ใต้เบาะที่นั่งด้านหลัง นั่งทับไว้ สั่งคนรถใหม่ว่า ขากลับออกไปนี่ เมื่อถึงด่านตรวจด่านนั้น ก็ให้เขาบอกว่า รับผมมาจากซ่องที่ซอยนานาเหนือ เมามาจากที่นั่น ให้ไปส่งที่ยศเส ไม่ต้องพูดอะไรต่ออย่างเดิม ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ผมผ่านด่านกลับมาได้อย่างสะดวกด้วยฝีมือของคนขับรถยอดคนคนนั้น จนมาถึงบางซื่อ เข้าที่ตั้งกองพัน 3 ได้อย่างปลอดภัย
ถ้าทหารที่ด่านราชประสงค์นั้นเกิดสงสัยว่า ทำไมถึงมีคนเมานั่งรถเข้าออกถึงสองครั้งอย่างนั้นขึ้นมา ผมก็คงโดนอะไรเข้าสักอย่างที่เดาไม่ออก ผมตบรางวัลคนขับรถแท็กซี่ของผมอย่างถึงใจ ให้สมกับความใจถึงของเขา ผมถามชื่อเขาไว้ และรู้ว่าเขาประจำอยู่ที่เยาวราชทุกวัน ต่อมาผมก็เอาเขาเข้ามาใช้ในราชการตำรวจ เมื่อผมมีตำแหน่งเป็นเรื่องเป็นราว ผมใช้เขาอยู่หลายปี
ผลปราบกบฏครั้งนั้นสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว ฝ่ายกบฏล่าถอย ทิ้งกองบัญชาการในวังหลวงไปอย่างหมดทางสู้ หลบออกมาทางประคูหลังด้านกองเรือกลับไปได้ เมื่อฝ่ายรัฐบาลเข้ายึดวังหลวงคืนได้โดยไม่ต้องเสียลูกปืนนั้น ฝ่ายกบฏถอนตัวไปหมดแล้ว จับใครไม่ได้สักคน ท่านปรีดี ฯ ก็มาร่วมขบวนด้วย ในเครื่องแบบทหารเรือยศพันจ่า และก็หลบออกไปได้ทางเดียวกัน ลงเรือหนีไป
การปฏิวัติหรือกบฏครั้งนั้นเลิกรา ถูกปราบลงไปอย่างง่ายดาย เพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึงครึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน
วันนั้นตรงกับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 ทางฝ่ายตำรวจไม่ได้ร่วมมือในการปราบปรามกบฏรายนั้นเท่าไหร่ เพราะกำลังพลยังมีไม่มากมาย หน่วยพิเศษอะไรก็ยังไม่มี อาศัยกำลังฝ่ายทหารเท่านั้นที่เข้าทำการปราบปราม ก็ยังดีที่ฝ่ายปราบปรามไม่คิดยิงทำลายกองบัญชาการฝ่ายกบฏในวังหลวง เพราะเป็นห่วงสถานที่สำคัญ ๆ ของชาติที่ตั้งอยู่ในวังจะได้รับความเสียหาย แม้แต่คิดจะใช้รถถังชนประตูวิเศษชัยศรี ก็ยังต้องยับยั้งไว้ รายละเอียดของเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมไม่เขียนในที่นี้ เพราะได้เขียนไว้ในข้อเขียนของผมแล้วในหนังสือหลายเล่มของผม ที่นำมาเขียนคร่าว ๆ ไว้ ณ ที่นี้ก็เพื่อให้เป็นการนำเรื่องมาถึงตอนที่มีการเกี่ยวพันกับชีวิตของท่านผู้ช่วย อ. ตร. เผ่า ให้ทราบกันเป็นแนวทางเท่านั้น ก่อนที่จะเดินเรื่องไปถึงเนื้อแท้ของชื่อเรื่องพาดหัวไว้ตอนต้น
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2553 1:29:08 น. |
Counter : 1156 Pageviews. |
|
|
|