พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 6)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 6
วันรุ่งขึ้น ผมมาถึงที่ทำงานตามเวลาอย่างเคย กัณหากล่าวตอบสวัสดีของผมอย่างผิดกับวันก่อน เสียงนั้นห้วน ๆ และหล่อนไม่ได้มองผมขณะพูด ท่าทางของหล่อนใส่ความไว้ตัวเข้าไว้อีก ผมหัวเราะ พูดว่า วันนี้มีงานอะไรให้ผมทำอีกหรือเปล่า คุณพี่ยังไม่มา หล่อนพูด คุณทำท่าเหมือนโกรธใครมาสักร้อยปี เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ ผมถาม หล่อนนิ่ง พลิกแฟ้มตรงหน้าเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของผม ผมเร่ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งเรียงอยู่ข้างฝา ปล่อยให้หล่อนเง้างอดอยู่อย่างนั้น หยิบหนังสือพิมพ์รายวันประจำวันนั้นขึ้นมาอ่าน หน้าแรกของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น พาดหัวตัวเบ้อเร่อว่า พยานปากสำคัญในคดีรถชนคนตาย ถูกฆาตกรรมลึกลับ ผมอ่านเนื้อข่าวของข่าวนั้น มีใจความว่า เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณห้าทุ่มเศษ ขณะที่ชาวบ้านแถวบริเวณถนนระนองซอยหนึ่งกำลังหลับสนิท ก็มีเสียงปืนคำรามขึ้น สอง-สามนัด ที่บริเวณนั้น เสียงอันกึกก้องของปืนปลุกให้ชาวบ้านออกมาดูกันว่า เกิดอะไรขึ้น ตำรวจป้อมยามที่อยู่หัวถนน วิ่งมา ณ ที่เกิดเหตุ ก็พบว่า มีรถสามล้อคันหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ประมาณกึ่งกลางซอย ที่ใกล้ ๆ กับที่พบรถนั้น มีร่างของชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่
ตำรวจพบว่าชายคนนั้นคือ คนขับขี่รถสามล้อเครื่องคันนั้น เขาถูกยิงด้วยกระสุนปืนซึ่งยังไม่ทราบขนาด กระสุนถูกท้ายทอย ทะลุหน้าผากหนึ่งนัด และที่ลำตัวตรงหน้าอกอีกสองนัด ตายคาที่
ตามทางสอบสวนปรากฏว่า ชายคนนั้นชื่อ นายสน กิ่งทะเล เป็นชาวอีสาน ในกระเป๋าผู้ตายมีเงินสดอยู่สี่ร้อยกว่าบาท และใบขับขี่ซึ่งมีชื่อและที่อยู่ของเขาพร้อมด้วยรูปถ่าย
ตำรวจทราบต่อไปว่า นายสนคนตายนี้ เป็นพยานปากสำคัญในคดีครึกโครมเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีสาวสังคมนามกระเดื่องผู้หนึ่งเป็นจำเลยในคดีขับรถยนต์ชนลูกสาวอายุแปดขวบของพ่อค้าผู้มีชื่อดังคนหนึ่งตาย สาววังคมผู้นั้นชื่อว่า นางสาว ยุพดี พวงพยอม จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ณ ที่เกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดรู้เห็นเหตุการณ์และให้ความกระจ่างแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้มากไปกว่าที่ทุกคนได้ยินแต่เสียงกึกก้องขึ้นในเวลานั้นเท่านั้น ไม่มีใครรู้เห็นว่าคนร้ายจะเป็นใคร กี่คน หรือได้ยินเสียงคนวิ่งหรือร้องอะไรก่อนหน้าหรือหลังจากเสียงปืน
ตำรวจไม่ได้ร่องรอยอะไรในที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่า คนร้ายคงจะว่าจ้างให้ผู้ตายขับขี่รถสามล้อเครื่องคนนั้นมาส่งในซอยนี้แล้วยิงเอา คนร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ณ ที่เกิดเหตุเลย ข่าวคืบหน้า หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจะติดตามมาเสนอต่อไป
ผมพับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นวางไว้ที่เดิม เมื่ออ่านได้แต่เพียงข่าวนั้นข่าวเดียว ชื่อ นางสาว ยุพดี พวงพยอม นี้ ผมจำได้ หล่อนเป็นจำเลยคนที่คุณพี่ใช้ให้ผมไปยื่นคำร้องประกันเมื่อวานนี้เอง
ผมควักบุหรี่ออกมาจัดสูบ นั่งคอยเวลาที่คุณพี่จะมาสำนักงาน
บุหรี่หมดไปสองมวน คุณพี่ก็ขึ้นมาบนสำนักงาน ผมดูนาฬิกามันบอกเวล่าสองโมงยี่สิบนาที คุณพี่ทักขึ้นมาก่อนว่า อ้อ มาพร้อมกันแล้วหรือ สวัสดี
คำหลังนี้ พูดตอบเมื่อผมกับกัณหากล่าวสวัสดีขึ้นเกือบพร้อมกัน
คุณพี่หยุดที่หน้าห้อง หันมาพูดกับผมว่า นี่ คุณดนัย พี่รู้มาว่า ที่บ้านนายห้างสากลพานิช เขาจะมีงานเลี้ยงรับลูกสาวคนโต ที่เพิ่งกลับมาจากนอก ในวันสองวันนี้ คุณไปติดต่อเขาดูทีหรือว่า เขาจะให้เราจัดการให้หรือไม่ บางทีเราอาจจะได้งานนั้น
คุณพี่อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้หรือยัง ผมถามขึ้น
คุณพี่ชายตาไปที่หนังสือพิมพ์ที่วางบนโต๊ะ พร้อมกับพูดว่า ทำไม มีอะไรหรือ
อ่านดูซีครับ ผมพยักหน้าไปที่หนังสือพิมพ์
คุณพี่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากาง ใช้สายตามองกวาดไปบนหัวจั่ว แล้วค่อย ๆ เลื่อนลงมาอ่านเนื้อข่าวจนจบ แล้วก็หันมาพูดกับผม มือยังถือหนังสือพิมพ์อยู่ ไม่เห็นมีอะไร ข่าวคนขับสามล้อเครื่องถูกยิงตายนี่ใช่ไหม ที่คุณให้พี่อ่าน
นั่นแหละครับ คุณพี่เห็นเป็นไง
ก็ไม่เห็นเป็นยังไง ทำไม มันมีอะไรเกี่ยวกับพี่
นางสาว ยุพดี พวงพยอม คือคนที่คุณพี่ใช้ให้ผมไปยื่นประกันที่ศาล เมื่อวานนี้
พี่จำได้ แล้วยังไง
คุณพี่ลองโทรศัพท์ถามคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องให้คุณพี่ประกันแกดูหรือบังว่า แกยังอยู่ดีหรือยังไง
ทำไมต้องถามไปด้วย มันคนละเรื่อง
คนที่ถูกยิงตาย เป็นพยานปากสำคัญของคดีที่แกถูกกล่าวหา
คุณพี่หัวเราะ แล้วยังไง
ตำรวจเขาอาจจะต้องสอบสวนแกถึงเรื่องนี้ด้วย
แล้วยังไง คุณพี่ย้ำถามอย่างเดิม
ถ้าเขาสอบไปสอบมา ได้เค้าว่า แกมีส่วนพัวพันในเรื่องนี้ เขาก็อาจจะเอาตัวแกไว้ก่อน
แล้วยังไง คราวนี้ เสียงคุณพี่ค่อยลงมาหน่อย เหมือนกำลังคิดไปด้วย
แต่ถ้าแกรู้เค้ามาก่อน แกก็อาจจะไม่อยู่ให้ตำรวจเอาตัว
คราวนี้เมื่อผมหยุดไว้เท่านั้น คุณพี่ไม่ได้ถามสวนอย่างเดิม นิ่งไปครู่หนึ่ง มองผม เลิกคิ้วถาม แล้วยังไง ออกมาเบา ๆ ช้า ๆ คุณพี่ก็อาจจะเสียเงินหนึ่งแสน หรือไม่ก็โฉนดที่วางประกันไว้นั่น ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน ผมจะไปติดต่อนายห้างสากลพานิช เดี๋ยวนี้นะครับ ผมเดินมาถึงหัวบันได เสียงคุณพี่เรียกตามหลังมาว่า เดี๋ยวก่อน พ่อ ดนัย ผมหยุดอยู่ที่หัวบันได หันหน้ามาทางคุณพี่ รอเดี๋ยวก่อน คุณพี่พูด แล้วเปิดบังตาห้องทำงานเข้าไป ผมได้ยินเสียงหมุนโทรศัพท์ ผมควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอีกมวน สักพักใหญ่ ๆ คุณพี่เปิดบังตาออกมาพูดว่า พ่อ ดนัย รู้จักบ้านแกหรือเปล่า
บ้านนายห้างหรือครับ
ไม่ใช่ บ้านแม่ยุพดีคนนั้นน่ะซี
ผมไม่รู้ แต่พอจะถามให้รู้ได้
ดีแล้ว ไปหาตัวแกดูที ถ้าเจอก็พาตัวไปที่ศาล แล้วยื่นคำร้องขอถอนประกันเสียด้วย นี่เป็นใบมอบอำนาจของพี่
คุณพี่ส่งกระดาษที่ถือออกมาด้วยในมือแผ่นหนึ่งให้ผม
ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมา และพูดว่า ผมจะเอาตัวแกไปที่ศาลยังไง ถ้าเจอตัวแก
ก็เอาตำรวจไปด้วยสักคน ไปหาผู้การพิทักษ์เขาก็ได้
ให้ผมไปหาอีตาผู้การนั่น ให้ผมไปลงนรกดีกว่า ทีนี้ ถ้าหากว่าแกยังอยู่ดีที่บ้านและไม่คิดหนีไปไหน คุณพี่มิเสียเงินรายได้ไปเปล่า ๆ หรือครับ แกอาจจะไม่พัวพันกับเรื่องนี้ก็ได้
คุณพี่นิ่งไปพักหนึ่ง พึมพำว่า นั่นน่ะซิ แต่ก็น่าสงสัย เพราะเมื่อเช้านี้ ตำรวจไปตามตัวแกที่บ้านแล้ว เขาไม่พบตัวแก
คุณพี่ถามผู้การพิทักษ์ไปแล้วซี เมื่อกี้นี้ ผมพูด
คุณพี่มองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า
ผู้การพิทักษ์เป็นคนที่ขอให้คุณพี่เป็นคนประกันรายนี้ ใช่ไหมครับ
คุณพี่นิ่ง ไม่ตอบ
แกว่ายังไงบ้าง ผมถามต่อไป
แกก็กำลังให้คนตามตัวอยู่ ถ้าได้มาเมื่อไร แกจะบอกมา
อ้าว ! ถ้ายังงั้น คุณพี่ให้ผมไปตามแกอีกทำไม
พี่ไม่ค่อยจะแน่ใจว่าเขาจะได้ตัว ถ้าคุณช่วยอีกแรงหนึ่ง อาจจะดี
ถ้าผมตามตัวได้ ผมจะไม่ติดต่อกับผู้การพิทักษ์
แล้วคุณจะอาศัยใครเอาตัวแกไปศาล ถ้าหากคุณพบตัวแก
ผมมีวิธีของผม
ก็ตามใจถ้ายังงั้น ช่วยพี่หน่อย
ผมอาจจะต้องใช้จ่ายอะไรบ้างในการนี้
คุณพี่นิ่งไปอีก แล้วพูดว่า พี่ให้คุณไปสำหรับห้าวันแล้วยังไง
นั่นมันค่าจ้างของผมรายวัน ผมต้องการค่าพาหนะ และค่าใช้จ่ายที่อาจจำเป็น ซึ่งยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง
เมื่อวานนี้ คุณก็ได้จากผู้การไปแล้วห้าร้อย ออกไปก่อนไม่ได้หรือ
ผมไม่ได้เอาเงินนั้นติดตัวมา
คุณพี่มองดูผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า
คุณต้องการสักเท่าไร
สักสามร้อยบาทก็พอ
อะไร ตั้งสามร้อย
ความจริง ผมอยากจะได้สักห้าร้อยด้วยซ้ำ ผมพูดเสียงเรียบ ๆ
คุณพี่เปิดกระเป๋าถือ หยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาสามใบส่งให้ผม พร้อมกับพูดว่า
ใช้อะไรไปบ้างก็ทำใบสำคัญมาให้ดู ถ้าเป็นเรื่องไม่จำเป็น คุณต้องใช้คืนนะ จะบอกให้
ผมรับเงินมาแล้วพูดว่า ผมต้องใช้รถด้วย
คุณพี่พยักหน้ามาที่เงินที่ผมถืออยู่ในมือ นั่นก็รวมทั้งค่าพาหนะด้วยไม่ใช่หรือ
ถ้าใช้เป็นค่าพาหนะด้วย มันอาจจะเปลืองใหญ่ เงินนี้อาจไม่เหลือ
คุณพี่หยุดคิดนิดหนึ่งแล้วว่า เอารถกัณหาเขาไปก็ได้
ผมหันไปมองกัณหา หล่อนก้มหน้าเหมือนไม่ได้ยินที่คุณพี่พูด ผมมองดูคุณพี่เฉยอยู่
คุณพี่พูดกับกัณหาว่า เธอไม่มีธุระไปไหนไม่ใช่หรือ กัณหา ยืมรถให้พ่อดนัยเขาหน่อยซิ
กัณหาเปิดลิ้นชัก หยิบเอาพวงกุญแจรถออกมาวางที่มุมโต๊ะโดยไม่พูดอะไร แล้วหล่อนก็ก้มหน้าทำธุระกับเครื่องพิมพ์ตรงหน้า
ผมหยิบพวงกุญแจรถมาถือ แล้วหัวเราะเบา ๆ
กัณหาเม้มริมฝีปาก
ก่อนที่ผมจะลงบันไดไป เสียงคุณพี่ดังตามหลังมาว่า อย่าลืมทำใบสำคัญมาให้ฉันนะ
แล้วเรื่องนายห้าง ผมจะต้องไปหาเขาไหมครับ ผมหยุดถาม
ไม่ต้องแล้ว เธอไปเอาตัวแม่ยุพดีมาส่งศาลให้ได้ก็แล้วกัน คุณพี่รีบพูด รีบไปเข้าเถอะ คุณพี่โบกมือไล่ประกอบคำพูด
Create Date : 25 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 1:20:16 น. |
|
2 comments
|
Counter : 905 Pageviews. |
|
|
|
หนีไปจัดการธุระเล็กน้อย
ขออภัยที่เพื่อนร่วม BlogGang รออ่านอยู่
ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกัน