จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 6)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 6

วันรุ่งขึ้น ผมมาถึงที่ทำงานตามเวลาอย่างเคย กัณหากล่าวตอบสวัสดีของผมอย่างผิดกับวันก่อน เสียงนั้นห้วน ๆ และหล่อนไม่ได้มองผมขณะพูด ท่าทางของหล่อนใส่ความไว้ตัวเข้าไว้อีก ผมหัวเราะ พูดว่า

“ วันนี้มีงานอะไรให้ผมทำอีกหรือเปล่า ”

“ คุณพี่ยังไม่มา ” หล่อนพูด

“ คุณทำท่าเหมือนโกรธใครมาสักร้อยปี เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ ”
ผมถาม

หล่อนนิ่ง พลิกแฟ้มตรงหน้าเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของผม

ผมเร่ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งเรียงอยู่ข้างฝา ปล่อยให้หล่อนเง้างอดอยู่อย่างนั้น หยิบหนังสือพิมพ์รายวันประจำวันนั้นขึ้นมาอ่าน หน้าแรกของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น พาดหัวตัวเบ้อเร่อว่า

“ พยานปากสำคัญในคดีรถชนคนตาย ถูกฆาตกรรมลึกลับ ”

ผมอ่านเนื้อข่าวของข่าวนั้น มีใจความว่า

เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณห้าทุ่มเศษ ขณะที่ชาวบ้านแถวบริเวณถนนระนองซอยหนึ่งกำลังหลับสนิท ก็มีเสียงปืนคำรามขึ้น สอง-สามนัด ที่บริเวณนั้น เสียงอันกึกก้องของปืนปลุกให้ชาวบ้านออกมาดูกันว่า เกิดอะไรขึ้น ตำรวจป้อมยามที่อยู่หัวถนน วิ่งมา ณ ที่เกิดเหตุ ก็พบว่า มีรถสามล้อคันหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ประมาณกึ่งกลางซอย ที่ใกล้ ๆ กับที่พบรถนั้น มีร่างของชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่

ตำรวจพบว่าชายคนนั้นคือ คนขับขี่รถสามล้อเครื่องคันนั้น เขาถูกยิงด้วยกระสุนปืนซึ่งยังไม่ทราบขนาด กระสุนถูกท้ายทอย ทะลุหน้าผากหนึ่งนัด และที่ลำตัวตรงหน้าอกอีกสองนัด ตายคาที่

ตามทางสอบสวนปรากฏว่า ชายคนนั้นชื่อ นายสน กิ่งทะเล เป็นชาวอีสาน ในกระเป๋าผู้ตายมีเงินสดอยู่สี่ร้อยกว่าบาท และใบขับขี่ซึ่งมีชื่อและที่อยู่ของเขาพร้อมด้วยรูปถ่าย

ตำรวจทราบต่อไปว่า นายสนคนตายนี้ เป็นพยานปากสำคัญในคดีครึกโครมเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีสาวสังคมนามกระเดื่องผู้หนึ่งเป็นจำเลยในคดีขับรถยนต์ชนลูกสาวอายุแปดขวบของพ่อค้าผู้มีชื่อดังคนหนึ่งตาย สาววังคมผู้นั้นชื่อว่า นางสาว ยุพดี พวงพยอม จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ณ ที่เกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดรู้เห็นเหตุการณ์และให้ความกระจ่างแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้มากไปกว่าที่ทุกคนได้ยินแต่เสียงกึกก้องขึ้นในเวลานั้นเท่านั้น ไม่มีใครรู้เห็นว่าคนร้ายจะเป็นใคร กี่คน หรือได้ยินเสียงคนวิ่งหรือร้องอะไรก่อนหน้าหรือหลังจากเสียงปืน

ตำรวจไม่ได้ร่องรอยอะไรในที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่า คนร้ายคงจะว่าจ้างให้ผู้ตายขับขี่รถสามล้อเครื่องคนนั้นมาส่งในซอยนี้แล้วยิงเอา คนร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ณ ที่เกิดเหตุเลย ข่าวคืบหน้า หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นจะติดตามมาเสนอต่อไป

ผมพับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นวางไว้ที่เดิม เมื่ออ่านได้แต่เพียงข่าวนั้นข่าวเดียว ชื่อ นางสาว ยุพดี พวงพยอม นี้ ผมจำได้ หล่อนเป็นจำเลยคนที่คุณพี่ใช้ให้ผมไปยื่นคำร้องประกันเมื่อวานนี้เอง

ผมควักบุหรี่ออกมาจัดสูบ นั่งคอยเวลาที่คุณพี่จะมาสำนักงาน

บุหรี่หมดไปสองมวน คุณพี่ก็ขึ้นมาบนสำนักงาน ผมดูนาฬิกามันบอกเวล่าสองโมงยี่สิบนาที คุณพี่ทักขึ้นมาก่อนว่า “ อ้อ มาพร้อมกันแล้วหรือ สวัสดี ”

คำหลังนี้ พูดตอบเมื่อผมกับกัณหากล่าวสวัสดีขึ้นเกือบพร้อมกัน

คุณพี่หยุดที่หน้าห้อง หันมาพูดกับผมว่า
“ นี่ คุณดนัย พี่รู้มาว่า ที่บ้านนายห้างสากลพานิช เขาจะมีงานเลี้ยงรับลูกสาวคนโต ที่เพิ่งกลับมาจากนอก ในวันสองวันนี้ คุณไปติดต่อเขาดูทีหรือว่า เขาจะให้เราจัดการให้หรือไม่ บางทีเราอาจจะได้งานนั้น ”

“ คุณพี่อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้หรือยัง ” ผมถามขึ้น

คุณพี่ชายตาไปที่หนังสือพิมพ์ที่วางบนโต๊ะ พร้อมกับพูดว่า
“ ทำไม มีอะไรหรือ ”

“ อ่านดูซีครับ ” ผมพยักหน้าไปที่หนังสือพิมพ์

คุณพี่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากาง ใช้สายตามองกวาดไปบนหัวจั่ว แล้วค่อย ๆ เลื่อนลงมาอ่านเนื้อข่าวจนจบ แล้วก็หันมาพูดกับผม มือยังถือหนังสือพิมพ์อยู่
“ ไม่เห็นมีอะไร ข่าวคนขับสามล้อเครื่องถูกยิงตายนี่ใช่ไหม ที่คุณให้พี่อ่าน ”

“ นั่นแหละครับ คุณพี่เห็นเป็นไง ”

“ ก็ไม่เห็นเป็นยังไง ทำไม มันมีอะไรเกี่ยวกับพี่ ”

“ นางสาว ยุพดี พวงพยอม คือคนที่คุณพี่ใช้ให้ผมไปยื่นประกันที่ศาล เมื่อวานนี้ ”

“ พี่จำได้ แล้วยังไง ”

“ คุณพี่ลองโทรศัพท์ถามคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องให้คุณพี่ประกันแกดูหรือบังว่า แกยังอยู่ดีหรือยังไง ”

“ ทำไมต้องถามไปด้วย มันคนละเรื่อง ”

“ คนที่ถูกยิงตาย เป็นพยานปากสำคัญของคดีที่แกถูกกล่าวหา ”

คุณพี่หัวเราะ “ แล้วยังไง ”

“ ตำรวจเขาอาจจะต้องสอบสวนแกถึงเรื่องนี้ด้วย ”

“ แล้วยังไง ” คุณพี่ย้ำถามอย่างเดิม

“ ถ้าเขาสอบไปสอบมา ได้เค้าว่า แกมีส่วนพัวพันในเรื่องนี้ เขาก็อาจจะเอาตัวแกไว้ก่อน ”

“ แล้วยังไง ”
คราวนี้ เสียงคุณพี่ค่อยลงมาหน่อย เหมือนกำลังคิดไปด้วย

“ แต่ถ้าแกรู้เค้ามาก่อน แกก็อาจจะไม่อยู่ให้ตำรวจเอาตัว ”

คราวนี้เมื่อผมหยุดไว้เท่านั้น คุณพี่ไม่ได้ถามสวนอย่างเดิม นิ่งไปครู่หนึ่ง มองผม เลิกคิ้วถาม “ แล้วยังไง ” ออกมาเบา ๆ ช้า ๆ

“ คุณพี่ก็อาจจะเสียเงินหนึ่งแสน หรือไม่ก็โฉนดที่วางประกันไว้นั่น ” ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“ ผมจะไปติดต่อนายห้างสากลพานิช เดี๋ยวนี้นะครับ ”

ผมเดินมาถึงหัวบันได เสียงคุณพี่เรียกตามหลังมาว่า
“ เดี๋ยวก่อน พ่อ ดนัย ”

ผมหยุดอยู่ที่หัวบันได หันหน้ามาทางคุณพี่

“ รอเดี๋ยวก่อน ” คุณพี่พูด แล้วเปิดบังตาห้องทำงานเข้าไป

ผมได้ยินเสียงหมุนโทรศัพท์ ผมควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอีกมวน

สักพักใหญ่ ๆ คุณพี่เปิดบังตาออกมาพูดว่า
“ พ่อ ดนัย รู้จักบ้านแกหรือเปล่า ”

“ บ้านนายห้างหรือครับ ”

“ ไม่ใช่ บ้านแม่ยุพดีคนนั้นน่ะซี ”

“ ผมไม่รู้ แต่พอจะถามให้รู้ได้ ”

“ ดีแล้ว ไปหาตัวแกดูที ถ้าเจอก็พาตัวไปที่ศาล แล้วยื่นคำร้องขอถอนประกันเสียด้วย นี่เป็นใบมอบอำนาจของพี่ ”

คุณพี่ส่งกระดาษที่ถือออกมาด้วยในมือแผ่นหนึ่งให้ผม

ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมา และพูดว่า
“ ผมจะเอาตัวแกไปที่ศาลยังไง ถ้าเจอตัวแก ”

“ ก็เอาตำรวจไปด้วยสักคน ไปหาผู้การพิทักษ์เขาก็ได้ ”

“ ให้ผมไปหาอีตาผู้การนั่น ให้ผมไปลงนรกดีกว่า ทีนี้ ถ้าหากว่าแกยังอยู่ดีที่บ้านและไม่คิดหนีไปไหน คุณพี่มิเสียเงินรายได้ไปเปล่า ๆ หรือครับ แกอาจจะไม่พัวพันกับเรื่องนี้ก็ได้ ”

คุณพี่นิ่งไปพักหนึ่ง พึมพำว่า
“ นั่นน่ะซิ แต่ก็น่าสงสัย เพราะเมื่อเช้านี้ ตำรวจไปตามตัวแกที่บ้านแล้ว เขาไม่พบตัวแก ”

“ คุณพี่ถามผู้การพิทักษ์ไปแล้วซี เมื่อกี้นี้ ” ผมพูด

คุณพี่มองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า

“ ผู้การพิทักษ์เป็นคนที่ขอให้คุณพี่เป็นคนประกันรายนี้ ใช่ไหมครับ ”

คุณพี่นิ่ง ไม่ตอบ

“ แกว่ายังไงบ้าง ” ผมถามต่อไป

“ แกก็กำลังให้คนตามตัวอยู่ ถ้าได้มาเมื่อไร แกจะบอกมา ”

“ อ้าว ! ถ้ายังงั้น คุณพี่ให้ผมไปตามแกอีกทำไม ”

“ พี่ไม่ค่อยจะแน่ใจว่าเขาจะได้ตัว ถ้าคุณช่วยอีกแรงหนึ่ง อาจจะดี ”

“ ถ้าผมตามตัวได้ ผมจะไม่ติดต่อกับผู้การพิทักษ์ ”

“ แล้วคุณจะอาศัยใครเอาตัวแกไปศาล ถ้าหากคุณพบตัวแก ”

“ ผมมีวิธีของผม ”

“ ก็ตามใจถ้ายังงั้น ช่วยพี่หน่อย ”

“ ผมอาจจะต้องใช้จ่ายอะไรบ้างในการนี้ ”

คุณพี่นิ่งไปอีก แล้วพูดว่า “ พี่ให้คุณไปสำหรับห้าวันแล้วยังไง ”

“ นั่นมันค่าจ้างของผมรายวัน ผมต้องการค่าพาหนะ และค่าใช้จ่ายที่อาจจำเป็น ซึ่งยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง ”

“ เมื่อวานนี้ คุณก็ได้จากผู้การไปแล้วห้าร้อย ออกไปก่อนไม่ได้หรือ ”

“ ผมไม่ได้เอาเงินนั้นติดตัวมา ”

คุณพี่มองดูผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า

“ คุณต้องการสักเท่าไร ”

“ สักสามร้อยบาทก็พอ ”

“ อะไร ตั้งสามร้อย ”

“ ความจริง ผมอยากจะได้สักห้าร้อยด้วยซ้ำ ” ผมพูดเสียงเรียบ ๆ

คุณพี่เปิดกระเป๋าถือ หยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาสามใบส่งให้ผม พร้อมกับพูดว่า

“ ใช้อะไรไปบ้างก็ทำใบสำคัญมาให้ดู ถ้าเป็นเรื่องไม่จำเป็น คุณต้องใช้คืนนะ จะบอกให้ ”

ผมรับเงินมาแล้วพูดว่า “ ผมต้องใช้รถด้วย ”

คุณพี่พยักหน้ามาที่เงินที่ผมถืออยู่ในมือ
“ นั่นก็รวมทั้งค่าพาหนะด้วยไม่ใช่หรือ ”

“ ถ้าใช้เป็นค่าพาหนะด้วย มันอาจจะเปลืองใหญ่ เงินนี้อาจไม่เหลือ ”

คุณพี่หยุดคิดนิดหนึ่งแล้วว่า
“ เอารถกัณหาเขาไปก็ได้ ”

ผมหันไปมองกัณหา หล่อนก้มหน้าเหมือนไม่ได้ยินที่คุณพี่พูด ผมมองดูคุณพี่เฉยอยู่

คุณพี่พูดกับกัณหาว่า
“ เธอไม่มีธุระไปไหนไม่ใช่หรือ กัณหา ยืมรถให้พ่อดนัยเขาหน่อยซิ ”

กัณหาเปิดลิ้นชัก หยิบเอาพวงกุญแจรถออกมาวางที่มุมโต๊ะโดยไม่พูดอะไร แล้วหล่อนก็ก้มหน้าทำธุระกับเครื่องพิมพ์ตรงหน้า

ผมหยิบพวงกุญแจรถมาถือ แล้วหัวเราะเบา ๆ

กัณหาเม้มริมฝีปาก

ก่อนที่ผมจะลงบันไดไป เสียงคุณพี่ดังตามหลังมาว่า
“ อย่าลืมทำใบสำคัญมาให้ฉันนะ ”

“ แล้วเรื่องนายห้าง ผมจะต้องไปหาเขาไหมครับ ” ผมหยุดถาม

“ ไม่ต้องแล้ว เธอไปเอาตัวแม่ยุพดีมาส่งศาลให้ได้ก็แล้วกัน ”
คุณพี่รีบพูด “ รีบไปเข้าเถอะ ” คุณพี่โบกมือไล่ประกอบคำพูด




Create Date : 25 พฤษภาคม 2553
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 1:20:16 น. 2 comments
Counter : 905 Pageviews.

 
กลับมาแล้วค่ะ
หนีไปจัดการธุระเล็กน้อย
ขออภัยที่เพื่อนร่วม BlogGang รออ่านอยู่

ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกัน



โดย: ธารน้อย วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:23:10 น.  

 
..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:30:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.