จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 36)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 36
การเมืองเรื่องเปลืองตัว

เขียนมายืดยาว นั่นเป็นการเกริ่นถึงเหตุการณ์ที่จะนำมาถึงตอนสำคัญของเรื่องอันจะเป็นแก่นแท้ของบทความนี้ คือ
“ ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย ”
ตามหัวเรื่องเสียที

ท่านผู้อ่านโปรดอย่าได้คิดว่า ผมดึงเรื่องให้ยืดยาว ความข้างต้นที่ผ่านมานั้นเป็นการปูพื้นที่จะมาถึงเนื้อแท้ของหัวเรื่องจริง ๆ ท่านจะได้ทราบว่า ทั้งผมและท่านบุรุษเหล็กแห่งเอเชียที่มีชื่อว่า พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ นั้น มามีความเกี่ยวพันกันได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง และไม่น่าจะเป็นไปได้ ต่างคนต่างอยู่แท้ ๆ ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางเชื้อญาติ หรือทางด้านไหนเลย พรหมลิขิตแท้ ๆ ที่ชักจูงให้ผมต้องมามีชีวิตผูกพันกับท่านผู้นี้อย่างนึกไม่ถึง

ชีวิตผมกับท่านบุรุษเหล็ก ฯ ในขณะที่ผูกพันกันอยู่ใกล้ชิดนั้น ก็ไม่ใช่ชีวิตที่ราบรื่นนัก ผมกับท่านมีเรื่องขัดใจกันบ่อยครั้ง ทั้งในหน้าที่การงานและส่วนตัว แต่ก็ประหลาดที่ความขัดแย้งอย่างที่ค่อนข้างจะหนักนั้น ไม่ทำให้ผมและท่านเกิดการเข้าใจผิดกันถึงขนาดแตกแยกจากกัน ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ผมต้องติดอยู่กับท่านแน่นแฟ้นเข้าไปอีก

งานของผมในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาลนั้น มันเป็นงานที่จะตามใจนายมากนักไม่ได้ เพราะมันเป็นงานได้เสียของบ้านเมือง มันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของประเทศอย่างมากและสำคัญ

คนที่อยู่กับงานอย่างใกล้ชิดอย่างผม ย่อมต้องรู้ถึงตื้นลึกหนาบางของงาน ซึ่งบางครั้งมันละเอียดอ่อน บางครั้งมันก็หยาบกระด้าง ตามเนื้อแท้ของงาน และมันจะกลับกลายไปแล้วแต่เหตุการณ์

นี่แหละที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง นายต้องการอย่างหนึ่ง แต่งานมันจะให้เป็นไปตามที่นายต้องการไม่ได้

ผู้ที่อยู่เบื้องสูงนั้นมองไม่เห็นทางเดินของงาน เท่าคนที่อยู่กับงาน บางครั้งทางเดินของมันอาจไม่ไปตามทางที่คนที่อยู่เบื้องสูงมองเห็น ก็ต้องขัดใจกัน

ผมจะเริ่มเรื่องตั้งแต่เบื้องต้นที่ผมเริ่มเข้าใช้ชีวิตใกล้ชิดกับท่าน หลังจากที่ถูกเรียกตัวด้วยวิธีการแหวกแนวในวันที่มีการสอบสวนคดีกบฏเสนาธิการ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2491 ตามที่เขียนเล่ามาข้างต้น

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกัน ผมก็รู้จักท่านผู้นี้ดีขึ้นทีละน้อย จนได้เข้าใจถึงธาตุแท้ของบุรุษผู้นี้ว่า ท่านมีจิตใจและเนื้อแท้ของนิสัยใจคออย่างไร

มีหลาย ๆ คนอยากทราบถึงเบื้องหลังเหตุการณ์ฆาตกรรมทางการเมืองในสมัยที่ท่านมีอำนาจอยู่ในกรมตำรวจ นับกันตั้งแต่เมื่อย่างเข้ามาใหม่ ๆ ในยศพันเอก หลังจากที่ได้ถูกหยามน้ำหน้าจากท่านรัฐมนตรีมหาดไทยที่ขณะรัฐประหารไปเชิญมาเป็นนั้นว่า

“ คนอย่างคุณ เป็นแค่พลตำรวจก็ยังไม่ได้ ”

คำกล่าวของท่านรัฐมนตรีมหาดไทยพลโท หลวงสินาดโยธารักษ์ ครั้งนั้น เป็นคำกล่าวหาที่ไม่ผิดนัก... เพราะอะไร

ก็เพราะว่า ก่อนหน้าที่ท่านจะมาร่วมใจกับพรรคพวกทำการรัฐประหารเมื่อปี 2490 นั้น ท่านพันเอก เผ่า ศรียานนท์ ผู้นี้ท่านเป็นนักดื่มตัวฉกาจ ประวัติชีวิตของท่านเป็นที่รู้จักกันในหมู่เพื่อนฝูงว่า เป็นคนใจถึงและใจกว้าง และมีเพื่อนฝูงมาก การมีเพื่อนฝูงมากก็ต้องมีการสังสรรค์กันมาก และในการสังสรรค์แต่ละครั้งนั้นก็ต้องมีเหล้าอยู่ในวงเป็นประจำ ขาดไอ้น้ำเมานี่เสียแล้ว การสังสรรค์นั้นก็ขาดรสชาติ นี่เป็นเรื่องปกติของการสังสรรค์ทั่ว ๆ ไป ยิ่งท่านมีร้านอาหารของท่านเองที่ชื่อว่า “ กิ่งแก้ว ” ตามที่ได้เขียนให้ทราบในเบื้องต้นนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่ร้านอาหารจะต้องเป็นที่ชุมนุมพรรคพวก และตัวท่านเจ้าของร้านเองก็ต้องร่วมวงกับพรรคพวก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อได้เหล้าได้ข้าวเข้าเต็มที่แล้ว ก็ต้องมีการยึดเยื้อถึงขนาดเอะอะเฮฮากันไปตาม
ธรรมชาติของนักดื่มที่กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์

กิตติศัพท์ของการสำมะเลเทเมาของกลุ่มนี้ ก็ย่อมต้องดังไปในสังคม และเป็นที่รู้จักของวงการนี้โดยทั่วไป กิตติศัพท์นี้ก็ย่อมต้องรู้ไปถึงหูผู้ใหญ่ในวงการเดียวกัน ท่านพลโท หลวงสินาด ฯ นั้น ท่านก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่สำคัญคนหนึ่งในวงการทหาร ถ้ามิฉะนั้น ท่านคณะรัฐประหารคงจะไม่ไปเชิญท่านมาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญอย่างกระทรวง มหาดไทย

ฝ่ายคณะรัฐประหารมารู้ตัวช้าเกินไปถึงเรื่องที่ปล่อยให้อำนาจในทางการปกครองต้องเข้าไปอยู่ในมือของคนอื่น เมื่อได้คิด จะส่งท่านพันเอก เผ่า ศรียานนท์ ไปคุมทางกำลังตำรวจ โดยให้ไปพูดกับท่านรัฐมนตรีมหาดไทย ก็โดนตอกหน้ามาอย่างนั้น เป็นการตอกหน้าที่เรียกว่าสมควรจะได้ เพราะถ้ากรมตำรวจจะต้องมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาควบคุมกิจการ ก็ไม่น่าจะเป็นขี้เมาหยำเป ที่รู้ ๆ กันในวงสังคม

ผมไม่ตำหนิท่านรัฐมนตรี หลวงสินาด ฯ ถ้าเป็นผู้ใหญ่คนอื่นที่เป็นคนสมถะอย่างท่าน ก็คงจะตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกัน เป็นแต่ว่า การใช้คำพูดของท่านรัฐมนตรี หลวงสินาด ฯ นั้น หนักไปหน่อย ถึงขนาดปรามาสกันอย่างนั้น มันก็เกินไปที่ลูกผู้ชายที่มีสำนึกจะรับฟังได้ ถึงแม้จะเป็นขี้เมาหยำเปอย่างไร ก็ต้องมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่คนกะเลวลาดที่ไม่มีหัวนอนปลายตีน นี่เป็นถึงเจ้ากรมเชื้อเพลิง และผู้ใหญ่ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในยศพันเอก การปรามาสกันด้วยถ้อยคำอย่างนั้น มันก็เกินไป ไม่หน่อยละ มากเอาทีเดียว

เหตุการณ์ยึดอำนาจคืนจึงเกิดขึ้น และคณะรัฐประหารจึงได้เข้ามามีบทบาทควบคุมบ้านเมืองเต็มที่ ตามที่ควรจะเป็น เมื่อได้เสี่ยงชีวิตทำการใหญ่สำเร็จลงอย่างนั้น ก็ควรที่จะกุมอำนาจนั้นไว้ตั้งแต่ปฏิบัติการสำเร็จแล้วนั่น

เมื่อท่านพันเอกเผ่า ฯ เข้ามานั่งในกรมตำรวจ ในตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดี ด้วยยศพันเอกมาได้ยศพลตำรวจตรีเอาเมื่อใกล้จะเกิดการกบฏ 1 ตุลาคม 2491 ไม่กี่วัน

ผมจำไม่ได้ว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร เอาเป็นว่า ในตอนกลาง ๆ ปี 2491 ก่อนเดือนตุลาคมนิดหน่อย ในวันที่ท่านเรียกผมไปพบที่บ้านเทเวศร์ เพื่อให้สอบสวนนายทหารที่เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นหลังผม ที่นำข่าวการคบคิดปฏิวัติของคณะนายทหารเสนาธิการมาบอก ท่านก็ยังอยู่ในยศพันเอก เพิ่งเข้านั่งเก้าอี้ผู้ช่วย อ.ตร. ไม่กี่วัน

ในสมัยนั้น ท่านผู้ช่วย อ.ตร. ก็ยังไม่ละจากสุรา ยังคงดื่มและดื่มอย่างหนักเป็นประจำ บางครั้งก็เมาจนหลับไปกับรถ คนขับที่รู้ใจกันก็พากลับบ้าน คนขับรถของท่านตอนนั้นก็ยังเป็นนายสิบทหารบก ผลัดเปลี่ยนหน้าที่กันเข้าเวรขับรถ โดยตกลงกันเอง ตัวท่านผู้ช่วย ฯ ไม่ได้กำหนดตั้งเวรให้
“ แล้วแต่มึงจะจัดกัน อย่าให้ขาดเวรก็แล้วกัน”

พวกเขารู้ใจเจ้านายกันดี จัดเวรกันเอง ไม่ให้ขาดคนขับรถได้ ค่ำไหนนอนนั่นแล้วนัดหมายกันไปเปลี่ยนเวรตามถนัด เจ้านายไม่เคยถามว่าใครเป็นคนขับรถ หรือทำไมมึงถึงขับอยู่หลายวัน

ด้วยลักษณะอาการที่ไม่ยอมทิ้งการดื่มอย่างเอาจริงเอาจังนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ถูกตั้งข้อสังเกตจากหลาย ๆ ฝ่ายว่า จะพากรมตำรวจไปไม่รอด แม้ในตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. ก็ยังแวะเวียนไปร่วมวงกับบรรดาเพื่อนนายทหารตามกรมกองต่าง ๆ ทุกเย็น

ผมซึ่งเป็นผู้ติดตามในระยะแรก ๆ ก็ต้องเข้าร่วมวงไปด้วย ตามคำชวนแกมสั่งของท่าน ๆ เหล่านั้น

แต่ถึงแม้ไม่ยอมทิ้งสุรา ท่านผู้ช่วย อ.ตร. ก็สามารถที่จะสั่งงานได้เมื่อถึงคราวทำงานในวันรุ่งขึ้น ไม่มีอะไรเสียหาย เพื่อน ๆ ร่วมวงเฮฮายามเย็นนั้นก็คือพวกที่คุมกำลังหน่วยทหารที่สำคัญ ๆ และได้ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันในการทำรัฐประหาร เป็นการผูกมิตรกันให้แน่นแฟ้น

ในขณะที่อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. นี่ ก็ได้เริ่มปรับปรุงกิจการกรมตำรวจหลายหน่วย ตามแต่อำนาจในตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. จะทำได้ รัฐประหาร วันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 นั้นเกิดขึ้นไม่กี่เดือน ก็เกิดกบฏ 1 ตุลาคม 2491 นับดูแล้วก็เกือบจะครบขวบปีเท่านั้น

จาก 9 พฤศจิกายน 2490 ถึง 1 ตุลาคม 2491 ในระยะนั้น ยังไม่มีเวลาที่จะปรับปรุงกรมตำรวจมากมายนัก และอยู่ในระยะเวลาที่กำลังเรียนรู้งานเมื่อเข้ามาใหม่ ๆ เรียกว่าไม่ผลีผลามให้วุ่นวายด้วยการใช้อำนาจ ถึงแม้ว่าถ้าจะทำอะไรที่ไม่เข้าท่าตอนนั้นก็ทำได้ คงไม่มีใครกล้าขัด

นี่ก็ต้องยอมรับว่า ท่านผู้ช่วย อ.ตร. เป็นบุคคลที่รู้จักกาลเทศะ ไม่ทำอะไรตามใจชอบ ไม่หลงอำนาจ และไม่ได้คิดสร้างบารมีเพื่อตัวเอง แม้จะมีโอกาสที่จะทำได้ ระหว่างนั้นก็ได้อาศัยท่านผู้ช่วยฝ่ายวิชาการอีกท่านหนึ่งสอนงานตำรวจให้ ท่านผู้นั้นก็คือ พลตำรวจตรี หลวงโชติชนาภิบาล ปรมาจารย์ของนักเรียนนายร้อยตำรวจหลายรุ่นท่านนั้น ตามที่ผมเขียนไว้ในตอนต้น ๆ

เมื่อได้เรียนรู้ตื้นลึกหนาบางของกิจการในวงการตำรวจแล้ว จึงได้ขึ้นรับตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. เต็มตัวในยศ พลตำรวจตรี

ระหว่างคดี 1 ตุลาคม 2491 ก็ยังเป็นพันเอก อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วย ฯ ได้เรียนรู้ถึงการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนคดีนั้น ที่มีผู้บังคับการสันติบาลเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน คือ ท่านพันตำรวจเอก หลวงสัมฤทธิ์สุขุมวาท ด้วยการมานั่งดูวิธีการสอบสวนที่หน่วยสอบสวนคดี และเป็นระยะนั้นนั่นแหละที่ดึงเอาตัวผมเข้าไปติดตัวไป ด้วยวิธีการอันแหวกแนว คือ ด่าแม่ทันทีที่พบหน้าครั้งแรก แล้วก็สั่งการให้ขึ้นรถติดตามแจ ตั้งแต่วันนั้น ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจนบัดนี้ ว่าเกิดพิสมัยผมขึ้นมาได้ยังไง

จะเห็นได้ว่า นิสัยใจคอของท่านผู้นี้ว่า เป็นคนง่าย ๆ เชื่อตัวเอง เมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำทันที โดยไม่ต้องหยุดคิดถึงผลได้ผลเสียอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า ซึ่งมันยอมรับและยอมสภาพที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของตัวเอง เป็นตัวของตัวเองในทุกกรณี

แต่... ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม แล้ว บุคคลผู้นั้นจะอยู่เหนือสิ่งใดทั้งปวง นี่เป็นจุดอ่อนของท่านจุดหนึ่งที่พาให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปในทุกเหตุการณ์ ถ้ามีท่านจอมพล ป. เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย




Create Date : 07 มีนาคม 2553
Last Update : 7 มีนาคม 2553 23:19:41 น. 1 comments
Counter : 1296 Pageviews.

 
มาให้กำลังใจคุณลูกค่ะ พอดีอยู่หัวหินเพิ่งแวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณที่แวะไปเยียมกันนะค่ะ

ปล เดี๋ยวปั่นงานเสร็จจักหาเวลามาเก็บตกบทที่ยังอ่านค้างเอาไว้นะคะ


โดย: มนต้นไม้ (Setakan ) วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:22:30:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.