อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจเด็ก ตลกสังคม เรื่องที่ 7
เรื่อง อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจเด็ก
โบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แต่เรื่องนี้ต้องใช้คำพังเพยใหม่ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจเด็ก เพราะเป็นเรื่องผู้ใหญ่เสียทีเด็ก
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมยังรับราชการเป็นตำรวจอยู่เมืองชล ฯ ประมาณปี ๒๔๘๕ ต้น ๆ ปีเห็นจะได้ ผมเป็นผู้บังคับหมวด อยู่ที่อำเภอเมือง ชลบุรี เป็นผู้บังคับหมวดที่หนุ่มที่สุดที่จังหวัดชลบุรีเคยมีมา ผมยังโสดทั้งแท่งจริง ๆ และใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยงอยู่ที่นั่น มีเพื่อนร่วมขบวนการหลายคน เป็นกลุ่มที่นักเลงเมืองชล ฯ ที่ว่าดุ ๆ ยังเกรง ก็จะไม่เกรงยังไง เพราะพวกนักเลงที่ว่าดุๆ นั้น ผมเอามาเป็นพวกเสียแทบทั้งหมด จนบรรดานักเลงกระจอกต้องระวังตัวลีบ ไม่กล้าก่อเรื่องกวนใจพวกผม
ผมไม่ได้เอานักเลงมาเป็นพวก เพราะกลัวอิทธิพลเขา แต่ผมเอามาเพื่อให้เขาได้ใช้อิทธิพลของเขาในทางที่ถูกต้อง สร้างสรรค์ความสงบให้เมืองชล ฯ ส่วนมากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเลงเมืองชล ฯนั้น เขามีอาชีพที่สุจริตกันทั้งนั้น บางคนเป็นหลงจู๊โรงงานน้ำตาลหลายโรง บางคนเป็นเข้าของตลาด การบำเพ็ญตนของเขาไม่เหมือนนักเลงสมัยนี้ ไม่เที่ยวเบียดเบียนผู้อื่น พวกเขาแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าก็จริง แต่เขาไม่เบ่งบารมีรังแกใคร ตอนเสียจาก นาน ๆ เหงา ๆ ขึ้นมา เขาก็นัดประลองกำลังเล่นเป็นครั้งคราว แล้วก็เลิกรากันไป
เมื่อผมไปอยู่ ผมก็เรียกเขามาทำความเข้าใจกัน ให้ช่วยกันรักษาความสงบของท้องที่ จะได้ทำมาหากินกันโดยไม่ต้องระวังซึ่งกันและกัน คนเราลงได้พูดจารู้ถึงความต้องการของกันและกัน แล้วมีคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้เข้าใจกัน ใครจะอยากหาเรื่อง เขาก็เข้าใจกัน แล้วก็ต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่แต่ในขอบเขตของตัว เรื่องมันก็สงบ
ผมก็เลยได้เพื่อนกินเหล้าทั่วเมืองชล ฯ ตอนนั้น ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ผมเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจศรีราชา ตอนที่คุณพี่จะย้ายจากโรงพักนางเลิ้งมาอยู่ศรีราชา ผมขนขบวนรถสองแถวจากเมืองชล ฯ ไปรับถึงหน้าโรงพักนางเลิ้ง มาส่งให้จนถึงตีนบันไดสถานีตำรวจศรีราชาเลยทีเดียว ถ้านักเลงเจ้าของรถเหล่านั้นเขาไม่รัก เขาเป็นไม่ยอมกระดิกให้
ตอนนั้น การเดินทางระหว่างเมืองชล ฯ ไปศรีราชา มีรถสองแถวรับจ้างประจำอยู่หลายคัน ว่าง ๆ ผมก็ใช้รถพวกนี้ขนพรรคพวก เอาสุราพื้นบ้านตั้งเข้าเป็นไห ทั้งให้ล้อมวงกันบนรถรอบไหนั้น แล้วก็รินเหล้าแจกกัน รถก็วิ่งไปมาอยู่บนถนนสายนั้นยังงั้น จนกว่าเหล้าจะหมดไห จึงจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
รถสองแถวพวกนั้น ที่วิ่งประจำมักเจอกับพวกเด็ก ๆ ที่อยู่ตามหมู่บ้านข้าง ๆ ทาง กระโดดเกาะเล่นเป็นประจำเหมือนกัน เด็ก ๆ พวกนี้เป็นลูกหลานชาวบ้านแถว ๆ สองข้างทางนั้น ก็ซุกซนไปตามประสาเด็ก อายุสิบเอ็ดสิบสอง กำลังซน โดดขึ้นคันนั้นคันนี้ไปตามเรื่อง เวลารถชะลอความเร็วจะรับผู้โดยสาร แล้วก็โดดลงข้างหน้า ตามเส้นทาง โดดขึ้นอีกคันกลับมาใหม่ สนุกไปตามประสาเด็กกำลังซน
มีคราวหนึ่ง คนเก็บสตางค์รถสองแถวคันหนึ่ง ซึ่งเป็นเด็กเหมือนกัน แต่เป็นเด็กโตกว่าหน่อย บางคนก็เลยวัยรุ่นไปแล้ว ขนาดสิบเก้ายี่สิบ เด็กเก็บสตางค์รถคันที่วิ่งอยู่คันนี้ วิ่งมาถึงแถว ๆ บางแสน ใกล้ ๆ หนองมน จะเข้าเมือง กำลังชะลอรับคนโดยสารขึ้น พอรถออกก็มีเด็กขนาดสิบเอ็ดสิบสองคนหนึ่งเกาะบันไดท้ายรถติดขึ้นมา โหนตัวอยู่ที่ราวบันไดท้ายรถ ขย่มบันไดเล่นเป็นที่สนุก เด็กเก็บสตางค์ก็เดินเข้ามาไล่ ไป ไอ้หนู เดี๋ยวตกไปตายห่า ขย่มอยู่ได้ ถ้าไม่ไป จะเป็นยังไงไหมพี่ ไอ้เด็กคนนั้นตอแย กูจะจับมึงกินเสียน่ะซี กระเป๋ารถขู่ กินทั้งตัวไหมพี่ ไอ้เด็กนั่นถามเหมือนอยากรู้ กินทั้งตัวซิวะ กล้วยก็กินด้วยหรือพี่ ? มันว่าแล้วก็ปล่อยมือโดดแผล็วลงไป ความจริงมันไม่ได้พูดว่ากล้วยหรอกครับ ไอ้ที่มันถามว่าจะกินด้วยหรือนั่นน่ะ มันพูดของมันออกมาตรง ๆ เลยทีเดียว ไอ้อวัยวะของมันที่มีรูปร่างเหมือนกล้วยนั่นแหละ
พวกเด็ก ๆ นี่ วางใจไม่ได้มานานแล้ว เห็นไหมล่ะ
Create Date : 09 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 23:56:47 น. |
|
0 comments
|
Counter : 818 Pageviews. |
|
|
|
| |