|
ทางเสือผ่าน (บทที่ 1 ตอนที่ 5)
ทางเสือผ่าน บทที่ 1 ตอนที่ 5
เขาตื่นขึ้นจากภวังค์อีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเป็นหมู่เดินขึ้นมาบนศาลา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นดู ผู้กองหนุ่มคนนั้น กับตำรวจอีก ๓-๔ คน ก้าวขึ้นมาบนศาลา กำลังเดินไปหากลุ่มชาวบ้านที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่นั้น ผู้กองคนนั้นพูดคุยอยู่กับชาวบ้านเบา ๆ เขาเห็นพลอยค่อย ๆ เขยิบเข้าไปพูดอะไรอยู่กับผู้กอง ผู้กองหัวเราะแล้วเดินผละออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน เขาเหลือบมองดูทวนด้วยหางตาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวลงจากศาลาไปพร้อมกับตำรวจของเขา ทวนเห็นแววยิ้มในสายตาคู่นั้น เขาอ่านไม่ออกว่า มันเป็นยิ้มที่เป็นมิตรหรือยิ้มเย้ยหยัน
ทวนหลับตาลงอีก ความเหนื่อยอ่อนผสมกับความอิ่มท้อง ทำให้เขาหลับไปนานพักใหญ่ เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นนั้น ตะวันชายคล้อยกำลังจะลับเหลี่ยมขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาแทนที่ แสงตะเกียงลานดวงเดียวที่ชาวบ้านจุดขึ้น ส่งแสงวอมแวมอยู่ในกลางวงล้อมนั้น ทุกคนนั่งกอดเข่าอย่างคนสิ้นหวัง บางคนหันมามองทวนนิ่งนาน แล้วก็ถอนสายตาไป สายตานั้นตั้งคำถามพร้อมกับมีแวววิตก เด็กสาวคนที่ชื่อพลอย นั่งอยู่เคียงข้างเด็กหนุ่มชื่อโทน หันมามองดูเขาพอดี ทวนพยักหน้าให้หล่อนเข้ามาหา
ผู้กองเขาว่ายังไง พลอย ทวนพูดเมื่อเด็กสาวเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้า เขาหัวเราะจ้ะ พี่ เป็นคำตอบแผ่ว ๆ ของพลอย เขาไม่ว่าอะไร ฉันว่าเขาไม่เชื่อ ทวนเค้นเสียงหัวเราะออกมา แล้วแหงนหน้ามองเพดานศาลา ถ้าเป็นยังไง พี่ช่วยพวกข้าด้วยนะจ๊ะ พลอยพูดขึ้นเบา ๆ เสียงของหล่อนสั่นเครือ พวกข้าหมดตัวแล้ว ขอแต่ชีวิตไว้เถอะ เสือฝ้ายจะไม่ทำพวกเอ็ง ทวนพูดสั้น ๆ แล้วเค้นสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มที่ชื่อโทน ขยับตัวจากกลุ่มเข้ามาอยู่ข้าง ๆ พลอย พูดว่า พี่ ถ้าเสือฝ้ายย้อนมาจริง ๆ พี่เอาข้าเข้าเป็นลูกน้องด้วยนะพี่ พลอยตีแขนเด็กหนุ่มเผียะใหญ่ พูดอะไรเลอะเทอะ โทน แล้วหล่อนก็ผลักร่างของเขาออกไป ไป-กลับไปอยู่ที่เก่าของเอ็ง จริง ๆ นะ พี่ โทนยังหันมาพูด ก่อนที่จะถอยออกไป ทวนหัวเราะชอบใจ มองดูร่างเด็กหนุ่มที่ถอยไปนั้นอย่างปรานี แล้วหันมามองพลอย พูดว่า เอ็งกลับไปอยู่กับพวกนั้นเหอะ อย่าเข้ามาใกล้ข้าอีก เดี๋ยวผู้กองเขาจะเข้าใจผิด
แล้วเขาก็ปิดนัยน์ตา หรี่ตามองดูเด็กสาวกับเด็กหนุ่มสองคนที่เดินกลับไปรวมกลุ่ม เขาเห็นพวกชาวบ้านกำลังรุมล้อมเด็กสองคน ซักถามอะไรกันอยู่ เขายิ้ม ปิดเปลือกตานิ่ง แสงไฟตะเกียงลานถูกดับลงแล้ว เมื่อทวนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความมืดสนิทเข้ามาแทนที่ มีแต่เสียงเคลื่อนไหวร่างกายของคนในกลุ่มดังมาเบา ๆ เป็นระยะ ๆ นอกจากนั้นความเงียบอย่างเยือกเย็นกำลังครอบงำอยู่ ทวนคะเนไม่ถูกว่า ขณะนั้นเป็นเวลากี่โมงยาม เขามีความรู้สึกว่ามันดึกโขอยู่ เขากำลังจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงปืนดังกัมปนาทมาทางทิศที่เขาไล่ยิงกับกำนันอยู่เมื่อตอนบ่ายนั่น เสียงนั้นดังถี่ยิบ มันเป็นการต่อสู้อย่างดุเดือดด้วยกระสุนปืนของคนสองฝ่าย ทวนยังไม่อาจจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนศาลา เสียงของตำรวจกำลังปลุกพวกเดียวกันให้ตื่นขึ้น แล้วตามมาด้วยเสียงอึกทึกบนศาลาที่พักนั้น ชาวบ้านและตำรวจส่งเสียงปนกันเอะอะ เสียงปืนข้างนอกเงียบลง มันเงียบสนิท เป็นความเงียบที่เข้ามาแทนที่อย่างฉับพลัน เสียงบนศาลาก็พลอยสงบไปด้วย ได้ยินแต่เสียงซุบซิบ ซึ่งทวนเดาไม่ออกว่าเป็นเสียงชาวบ้านหรือตำรวจที่ยังคงถูกปล่อยให้เฝ้าสถานที่อยู่ไม่กี่คนนั้น สักครู่ใหญ่ก็มีแสงคบเพลิงสว่างจ้ามาทางปากทางเข้าหมู่บ้าน เสียงผู้คนอื้ออึงเข้ามา ทวนคะเนว่าต้องเป็นคนกลุ่มใหญ่ไม่ต่ำกว่าสิบ แสงเพลิงสว่างจ้านั้นเคลื่อนเข้ามาบริเวณศาลา แล้วก็เสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่เหยียบย่างขึ้นมาบนศาลานั้นจนพื้นสั่นสะเทือน แสงไฟจากคบเพลิงนับสิบส่องสว่างไปทั่ว ชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันอยู่นั้นต่างถอยไปรวมกันอยู่ที่มุมศาลา ตัวสั่นงันงก กอดกันกลม ไอ้ทวนลูกกูอยู่ไหน เสียงใหญ่ ๆ ห้าวตะโกนก้องออกมาจากปากของชายร่างใหญ่ที่เดินนำหน้าขึ้นมา ในมือของเขามีปืนสั้นกระบอกใหญ่ถืออยู่ ควันยังกรุ่น ๆ อยู่ที่ปากลำกล้อง เบื้องหลังเขาเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบ ถือคบเพลิงชูอยู่เหนือศีรษะ ส่ายส่องไปทางกลุ่มชาวบ้านที่ซุกอยู่ที่มุมศาลาตรงหน้า ฉันอยู่นี่ พ่อ ทวนส่งเสียงออกไป แสงไฟทั้งหมดตวัดมาที่ร่างของทวน บุรุษร่างใหญ่คนนั้นถลาเข้ามาหาเขา กอดร่างของทวนแน่น เป็นยังไงมั่ง ไอ้ลูกข้า ปากของเขารำพัน เอ็งเจ็บอะไรมั่งไหม เฮ้ย !... ไอ้ก้อน จัดการกับโซ่ที่ข้อมือไอ้ทวน ประโยคหลังเขาหันไปทางคนที่อยู่เบื้องหลังเขาติด ๆ ตัวเขาถอยห่างออกมา ขาดคำ ขวานเล่มเบ้อเร่อก็จามลงมาที่สายโซ่ที่ตรึงอยู่กับกุญแจข้อมือขาดออกจากกัน ไม้ที่เป็นระเบียงตรงนั้นขาดหักไปด้วย ลูกกุญแจมือล่ะวะ ใครมี เสียงใหญ่ ๆ นั้นระเบิดออกมาอีก เอาไอ้นายตำรวจนั่นมาเร็ว ร่างที่อยู่ในเครื่องแบบที่ขาดวิ่นของผู้กองหนุ่มคนนั้นถูกลากเข้ามาตรงหน้าเสือ ริ้วรอยของบาดแผลปรากฏอยู่ที่รอยเสื้อผ้าที่ขาดเป็นแห่ง ๆ นั้น มีกุญแจไขไหม เสียงชายร่างใหญ่นั้นคำรามไปที่นายตำรวจหนุ่ม ผู้กองหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องตาเสืออย่างไม่สะทกสะท้าน เขาถูกมัดมือ ไผล่หลังอกแอ่นอยู่ด้วยผ้าขะม้า บุรุษร่างใหญ่ตวัดหลังมือไปที่ใบหน้าผู้กองหนุ่มเต็มแรง ใบหน้านั้นสะบัดไปตามแรงตบ แต่ยังหันมาจ้องตาเสือไม่กระพริบ กรามถูกขบเป็นสันนูน เอาผ้าขะม้าม้วนไชเข้าไปในรูก็ได้ พ่อ ทวนพูด แหงนหน้ามองดูชายร่างใหญ่คนนั้น ส่งผ้ามา ฉันทำเอง ลูกกุญแจ ไอ้กำนันมันขว้างทิ้งไปแล้ว ระยำ เสียงคำรามจากชายร่างใหญ่ เอาตัวไอ้กำนันออกมาหากู คนสองคนดึงตัวกำนันออกมาจากกลุ่มของเขา ใบหน้าของกำนันถอดสีด้วยความหวาดกลัว เขายกมือไหว้แล้วยืนก้มหน้านิ่ง เอากุญแจไปไว้ไหน เสือร่างใหญ่ถาม ข้า ... ข้า ... ทำหายเสียแล้ว เสียงกำนันสั่นระรัว อ้าว เสืออุทานออกมา แล้วกำนันจะเอาตัวมันไปไหน ไปส่งอำเภอจ้ะ พี่ฝ้าย เสียงกำนันยิ่งสั่นหนักขึ้น ถึงอำเภอแล้วจะเอากุญแจที่ไหนมาไขให้มัน เสือร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่า พี่ฝ้าย กระชากเสียงถาม กำนันยืนนิ่ง ตาก้มลงมองพื้น ระยำ เสียงเสือฝ้ายคำรามออกมาอีก เอามันมาคุกเข่าตรงหน้ากู ร่างของกำนันถูกลากมาอยู่ตรงหน้าเสือเฒ่า แล้วถูกกดไหล่ให้นั่งคุกเข่าตรงหน้า กำนันเงยหน้าขึ้นมองดูบุรุษผู้ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขา ปากคอสั่น อย่าทำข้าเลย พี่ฝ้าย เสียงสั่นสะท้านออกมาจากปากกำนัน เสือฝ้ายหัวเราะก้องศาลา รู้จักกลัวตายเหมือนหันหรือ กำนัน เสียงของเขาคำรามออกมาอีก คนหมา ๆ อย่างเอ็ง อยู่ไปก็หนักแผ่นดินที่กูเหยียบ ปืนในมือแผดเสียงออกมานัดเดียว กะโหลกกำนันก็แยกแบะออก เลือดพุ่งกระฉูด ร่างฟุบทิ่มหัวลงตรงหน้าเสือ เฮ้ย ! ไปปลดอาวุธไอ้พวกตำรวจออกให้หมด แล้วพามันมาตรงหน้ากู เสือประกาศิต ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนผละออกจากกลุ่ม เข้าไปหากลุ่มคนที่มุมศาลา ครู่เดียวก็ลากร่างตำรวจ ๔ คน พร้อมทั้งถือเอาปืนประจำตัวของตำรวจมาด้วย เสือฝ้ายมองดูตำรวจทั้งสี่ด้วยสายตาเหี้ยม ขยับปืนในมือ อย่า พ่อ เสียงของทวนดังก้องออกมาทันที อย่าทำเขาเลย พ่อ เขาช่วยชีวิตฉันไว้ เสือชะงักมือ หันมามองดูทวน พ่อจะทำยังไงกับมันล่ะ ไอ้ตำรวจหนุ่ม ผู้กองคนนั้นด้วย พูดพลางพยักหน้าไปที่นายตำรวจหนุ่มที่ยืนจ้องหน้าเขาเขม็งอยู่ ดูตามันซี มันเกรงกูเมื่อไหร่ เขาเดินทางมาถึงทันมาช่วยฉันพอดีจ้ะ พ่อ ทวน ทองรุ่ง พูด ถ้าเขามาไม่ทัน ไอ้กำนันมันก็เอาตัวฉันไปแล้ว ขอผ้าขะม้าฉันเถอะ พ่อ เสือฝ้ายปลดผ้าขะม้าที่เคียนพุงอยู่ส่งให้ทวน เขารับไปทำปมขมวด แล้วยัดเข้าไปในรูกุญแจ อย่างที่เขาเห็นผู้กองหนุ่มคนนั้นทำ ง่วนอยู่กับผ้านั้นอยู่นาน กุญแจก็ไม่ขยับเขยื้อน เขาหันไปเงยหน้ามองผู้กองหนุ่มคนนั้น ผู้กองหนุ่มยังถูกรั้งแขนไพล่หลังอยู่ เขาจับตามองทวนนิ่ง เฮ้ย ! ปล่อยแขนมัน เสือฝ้ายสั่งการ แล้วอย่าแผลงฤทธิ์นะ ผู้กอง ปืนในมือจ้องตรงอกนายตำรวจแน่วนิ่ง สมุนเสือแก้ปมผ้าขะม้า ปล่อยแขนเชลยตามตำสั่ง นายตำรวจหนุ่มก้าวเข้ามาที่ทวนซึ่งลุกขึ้นมายืนพิงระเบียงศาลา มองดูเขานิ่งอยู่ เขาดึงเอาผ้าขะม้ามาจากมือทวน มองดูหน้านิ่งอยู่ครู่ ก็ม้วนชายผ้าขะม้ายัดเข้าไปในรูกุญแจที่ข้อมือ หมุนชายผ้าที่ขมวดไว้แข้งแน่นนั้นลึกเข้าไปในรูกุญแจ ๒-๓ รอบ ดึงเอาปลายกุญแจที่สอดอยู่ในรูออกมาพ้นข้อมือ ปล่อยให้กุญแจมือคู่นั้นตกลงยังพื้น ขอบใจผู้กอง ทวนพูดยิ้ม ๆ สะบัดข้อมือที่ถูกพันธนาการเมื่อกี้นี้ ไล่ความเมื่อยขบ
สมุนเสือทั้งสองคนก้าวเข้ามายึดแขนนายตำรวจหนุ่ม
ปล่อยเขาเถอะ พ่อ ทวนพูดกับบุคคลที่เขาเรียกว่าพ่อ อย่าทำอะไรเขาเลย ปล่อยมันกลับไป ให้กลับมาล่าพ่ออีกน่ะหรือ เสือถามจ้องตาเขม็ง แล้วไอ้ตำรวจ ๔ คนนี่ล่ะ จะให้พ่อปล่อยมันไปด้วยงั้นหรือ ลูก จ้ะ พ่อ ทวนตอบโดยไม่ยั้งคิด เขาไม่ได้มีความผิดอะไร ไม่ได้ทำความผิดอะไร เสือทวนคำเสียงก้อง มันตามล่ากูอยู่ แล้วเดี๋ยวนี้มันแพ้พ่อ พวกมัน ๕ คนกลายเป็นศพไปหมดแล้ว กลางป่าโน่น เอ็งยังจะให้พ่อไว้ชีวิตไอ้พวกนี้อีกหรือ เขากราดนิ้วไปยังตำรวจ ๔ คนที่ยังคู้เข่าอยู่ตรงหน้า ติดกับศพกำนันที่ยังฟุบอยู่ที่นั่น พอแล้วละ พ่อ ทวนพูดเสียงเรียบ ๆ ที่เหลือนี่ ไว้ชีวิตเขาเถอะ ฉันขอ เสือถอนหายใจยาว อกขยายกว้างออกมาเฮือกใหญ่ กระแทกเสียงออกมา
เฮ้ย ... เอ็งมันไม่น่าจะมาเป็นลูกข้า เอ็งนึกหรือว่า ปล่อยมันไปแล้ว มันจะไม่กลับมาตามล่าพ่ออีก... ปล่อยเสือเข้าป่า
พ่อเคยสอนฉันไว้ว่า นักเลงย่อมไม่รังแกคนที่ไม่มีทางสู้ ถ้าเขาจะกลับมาตามล่าเราอีก ก็แล้วแต่เขาซิ พ่อ เราก็มีฝีมือนี่ พ่อ ทวนพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วน
เออ.. เอ็งมันนักเลงกว่าพ่อ เขาพยักหน้าช้า ๆ หันไปมองหน้านายตำรวจหนุ่มที่ยังคงจับสายตาเขานิ่งอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ก้มลงมองตำรวจ ๔ คนที่ยังคู้นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วสะบัดหน้าพรืด
ปล่อยมันไป สลัดมือวืดไปในอากาศ ปล่อยมันไปให้หมด เก็บปืนของมันกับศพไอ้กำนันนี่ไปให้พ้น ๆ ตากูด้วย
สมุนเสือปล่อยมือจากแขนผู้กองหนุ่ม ตำรวจทั้ง ๔ คนลุกขึ้นยืน ถอยหลังห่างออกไป นัยน์ตาผู้กองตำรวจหนุ่มยังจ้องจับตาเสือนิ่งอยู่
ไป เสือแผดเสียงออกมาก้อง ไปให้พ้น ดูมัน มันยังอาฆาตกูอยู่ เห็นไหม
เราคงได้พบกันอีก ผู้กองปล่อยเสียงออกมาตามไรฟัน เสือฝ้าย เราคงได้พบกันอีก เขาย้ำ
เอ็งฟังมัน เสือหันไปมองทวน ขยับปืนในมือ เดี๋ยวพั่ด... !
ทวนปราดเข้ามาขวางตัวนายตำรวจ มองดูผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อนิ่ง แล้วหันไปพูดกับนายตำรวจเบื้องหลัง
ไปเสียเถอะผู้กอง เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ผู้กองช่วยผมไว้ ผมก็ตอบแทนแล้วคราวนี้ แต่คราวหน้าผมไม่รับรอง ผมขอบใจผู้กองอีกที ไปเสียเถอะ
ผู้กองตำรวจหันหลังกลับ เดินนำหน้าตำรวจทั้ง ๔ คนลงศาลาไป เสือฝ้ายหันกลับไปทางกลุ่มคนที่เบียดกันเป็นกระจุกอยู่ที่มุมศาลานั้น สายตาทุกคู่ของคนในกลุ่มนั้นมองมายังพวกเสืออย่างหวาด ๆ บางคนยังกอดกันนิ่งอยู่ ก้มหน้างุด ไม่กล้าหันมามอง
พี่น้อง ลูกหลานทั้งหลาย เสือฝ้ายเปล่งเสียงดัง ข้าต้องขอโทษที่คนของข้ามันทำเกินคำสั่ง ข้าจะต้องชำระความกับมัน ศัตรูของข้ามีแต่ตำรวจและอำเภอ ยังมีอะไรเหลือกินกันหรือเปล่า
สายตาบางคู่มองไปที่หม้อข้าวหม้อแกงที่ว่างเปล่าซึ่งล้มระเนระนาดกับพื้น ไม่มีคำตอบอะไรจากใครในกลุ่ม
เฮ้ย เสือหันไปสั่งสมุน เอาเสบียงออกมาแจกพวกนี้ เหลือเอาติดตัวไปแค่มื้อเดียว ไปหาเอาข้างหน้า
คนอีกกลุ่มหนึ่งก้าวออกมาจากเบื้องหลังพวกที่ยืนอยู่ข้างหน้า แต่ละคนมีย่ามใบใหญ่สะพายอยู่คนละสองย่ามทั้งสองไหล่ ทั้งหมดเดินเข้าไปที่กลุ่มคนมุมศาลานั้น พลิกหม้อข้าวหม้อแกงขึ้นตั้ง แล้วควักเอาข้าวของกินต่าง ๆ ออกมาจากย่าม ใส่ลงไปในหม้อที่ว่างเปล่านั้นจนเต็มแต่ละหม้อ แล้วถอยกลับมายังที่เดิม
ไอ้เสือถอย เสือฝ้ายออกคำสั่ง ลาก่อนละพี่น้องลูกหลาน อยู่ดีมีสุขเถอะ ที่แล้วมาข้าขอโทษแทนคนของข้าด้วย ไร่นาก็ออกมาทำกันอย่างเก่าได้ ข้าฝากศพกำนันไว้ด้วย จัดการกับมันตามแต่จะทำ จะตั้งใครเป็นกำนันแทนมันก็หากันเอาเอง ข้าลาละ
พูดแล้วเขาก็ยกมือไหว้ไปที่กลุ่มนั้น ก่อนที่จะหันหลังนำลูกน้องลงจากศาลาไป
เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามลงมาจากศาลา พลางตะโกนลั่น
พี่ทวน ลืมไอ้โทนเสียแล้วหรือ
ทวนหยุดเท้าชะงักอยู่กับที่ เขาหันมามองเด็กหนุ่มที่วิ่งมาถึงตัว จับไหล่สองข้างของเด็กหนุ่มไว้แน่น บีบเบา ๆ
เอ็งอยู่กับพี่ป้าน้าอาเขาเถอะ โทน อย่าริเป็นโจร เรื่องข้างหน้ามันมากมายนัก
ฉันจะไป เสียงเด็กหนุ่มยืนยันแข็งกร้าว ฉันจะไปกับพี่ทวน
ทวนมองขึ้นไปบนศาลา พลอยนั่งอยู่หน้ากลุ่ม กำลังมองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่เป็นห่วง
พลอย เอ็งมารับไอ้โทนมันกลับไปเสีย ทวนตะโกนขึ้นไปบนศาลา
เด็กสาวลุกขึ้นก้าวช้า ๆ มาที่ชานศาลา ลงบันไดเข้ามาจับไหล่เด็กหนุ่ม
อยู่กับพี่เถอะโทน พลอยพูดเสียงเครือ อยู่เป็นเพื่อนพี่เถอะ
โทนสะบัดไหล่
ข้าไม่อยู่ ข้าจะไปกับพี่ทวน มือเด็กหนุ่มยังเกาะแขนทวนแน่น
พลอยเหลือบตามองนัยน์ตาทวน ไม่พูด
กลับไปอยู่กับพี่เขาเถอะโทน ทวนตบไหล่เด็กหนุ่มเบา ๆ แล้วข้าจะกลับมารับเอ็งวันหลัง
เด็กหนุ่มสะบัดหน้า
ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ พ่อแม่ข้าตายหมดแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร
ทวนถอนหายใจลึก มองดูพลอย แล้วก้มลงพูดกับเด็กหนุ่ม
หนทางข้างหน้าลำบากนัก โทน เอ็งยังเด็ก เอ็งทนไม่ได้หรอก เอ็งต้องเชื่อข้า กลับขึ้นไปอยู่กับพี่เขาเสียบนศาลา เมื่อข้ามีที่อยู่เป็นที่เป็นทางแล้ว ข้าจะกลับมารับเอ็ง
เฮ้ย
เสียงตะโกนก้องมาจากปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเสือฝ้ายกับพรรคพวกยืนจับกลุ่มคอยกันอยู่ แสงไฟจากคบเพลิงยังส่งแสงโชติช่วงวอม แวม
ทวนโว้ย ร่ำไรอะไรอยู่อีกล่ะ
ทวนผลักเด็กหนุ่มเบา ๆ ไปยังพลอยซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ
ไปอยู่กับพี่เขาเถอะโทน ทางนี้ไม่มีภัยอะไรอีกแล้ว ทำงานช่วยพี่และป้าน้าอาเขาอยู่ที่นี่ดีกว่า แล้วข้าจะมารับเอ็ง ข้าสัญญา
พลอยโอบกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น
อยู่กับพี่เถอะโทน หล่อนพูดเสียงเครือ พี่ก็ไม่มีน้องที่ไหนอีกแล้ว เรามาสู้ชีวิตด้วยกัน
พี่ทวนต้องมารับข้าแน่นะ เสียงเด็กหนุ่มพูด อย่าผิดสัญญา
ทวนเอื้อมมือไปขยี้หัวแด็กหนุ่ม
เออ ข้าจะไม่ลืมสัญญา
เขาหันไปโบกมือกับพลอยขณะที่ค่อย ๆ ถอยออกไปทางกลุ่มโจร
ข้าขอบใจเอ็งมาก พลอย น้ำใจเอ็งประเสริฐ ไม่ตายเสียก่อนข้าคงจะได้มาตอบแทนน้ำใจเอ็ง
แสงคบเพลิงค่อย ๆ เคลื่อนหายออกไปทางทุ่งกว้างห่างออกไป ห่างออกไปทีละก้าวที่กลุ่มคนเดินไปทางทิศทางนั้น ครู่ใหญ่ก็เห็นเพียงแสงลิบ ๆ ไกล ๆ แล้วก็หายไปกับท้องฟ้า เหลือแต่ความมืดปกคลุมไปทั่ว ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบสนิท
Create Date : 18 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 0:05:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 793 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|