จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
ทางเสือผ่าน (บทที่ 1 ตอนที่ 5)

ทางเสือผ่าน
บทที่ 1 ตอนที่ 5

เขาตื่นขึ้นจากภวังค์อีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเป็นหมู่เดินขึ้นมาบนศาลา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นดู ผู้กองหนุ่มคนนั้น กับตำรวจอีก ๓-๔ คน ก้าวขึ้นมาบนศาลา กำลังเดินไปหากลุ่มชาวบ้านที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่นั้น ผู้กองคนนั้นพูดคุยอยู่กับชาวบ้านเบา ๆ เขาเห็นพลอยค่อย ๆ เขยิบเข้าไปพูดอะไรอยู่กับผู้กอง ผู้กองหัวเราะแล้วเดินผละออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน เขาเหลือบมองดูทวนด้วยหางตาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวลงจากศาลาไปพร้อมกับตำรวจของเขา ทวนเห็นแววยิ้มในสายตาคู่นั้น เขาอ่านไม่ออกว่า มันเป็นยิ้มที่เป็นมิตรหรือยิ้มเย้ยหยัน

ทวนหลับตาลงอีก ความเหนื่อยอ่อนผสมกับความอิ่มท้อง ทำให้เขาหลับไปนานพักใหญ่ เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นนั้น ตะวันชายคล้อยกำลังจะลับเหลี่ยมขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาแทนที่ แสงตะเกียงลานดวงเดียวที่ชาวบ้านจุดขึ้น ส่งแสงวอมแวมอยู่ในกลางวงล้อมนั้น ทุกคนนั่งกอดเข่าอย่างคนสิ้นหวัง บางคนหันมามองทวนนิ่งนาน แล้วก็ถอนสายตาไป สายตานั้นตั้งคำถามพร้อมกับมีแวววิตก

เด็กสาวคนที่ชื่อพลอย นั่งอยู่เคียงข้างเด็กหนุ่มชื่อโทน หันมามองดูเขาพอดี ทวนพยักหน้าให้หล่อนเข้ามาหา


“ ผู้กองเขาว่ายังไง พลอย ” ทวนพูดเมื่อเด็กสาวเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้า

“ เขาหัวเราะจ้ะ พี่ ” เป็นคำตอบแผ่ว ๆ ของพลอย “ เขาไม่ว่าอะไร ฉันว่าเขาไม่เชื่อ ”

ทวนเค้นเสียงหัวเราะออกมา แล้วแหงนหน้ามองเพดานศาลา

“ ถ้าเป็นยังไง พี่ช่วยพวกข้าด้วยนะจ๊ะ ” พลอยพูดขึ้นเบา ๆ เสียงของหล่อนสั่นเครือ “ พวกข้าหมดตัวแล้ว ขอแต่ชีวิตไว้เถอะ ”

“ เสือฝ้ายจะไม่ทำพวกเอ็ง ” ทวนพูดสั้น ๆ แล้วเค้นสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

เด็กหนุ่มที่ชื่อโทน ขยับตัวจากกลุ่มเข้ามาอยู่ข้าง ๆ พลอย พูดว่า

“ พี่ ถ้าเสือฝ้ายย้อนมาจริง ๆ พี่เอาข้าเข้าเป็นลูกน้องด้วยนะพี่ ”

พลอยตีแขนเด็กหนุ่มเผียะใหญ่

“ พูดอะไรเลอะเทอะ โทน ” แล้วหล่อนก็ผลักร่างของเขาออกไป
“ ไป-กลับไปอยู่ที่เก่าของเอ็ง ”

“ จริง ๆ นะ พี่ ” โทนยังหันมาพูด ก่อนที่จะถอยออกไป

ทวนหัวเราะชอบใจ มองดูร่างเด็กหนุ่มที่ถอยไปนั้นอย่างปรานี แล้วหันมามองพลอย พูดว่า

“ เอ็งกลับไปอยู่กับพวกนั้นเหอะ อย่าเข้ามาใกล้ข้าอีก เดี๋ยวผู้กองเขาจะเข้าใจผิด ”

แล้วเขาก็ปิดนัยน์ตา หรี่ตามองดูเด็กสาวกับเด็กหนุ่มสองคนที่เดินกลับไปรวมกลุ่ม เขาเห็นพวกชาวบ้านกำลังรุมล้อมเด็กสองคน ซักถามอะไรกันอยู่ เขายิ้ม ปิดเปลือกตานิ่ง

แสงไฟตะเกียงลานถูกดับลงแล้ว เมื่อทวนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความมืดสนิทเข้ามาแทนที่ มีแต่เสียงเคลื่อนไหวร่างกายของคนในกลุ่มดังมาเบา ๆ เป็นระยะ ๆ นอกจากนั้นความเงียบอย่างเยือกเย็นกำลังครอบงำอยู่

ทวนคะเนไม่ถูกว่า ขณะนั้นเป็นเวลากี่โมงยาม เขามีความรู้สึกว่ามันดึกโขอยู่ เขากำลังจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงปืนดังกัมปนาทมาทางทิศที่เขาไล่ยิงกับกำนันอยู่เมื่อตอนบ่ายนั่น เสียงนั้นดังถี่ยิบ มันเป็นการต่อสู้อย่างดุเดือดด้วยกระสุนปืนของคนสองฝ่าย ทวนยังไม่อาจจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนศาลา เสียงของตำรวจกำลังปลุกพวกเดียวกันให้ตื่นขึ้น แล้วตามมาด้วยเสียงอึกทึกบนศาลาที่พักนั้น ชาวบ้านและตำรวจส่งเสียงปนกันเอะอะ

เสียงปืนข้างนอกเงียบลง มันเงียบสนิท เป็นความเงียบที่เข้ามาแทนที่อย่างฉับพลัน เสียงบนศาลาก็พลอยสงบไปด้วย ได้ยินแต่เสียงซุบซิบ ซึ่งทวนเดาไม่ออกว่าเป็นเสียงชาวบ้านหรือตำรวจที่ยังคงถูกปล่อยให้เฝ้าสถานที่อยู่ไม่กี่คนนั้น

สักครู่ใหญ่ก็มีแสงคบเพลิงสว่างจ้ามาทางปากทางเข้าหมู่บ้าน เสียงผู้คนอื้ออึงเข้ามา ทวนคะเนว่าต้องเป็นคนกลุ่มใหญ่ไม่ต่ำกว่าสิบ แสงเพลิงสว่างจ้านั้นเคลื่อนเข้ามาบริเวณศาลา แล้วก็เสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่เหยียบย่างขึ้นมาบนศาลานั้นจนพื้นสั่นสะเทือน แสงไฟจากคบเพลิงนับสิบส่องสว่างไปทั่ว ชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันอยู่นั้นต่างถอยไปรวมกันอยู่ที่มุมศาลา ตัวสั่นงันงก กอดกันกลม

“ ไอ้ทวนลูกกูอยู่ไหน ” เสียงใหญ่ ๆ ห้าวตะโกนก้องออกมาจากปากของชายร่างใหญ่ที่เดินนำหน้าขึ้นมา ในมือของเขามีปืนสั้นกระบอกใหญ่ถืออยู่ ควันยังกรุ่น ๆ อยู่ที่ปากลำกล้อง เบื้องหลังเขาเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบ ถือคบเพลิงชูอยู่เหนือศีรษะ ส่ายส่องไปทางกลุ่มชาวบ้านที่ซุกอยู่ที่มุมศาลาตรงหน้า

“ ฉันอยู่นี่ พ่อ ” ทวนส่งเสียงออกไป

แสงไฟทั้งหมดตวัดมาที่ร่างของทวน บุรุษร่างใหญ่คนนั้นถลาเข้ามาหาเขา กอดร่างของทวนแน่น

“ เป็นยังไงมั่ง ไอ้ลูกข้า ” ปากของเขารำพัน “ เอ็งเจ็บอะไรมั่งไหม เฮ้ย !... ไอ้ก้อน จัดการกับโซ่ที่ข้อมือไอ้ทวน ” ประโยคหลังเขาหันไปทางคนที่อยู่เบื้องหลังเขาติด ๆ ตัวเขาถอยห่างออกมา

ขาดคำ ขวานเล่มเบ้อเร่อก็จามลงมาที่สายโซ่ที่ตรึงอยู่กับกุญแจข้อมือขาดออกจากกัน ไม้ที่เป็นระเบียงตรงนั้นขาดหักไปด้วย

“ ลูกกุญแจมือล่ะวะ ใครมี ” เสียงใหญ่ ๆ นั้นระเบิดออกมาอีก “ เอาไอ้นายตำรวจนั่นมาเร็ว ”

ร่างที่อยู่ในเครื่องแบบที่ขาดวิ่นของผู้กองหนุ่มคนนั้นถูกลากเข้ามาตรงหน้าเสือ ริ้วรอยของบาดแผลปรากฏอยู่ที่รอยเสื้อผ้าที่ขาดเป็นแห่ง ๆ นั้น

“ มีกุญแจไขไหม ” เสียงชายร่างใหญ่นั้นคำรามไปที่นายตำรวจหนุ่ม

ผู้กองหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องตาเสืออย่างไม่สะทกสะท้าน เขาถูกมัดมือ
ไผล่หลังอกแอ่นอยู่ด้วยผ้าขะม้า บุรุษร่างใหญ่ตวัดหลังมือไปที่ใบหน้าผู้กองหนุ่มเต็มแรง ใบหน้านั้นสะบัดไปตามแรงตบ แต่ยังหันมาจ้องตาเสือไม่กระพริบ กรามถูกขบเป็นสันนูน

“ เอาผ้าขะม้าม้วนไชเข้าไปในรูก็ได้ พ่อ ” ทวนพูด แหงนหน้ามองดูชายร่างใหญ่คนนั้น “ ส่งผ้ามา ฉันทำเอง ลูกกุญแจ ไอ้กำนันมันขว้างทิ้งไปแล้ว ”

“ ระยำ ” เสียงคำรามจากชายร่างใหญ่ “ เอาตัวไอ้กำนันออกมาหากู ”

คนสองคนดึงตัวกำนันออกมาจากกลุ่มของเขา ใบหน้าของกำนันถอดสีด้วยความหวาดกลัว เขายกมือไหว้แล้วยืนก้มหน้านิ่ง

“ เอากุญแจไปไว้ไหน ” เสือร่างใหญ่ถาม

“ ข้า ... ข้า ... ทำหายเสียแล้ว ” เสียงกำนันสั่นระรัว

“ อ้าว ” เสืออุทานออกมา “ แล้วกำนันจะเอาตัวมันไปไหน ”

“ ไปส่งอำเภอจ้ะ พี่ฝ้าย ” เสียงกำนันยิ่งสั่นหนักขึ้น

“ ถึงอำเภอแล้วจะเอากุญแจที่ไหนมาไขให้มัน ” เสือร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่า พี่ฝ้าย กระชากเสียงถาม

กำนันยืนนิ่ง ตาก้มลงมองพื้น

“ ระยำ ” เสียงเสือฝ้ายคำรามออกมาอีก “ เอามันมาคุกเข่าตรงหน้ากู ”

ร่างของกำนันถูกลากมาอยู่ตรงหน้าเสือเฒ่า แล้วถูกกดไหล่ให้นั่งคุกเข่าตรงหน้า กำนันเงยหน้าขึ้นมองดูบุรุษผู้ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขา ปากคอสั่น

“ อย่าทำข้าเลย พี่ฝ้าย ” เสียงสั่นสะท้านออกมาจากปากกำนัน

เสือฝ้ายหัวเราะก้องศาลา

“ รู้จักกลัวตายเหมือนหันหรือ กำนัน ” เสียงของเขาคำรามออกมาอีก “ คนหมา ๆ อย่างเอ็ง อยู่ไปก็หนักแผ่นดินที่กูเหยียบ ”

ปืนในมือแผดเสียงออกมานัดเดียว กะโหลกกำนันก็แยกแบะออก เลือดพุ่งกระฉูด ร่างฟุบทิ่มหัวลงตรงหน้าเสือ

“ เฮ้ย ! ไปปลดอาวุธไอ้พวกตำรวจออกให้หมด แล้วพามันมาตรงหน้ากู ” เสือประกาศิต

ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนผละออกจากกลุ่ม เข้าไปหากลุ่มคนที่มุมศาลา ครู่เดียวก็ลากร่างตำรวจ ๔ คน พร้อมทั้งถือเอาปืนประจำตัวของตำรวจมาด้วย

เสือฝ้ายมองดูตำรวจทั้งสี่ด้วยสายตาเหี้ยม ขยับปืนในมือ

“ อย่า พ่อ ” เสียงของทวนดังก้องออกมาทันที “ อย่าทำเขาเลย พ่อ เขาช่วยชีวิตฉันไว้ ”

เสือชะงักมือ หันมามองดูทวน

“ พ่อจะทำยังไงกับมันล่ะ ไอ้ตำรวจหนุ่ม ผู้กองคนนั้นด้วย ” พูดพลางพยักหน้าไปที่นายตำรวจหนุ่มที่ยืนจ้องหน้าเขาเขม็งอยู่ “ ดูตามันซี มันเกรงกูเมื่อไหร่ ”

“ เขาเดินทางมาถึงทันมาช่วยฉันพอดีจ้ะ พ่อ ” ทวน ทองรุ่ง พูด “ ถ้าเขามาไม่ทัน ไอ้กำนันมันก็เอาตัวฉันไปแล้ว ขอผ้าขะม้าฉันเถอะ พ่อ ”

เสือฝ้ายปลดผ้าขะม้าที่เคียนพุงอยู่ส่งให้ทวน เขารับไปทำปมขมวด แล้วยัดเข้าไปในรูกุญแจ อย่างที่เขาเห็นผู้กองหนุ่มคนนั้นทำ ง่วนอยู่กับผ้านั้นอยู่นาน กุญแจก็ไม่ขยับเขยื้อน เขาหันไปเงยหน้ามองผู้กองหนุ่มคนนั้น

ผู้กองหนุ่มยังถูกรั้งแขนไพล่หลังอยู่ เขาจับตามองทวนนิ่ง

“ เฮ้ย ! ปล่อยแขนมัน ” เสือฝ้ายสั่งการ “ แล้วอย่าแผลงฤทธิ์นะ ผู้กอง ” ปืนในมือจ้องตรงอกนายตำรวจแน่วนิ่ง

สมุนเสือแก้ปมผ้าขะม้า ปล่อยแขนเชลยตามตำสั่ง นายตำรวจหนุ่มก้าวเข้ามาที่ทวนซึ่งลุกขึ้นมายืนพิงระเบียงศาลา มองดูเขานิ่งอยู่ เขาดึงเอาผ้าขะม้ามาจากมือทวน มองดูหน้านิ่งอยู่ครู่ ก็ม้วนชายผ้าขะม้ายัดเข้าไปในรูกุญแจที่ข้อมือ หมุนชายผ้าที่ขมวดไว้แข้งแน่นนั้นลึกเข้าไปในรูกุญแจ ๒-๓ รอบ ดึงเอาปลายกุญแจที่สอดอยู่ในรูออกมาพ้นข้อมือ ปล่อยให้กุญแจมือคู่นั้นตกลงยังพื้น

“ ขอบใจผู้กอง ” ทวนพูดยิ้ม ๆ สะบัดข้อมือที่ถูกพันธนาการเมื่อกี้นี้ ไล่ความเมื่อยขบ

สมุนเสือทั้งสองคนก้าวเข้ามายึดแขนนายตำรวจหนุ่ม

“ ปล่อยเขาเถอะ พ่อ” ทวนพูดกับบุคคลที่เขาเรียกว่าพ่อ “ อย่าทำอะไรเขาเลย ”

“ ปล่อยมันกลับไป ให้กลับมาล่าพ่ออีกน่ะหรือ ” เสือถามจ้องตาเขม็ง “ แล้วไอ้ตำรวจ ๔ คนนี่ล่ะ จะให้พ่อปล่อยมันไปด้วยงั้นหรือ ลูก ”

“ จ้ะ พ่อ ” ทวนตอบโดยไม่ยั้งคิด “ เขาไม่ได้มีความผิดอะไร ”

“ ไม่ได้ทำความผิดอะไร ” เสือทวนคำเสียงก้อง “ มันตามล่ากูอยู่ แล้วเดี๋ยวนี้มันแพ้พ่อ พวกมัน ๕ คนกลายเป็นศพไปหมดแล้ว กลางป่าโน่น เอ็งยังจะให้พ่อไว้ชีวิตไอ้พวกนี้อีกหรือ ” เขากราดนิ้วไปยังตำรวจ ๔ คนที่ยังคู้เข่าอยู่ตรงหน้า ติดกับศพกำนันที่ยังฟุบอยู่ที่นั่น

“ พอแล้วละ พ่อ ” ทวนพูดเสียงเรียบ ๆ “ ที่เหลือนี่ ไว้ชีวิตเขาเถอะ ฉันขอ ”

เสือถอนหายใจยาว อกขยายกว้างออกมาเฮือกใหญ่ กระแทกเสียงออกมา

“ เฮ้ย ... เอ็งมันไม่น่าจะมาเป็นลูกข้า เอ็งนึกหรือว่า ปล่อยมันไปแล้ว มันจะไม่กลับมาตามล่าพ่ออีก... ปล่อยเสือเข้าป่า ”

“ พ่อเคยสอนฉันไว้ว่า นักเลงย่อมไม่รังแกคนที่ไม่มีทางสู้ ถ้าเขาจะกลับมาตามล่าเราอีก ก็แล้วแต่เขาซิ พ่อ เราก็มีฝีมือนี่ พ่อ ” ทวนพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วน

“ เออ.. เอ็งมันนักเลงกว่าพ่อ ” เขาพยักหน้าช้า ๆ หันไปมองหน้านายตำรวจหนุ่มที่ยังคงจับสายตาเขานิ่งอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ก้มลงมองตำรวจ ๔ คนที่ยังคู้นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วสะบัดหน้าพรืด

“ ปล่อยมันไป ” สลัดมือวืดไปในอากาศ “ ปล่อยมันไปให้หมด เก็บปืนของมันกับศพไอ้กำนันนี่ไปให้พ้น ๆ ตากูด้วย ”

สมุนเสือปล่อยมือจากแขนผู้กองหนุ่ม ตำรวจทั้ง ๔ คนลุกขึ้นยืน ถอยหลังห่างออกไป นัยน์ตาผู้กองตำรวจหนุ่มยังจ้องจับตาเสือนิ่งอยู่

“ ไป ” เสือแผดเสียงออกมาก้อง “ ไปให้พ้น ดูมัน มันยังอาฆาตกูอยู่ เห็นไหม ”

“ เราคงได้พบกันอีก ” ผู้กองปล่อยเสียงออกมาตามไรฟัน “ เสือฝ้าย เราคงได้พบกันอีก ” เขาย้ำ

“ เอ็งฟังมัน ” เสือหันไปมองทวน ขยับปืนในมือ “ เดี๋ยวพั่ด... ! ”

ทวนปราดเข้ามาขวางตัวนายตำรวจ มองดูผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อนิ่ง แล้วหันไปพูดกับนายตำรวจเบื้องหลัง

“ ไปเสียเถอะผู้กอง เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ผู้กองช่วยผมไว้ ผมก็ตอบแทนแล้วคราวนี้ แต่คราวหน้าผมไม่รับรอง ผมขอบใจผู้กองอีกที ไปเสียเถอะ ”

ผู้กองตำรวจหันหลังกลับ เดินนำหน้าตำรวจทั้ง ๔ คนลงศาลาไป เสือฝ้ายหันกลับไปทางกลุ่มคนที่เบียดกันเป็นกระจุกอยู่ที่มุมศาลานั้น สายตาทุกคู่ของคนในกลุ่มนั้นมองมายังพวกเสืออย่างหวาด ๆ บางคนยังกอดกันนิ่งอยู่ ก้มหน้างุด ไม่กล้าหันมามอง

“ พี่น้อง ลูกหลานทั้งหลาย ” เสือฝ้ายเปล่งเสียงดัง “ ข้าต้องขอโทษที่คนของข้ามันทำเกินคำสั่ง ข้าจะต้องชำระความกับมัน ศัตรูของข้ามีแต่ตำรวจและอำเภอ ยังมีอะไรเหลือกินกันหรือเปล่า ”

สายตาบางคู่มองไปที่หม้อข้าวหม้อแกงที่ว่างเปล่าซึ่งล้มระเนระนาดกับพื้น ไม่มีคำตอบอะไรจากใครในกลุ่ม

“ เฮ้ย ” เสือหันไปสั่งสมุน “ เอาเสบียงออกมาแจกพวกนี้ เหลือเอาติดตัวไปแค่มื้อเดียว ไปหาเอาข้างหน้า ”

คนอีกกลุ่มหนึ่งก้าวออกมาจากเบื้องหลังพวกที่ยืนอยู่ข้างหน้า แต่ละคนมีย่ามใบใหญ่สะพายอยู่คนละสองย่ามทั้งสองไหล่ ทั้งหมดเดินเข้าไปที่กลุ่มคนมุมศาลานั้น พลิกหม้อข้าวหม้อแกงขึ้นตั้ง แล้วควักเอาข้าวของกินต่าง ๆ ออกมาจากย่าม ใส่ลงไปในหม้อที่ว่างเปล่านั้นจนเต็มแต่ละหม้อ แล้วถอยกลับมายังที่เดิม

“ ไอ้เสือถอย ” เสือฝ้ายออกคำสั่ง “ ลาก่อนละพี่น้องลูกหลาน อยู่ดีมีสุขเถอะ ที่แล้วมาข้าขอโทษแทนคนของข้าด้วย ไร่นาก็ออกมาทำกันอย่างเก่าได้ ข้าฝากศพกำนันไว้ด้วย จัดการกับมันตามแต่จะทำ จะตั้งใครเป็นกำนันแทนมันก็หากันเอาเอง ข้าลาละ ”

พูดแล้วเขาก็ยกมือไหว้ไปที่กลุ่มนั้น ก่อนที่จะหันหลังนำลูกน้องลงจากศาลาไป

เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามลงมาจากศาลา พลางตะโกนลั่น

“ พี่ทวน ลืมไอ้โทนเสียแล้วหรือ ”

ทวนหยุดเท้าชะงักอยู่กับที่ เขาหันมามองเด็กหนุ่มที่วิ่งมาถึงตัว จับไหล่สองข้างของเด็กหนุ่มไว้แน่น บีบเบา ๆ

“ เอ็งอยู่กับพี่ป้าน้าอาเขาเถอะ โทน อย่าริเป็นโจร เรื่องข้างหน้ามันมากมายนัก ”

“ ฉันจะไป ” เสียงเด็กหนุ่มยืนยันแข็งกร้าว “ ฉันจะไปกับพี่ทวน ”

ทวนมองขึ้นไปบนศาลา พลอยนั่งอยู่หน้ากลุ่ม กำลังมองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่เป็นห่วง

“ พลอย เอ็งมารับไอ้โทนมันกลับไปเสีย ” ทวนตะโกนขึ้นไปบนศาลา

เด็กสาวลุกขึ้นก้าวช้า ๆ มาที่ชานศาลา ลงบันไดเข้ามาจับไหล่เด็กหนุ่ม

“ อยู่กับพี่เถอะโทน ” พลอยพูดเสียงเครือ “ อยู่เป็นเพื่อนพี่เถอะ ”

โทนสะบัดไหล่

“ ข้าไม่อยู่ ข้าจะไปกับพี่ทวน ” มือเด็กหนุ่มยังเกาะแขนทวนแน่น

พลอยเหลือบตามองนัยน์ตาทวน ไม่พูด

“ กลับไปอยู่กับพี่เขาเถอะโทน ”ทวนตบไหล่เด็กหนุ่มเบา ๆ “ แล้วข้าจะกลับมารับเอ็งวันหลัง ”

เด็กหนุ่มสะบัดหน้า

“ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ พ่อแม่ข้าตายหมดแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร ”

ทวนถอนหายใจลึก มองดูพลอย แล้วก้มลงพูดกับเด็กหนุ่ม

“ หนทางข้างหน้าลำบากนัก โทน เอ็งยังเด็ก เอ็งทนไม่ได้หรอก เอ็งต้องเชื่อข้า กลับขึ้นไปอยู่กับพี่เขาเสียบนศาลา เมื่อข้ามีที่อยู่เป็นที่เป็นทางแล้ว ข้าจะกลับมารับเอ็ง ”

“ เฮ้ย ”

เสียงตะโกนก้องมาจากปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเสือฝ้ายกับพรรคพวกยืนจับกลุ่มคอยกันอยู่ แสงไฟจากคบเพลิงยังส่งแสงโชติช่วงวอม
แวม

“ ทวนโว้ย ร่ำไรอะไรอยู่อีกล่ะ ”

ทวนผลักเด็กหนุ่มเบา ๆ ไปยังพลอยซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ

“ ไปอยู่กับพี่เขาเถอะโทน ทางนี้ไม่มีภัยอะไรอีกแล้ว ทำงานช่วยพี่และป้าน้าอาเขาอยู่ที่นี่ดีกว่า แล้วข้าจะมารับเอ็ง ข้าสัญญา ”

พลอยโอบกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น

“ อยู่กับพี่เถอะโทน ” หล่อนพูดเสียงเครือ “ พี่ก็ไม่มีน้องที่ไหนอีกแล้ว เรามาสู้ชีวิตด้วยกัน ”

“ พี่ทวนต้องมารับข้าแน่นะ ” เสียงเด็กหนุ่มพูด “ อย่าผิดสัญญา ”

ทวนเอื้อมมือไปขยี้หัวแด็กหนุ่ม

“ เออ ข้าจะไม่ลืมสัญญา ”

เขาหันไปโบกมือกับพลอยขณะที่ค่อย ๆ ถอยออกไปทางกลุ่มโจร

“ ข้าขอบใจเอ็งมาก พลอย น้ำใจเอ็งประเสริฐ ไม่ตายเสียก่อนข้าคงจะได้มาตอบแทนน้ำใจเอ็ง ”

แสงคบเพลิงค่อย ๆ เคลื่อนหายออกไปทางทุ่งกว้างห่างออกไป ห่างออกไปทีละก้าวที่กลุ่มคนเดินไปทางทิศทางนั้น ครู่ใหญ่ก็เห็นเพียงแสงลิบ ๆ ไกล ๆ แล้วก็หายไปกับท้องฟ้า เหลือแต่ความมืดปกคลุมไปทั่ว ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบสนิท




Create Date : 18 ตุลาคม 2552
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 0:05:23 น. 0 comments
Counter : 793 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.