จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
เงื่อนไขการปฎิวัติ (ตอนที่ 5)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 5

บทที่ ๒ - รอยเท้าทิ้งไว้

ผมเขียนเงื่อนไขการปฏิวัติตอนที่หนึ่งไปแล้ว ไม่ตั้งใจที่จะเขียนให้ดุเดือดเผ็ดมันอะไรนักหรอกครับ เขียนไปตามเนื้อผ้าที่ได้ประสบมา ที่ว่าได้พบมานี้ ไม่ใช่ไปเดินฉุยฉายแถว ๆ หน้าโรงหนัง บางคนจะมีผู้หญิงสวย ๆ ควงข้างมาด้วย พวกที่ไม่มีผู้หญิงควงก็จะเดินอวดรูปอยู่อย่างนั้น ทำให้สาว ๆ บางคนที่ไปเตร่อยู่ที่เดียวกันต้องมองน้ำลายไหล

โรงเรียนนายเรือนั้นกระดูกกว่าเพื่อน แต่ละปีรับเข้าเรียนเพียงไม่กี่คน ปีที่ผมสะเออะเข้าไปนั้นเขารับเพียงสิบคน จากผู้สมัครสอบกว่าสี่ร้อย ผมนั้นข้ามฟากกลับตั้งแต่ไปสอบวันแรก รู้ตัวว่าวันรุ่งขึ้นไม่ต้องข้ามฟากไปให้เสียเวลา ไปเจอเอาวิชาแมคานิคส์เข้าในวันแรก ก็นั่งเซ่อ มองดูกระดาษข้อสอบนิ่งไป เพราะทางโรงเรียนสวนกุหลาบไม่ได้สอนวิชานี้ พวกที่เขามาสอบกันเข้าไปเรียนพิเศษมา เขาก็สอบได้ ผมนั้นพอสอบแปดเสร็จก็ใช้ชีวิตสำราญ ไม่ได้คิดที่จะไปเรียนอะไรเป็นพิเศษ ไปเจอเอาข้อสอบวิชาแมคานิคส์ก็เลยนั่งเซ่อ หอบข้าวของข้ามฟากกลับมาได้ทันทีไม่ต้องข้ามฟากกลับไปอีกในวันรุ่งขึ้น ไปคอยรอฟังทางโรงเรียนนายร้อยเขาจะประกาศรับสมัครสอบเมื่อไร

ไอ้เพื่อนผมคนหนึ่งมันไปสมัครสอบ แล้วก็สอบเข้าได้ พอสอบเสร็จเขาก็เอาพวกที่สอบได้ลงเรือรบพาไปออกทะเลเพื่อฝึกความเคยชินทีเดียว ไม่ชักช้า พอเรือกลับเข้าท่าปรากฏว่าไอ้เพื่อนผมคนนั้นสอบแปดตก มันก็ต้องขึ้นจากเรือ ผลการสอบแปดเขาจะประกาศทีหลังก็แปลกในสมัยนั้นเป็นอย่างนั้น ที่ว่ามันตกแปดนั้นไม่ใช่ว่ามันเรียนไม่เก่ง มันเรียนเก่ง

ขณะที่กำลังเรียนอยู่ ม.๘ นั้น อาจารย์ที่สอนวิชาคำนวณยังต้องยอมแพ้มัน คืออาจารย์ตั้งโจทย์ที่เรียกว่ายากที่สุด นักเรียนทั้งชั้นแก้ไม่ได้ ไอ้เสือนี่แก้ได้สบายมาก แล้วมันก็ตั้งโจทย์ให้อาจารย์แก้ของมันบ้าง ปรากฏว่าอาจารย์จนมุมมัน แก้โจทย์ของมันไม่ออก มันก็แก้ให้ดู ยังความตื่นเต้นให้กับพวกเพื่อน ๆ ในชั้นและบรรดาครูบาอาจารย์ทั้งโรงเรียนที่ทราบเรื่อง

มันเรียนเก่งแล้วมันตกแปดได้อย่างไง คุณ ๆ ที่อายุยังไม่ถึงหกสิบคงจะไม่เข้าใจ

สมัยนั้นเขาถือวิชาภาษาไทยเป็นวิชาสำคัญ นักเรียนที่สอบชั้นแปดได้ จะต้องมีคะแนนวิชาภาษาไทยดีด้วย คือต้องไม่ต่ำกว่า ๕๕ เปอร์เซ็นต์ จึงถือว่าสอบแปดได้ ให้ใครได้เปอร์เซนต์ถึงเจ็ดสิบแปดสิบในคะแนนรวม ถ้าปรากฏว่าได้คะแนนภาษาไทยไม่ถึง ๕๕ เปอร์เซนต์แล้วก็เป็นอันต้องถือว่าสอบตก

ทารุณยังงี้ แล้วก็วิชาภาษาไทยนั้นมันกล้วย ๆ เสียเมื่อไหร่ หนังสือบังคับเรียน ฟังชื่อแล้วยังเรียกไม่ค่อยจะถูก

อักขระวิธี วจีวิภาค วากย สัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ สี่เล่มนี่แหละครับที่เป็นหนังสือที่ชี้ชะตาของนักเรียนมัธยมบริบูรณ์สมัยนั้น

นักเรียนสมันนั้นจะต้องรู้จักพระเวสสันดรชาดกดี อ่านกันทะลุปรุโปร่ง แล้วก็ต้องท่องกลอนข้อความในหนังสือนั้นให้ได้ แล้วแต่ทางโรงเรียนจะกำหนดให้ กัณฑ์มัทรีเป็นกัณฑ์ที่ขึ้นชื่อมาก ไปถามนักเรียน ม.๘ สมัยนั้นดูก็ได้ว่าซาบซึ้งเพียงไร ต้องตั้งหน้าตั้งตาท่องกันให้ขึ้นใจ ข้อสอบเป็นข้อสอบของกระทรวง ออกมาเหมือน ๆ กันหมดทั่วประเทศ แล้วแต่เขาจะให้ว่าตอนไหนก็ต้องว่าให้ได้ ไม่ผิดเพี้ยน

ไอ้เสือนั่นตกวิชาภาษาไทยนี่เอง มันก็เลยต้องขึ้นจากเรือมานั่งเรียน ม.๘ ใหม่ ทั้ง ๆ ที่มันได้ถึงแปดสิบกว่าเปอร์เซนต์ ทารุณไหมครับ ปีต่อมามันก็สอบเข้าโรงเรียนนายเรือได้ มันคงต้องเพ่งหนังสือสี่เล่มนั่นอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียว

ผมเผ่นข้ามฟากมาก็จ้องสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยทหารบก ตอนนั้นเขาเรียกกันอย่างนั้น พอเขาประกาศรับสมัคร ผมก็ไปสมัครสอบทันที สอบผ่านได้ที่สี่สิบเอ็ดในจำนวนนักเรียนที่สอบได้แปดสิบคน นักเรียนที่มาสมัครสอบนั้นร่วมพันคน เขารับเพียงแปดสิบ ที่หนึ่งถึงที่สี่สิบไปเข้าโรงเรียนเทคนิค ที่สี่สิบเอ็ดถึงแปดสิบไปเข้าโรงเรียนนายร้อย ทั้งสองสถาบันนี้อยู่ในรั้วเดียวกันคือที่ตั้งโรงเรียนนายร้อย จปร.

ทีนี้ก็มาถึงตอนแบ่งเหล่าในโรงเรียนนายร้อยทหารบก ตอนนั้นโรงเรียนตำรวจยังไม่มี ความจริงแล้วมีที่หัวจระเข้ นครปฐม แต่ทางราชการยุบเสียเฉย ๆ มาขอตอนเอาไปจากโรงเรียนนายร้อย เอาหนึ่งในสี่ของจำนวนนักเรียนสอบเข้าได้ทั้งหมด รุ่นผมมีสี่สิบก็เอาไปเสียสิบคน

ผมสอบเข้าไปก็หวังจะสมัครเรียนเป็นทหารอากาศ ซึ่งเขาก็คัดเอาไปจากนักเรียนนายร้อยเหมือนกัน ความหวังของผมก็ต้องละลายไปอีก ในปีนั้นเขาไม่มีการสมัครไปเรียนเป็นทหารอากาศเพราะรับนักเรียนน้อยกว่าทุกรุ่น จะมีเหล่าที่จะไปได้เพียงสองเหล่า คือทหารราบกับทหารม้า แล้วก็เรียนตำรวจเสียอีกสิบคนก็เป็นอันหมด ไปที่อื่นอีกไม่ได้ ผมก็เลยอดเป็นนักบินอีก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะชะตาชีวิต ผมไม่น่าจะตกเครื่องบินตายก็เป็นได้

ผมสมัครเข้าเรียนตำรวจ ซึ่งในปีนั้นเขาถามความสมัครใจก่อน มีคนสมัครสี่คน ต้องจับสลากเข้าอีกหก เพื่อนร่วมรุ่นผมคนหนึ่ง วันที่เขาจับสลากกันนั้นมันไปนอนเจ็บอยู่ที่กองเสนารักษ์ ความที่มันจะต้องเป็นตำรวจ สลากเหลือสุดท้ายอยู่สองใบ ใบหนึ่งเป็นทหาร อีกใบหนึ่งเป็นตำรวจ เพื่อนคนสุดท้ายจับเอาใบทหารไป ที่เหลือคนที่นอนเจ็บอยู่จึงต้องเป็นเจ้าของไปโดยปริยาย มันต้องเป็นตำรวจโดยไม่เต็มใจ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ไอ้เพื่อนคนนี้ของผม เป็นนายตำรวจอยู่ได้แค่ร้อยตำรวจเอกก็ลาออกไป ความจริงฝีมือมันก็ดีในทางตำรวจเหมือนกัน มันยิงคนร้ายตายไปร่วมสิบกว่าคนในขณะรับราชการอยู่ด้วยกัน และไอ้คนนี้ ผู้ร้ายมักจะหลบหนีไปจากพวกเราไปหามัน ให้มันยิงได้ทุกที ไม่รู้เป็นยังไง มันน่าจะหากินทางนี้จนถึงเกษียณ แต่มันไม่ยักชอบ ลาออกไปเสียเฉย ๆ ขณะที่อนาคตทางนี้กำลังรุ่งเรือง ออกไปก็ไปค้าขาย เลยเจ๊ง ถ้ามันยังอยู่ มันอาจเป็นถึงอธิบดีกรมตำรวจก็ได้ วาสนามันไม่ถึง

ผมไม่อยากหัดทหาร ผมก็เลยสมัครเป็นตำรวจ ตอนนั้นผมไม่ทันได้สำนึกว่าเป็นทหารบกมันดียังไง มาสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว

คนที่จะคิดปฏิวัติได้ต้องเป็นทหาร และก็ต้องเป็นทหารราบด้วย ทหารเหล่าอื่นปฏิวัติสำเร็จยาก ด้วยเหตุผลดังที่ได้เขียนมาแล้วในตอนต้น ทหารเหล่าอื่นที่ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ส่วนมากไม่ค่อยได้เป็นผู้ออกกำลังในการปฏิวัติ ทหารราบเป็นคนปฏิวัติให้ แล้วไปเชิญทหารเหล่าอื่นมาเป็น ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรอีกเหมือนกัน บางทีอาจจะกระดากก็เป็นได้ กลัวว่าประเดี๋ยวคนจะหาว่าปฏิวัติเพื่อตนเอง เลยเชิญคนอื่นที่เคยเคารพนับถือมาเป็นไปก่อน แล้วค่อยเชิญให้หลีกทางไปทีหลัง

ทั้งนี้เพราะหลักความจริง คนที่มีฐานความจริงนั้นจะคุมอำนาจไม่อยู่ รายไหนรายนั้น และฐานกำลังอันสำคัญก็ต้องเป็นทหารราบที่มีอำนาจในการยึดพื้นที่ได้อย่างว่านั่นแหละ

ถ้าไม่เชื่อก็มอง ๆ ดูเอาเองก็แล้วกัน อันนี้เป็นสัจธรรมตายตัว

มีทหารปืนใหญ่สองคนที่ได้เป็นนายก ฯ แล้วก็ต้องมีอันเป็นไป ไม่ได้ตายในตำแหน่งทั้งสองคน ทั้งสองท่านนั้นถูกเชิญให้มารับตำแหน่งนายก ฯ โดยทหารเดินดินที่ทำการปฏิวัติสำเร็จ จะไม่ยอมเป็นก็ไม่ได้ ใจมันก็อยาก ๆ อยู่ พอรับเข้าแล้วก็ต้องระวังตัว จะใช้อำนาจนายก ฯ รุ่มร่ามก็ไม่ได้ ต้องคอยดูทหารเดินดินที่เขาเชิญมาด้วย ไปขัดใจเขามาก เขาก็เชิญลงจากเก้าอี้

คนที่รู้และหลักแหลมก็ต้องว่าตำแหน่งที่คุมกำลังไว้ก่อน ตำแหน่งที่ว่านี้ก็คือตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ตำแหน่งนี้ในวิชาการปฏิวัติท่านว่าจะทิ้งเสียไม่ได้ ทิ้งไปเมื่อไรเป็นเสร็จเมื่อนั้น ตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้ว

ด้วยสัจธรรมข้อนี้ ผู้ที่จะขึ้นไปกินตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดจึงไม่ค่อยอยากจะไป ถ้าจะไปก็จะขอควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกไว้ด้วย ไม่งั้นมันโหวงเหวงพิกล

เงื่อนไขการปฏิวัติส่วนมากก็มักจะเป็นเรื่องรักษาตัวนี่แหละ รักษาตัวยังน้อยไป เอากันจะ ๆ เลยดีกว่า รักษาตำแหน่งดี ๆ นี่เอง ฉะนั้น ตำแหน่ง ผบ.ทบ. นี่เป็นหลักสัจธรรมว่าจะทิ้งไปไม่ได้ เพราะตำแห่งนี้ลากเอารถถังออกมาวิ่งได้สบาย ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าใครต่อใครกลัวไอ้รถประเภทนี้กันนัก ฉะนั้น จะทิ้งตำแหน่งที่มีอำนาจลากเอารถประเภทนี้ออกมาวิ่งไม่ได้ ต้องยึดไว้ให้แน่นแฟ้น

คราวที่จอมพล ป. ยังครองอำนาจอยู่ มีจอมพลผินเป็น ผบ.ทบ. อยู่ดี ๆ พอมอบตำแห่งนี้ให้จอมพลสฤษดิ์ได้ไม่กี่วันเท่านั้น ก็ต้องระเห็จไปเมืองนอกกันเป็นแถว ๆ รวมทั้งตัวผมด้วย เพราะบังเอิญไปเป็นก้นกุฏิของผู้ที่จงรักจอมพล ป. เข้าให้ด้วยวิถีทางของพรหมลิขิต

เมื่อตอนที่ผมเรียนสำเร็จออกมาใหม่ ๆ จนเป็นนายร้อยตำรวจตรีถึงร้อยตำรวจเอก ผมไม่ได้เจอเหตุการณ์ปฏิวัติเลย เรียกว่าอยู่ทำราชการอย่างสงบมาได้หลายปี มามีเรื่องเดือดร้อนเอาตอนที่ได้ไปสนิทชิดชอบเอากับฝ่ายรัฐบาลในตอนนั้นเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ

นายตำรวจรุ่นพี่ผมคนหนึ่งมาชวนให้ผมทำงานเสรีไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แอบทำลายกองทัพญี่ปุ่นที่นัยว่าเป็นมหามิตรของไทย แต่ความจริงเขาเข้ามาใช้เราเป็นด่านหน้า ก็เลยมีคนไทยที่รักชาติกลุ่มหนึ่งตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น ทำการรังควานญี่ปุ่น ผมถูกชวนเข้าร่วมด้วยก็เลยเอากับเขา

สงครามสงบด้วยชัยชนะของฝ่ายพันธมิตร ผมก็เลยได้ดี ได้เป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของฝ่ายปกครองบ้านเมืองตอนนั้น แล้วถูกส่งให้มาอยู่กองตำรวจสันติบาล เพื่อให้เป็นหูเป็นตา หาข่าวทางการเมือง คอยบอกทางรัฐบาลถ้ามันมีอะไรไม่ดี

อยู่ ๆ ที่สันติบาลนั้น ผมก็ถูกชวนให้คิดปฏิวัติ โดยมีญาติผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่งที่เป็นนายตำรวจใหญ่อยู่ขณะนั้นมาชวนผม ก็ไม่รู้ว่าท่านไม่รู้หรือยังไงว่าผมอยู่สันติบาลและมีหน้าที่คอยดมกลิ่นการเมือง ท่านกลับเอาไอ้กลิ่นนั้นมาโปะจมูกผมเสียเอง ไม่ต้องไปสอดส่ายหาดมที่ไหน

ผมถูกชวนปฏิวัติ ผมก็ต้องทำหน้าที่ของผม ผมไปพบท่านปรีดีโดยการนำพาไปของเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทชิดเชื้อกับท่านปรีดี ผมก็ไปเล่าให้ท่านปรีดีฟังว่า ไอ้ที่ลือ ๆ กันว่ามีผู้คิดปฏิวัตินั้น มันจะมีจริง ๆ เพราะผมนี่แหละถูกชวนเอง ท่านปรีดีทำท่าเหมือนไม่เชื่อที่ผมเล่า ท่านหัวเราะ แล้วให้ผมกลับได้ ผมก็กลับ เพราะเห็นว่าหมดหน้าที่ของผมแล้ว ผมรู้เรื่องผมก็มาเล่าให้ฟัง เชื่อไม่เชื่อผมไม่รู้ด้วย

แล้วการปฏิวัติก็เกิดขึ้นจริง ๆ ใครต่อใครที่กุมอำนาจอยู่ในขณะนั้นต่างฉานซ่านกระเซ็นไปคนละทิศละทาง ผมยังอยู่เป็นปกติที่สันติบาล ไม่มีใครมาตอแยกับผม แล้วยิ่งกว่านั้น ผมยังถูกเรียกตัวมารับใช้ทางราชการให้กับผู้ที่มีอำนาจในคณะรัฐบาลใหม่เข้าให้อีก ผมก็ต้องเข้าไปอยู่ในวงจรการเมืองอีกทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ

ผมเองก็ยังแปลกใจตอนนั้นว่า ทำไมเขาจึงไว้ใจให้ผมเข้าไปสนิทชิดเชื้อถึงขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ ๆ อยู่ว่า ผมเคยสนิทชิดชอบอยู่กับรัฐบาลที่เขาเพิ่งจะล้มลงไป ผมไม่มีหน้าที่คิดสงสัย ผมก็ทำหน้าที่ของผมที่ได้รับมอบหมายให้

ผมกลับเข้าไปเป็นใหญ่อยู่ในกองตำรวจสันติบาลอีกในตำแห่งรองผู้บังคับการ ฯ ตอนนั้นรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาลมีอยู่เพียงสองคน คือรอง ๆ ฝ่ายไทย กับรอง ๆ ฝ่ายต่างประเทศ ผมว่าการทางฝ่ายต่างประเทศ เพื่อผมอีกคนว่าทางฝ่ายไทย ต่อมาเพื่อนคนนั้นไปขัดใจนายใหญ่เข้า ก็เลยถูกส่งไปเป็นใหญ่ในต่างประเทศ ตำแหน่งรอง ๆ ฝ่ายไทยจึงตกอยู่กับผมอีก คราวนี้ผมก็ว่าการสองตำแหน่ง เรียกว่ารวบเอาตำแหน่งรองผู้บังคับการทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายต่างประเทศมาไว้คนเดียว นายเขาก็ไม่ยักแต่งตั้งใครมาแทนคนที่จากไป เขาปล่อยให้ผมแบกภาระเอาไว้อย่างนั้นคนเดียว

ผู้บังคับการของผมท่านก็ไม่รู้จะทำยังไง งานต่าง ๆ ชั้นล่างลงมาผมก็รับเหมาคนเดียวหมด ท่านจะเรียกหารองมาปรึกษาก็มีแต่ผมคนเดียว ฟังความคิดของผมคนเดียวท่านก็เลยเบื่อ ๆ เห็นแต่หน้าผมอยู่นั่นทุกวัน ไม่มีใครเปลี่ยนหน้ามาเลย เจ้านายก็ใช้แต่ผม ผมไปรายงานท่านผู้บังคับการของผม ท่านก็ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องรายงานก็ได้ คุณทำของคุณไปก็แล้วกัน

ท่านพูดอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าท่านโกรธผม แต่ท่านไม่อยากมายุ่งกับผม เพราะงานของผมมันเป็นงานลับไปหมด จะรู้ได้ก็แต่ผมและผู้บังคับการ เมื่อท่านผู้บังคับการไม่ยอมรับรู้เสียยังงี้ ก็เหลือแต่ผมคนเดียวที่รับรู้ จะไปให้ใครช่วยรับรู้ด้วยก็ไม่ได้ หน้าที่ดมกลิ่นปฏิวัติจึงตกมาเป็นของผมอีกคนเดียว

ผมมีหน้าที่รายงานโดยตรงต่อเจ้านาย เมื่อมีข่าวทางการเมือง ผู้บังคับการของผมท่านไม่รับรู้ ท่านไปรับรู้เรื่องอื่น ๆ ของท่าน ไม่ยุ่งกับเรื่องของผม ผมก็เลยเวียนหัวอยู่คนเดียว

เรื่องกลิ่นการเมืองนี่ผมถนัด ผมมักจะได้กลิ่นมันเสมอเมื่อมันโชยมาก

รุ่น ๆ ผมมีเพื่อนมากและมีลูกน้องมาก ตอนนั้นคนของผมมีกระจายอยู่ทั่วกรุง ทั้งในกรุงและบ้านนอก ผมได้รับเงินราชการลับถึงเดือนละแสนกว่าบาท เพราะต้องว่านมากในวงการต่าง ๆ ข่าวคราวทางการเมืองนี้เป็นข่าวที่สับสนมากกว่าข่าวอื่น ๆ ฉะนั้นก็ต้องมีหน่วยกลั่นกรองข่าวที่มีสมรรถภาพสูง และตัวผู้คุมเหตุการณ์เองก็ต้องมีหูตากว้างขวางอีกด้วย จึงจะอ่านข่าวแต่ละข่าวที่ได้ถูกกลั่นกรองมาแล้วนั้นได้ถูกต้อง ไม่หลงทาง ตัวนายที่ท่านทราบเรื่องนั้นเป็นแต่เพียงคอยอ่านสรุปรายงานที่เรากลั่นกรองแล้วขึ้นไป และเราจะต้องสรุปมันให้สั้น พร้อมทั้งทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ และต้องวางวิธีการแก้ไขไว้ให้เรียบร้อยด้วย ผู้ใหญ่ที่อ่านรายงานท่านก็จะได้อ่านสบาย ๆ และเข้าใจ สั่งการได้ถูกต้อง

เพราะเรื่องนี้อีกนั่นแหละที่ผมต้องเถียงกับนาย เมื่อผมทำงานแบบนี้ ผมก็ไม่มีเวลาที่จะไปนั่งเฝ้านายได้อย่างคนใกล้ชิด
ผมก็เลยต้องห่างเหินกับนายไป เดือนหนึ่งตอนต้นเดือน ผมจะต้องหอบเอกสารสรุปรูปงานนี้ พร้อมทั้งใบเบิกเงินสำหรับเดือนต่อไป ไปพบเพื่อให้เจ้านายทราบและลงนามสั่งอนุมัติจ่ายเงิน เรียกว่าเดือนหนึ่งจะได้พบหน้ากันหนหนึ่ง เวลาว่างงานตอนเย็น ๆ หรือไม่ก็ดึกไปเลย ผมก็ต้องพักผ่อนของผมบ้าง จะเอาเวลานั้นไปเสนอหน้ากับนายก็ไม่ไหว มันเหนื่อย ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลเช็คประสาทก็บุญแล้ว

วันหนึ่งตอนต้นเดือน ผมก็ถือรายงานสรุปที่เคยส่งทุก ๆ อาทิตย์ หรือตอนที่ต้องส่งรายงานด่วน พร้อมทั้งใบเบิกเงินสำหรับใช้ในเดือนต่อไปไปหานาย ผมเดินพรวดเข้าไปถึงห้องนอนได้ เพราะเคยทำอยู่อย่างนั้นเป็นประจำ ไม่ต้องรอให้เรียกอย่างคนอื่น นี่ก็ไม่ใช่เพราะต้องการจะเบ่งว่าใกล้ชิดกับนายมาก มันเป็นเพราะเรื่องของผมมันเป็นเรื่องเร่งด่วน ต้องให้รู้เร็วและต้องได้เงินเร็ว ผมก็ต้องทำอย่างนั้น และก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร

วันนั้นเกิดมีปัญหา พอผมเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป เจ้านายเงยหน้าถึงมาเห็นก็ทำตาถลน ตวาดออกมาว่า

“ไปคอยข้างนอก”

ผมงง ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนั้นนายถึงหงุดหงิดเอากับผม แต่ผมก็ไม่ว่าอะไร ผมถอยออกมานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ข้างนอก ซึ่งมีอีกหลายคนที่มารอพบนั่งรอกันอยู่ เขาเห็นผมออกมานั่ง เขาก็ทยอยกันเข้าไปตามคิว คนที่มาทีหลังก็มานั่งคอยอยู่ถัดไปจากที่ผมนั่ง ผมก็ยังนั่งเฉยอยู่ คนที่นั่งถัดจากผมไปก็ไม่กล้าเข้าไปบอกเจ้าหน้าทีที่เป็นคนจัดคิว เขาก็มองดูผมว่าทำไมนั่งเฉย ปกติเขาก็รู้กันว่าผมไม่ต้องมานั่งรอคิว แต่ทำไมวันนี้ถึงมานั่งรอ แล้วก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เขาก็นั่งมองดูผมกันอยู่ว่าเมื่อไรจะเข้าไป ผมนั่งนิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้

นายเขาไม่เรียก ผมก็ไม่เข้าไปหา ผมนั่งอยู่จนเกือบบ่ายสี่โมง กอง
คลังกรมตำรวจจะปิด นายก็ยังไม่เรียก ผมก็ลุกขึ้นเดินลงมาขึ้นรถผม ให้คนขับ ๆ ไปที่กรมตำรวจ

ถึงกรมผมก็เข้าไปส่งใบเบิกให้กับหัวหน้ากองคลังซึ่งคุ้นกับผมดี ยื่นใบเบิกเงินให้ หัวหน้ากองคลังดูในใบเบิกแล้วไม่เห็นคำสั่งอนุมัติก็มองผมอย่างสงสัย ทำไมไม่มีลายเซ็นอนุมัติของอธิบดีอย่างเคย ผมก็บอกเขาว่า อันนี้ด่วนครับ คนของผมมาคอยรับเงินอยู่ ผมไม่มีเวลาไปพบท่าน แล้วผมจะจัดการให้ท่านเซ็นเอง เท่านั้นเขาก็เชื่อผม จ่ายเงินมาให้แต่โดยดี

ผมกลับมาที่กอง จัดการจ่ายเงินให้คนของผมครบถ้วนและสั่งงานเรียบร้อยแล้วผมก็กลับบ้าน

วันนั้นเป็นวันที่ผมได้กลับบ้านแต่วัน จนคนที่บ้านแปลกใจกันเป็นแถว ๆ ผมขึ้นนอนพักผ่อน ก่อนนอนก็ปลดสายโทรศัพท์หมดทุกสาย

วันนั้นผมได้นอนแต่หัวค่ำ ไม่มีเสียงโทรศัพท์รบกวน ลูกเมียชอบใจ ไม่ยังงั้นเขาก็ไม่รู้ว่าผมจะกลับเมื่อไร บางวันก็ยังไม่กลับ หายไปสองสามวันก็มี เป็นของธรรมดา ไอ้วันนี้ที่กลับมาแต่หัววันนี่ซิที่มันแปลกประหลาด

คืนนั้นผมนอนจนเต็มอิ่ม และทดแทนวันอื่นก่อนหน้าที่ไม่ได้มีโอกาสอย่างนี้มานานไปด้วย ผมตื่นแต่เช้า เสียบปลั๊คโทรศัพท์เข้าที่ พอปลั๊คเข้าที่ก็มีเสียงเรียกกริ๊งดังลั่นมาทันที ผมยกหูขึ้นพูดสวัสดีลงไป ผมไม่ใช้คำฮัลโหล ไม่ชอบ มันไม่ใช่ภาษาไทย
พอสิ้นคำสวัสดีของผม ก็มีเสียงด่าแม่ดังเสียบรูหูเข้ามา เป็นเสียงที่ผมรู้จักดี ต่อจากเสียงด่าแม่ก็เป็นเสียงพูด

“เมื่อวานนี้มึงหายไปไหนมาทั้งวัน กูให้รอทำไมไม่รอ แล้วทำไมโทรศัพท์บ้านมึงถึงไม่ดัง”

“ผมถอดปลั๊คครับ” ผมตอบไปยังงั้น

เสียงเดิมออกชื่อสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่งที่ไม่เป็นมงคลออกมา ก่อนที่จะพูดว่า “มึงมาหากูเดี๋ยวนี้”

ผมเข้าห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เล่นอาหารเช้าเสียก่อน แล้วก็หอบแฟ้มเอกสารที่หอบไปเมื่อวานนี้ขึ้นรถ ไปวังปารุสก์ ฯ

ทีนี้ผมไม่ต้องรอ เปิดประตูห้องเข้าไปทีเดียว ผมไม่มองนัยน์ตาสีเขียวปัดของนายที่จ้องอยู่ นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะก็ส่งแฟ้มเอกสารทั้งแฟ้มให้ แต่ใบเบิกเงินผมยังเก็บไว้ไม่ส่งให้

นายนั่งอ่านรายงานของผมอยู่ทีละแผ่น ๆ มาถึงรายงานแผ่นหนึ่ง อ่านจบก็เงยหน้าขึ้นมองผม ส่งเสียงดัง ๆ ออกมาว่า
“เรื่องนี้มึงทำไมไม่รีบเสนอกู ฮึ”

“ก็ท่านไม่เรียกผมเข้าพบ ผมก็ไม่รู้จะส่งรายงานยังไง”

ท่านทำเสียงขลุกขลักในคอ นัยน์ตาถลึงมองผม พูดว่า

“เรื่องคอขาดบาดตายยังงี้ มึงยังทำใจเย็น มึงจะยวนกูไปถึงไหนกันวะ”

“ผมเห็นมันยังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ผมก็เก็บไว้ก่อน” ผมตอบ

“ไอ้บ้า เขาคิดจะปฏิวัติ มึงยังว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เดี๋ยวพ่อด…”

“ก็เขายังไม่ทำเดี๋ยวนี้ เรื่องยังงี้รู้เมื่อไรก็ได้ จะจับเมื่อไรก็ได้ สั่งมาซิครับ”

“จะจับมันก็ต้องมีหลักฐาน” นายเถียง

“ผมมีพร้อมแล้วครับ เรื่องหลักฐาน ทั้งเอกสารและบุคคล”

“อ้าว แล้วทำไปมึงถึงไม่ส่งมาให้กูด้วย”

“ผมเห็นไม่จำเป็นที่จะต้องส่งแนบมา อยู่ที่ผมดีกว่า และพยานบุคคลบางคนก็ไม่ควรเปิดเผย”

“มึงมีรายงานสั้น ๆ แค่นี้มาให้กู ไอ้นี้ขี้เกียจ”

“ผมสรุปรายงานทั้งหมดลงในเอกสารสองแผ่นนี้ให้ท่านอ่าน รายงานทั้งหมดมีเกือบห้าสิบแผ่น ถ้าท่านอยากอ่าน ผมก็จะเอามาให้ จะได้อ่านเล่นไม่ต้องทำอะไรแล้ว ที่ผมนั่งสรุปรายงานห้าสิบแผ่นจนเหลือสองแผ่นมาให้นี่น่ะ ผมขี้เกียจหรือครับ”

“เถียงไม่ตกฟาก ไอ้นี่” ทำตาถลึงเอากับผม แต่ผมไม่เคยกลัวสายตาอย่างนั้น เจอมาบ่อยจนชิน

นั่นเป็นรายละเอียดเล็กน้อยในเรื่องข่าวคราวการปฏิวัติในสมัยนั้น ต่อมาทางสันติบาลมีจับกบฏรายนี้ เป็นการคิดปฏิวัติโดยคณะนายทหารเสนาธิการ ผู้ไม่มีอำนาจในการคุมกำลังอะไรเลย นอกจากจะหวังเกลี้ยกล่อมฝ่ายคุมกำลังบางหน่วยเอาภายหลัง ก็ไม่รู้ว่าทำไมคณะกลุ่มนายทหารที่เป็นมันสมองของกองทัพแท้ ๆ จึงได้มีความคิดสั้น ๆ อย่างนั้น

เงื่อนไขในการปฏิวัติครั้งนั้นคือ คณะทหารที่คิดการครั้งนั้นเห็นว่า จอมพล ป. และคณะอยู่ในอำนาจนานเกินไปและชักจะใช้อำนาจในทางเสริมสร้างอำนาจให้กับพวกตัวเองมากเกินไป ชักรำคาญ ก็เท่านั้น อย่างนี้ก็เป็นเงื่อนไขได้

ข้อที่ควรสังเกตและยึดถือเป็นข้อเท็จจริงได้ก็คือ การคิดปฏิวัติที่จะสำเร็จได้นั้นมักจะมาจากการปฏิวัติในพวกเดียวกันเอง คือ หลังจากการแก่งแย่งอำนาจภายในพวกเดียวกันเอง จนเกิดการแตกแยกกันเองขึ้นในภายใน แล้วการแตกแยกนั้นค่อย ๆ ขยายตัวออกไปเป็นการไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน การชิงอำนาจก็ก่อตัวขึ้น จนถึงขั้นการทำลายกันด้วยการปฏิวัติยึดอำนาจโดยฝ่ายที่น้อยเนื้อต่ำใจเป็นฝ่ายก่อขึ้น

การปฏิวัตินั้นจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่นั้นอยู่ในความประมาท เชื่อว่าฝ่ายตนยังกุมอำนาจได้อยู่ ไม่ได้ระมัดระวังและวางมาตรการในการป้องกันแต่อย่างใด

การคิดปฏิวัตินั้น หากฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่เป็นฝ่ายเดียวกับฝ่ายที่คุมอำนาจในการปกครองอยู่ในขณะนั้นคิดก่อขึ้นแล้วก็มักจะไม่สำเร็จและมักจะถูกทำลายเสียก่อน เพราะผู้ที่คุมกำลังอยู่ในคณะที่ปกครองประเทศอยู่นั้น จะไม่ยอมให้คณะอื่นได้เข้ามาทำการปฏิวัติได้สำเร็จ เขาจะร่วมมือกันต่อต้านปราบปรามและทำลาย แม้จะอยู่ในระหว่างขัดผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เมื่อทำลายคณะที่คิดยึดอำนาจซึ่งไม่ใช่พวกเดียวกันลงได้แล้ว ก็จะตั้งหน้าคิดทำลายกันเองต่อไปเพื่ออำนาจของคณะตัวเอง นอกเสียจากคณะใหม่ที่คิดการนั้นจะได้มีทหารติดต่อและร่วมคิดการกับฝ่ายเดียวกันที่แตดแยกภายในนั้นได้ ก็มีทางสำเร็จ

อันนี้ก็เป็นสัจธรรมในการคิดการปฏิวัติเช่นกัน

การปฏิวัติที่ไม่สำเร็จ ก็ต้องกลายเป็นการกบฏไป การกบฏหลาย ๆ ครั้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น ก็เป็นการคิดปฏิวัติโดยคณะที่อยู่นอกวงการผู้มีอำนาจในการปกครองขณะนั้นทั้งสิ้น คณะนายทหารเรือเคยคิดการนี้มาแล้วหลายครั้ง แม้แต่จะยึดเอาวังหลวงเป็นที่ตั้งกองบัญชาการได้ ก็ยังต้องพ่ายแพ้ไป หรือแม้แต่จับตัวหัวหน้ารัฐบาลไปได้ การต่อรองก็ยังไม่สำเร็จ ต้องถูกปราบปรามเรียบร้อยไปเช่นกัน ผมจะไม่เขียนลงไปว่า เป็นใคร คณะใด หลาย ๆ ท่านก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว

ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่มีอำนาจในการปกครองที่ได้มาด้วยการปฏิวัติก็จะต้องรักษาอำนาจนั้นไว้ให้ได้ด้วยการเข้าคุมขุมอำนาจไว้ให้ได้ ขุมกำลังอำนาจที่นี้ก็คือกำลังกองทัพบก เมื่อคุมกำลังส่วนนี้ไว้ได้เป็นปึกแผ่นแน่นหนาแล้ว กำลังทางฟ้าและทางน้ำก็จะเข้ามาพักพิงด้วยเอง

ทีนี้ก็ถึงตอนที่ผู้คุมอำนาจทางบกได้นั้น จะต้องใช้จิตวิทยาผูกใจเอาเองให้แน่นแฟ้นได้ เพื่อไม่ต้องเหนื่อยแรงที่จะต้องระแวงระไวภายหลัง



Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 5:11:53 น. 2 comments
Counter : 1033 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:01:57 น.  

 
ชอบเรื่องที่ท่านเขียนมาก เคยอ่านในพอกเกจบุ๊คหลายปีมาแล้ว วันนี้ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกมาก นึกถึงเรื่องราวเก่าๆในอดีต แล้วเปรียบเทียบกับเหตุการณ์บ้านเมืองปัจุบัน...ขอบคุณมากครับ


โดย: ประทีป อุ่นอกพันธ์ IP: 27.145.135.47 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2559 เวลา:23:07:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.