จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 5 ตอนที่ 2)

ผมสรวลเสเฮอากับไอ้พวกนั้นอยู่จนร่วมสามทุ่ม กับแกล้มเข้าไปล้นกระเพาะจนไม่ต้องนึกถึงอาการเย็นอีก ลืมไอ้ทองไปเสียสนิท มานึกถึงมันได้เอาตอนที่ผมจะกลับ ลุกขึ้นเหลียวหลังจะให้บ๋อยจัดข้าวไปให้ไอ้ทองที่รถ ก็หันไปเห็นไอ้ทองนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งปากทางเข้า มันกำลังโจ้ข้าวอยู่คนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย ผมเดินเข้าไปหามัน

“ อย่ามาเตะกันที่นี่นะ หมวด ” มันชิงพูดออกมาเสียก่อน “ ปล่อยให้หิวอยู่ได้คนเดียว ต้องขึ้นมาหากินเอง ผมหิวตายไปจะว่ายังไง ”

“ มึงขิ้นมาได้ยังไง ” ผมยืนถามมันใกล้ ๆ “ เขาห้ามคนรถขึ้นมาบนนี้ ”

“ ผมไม่ใช่คนรถ ” มันตอบไปกินไปด้วย “ ผมสิบตำรวจโททองครับ ”

“ มึงต้องไปกะล่อนกับยามบนนี้ เขาถึงปล่อยให้มึงขึ้นมาสั่งอาหารกินบนนี้ได้ มึงบอกเขาว่ามึงเป็นอะไร ”

“ ก็บอกเขาว่าผมมากับหมวด ” มันตอบ สายตาระแวงระไวดูอวัยวะเบื้องล่างของผม

“ กูจะกลับ มึงจะแดกอยู่อย่างนี้ก็ตามใจมึง ”

“ เร่งคนกินข้าวบาปนะหมวด ” มันพูด ข้าวยังเต็มปาก “ ให้อิ่มเสียหน่อยค่อยไปก็ได้ เร่งร้อนอะไรนักนะ ยังไม่ทันดึกดี เสี่ยตั้งเขาออกไปแล้วเมื่อกี้นี้ ”

ผมเดินลงมาข้างล่าง ไม่ได้หันไปมองไอ้ทอง ยามหน้าประตูทางขึ้นเดินมาพอดี ผมเข้าไปถาม ชี้มือมาที่ไอ้ทองซึ่งรีบทิ้งชามโดดตามลงมา

“ ไอ้คนนั้น ให้มันขึ้นไปกินข้าวข้างบนได้ยังไง ”

“ เขาบอกผมว่าเขาเป็นเพื่อนกับนายครับ ” ยามตะเบ๊ะตอบ

ผมหันกลับไปทางไอ้ทอง มันเผ่นขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ผมปรี่เข้าไปหามัน มันเบี่ยงหลบเอามือทั้งสองข้างยื่นออกมากัน

“ อย่านะหมวด เตะที่นี่อายเขามั่ง เดี๋ยวไปถึงที่จะยื่นก้นให้เตะ ”
ผมต้องยืนนิ่งมองดูมัน จะเตะมันตรงนั้นก็ไม่ถนัด รถจี๊ปข้างมันสูง ผมอ้อมไปขึ้นนั่งที่คนขับ ติดเครื่องถอยรถออกมาจากที่นั่น ตรงไปซิลเวอร์ สตาร์

ผมลงจากรถที่ตรงหน้าซิลเวอร์ สตาร์ ไอ้ทองก็โดดตามลงมาด้วย ผมปล่อยให้มันเดินตามเข้าไปข้างใน ที่นั่งตรงมุมเก่าของผมไม่มีใครเข้าไปนั่ง ทั้ง ๆ ที่คนค่อนข้างจะแน่น ใครคนหนึ่ง อาจจะเป็นแม่ต๊อยก็ได้ ที่จองที่ตรงนั้นไว้ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง ผมเข้าไปนั่ง ไอ้ทองตามหลังมาติด ๆ ผมส่ายตาควานหาแม่ต๊อยในความสลัวของบรรยากาศในนั้น ไม่ต้องรอนาน หล่อนเดินเข้ามาหาเอง ไม่รู้ว่ามาจากมุมไหน นั่งแหมะลงข้าง ๆ ผมแล้วพูดว่า

“ วันนี้ พี่มีเพื่อนมาด้วยหรือคะ ”

“ หมามันตามเข้ามาเอง ไม่รู้มาจากไหน ” ผมตอบหล่อน

แม่ต๊อยหัวเราะชอบใจ หันไปมองไอ้ทองซึ่งนั่งห่างออกไปทางริมโค้งของเบาะที่นั่ง บ๋อยคนรู้จักกันยกถาดทั้งขวดเหล้าและโซดา น้ำแข็งพร้อมมาวางจัดที่จัดทางให้ แล้วลงมือผสมเหล้าตามเคย ผมบอกเขาไปว่า

“ เอาน้ำข้าวมาให้ที่นึงด้วย ”

บ๋อยกำลังจะผสมเหล้าแก้วที่สองชะงักมือ มองดูผม

“ เอาอะไรที่นึงนะครับ ”

“ น้ำข้าวใส่ชามมาที่นึง ” ผมย้ำ

“ น้ำข้าว ” บ๋อยทวนคำ แล้วเกาหัว “ เอามาทำไมครับ มีไม่มีก็ไม่รู้ ”

“ เอามาให้หมามัน นั่งอยู่นั่น ” ผมชี้ไปที่ไอ้ทอง

แม่ต๊อยหัวเราะชอบใจ

“ โธ่ หมวด ” ไอ้ทองคราง “ จะให้นั่งหง่าวอยู่คนเดียวอีกแล้ว ไม่สงสารไอ้ทองหรือไง ”

“ พี่ก้อ ” แมต๊อยตีแขนผมเบา ๆ “ แกล้งเขาทำไมน่ะ ”

“ นั่นนะซี แกล้งผมทำไมน่ะ ” ไอ้ทองเอามั่ง

ดูมันเอาก็แล้วกัน ไอ้นี่มันทะลึ่งขนาดไหน

เสียงวงดนตรีทำเพลงเรียกนักร้อง ตามสถานที่อย่างนี้ เขามีเพลงเตือนนักร้องประจำตัวแต่ละคน เมื่อถึงคิวที่คนไหนจะต้องขึ้นไปร้อง จะไปเที่ยวเรียกกันนั้นไม่ไหว ไม่รู้ว่าแม่ไปหมกอยู่กับแขกโต๊ะไหน ก็ต้องใช้เสียงเพลงเรียกเอาแต่ละคน เขารู้สัญญาณกัน
แม่ต๊อยตบที่ตักผมเบา ๆ

“ ต๊อยต้องขึ้นไปร้องเพลงก่อนนะพี่ เดี๋ยวจะลงมาคุยด้วย ”

หล่อนขยับตัวหลีกไอ้ทองออกไป ผมมองดูว่ามันจะทะลึ่ง ถือโอกาสกินกำไรแม่ต๊อยด้วยการลูบที่ตรงไหนหรือเปล่า มันไม่ทำ มันนั่งสงบเสงี่ยมดี วางมือกุมไว้ที่ตักเรียบร้อย ขยับตัวให้แม่ต๊อยผ่านออกไปอย่างสุภาพ

บ๋อยคนเก่าเข้ามาที่โต๊ะ ในมือถือชามข้าวมาด้วยใบหนึ่ง เขาประคองชามข้าวใบนั้นมาวางไว้บนโต๊ะ ในชามนั้นมีน้ำข้าวข้น ๆ อยู่เกือบเต็มชาม วางเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ มองดูไอ้ทองอยู่เงียบ ๆ ผมกลั้นหัวเราะ ไม่ให้ต้องปล่อยออกมาก๊ากใหญ่ แล้วพูดกับมัน

“ แดกเข้าไปก่อนให้หมด แล้วกูจะให้มึงกินเหล้ากะกู ”

ไอ้ทองคว้าชามข้าวนั้นมายกขึ้นจ่อปาก แล้วดื่มเอาดื่มเอา วางชามลงเป็นพัก ๆ แล้วมันก็กินจนหมดชามเกลี้ยง วางชามลงบนโต๊ะแล้วมองดูผม

“ หมดแล้ว ทีนี้เอาเหล้าได้หรือยังล่ะ ”

ผมต้องยอมมัน คุณดูเอาเองก็แล้วกันว่ามันร้ายแค่ไหน

ผมปล่อยให้มันนั่งอยู่ที่เก่าของมัน รินเหล้าเอาตามใจชอบ เสียทีมันเสียแล้ว ไม่นึกว่ามันจะยอมกินน้ำข้าวได้ง่าย ๆ ยังงั้น

แม่ต๊อยกำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่บนเวที ผู้คนตบมือกราวเมื่อเพลงจบลงแต่ละเพลง บ๋อยคนหนึ่งเดินเข้าไปหน้าเวที ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้แม่ต๊อยแล้วเดินกลับไป เพลงจบลงอีกเพลง เสียงตบมือกราวอีก แม่ต๊อยขึ้นเพลงใหม่

“ จับปูดำ ขยำปูนา จับปูม้า คว้าปูทะเล... ”

ไอ้เพลงนี้ขึ้นอีกแล้ว หนีไม่พ้น ผมต้องลุกขึ้นไปที่เคาน์เตอร์บาร์ ขอโทรศัพท์ ๑๒๓ ลงไป ก็อย่างเคย พอมีเสียงกริ๊งเดียวทางปลายสายก็ยกหูทันที และเสียงเก่าของเขา พันเอกเยี่ยมคนนั้นก็ดังเข้ามา

“ พรุ่งนี้แปดโมงเช้าพบผมหน่อย แล้วไม่ต้องไปยุ่งกับเสี่ยตั้งคืนนี้ ”

แล้วก็มีเสียงวางหูดังกริ๊ก ไม่ทันได้ให้พูดอะไร

ผมวางหูแล้วหมุน ๑๒๓ ใหม่ อยากลองของดูอีกซักที

มันเงียบ ไม่มีเสียงอะไรให้ได้ยินในกระบอกหูฟังเลย เหมือนไอ้หมายเลขนี้มันตายด้าน อีตาพันเอกเยี่ยมคนนี้ นอกจากจะขี้เล่นแล้วยังชักจะเดาใจผมออกทุกที เขารู้ได้อย่างไรว่าผมจะอยู่ที่ไหน เวลาไหน แล้วแม่ต๊อยคนนี้ก็ช่างเลือกร้อง ทีตอนผมแอบส่งใบขอเพลงนี้ไปวานนั้น ทำไมหล่อนไม่ยอมร้อง

ช่างขี้เล่นดีนัก เอาไว้ตาผมมั่ง ผมมันชอบลองของ คอยดู

ผมเรียกบ๋อยที่ผมเห็นเดินถือกระดาษขอเพลงไปส่งให้แม่ต๊อยเข้ามาหา แล้วถามเขาถึงคนที่เขียนกระดาษขอเพลง ให้เขาเอาไปส่งแม่ต๊อยนั้นว่านั่งอยู่ตรงไหน

“ ออกไปแล้วครับ ” บ๋อยคนนั้นตอบผม “ เขามานั่งอยู่ประเดี๋ยวเดียวก็เขียนกระดาษส่งให้ผมขอเพลงนั่น พอเพลงขึ้นเขาก็ชำระเงิน ไม่รอตังค์ทอน แล้วก็เดินออกไป ”

พันเอกเยี่ยมคนนี้ไม่เบาทีเดียวแหละ ลูกเล่นพราว

ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ พอดีแม่ต๊อยจบเพลง หล่อนเดินทักทายแฟน ๆ ตามโต๊ะครู่ใหญ่ก็ตรงเข้ามาหาผม พอนั่งแปะหล่อนก็เริ่มเรื่อง

“ เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรหรือพี่ ต๊อยงงไปหมด ตำรวจเขาเข้าปลุกต๊อย แล้วถามอะไรไม่รู้ ต๊อยไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ”

“ เขาถามว่าอะไรมั่งล่ะ ” ผมถามกลับ

“ เขาถามว่า นายตำรวจชื่อยอดทวน เป็นอะไรกับต๊อย ชื่อเต็ม ๆ ของพี่ ชื่อยอดทวน หรือจ๊ะ ”

ผมพยักหน้า

“ ต๊อยก็บอกเขาไปว่า ต๊อยรู้จักแต่คนชื่อยอด ” หล่อนคุยต่อ “ และรู้แต่ว่าเป็นตำรวจ ไม่ได้เป็นอะไรกับต๊อย เขาซักอีกว่า ไม่เป็นอะไรกัน แล้วทำไมต๊อยถึงยอมให้นอนกับต๊อย ”

“ แล้วต๊อยตอบเขาไปว่ายังไง ” ผมซัก เพราะถึงตอนนี้แม่ต๊อยหยุดเสียเฉย ๆ

“ ต๊อยก็บอกไปว่า พี่กลับบ้านไม่ได้ เมามาก เลยต้องปล่อยให้นอนอยู่ในห้องรับแขก ”

“ แล้วยังไง ”

“ เขาถามอีกว่า เมื่อคืนนี้ยินเสียงอะไรผิดปกติบ้างไหม ต๊อยก็บอกว่าไม่ได้ยินอะไร ต่างคนต่างหลับ ต๊อยอยู่ในห้องมิดชิดจะให้ไปได้ยินเสียงอะไร แล้วเขาก็เข้าไปตรวจถึงในห้องนอน ประเดี๋ยวเดียวเขาก็กลับออกไป ดีที่ต๊อยเก็บเงินเข้าตู้เสียก่อน ถ้าเขาเห็นเข้าคงจะยุ่ง ”

ผมไม่พูดอะไร กำลังคิด ปรายตามองไอ้ทอง มันยังนั่งนิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้เหมือนมันอยู่คนเดียวไม่ได้เอาใจใส่ใคร มันยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มของมันเงียบ ๆ แต่ผมรู้ว่าหูมันฟัง

“ เมื่อคืนนี้เสียงอะไรตึงตังน่ะ พี่ ก่อนที่พี่จะไปนอนในห้อง ” แม่ต๊อยถามต่อ

ผมยิ้ม ปรายตามองดูหล่อน นิ่งอยู่

“ แล้วก็มีคนถูกฆ่าตายสองคนที่หน้าบ้าน ตอนต๊อยออกมาจากบ้านยังเห็นตำรวจเขาจับกลุ่มกันอยู่ ” แม่ต๊อยพูดต่อ “ ทำไมมันถึงมีเรื่องตอนที่พี่ไปอยู่ที่บ้านต๊อยทุกที ”

ผมยังไม่ทันตอบ เสียงไอ้ทองกระแอมดังขึ้นมาดัง ๆ ผมมองดูมัน มันพยักพเยิดไปทางบาร์ ผมมองไปทางนั้น เสี่ยตั้งกำลังเดินเข้ามา เขายืนพิงเคาน์เตอร์บาร์อยู่ครู่หนึ่ง กวาดสายตาไปรอบ ๆ สายตาของเขากวาดผ่านมาที่ผมนั่งอยู่ ผมเมินไปทางอื่นแต่หางตาผมชำเลืองไปที่เขา ในความมืดสลัว ๆ อย่างนั้น เขาจะเห็นผมหรือเปล่า ผมเดาไม่ออก ที่ที่เขายืนอยู่มีแสงไฟที่บาร์สาดอยู่สว่างกว่ามุมของผม

แม่ต๊อยหยุดพูด มองดูผม จับสายตาผมได้ก็หันไปมองตาม แล้วหล่อนก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ ผมเห็นหล่อนเดินผ่านไปทางบาร์ ผ่านหน้าเสี่ยตั้งไปเข้าห้องน้ำผู้หญิงซึ่งอยู่ติด ๆ กับห้องน้ำผู้ชาย แล้วเสี่ยตั้งก็ขยับตัวออกจากบาร์ หันกลับเดินไปเปิดประตูออกไป

ผมนั่งอยู่กับถ้วยวิสกี้อีกพักใหญ่ แม่ต๊อยก็กลับมาหาพอหย่อนก้นลงนั่ง หล่อนก็ขับแขนผมพูดว่า

“ คืนนี้ ต๊อยไปนอนกับเพื่อนมันนะ พี่ พี่ไม่ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนต๊อยหรอก ”

“ ทำไมล่ะ ” ผมแกล้งถามไปยังงั้น

“ เกิดมีคนตายขึ้นมาอีกสองคน ต๊อยจะอยู่ได้ยังไง ศพเดียวก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว แล้วก้อ ... ” หล่อนปล่อยให้คำพูดขาดอยู่แค่นั้น นัยน์ตาจ้องจับผมนิ่ง

“ แล้วก็อะไรล่ะต๊อย ” ผมถาม

แม่ต๊อยทำท่าอึดอัดใจก่อนที่จะพูดเบา ๆ ออกมาว่า

“ แล้วก็ ... เดี๋ยวเกิดมีการตายขึ้นมาอีกล่ะ ถ้าพี่อยู่กับต๊อย ”

ผมหัวเราะ แม่ต๊อยเอื้อมมือทั้งสองข้างมาเกาะแขนผมบีบเบา ๆ

“ พี่อย่าโกรธต๊อยนะ ให้ต๊อยหายกลัวซักสอง – สามวันก่อนนะพี่ ให้มันลืม ๆ เสียหน่อย ต๊อยกราบขอโทษพี่ด้วย ”

หล่อนก้มลงกราบที่ต้นแขนผมจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ยอดทวน หัวใจคงจะละลายเป็นขี้ผึ้ง

“ ไม่เป็นไร ” ผมตบที่มือหล่อนเบา ๆ “ งั้นพี่ไม่ต้องรอต๊อย จะได้เลยไปที่อื่น ”

“ ค่ะ ตามใจพี่ โชคดีนะพี่ ” หล่อนบีบแขนผมเบา ๆ ปลอบใจ

ผมวางเงินไว้บนโต๊ะพอที่จะเป็นค่าเหล้า และอะไรต่ออะไรบนโต๊ะ และพอเป็นค่ารางวัลบ๋อย แล้วลุกขึ้น ไอ้ทองรีบลุกขึ้นเดินนำหน้าผมไปที่ประตู มันไปยืนรอผมที่หน้าประตูด้านใน พอผมเดินไปถึงตัวมัน มันก็กระซิบเบา ๆ

“ ระวังตัวหน่อยนะหมวด เดี๋ยวผมจะออกไปก่อน ”

มันเปิดประตูออกไป เหลียวซ้ายแลขวา แล้วพยักหน้าให้ผมก้าวตามมันออกไปได้

ถนนข้างนอกเงียบกริบ นาน ๆ จะมีรถผ่านไปมาสักคันหนึ่ง นาฬิกาที่ข้อมือผมบอกเวลาไกลสองยามเข้าไปแล้ว ผมก้าวขึ้นรถโดยไม่ลืมที่จะเลิกเบาะที่นั่งออกดูเสียก่อน ไอ้จี๊ปของผมนี่มันไม่มีอะไรจะคุ้มภัยได้ ผมสำรวจใต้ท้องรถก่อน

แล้วก็ตรวจตราที่เบาะ ไว้ใจอะไรได้เสียที่ไหน ไอ้ทองน่ะมันไม่คิดอะไร ออกมาก็ขึ้นนั่งบนที่นั่งข้าง ๆ ผมก่อนเสียด้วยซ้ำ

ผมขับรถเอื่อย ๆ มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งใจจะขับไปเรื่อย ๆ ไปผ่านสนามม้าแล้วออกไปทางถนนเพชรยุรี ไปออกเพชรบุรีตัดใหม่ แถวนั้นมีที่ที่จะกินเหล้าและเต้นรำฟังเสียงเพลงอยู่หลายแห่ง ผู้หญิงที่จะคุยด้วยก็หลายประเภท คืนนี้แม่ต๊อยออกจะมีอะไรแปลก ๆ เกิดเปลี่ยนใจเอาเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่นัดหมายกับผมไว้มั่นคง และคาดคั้นให้ผมไปนอนเป็นเพื่อนอยู่เมื่อคืนนี้เอง ผมคิดของผมอยู่เงียบ ๆ ว่าการมาปรากฏตัวของเสี่ยตั้งที่ซิลเวอร์ สตาร์คืนนี้ แล้วรีบกลับออกไป น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนใจของแม่ต๊อยก็ได้ เอาไว้ดูกันทีหลัง

รถของผมมาถึงสะพานผ่านฟ้า ผมมองกระจกหลัง ไอ้รถเก๋งคันเล็กคนนี้ตามผมมาตั้งแต่เริ่มออกจากซิลเออร์ สตาร์ไม่เท่าไร ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากจุดไหน ไม่ทันได้สังเกตทีแรก มารู้สึกเอาตอนที่จะถึงผ่านฟ้านี่เอง แล้วมันก็เปิดไฟหรี่มาตลอด





Create Date : 09 สิงหาคม 2552
Last Update : 9 สิงหาคม 2552 3:12:17 น. 0 comments
Counter : 593 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.