เหล็กละลาย (ตอนที่ 14)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 14
มาถึงโรงแรม หนังสือพิมพ์ภาษาไทยที่ทางกรุงเทพ ฯ ส่งมาให้อ่าน มาวางรออยู่ที่เคาน์เตอร์โรงแรมแล้ว เป็นหนังสือพิมพ์ที่ล่าไปสักเกือบอาทิตย์
พาดหัวของหนังสือพิมพ์ชุดนั้น ยังเป็นข่าวปฏิวัติอยู่ แต่มันก็ยังน่าอ่านอยู่ดี ถึงจะเป็นข่าวเก่า
อยากรู้เหมือนกันว่า ตอนที่เราหันหลังให้เมืองไทยแล้วนั้น ใครจะว่าอย่างไรบ้าง
เผ่าร่ำไห้ ขอชีวิตกับหัวหน้าคณะปฏิวัติ
เอาเข้าให้แล้ว นั่นคือพาดหัวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
ผมส่งให้ท่านดู ถามว่า แอบไปร้องร่ำไห้ตอนไหนครับ
ท่านหัวเราะก้ากใหญ่
ไอ้ห่... มันเข้าใจพาดหัว กูเสียหมาไปเลย ไอ้นี่มันเก่งโว้ย มันไม่ต้องเข้าไปหอประชุมกองทัพบกอย่างเรา มันก็เขียนข่าวได้
ยังมีพาดหัวสนุก ๆ แบบนี้อีกหลายฉบับ แต่ผมจำไม่ได้ ล้วนแต่ร้าย ๆ ทั้งนั้น
ก็เรามันล้มแล้ว คนที่ได้โอกาสเขาก็ต้องสนุกกันบ้าง
อย่าเพิ่งไปอ่านมันเลยว๊ะ ท่านว่า โยนหนังสือพิมพ์ไปทางอื่น มาคิดกันถึงเรื่องมึงดีกว่า พยักหน้ามาที่ผม มึงต้องเตรียมลู่ทางให้ดี ถ้าทางนี้เขาเกิดจะส่งตัวมึงไปจริง ๆ
ส่ง ผมก๊อไป ผมว่าโดยไม่ต้องคิด คิดถึงบ้านจะตายอยู่แล้ว ออกมาไม่กี่วัน
มึงมันพูดเป็นเล่นเสียเรื่อย ไอ้นี่ ท่านส่งมือฝรั่งมาสะกิดผมที่หน้าแข้ง
ผมไม่ได้พูดเล่น ผมอยากมาเสียเมื่อไหร่ บังคับให้ผมมาเอง ให้เขาส่งตัวกลับไป ยังทุ่นค่าเครื่องบินอีก ดีกว่ากลับไปเอง
ไอ้บ้า มึงก็คิดอยู่แค่นั้น มึงเข้าไปติดตะราง ไม่ได้อยู่บ้านหรอก ท่านว่า
ดวงผมไม่ติดตะรางครับ หมอดูเขาทำนายไว้
เอาเถอะ กูไม่ให้มึงไป
ก็ว่าเสียยังงั้นก็หมดเรื่อง
ทีนี้ มาคิดกันว่าจะทำยังไงดี ท่านพูดเอาจริงเอาจัง เพราะต่อไปก็ต้องถึงตาไอ้อ้วนกะกู เพราะเขาจะต้องขอตัวเพิ่มมาอีก คดีมันยังจะตามกันมาอีกหลายคดี เท่าที่กูรู้ ๆ มา
มันก็มีอยู่สองอย่างเท่านั้น ไม่สู้ก็หนี ผมตอบ แต่ผมว่า รัฐบาลสวิสส์เขาไม่ส่งตัวเราหรอก
มึงแน่ใจยังไง
ผมเดาเอา เพราะถ้าผมเป็นรัฐบาลสวิสส์ ผมก็จะไม่ส่ง ผมคิดเอาว่า เขาก็คงคิดอย่างผมคิด
" อุวะ ไอ้นี้ พูดเล่นเสียเรื่อย เดี๋ยวกูถีบ ว่าแล้วก็ถีบเอาจริง ๆ ไม่เดี๋ยว
ผมไม่ได้พูดเล่น คอยดูไปก็แล้วกัน
กูไม่คอยดูกะมึงละ ไอ้อ้วนว่ายังไง ทีนี้ท่านหันไปทางพันศักดิ์
เอายังไงก็เอากันซีครับ มันว่า ไม่ยอมคิด แล้วมันก็มองมาทางผม มันคงจะเห็นด้วยกับผมเหมือนกัน แต่ไม่อยากเถียงเจ้านาย
งั้นกูจะคิดเอง พวกมึงจะไปไหนก็ไป กูจะนอนพักสักหน่อย กลับมาให้ทันกินข้าวเย็นก็แล้วกัน
แล้วท่านก็ขึ้นลิฟท์ไปข้างบน หอบเอาหนังสือพิมพ์ไปด้วย
ผมกับไอ้อ้วนออกจากโรงแรมไปหาร้านเหล้า ตอนนั้นมันบ่ายแก่ ๆ แล้ว
อาดอลฟ์เป็นสารถีให้ตามเคย
ไปไหนคุณ เขาถาม
ที่ไหนที่นั่งกินเหล้าเงียบ ๆ แล้วมีอะไร ๆ ให้ดูให้ฟังดี ๆ ก็ไปที่นั่น ผมตอบ
รถกระชากพรวดออกไปทันที ไอ้เสือนี่ขับรถยอดจริง ๆ
พักใหญ่ เขาก็พาเรามาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม ข้ามสะพาน มองบลังก์มาอีกฟากหนึ่ง ที่ที่หยุดนั้น มีป้ายนีออนอันเบ้อเร่อเขียนไว้ว่า แลส์ แอมบาสซาเดอร์ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า พวกเอกอัครราชทูตทั้งหลาย
ในนี้แหละครับ มีเหล้ากินดี ๆ เงียบ ๆ และมีอะไร ๆ ให้ดูให้ฟังดี ๆ ด้วย อาดอลฟ์ชี้ไปที่นั่น
ชื่อร้านมันบอกว่า พวกทูต หรือพวกดีโปลแมต เขามากันนี่หว่า ผมว่า
คุณก็พวกดีโปลแมตนี่ครับ
เขายังไม่รู้ว่า เราถูกปลด
เอาซีวะ ถ้างั้น แล้วผมก็ชวนไอ้อ้วนลง
ในนั้นเป็นสถานที่โอ่โถง สมเป็นที่ชุมนุมสังสรรค์ของพวกดีโปลแมตจริง ๆ ตรงมุมหนึ่งมีคนเล่นเปียโนให้ฟัง เป็นการกล่อมสมองไปด้วย บรรยากาศเงียบสงบ นอกจากเสียงเปียโนที่เล่นไม่ค่อยดังแล้ว ก็ไม่มีเสียงคุยเอะอะอย่างที่เราเคยพบในร้านเหล้าที่อื่น และพวกที่นั่งอยู่ในนั้นก็แต่งตัวอย่างเรียบร้อยทั้งนั้น
เราเลือกได้โต๊ะที่อยู่ในมุมโค้ง เก้าอี้นวมยาว นั่งสบาย
พนักงานสาวเข้ามารอรับคำสั่งโดยไม่ถาม
วิสกี้โซดาสองถ้วย ผมสั่งไป
แตร เบียง เมอร์ซิเออร์ แม่สาวคนนั้นก้มศีรษะรับคำสั่ง แปลเป็นภาษาไทยว่า ดีมากค่ะ คุณ
เราจะสั่งอะไรก็ดีมากทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเขาเคยชิมมาแล้ว ไอ้ที่เราสั่งนั่น แล้วบอกว่ารสดีมาก ไม่ใช่
ชั่วครู่ วิสกี้เพียว ๆ ก็นอนมาในถ้วยสองถ้วย ถ้วยละเป๊กใหญ่ ๆ มีโซดาชวดเล็กมาขวดหนึ่ง แล้วก็ถังน้ำแข็ง
แม่คนนั้นจัดการใส่น้ำแข็งในถ้วยที่มีเหล้านั้นสอง-สามก้อน แล้วก็รินโซดาลงไปถ้วยละนิดหน่อย ขนาดน้ำเท่ายา วางขวดโซดาที่ยังมีน้ำโซดาเหลืออยู่บนโต๊ะ แล้วก็ก้มศีรษะผละออกไป
ผมยกถ้วยขึ้นเทเหล้าพรวดลงคอ แทบสำลัก มันฉุนกึก
ต้องเติมโซดาลงไปอีกจนเต็มถ้วย แล้วเรียกแม่พนักงานคนเสริฟ์คนนั้นมา ขอโซดาให้ไอ้อ้วนมันใหม่ มันก็คงคอไม่แข็งไปกว่าผมนักหรอก
แม่คนนั้นเอาโซดามาให้อีกขวด แล้วยืนมองเราอยู่ตรงนั้น เห็นการเติมโซดาของเราเป็นของขัน
นี่คุณดื่มโซดา ไม่ใช่วิสกี้ เจ้าหล่อนท้วง
แต่ผมดื่มได้มากกว่าคนอื่น ผมว่า พลางชี้ไปที่คนอื่น รอบ ๆ
ฝรั่งเขาดื่มเหล้ากันไม่เหมือนเรา เขาเติมโซดาพอเป็นเชื้อ ขนาดเท่า ๆ กับปริมาณของเหล้าให้มันเบาบางลงไปนิดเดียวเท่านั้น แต่หมอเล่นจิบทีละนิด ถ้วยเดียวบางทีตั้งชั่วโมง
พี่ไทยเรา ชั่วโมงหนึ่งได้หลายแก้ว เพราะเราเติมโซดากัน ไม่ให้บาดคอ
ฝรั่งบางทีเขาเล่นกันเพียว ๆ เรียกว่า วิสกี้ออนเดอะร็อค มีแต่วิสกี้เพียว ๆ กับน้ำแข็งสอง-สามก้อน ไม่ต้องมีอะไรผสม แล้วก็จิบไปจนน้ำแข็งละลาย เหล้าก็ค่อย ๆ บางลงจนกว่าจะหมด เรียกว่า ดื่มกันอย่างสุขุม
พูดถึงวิสกี้ออนเดอะร็อคนี่ ตอนที่ผมกลับมาเมืองไทยใหม่ ๆ ไปที่โรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงนี่เอง อย่ารู้เลยว่าชื่อโรงแรมอะไร ผมดัดจริตจะดื่มเหล้าแบบฝรั่ง สั่งบ๋อยไปว่า วิสกี้ออนเดอะร๊อคถ้วยหนึ่ง
บ๋อยรับคำครับ แล้วเดินปร๋อออกไป
หายไปนาน ผมก็ยังไม่ได้ไอ้ที่ผมสั่ง
ครู่ใหญ่ แกกลับมาบอผมว่า คุณครับ วิสกี้ออนเดอะร๊อค ไม่มีครับ มีแต่ ตราดำ ตราขาว ม้าขาว ...
ผมแทบจะสำลักน้ำลาย ไม่นึกว่าเขาจะไม่รู้จักไอ้ที่ผมสั่งยังงั้น
ผมนั่งดื่มอยู่กับไอ้อ้วน ปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงจากเปียโนที่ฝีมือผู้เล่นนับว่าชั้นยอดคนหนึ่ง แล้วก็คิดถึงเรื่องที่เจ้านายพูดเมื่อกี้นี้
ป่านนี้ กูว่า เจ้านายไม่ได้หลับหรอก ไอ้อ้วนว่า มันคงกำลังคิดเรื่องเดียวกับผมอยู่ คงนอนคิดว่า จะทำยังไงอยู่ ทำไมมึงถึงคิดว่า รัฐบาลสวิสส์เขาจะไม่ส่งตัวมึง
กูคิดให้มันสบายใจไปยังงั้นเอง ถ้าเขาจับตัวกู เราก็ต้องสู้ความ หรือถ้าจะไม่ให้เขาจับ ก็ต้องหนีออกจากประเทศนี้ ผมว่า แล้วถ้าจะคิดหนี จะไปได้ยังไง พาสส์ปอร์ตก็ส่งคืนไปหมด แล้วจะไปไหนได้ มันก็ต้องอยู่ในเขาจับ ก็เลยคิดให้มันหมดห่วงว่า เขาคงไม่ทำกูหรอก
ปัดโธ่ มันคราง กูนึกว่ามึงจะมีเหตุผลอะไรดี ๆ
เหตุผลกูก็มี แต่คิดไปแล้ว มันไม่ค่อยจะดี เพราะเขาก็อาจส่งตัวกูก็ได้ ตามคำขอของรัฐบาลไทย กูก็เลยหยุดคิด เฮ้ย ... มึงดูให้ดีซีว่า นั่นใคร
Create Date : 02 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 3:57:57 น. |
|
1 comments
|
Counter : 746 Pageviews. |
|
|
|