จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
เงื่อนไม่มีปม # 7 เรื่อง รักของตำรวจ (ตอนที่ 6)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ประพันธ์เมื่อปี พ.ศ. 2516

เรื่อง รักของตำรวจ (ตอนที่ 6)


ทวน ใช้ให้ตำรวจเวรรับใช้ไปตามตัวหญิงผู้ต้องสงสัย ซึ่งชื่อว่า จินตนา คนนั้นมาที่สถานีตำรวจ

ผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจรับใช้นำตัวเข้ามาหา เป็นหญิงในวัยเดียวกับกับฝ่ายร้องทุกข์

ทวน เชิญให้หล่อนนั่งตรงหน้าเขา เคียงข้างกับผู้ร้องทุกข์ ซึ่งเป็นเพื่อนของหล่อน ใบหน้าท่าทางและอากัปกิริยาของผู้ต้องสงสัย บอกทวนได้ทันทีว่า หล่อนไม่ใช่ผู้ร้ายใจแข็งอะไร ท่าทางที่ประหม่าและแววตาที่คอยจะหลบสายตาของเขาอยู่ ทุกทีที่สายตาสบกันนั้น ก็บอกทวนอีกว่า ผู้ร้องทุกข์ของเขาสงสัยคนไม่ผิด

ทวน เริ่มซักไซ้ผู้ต้องสงสัยของเขาตามวิธีการสอบสวนที่เขาได้ร่ำเรียนมา หล่อนปฏิเสธเสียงแข็งขันว่า ไม่ได้รู้เห็นเรื่องเงินของเพื่อนในขั้นต้น

ทวน ซักถามว่า หล่อนหายไปไหน ตอนที่เพื่อนเจ้าของเงินเขาบอกให้เฝ้าร้าน

หล่อนบอกว่า ออกไปเดินเล่น

เขาก็ซักต่อไปว่า เดินเล่นถึงไหน และทำไมถึงได้ออกไปนานนัก

หล่อนตอบคำถามของเขาว่า หล่อนเลยไปหาอะไรรับประทานด้วย จึงช้าไป

เขาก็ซักหล่อนต่อไปอีกว่า ไปหาอาหารรับประทานที่ไหน

หล่อนก็บอกชื่อร้านอาหาร

เขาก็ซักต่อไปอีกว่า หล่อนรับประทานอะไรที่นั่น

การซักไซ้เอารายละเอียดให้ถี่ยิบลงไปเช่นนี้ เป็นวิธีการสอบสวนอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องสงสัยประเภทที่ไม่ใช่ผู้ร้ายอาชีพ และจิตใจไม่กล้าแข็ง มักจะจนมุม เพราะไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนว่า จะต้องมาเผชิญกับคำถามเช่นนี้ ฉะนั้น การที่จะตอบคำถามให้เข้าเรื่องเข้าราวนั้น มักจะทำไม่ได้

การที่จะโกหกให้รายละเอียดทุกอย่าง อันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่ผู้สอบสวนป้อนคำถามเข้ามานั้น กลมกลืนกันเป็นช่องที่ทำได้ยาก

เมื่อทวน ป้อนคำถามหนัก ๆ เข้า หล่อนก็ชักจะอึกอัก เท่านั้นเอง ทวนก็รู้ว่า เขาได้ตัวผู้ที่หยิบเงินของผู้ร้องทุกข์ไปแล้ว

พอ ทวน ทำท่าจะลุกขึ้นและพูดว่า เขาจะไปเอาเจ้าของร้านที่หล่อนบอกว่า ไปรับประทานอาหารที่นั่น มาสอบสวน หล่อนก็ซบหน้าร้องไห้

ทวน ปล่อยให้เสียงสะอื้นหยุดลง แล้วจึงนำหล่อนไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที่ปลอดคน

เขาพูดกับหล่อนว่า
“ ทีนี้เราอยู่กันตามลำพังแล้วละครับ คุณมีอะไรจะเล่าให้ผมฟัง ก็พูดออกมาได้ ”

ทวน ฟังคำสารภาพของ จินตนา ที่นั่น

หล่อนรับว่า หล่อนเป็นคนหยิบเงินจำนวน พันสองร้อยบาท ของเพื่อนของหล่อนไปจริง แต่หล่อนทำลงไปเพราะความจำเป็น สามีของหล่อนเป็นนายทหาร และเขามีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินสโมสรนายทหารที่เขาประจำการอยู่ เขาทำเงินขาดไปจากบัญชี พันสองร้ายบาท และทางฝ่ายการเงินจะมาตรวจบัญชีในวันนี้ หล่อนวิ่งเต้นที่จะหาเงินมาชดใช้เงินจำนวนที่สามีของหล่อนต้องรับผิดชอบนี้ทั้งวัน ก็ไม่สำเร็จ หล่อนเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา คิดไม่ตก ว่าจะหาเงินจำนวนนี้มาจากทางไหนได้ หล่อนกลับมาที่ร้าน คิดจะออกปากหยิบยืมจากเพื่อนของหล่อนก่อน แต่หล่อนก็ไม่กล้าออกปากด้วยความกระดากอาย

ตอนที่ มณฑา ให้หล่อนเฝ้าร้าน และออกไปรับประทานอาหารนั้น หล่อนเปิดลิ้นชักจักร์ของ มณฑา ดู เห็นเงินจำนวน หนึ่งพันสองร้อยบาท วางอยู่ในลิ้นชักนั้น ความจำเป็นเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียงของสามี ทำให้หล่อนไม่มีทางเลือก หล่อนจึงหยิบเงินจำนวนนั้นออกมา แล้วก็ออกจากร้าน ตรงไปยังที่ทำงานของสามี และนำเงินจำนวนนั้นไปเข้าบัญชีสโมสรได้ทันการณ์

หล่อนไม่มีเจตนาที่จะขโมย เพียงแต่ตั้งใจจะขอยืมเงินจำนวนนี้ไปก่อน แล้วจะมาชดใช้ให้ในวันหนึ่งข้างหน้า

ทวน ถามหล่อนว่า วันหนึ่งข้างหน้าของหล่อนนั้น คือวันไหน

หล่อนขอเวลาสักหนึ่งเดือน และหล่อนขอร้องให้ ทวน ปิดคำรับสารภาพของหล่อน เรื่องความจำเป็นอันเกี่ยวกับชื่อเสียงของสามีของหล่อนนี้ไว้ อย่าบอกให้เพื่อนของหล่อนรู้

ทวน นำผู้ต้องสงสัย ซึ่งบัดนี้ กลายเป็นผู้ต้องหารับสารภาพไปแล้วนั้น กลับมาหาเจ้าทุกข์ เพื่อนของหล่อน และบอกให้เจ้าทุกข์ทราบว่า ผู้ต้องหารับสารภาพแล้วว่า ได้เอาเงินของหล่อนไปจริง แต่เอาไปเพื่อความจำเป็นบางประการอันเปิดเผยไม่ได้ และฝ่ายผู้ต้องหาขอเวลาที่จะนำเงินจำนวนนั้นมาชดใช้ในหนึ่งเดือน หล่อนจะว่าอย่างไร

หญิงเจ้าทุกข์บอกกับ ทวน ว่า หล่อนก็จำต้องได้เงินจำนวนนี้มาในวันนี้ เพื่อที่จะให้แก่ผู้ที่จะมาเอาเงินแชร์รายนี้ หล่อนไม่รู้จะไปหาเงินจำนวนนี้มาจากไหนก่อนได้ และหากผู้ที่จะมาเอาเงิน ไม่ได้เงินจำนวนนี้ไป หล่อนก็จะต้องรับผิดชอบในเงินจำนวนนี้แต่ผู้เดียว

เขาแนะให้ผู้ต้องหา พยายามที่จะหาเงินจำนวนนี้มาจากทางอื่นให้ได้ในวันนี้ มิฉะนั้น เขาก็จำต้องดำเนินการไปตามหน้าที่

ผู้ต้องหาตอบคำถามของเขาด้วยการหลั่งน้ำตา พร้อมกับว่า หากหล่อนมีทางหาเงินจำนวนนี้มาโดยทางอื่นแล้ว หล่อนก็คงไม่หยิบเอาเงินจำนวนนี้ของเพื่อนของหล่อนไป หล่อนหมดหนทางจริง ๆ หล่อนวิงวอนขอให้ ทวน เห็นแก่ความจำเป็นของหล่อน จนถึงกราบลงกับโต๊ะ และว่า หากหล่อนจะต้องจิตตะรางเพราะเรื่องนี้ สามีของหล่อนก็คงต้องได้รับความเสียหายทางราชการไม่น้อยทีเดียว

ฝ่ายเจ้าทุกข์ยืนยันที่จะเอาเงินจำนวนนี้คืนให้ได้ในวันนี้ เพราะความจำเป็นอีกทางหนึ่งเหมือนกัน

มันเป็นคดีที่หากจะทำไปตามเรื่องตามราว ก็ไม่ใช่ของยาก เพียงแต่หยิบกระดาษปากกามาจดบันทึกปากคำผู้ร้องทุกข์และผู้ต้องหาลงไป แล้วก็สอบสวนพยานประกอบอีกเล็กน้อย สรุปสำนวนส่งอัยการไป ผู้ต้องหาผู้นี้ก็จะต้องเข้าตะรางไปตามควรแก่ความผิดที่ได้กระทำไว้ กฎหมายไม่ยอมรับฟังความจำเป็นของการลักทรัพย์ และโดยเฉพาะ มันไม่ใช่ความผิดส่วนตัวอันอาจจะยอมความกันได้ มันเป็นอาญาแผ่นดิน

ทวนรู้ดี เขาอยากจะช่วย แต่เขาจะช่วยได้อย่างไร มันดูออกจะเหนือหน้าที่ของเขาไปสักหน่อย




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2555 23:26:34 น. 1 comments
Counter : 1081 Pageviews.

 
ขอบคุณมาก..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:0:14:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.