จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 47)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 47

หนังสือพิมพ์ 2 ค่าย

ตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจนั้น ไม่น่าที่จะต้องลงไปเล่นการเมือง แต่โดยมากนักการเมืองมักจะเข้ามาให้เล่นเอง เพราะหน้าที่ในการควบคุมนักการเมืองนั่นเอง ที่ทำให้นักการเมืองเข้ามาพัวพันโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็เข้าไปลึกเสียแล้ว

หน้าที่ในการคุมนักการเมืองก็เป็นหน้าที่โดยตรงของตำรวจสันติบาล ผมเองซึ่งต้องรับหน้าที่เต็มประตูทั้งฝ่ายต่างประเทศและฝ่ายภายในประเทศ ก็หลีกเรื่องนี้ไม่พ้น ต้องเข้าไปคลุกคลีกับนักการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายตรงกันข้าม

การวางเส้นสายไว้ในพรรคการเมืองทุก ๆ พรรคนั้น เป็นเรืองที่ต้องกระทำ มิฉะนั้น จะไม่มีทางรู้ตื้นลึกหนาบางของพรรคการเมืองแต่ละพรรค อันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับวิธีการควบคุม

สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งในการเคลื่อนไหวในทางการเมืองก็คือ การกระจายความคิดเห็นและการเรียกร้องค่านิยมจากประชาชน การประกาศอุดมคติของพรรค และการเผยแพร่อุดมคติให้ประชาชนได้ทราบ สิ่งที่จะเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวนี้ก็คือ หนังสือพิมพ์

หนังสือพิมพ์เป็นเครื่องมือในการโฆษณาอันดีเยี่ยมที่จะเข้าไปถึงก้นครัวของแต่ละบ้าน เพราะมันเข้าไปในทุกสถานที่ และมันคงอยู่ได้นานกว่าเครื่องมือในการโฆษณาอย่างอื่น วิทยุ โทรทัศน์นั้น เมื่อหมดเวลาออกอากาศแล้ว ก็หายไปจากความรับรู้ของคนดูคนฟัง แต่หนังสือพิมพ์นั้นแม้จะอ่านแล้ว ก็ยังคงอยู่ในที่เก็บ เอาออกมาอ่านอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ความสำคัญของหนังสือพิมพ์อยู่ที่ตรงนี้

ท่านแม่ทัพรองผู้บัญชาการทหารบก เมื่อถอยไปตั้งหลักใหม่ หลังจากที่ถูกเชิญตัวในวันนั้นแล้ว ท่านก็ตั้งสำนักหนังสือพิมพ์ของท่านขึ้นมาในอีกไม่กี่วันจากนั้น ความคิดนี้คงจะมาจากบุคคลใกล้ชิดให้คำแนะนำ และผู้ที่ให้การแนะนำนั้นก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในวงการหนังสือพิมพ์ด้วย

จุดมุ่งหมายของหนังสือพิมพ์คณะนี้ ก็ต้องอยู่ที่การโฆษณาหาชื่อเสียงให้ กับท่านเจ้าของสำนัก และโจมตีบุคคลที่อยู่คนละฝ่าย และนั่นก็คือฝ่ายท่าน อ.ตร. เผ่า ฯ

หนังสือพิมพ์จึงเกิดขึ้นมาใหม่อีกสองฉบับ
“ สารเสรี ” กับ “ ไทยรายวัน ”

บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สองฉบับนี้คือ ทะนง ศรัทธาทิพย์ ของสารเสรี และ ลมูล อติพยัคฆ์ ของไทยรายวัน

หนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับ เมื่อออกวางตลาดในยุคเริ่มต้น ก็ฟาดหางเอากับกรมตำรวจทันทีในฉบับเบิกโรง นัยว่าเป็นการติเพื่อก่อ แต่เนื้อข่าวนั้นมักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับตำรวจ

นอกจากข่าวประจำหน้าซึ่งเป็นเรื่องหลักของหนังสือพิมพ์ มือที่เอามาบริหารหนังสือพิมพ์สองฉบับนั้น เป็นมืออาชีพชั้นแนวหน้าในวงการหนังสือพิมพ์ เพราะอยู่กับงานวงการนี้มาอย่างชนิดที่เรียกว่า ตัวหมึกจับแน่น

เมื่อหนังสือพิมพ์สองฉบับนี้ออกมาได้ร่วมเดือน ผมก็ถูกเรียกตัวเข้าพบเป็นการด่วนในวันที่ผมควรจะได้พักผ่อน

“ เฮ้ย ” นั่นเป็นคำทักทายก่อนถึงเรื่อง “ กูจะตั้งหนังสือพิมพ์ซักฉบับ พวกกองบรรณาธิการและพวกเดินงานมีพร้อมแล้ว เขาจะเริ่มออกฉบับแรกในวันสองวันนี้ มึงไปดูแลและควบคุมให้ดี อย่าให้มันเล่นอะไรพลิกแพลงกับกู เดี๋ยวมึงไปกับคุณสายเขา เขาจะพามึงไปที่สำนักงาน ”

“ อยู่ที่ไหนครับ ” ผมต้องถาม

“ แถว ๆ วัดตรี ฯ มั๊ง ” ท่านว่า “ กูตั้งชื่อหนังสือพิมพ์ว่า ‘ ชาวไทยรายวัน’ มึงรอเดี๋ยว เดี๋ยวคุณสายเขาก็จะพามึงไป กูเรียกตัวเขามาแล้ว ”

ผมก็ได้หน้าที่ใหม่อีกหน้าที่หนึ่ง ไปทำหนังสือพิมพ์รายวัน

มุ่งหมายก็คงจะเอาไว้สู้ตอบโต้กับหนังสือพิมพ์ ไทยรายวัน และสารเสรี นั้น

หนังสือพิมพ์ ชาวไทย กับหนังสือพิมพ์ สารเสรี และ ไทยรายวัน จึงวาดลวดลายใส่กันทุกวัน เป็นที่ฮือฮาในวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น เพราะต่างก็รู้ว่า หนังสือพิมพ์ฉบับไหนเป็นของใคร รอยแยกระหว่างตำรวจและกองทัพก็เริ่มปริออกกว้างไปอีก

ผมไม่กล้าที่จะยืนยันว่า นี่เป็นการวางหมากของท่านจอมพล ป. อีกหรือเปล่า

โดยปกติแล้ว ท่านอธิบดีเผ่า ฯ นั้นเป็นคนไม่ค่อยจะตอแยกับใคร และไม่ใช่เป็นคนสนใจกับการอ่านหนังสือพิมพ์นัก เรื่องโจมตีกันทางหนังสือพิมพ์ ท่านไม่น่าจะสนใจ เขียนได้เขียนไป กูทำงานของกูก็แล้วกัน ผมจึงสงสัยว่าเป็นความคิดของใครที่ให้ออกหนังสือพิมพ์ชาวไทยรายวันออกมา และการตั้งผม ก็ไม่น่าจะเชื่อว่าท่าน อ.ตร. เผ่า ฯ จะเป็นคนตั้งเอง

ผมไปดูแลหนังสือพิมพ์ชาวไทยรายวัน ซึ่งตั้งอยู่แถว ๆ วัดตรีทศเทพ ย่านบางลำพู ไปมีที่นั่งทำงานที่นั่นอีกแห่งหนึ่ง อยู่นาน ๆ เข้าก็อดที่จะเขียนอะไร ๆ ออกมาไม่ได้

หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นก็เลยมีข้อเขียนในทางการเมืองชนิดถึงลูกถึงคนขึ้นมาในบางวัน ผมใช้นามปากกาในการเขียนบทความนั้น ไม่ขอเปิดเผยในที่นี้ แต่ข้อเขียนของผมไม่ได้มุ่งไปที่ท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ฝ่ายตรงข้ามที่แท้จริง ผมมุ่งไปที่ท่านจอมพล ป. เป็นเป้าหมายใหญ่ จนถูกเรียกเข้าพบอีก เจ้านายถามว่า ใครเป็นคนเขียนบทความที่โจมตีท่านจอมพล ป. ผมบอกว่าผมไม่ทราบ ก็ได้รับคำสั่งให้ไประงับบทความนั้นเสีย ผมก็เลิกเขียน

หนังสือพิมพ์ชาวไทย ขายดี ในสมัยนั้น มือที่ทำงานหนังสือพิมพ์ชาวไทยเป็นนักหนังสือพิมพ์ชั้นดีเหมือนกัน มือชั้นดีพวกนั้นเดี๋ยวนี้ยังทำหนังสือพิมพ์อยู่ในสำนักงานหนังสือพิมพ์ใหญ่ ๆ ต่อมา ผมก็จะไม่เอ่ยชื่อเขาในที่นี่อีก มันผิดจรรยาบรรณ และเขาก็ยังคงให้ความเคารพนับถือผมอยู่ทุกครั้งที่พบกัน

หนังสือพิมพ์ชาวไทย มีคณะหนังสือพิมพ์ใหม่มารับไปทำ เมื่อผมต้องออกไปนอกประเทศ (กันยายน พ.ศ. 2500) ผมกลับมา (พ.ศ. 2512) เขาก็ยังทำกันอยู่ และเขาก็ชวนผมไปแวะเวียนอยู่ที่นั่นบ่อย ๆ ก่อนที่จะเลิกราไปเอง เพราะอะไรก็ไม่ทราบ

สมัยที่ผมไปเยี่ยมเยียนสำนักหนังสือพิมพ์ชาวไทยยุคใหม่นี้ ในตรอกเดียวกัน แต่อยู่ทางแยกตรงข้ามกับชาวไทย มีสำนักงานหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งมาตั้งหลังจาก “ ชาวไทย ” เปิดตัวได้ไม่กี่วัน สำนักหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นชื่อว่า “ ตะวันสยาม ” เจ้าของสำนักหนังสือพิมพ์นั้นชื่อ “ โส ธนะวิสุทธิ์ ”

เจ้าของหนังสือพิมพ์สองฉบับนี้ ผลัดเปลี่ยนกันไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกันแทบทุกวัน ผมก็ได้รู้จักกับเจ้าของ “ ตะวันสยาม ” ในสมัยนั้น เดี๋ยวนี้ก็เลิกไปเหมือนกัน เจ้าของหันมาเล่นการเมืองเสียแล้ว

เรื่องของหนังสือพิมพ์ยังไม่หมด ต่อมาอีกไม่นาน กรมตำรวจก็มีการดำริที่จะออกหนังสือแมกกาซีนรายเดือนขึ้นมาบ้าง ก็ไม่ทราบว่าเป็นความคิดของใคร คงจะไม่ใช่ของท่านอธิบดีแน่ แต่ผู้มีอำนาจสั่งการก็เป็นตัวท่านอธิบดีเองอีก

ขั้นต้น ให้ทางกองวิทยาการเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการ จุดมุ่งหมายก็คงจะให้เป็นการขยายงานให้ตำรวจได้รับรู้เรื่องวิทยาการสมัยใหม่ และให้ประชาชนได้รู้ถึงกิจการของตำรวจไปด้วย เป็นการโฆษณากิจการของตำรวจ และให้เข้าถึงประชาชน หนังสือพิมพ์ “ ชาวไทย ” นั้น ยังไม่เป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่แท้จริง

ตอนนั้น หัวหน้ากองวิทยาการกรมตำรวจ คือ พันตำรวจเอก เยื้อน ประภาวัตร ซึ่งเคยเป็นผู้กำกับการกองตรวจ สมัยต้น ๆ และเป็นนายผมโดยตรง ตอนที่ผมเป็นสารวัตรกองตำรวจใต้อยู่ที่นั่น

ผู้กำกับ ฯ เยื้อน ฯ รับงานมาโดยไม่กล้าโต้แย้ง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน เมื่อรับมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ ท่านก็เรียกผมไปพบ กองวิทยาการอยู่ตึกตรงข้ามกับตึกสันติบาล ในบริเวณเดียวกัน เดินข้ามฟากก็ไปถึง

ผู้กำกับ ฯ เยื้อน ฯ พูดกับผมถึงเรื่องที่โดนเรียกไปไห้รับงานหนังสือแมกกาซีนรายเดือนของกรมตำรวจ ยังไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี และจะทำหนังสือนี้ยังไง ไม่เคยมีความรู้ทางนี้ ทำไมท่านอธิบดีจึงเรียกไปสั่งการเรื่องนี้ก็ไม่รู้ ที่เรียกตัวผมมาพบนี่ ก็เพื่อจะขอความเห็น และถ้าร่วมมือกันด้วยก็จะดี

ผมก็ไม่เคยทำหนังสือพิมพ์มาก่อน เพียงแต่เคยไปดูเขาทำหนังสือพิมพ์ชาวไทยมา ก็ไม่ได้มีความรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรทางนี้นัก ผมก็พูดกับนายเก่าของผมว่า ทำไมถึงไม่ปฏิเสธไป เมื่อไม่รู้งาน

ผู้กำกับ ฯ เยื้อน ฯ บอกว่า “ ผมจะไปปฏิเสธได้ยังไง เรียกไปสั่งตูมลงมา ไม่ได้ถามความเห็นหรือถามว่าผมทำได้ไหม ”

นี่ก็อีกคนที่ปฏิเสธไม่เป็นทั้งๆ ที่ทำไม่เป็น กลัวไปเหมือนกันเมื่ออยู่ต่อหน้า ไปรับงานมาได้ ผมก็บอกว่า ผมเองก็ไม่เคยทำหนังสือพิมพ์อย่างนี้มาก่อน ผู้กำกับ ฯ เยื้อน ฯ ก็บอกว่า ได้ทราบว่าผมเคยไปนั่งที่หนังสือพิมพ์ชาวไทยมา ก็คิดว่าจะทำหนังสืออย่างนี้ได้ ช่วยกันหน่อย

โดนเข้าไม้นี้ ผมก็ต้องรับ เรื่องจะไปพบเจ้านายแล้วขอโยนเรื่องกลับนั้น ไม่ได้เสียแล้ว ไปรับมาเต็มตักอย่างนี้

ผมรับงานนี้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้แค่ไหน และผู้กำกับ ฯ เยื้อน ฯ ท่านไม่ได้คิดจะส่งใครมาช่วยผม ท่านโยนเร่องนี้มาลงตักผมเลยทีเดียว ไม่มายุ่งด้วย ยังกับผมเป็นคนไปรับมาทำเอง

งานของผมก็เต็มหน้าตักอยู่แล้ว ยังจะต้องไปรับงานที่ไม่ใช่งานโดยตรงมาอีก แล้วไอ้งานหนังสือรายเดือนแบบแมกกาซีน มันเหมือนงานหนังสือพิมพ์รายวันเสียเมื่อไหร่ ผมก็ต้องคิดหนัก




 

Create Date : 20 มีนาคม 2553
4 comments
Last Update : 20 มีนาคม 2553 21:47:30 น.
Counter : 1451 Pageviews.

 

God is the way
The Truth
and The Life

when your life need miracal
Ask form him.. Then you will be
impress by its result as I do~!

what is the truth
if u ask me then
I will tell u that
it is GOD

 

โดย: da IP: 203.144.144.165 20 มีนาคม 2553 23:58:21 น.  

 

...คิดอยู่เหมือนกันว่า..ระดับ"อัศวินแหวนเพชร"ทำไมถึงได้เขียนหนังสือสนุกจัง...อ๋อ....เคยอยู่วงการหนังสือมานี่เอง...

ติดตามอ่านตลอด...

ขอบคุณมาก..

 

โดย: ก้นกะลา 21 มีนาคม 2553 0:47:50 น.  

 

นั้นนะซิผมเพิ่มรู้วันนี้นี่เอง

 

โดย: ศรชัย IP: 112.142.62.226 21 มีนาคม 2553 7:24:44 น.  

 

คุณพ่อเขียนหนังสือแบบสบาย ๆ ไม่ได้มีศัพท์แสงหรูหราอะไร ใช้ภาษาง่าย ๆ

เคยถามท่านว่า เขียนหนังสือแบบไหนดี ท่านก็เคยตอบว่า " เขียนอย่างที่คิดนะแหละ "
เป็นคำตอบที่ฟังดูง่าย แต่พอเราไปเข้าอบรมการเขียนมาบ้าง ก็ได้รับคำแนะนำว่า ควรซื้อหนังสือ คลังคำศัพท์ มาไว้ครอบครอง
ดูเหมือน บ.ก. ต่าง ๆ ชอบผู้เขียนที่มีคำศัพท์สระสรวยมากกว่าภาษาไทยที่ง่าย ๆ

เราเลยไม่กล้าเขียนอะไรจริงจัง เพราะไม่มีคำสวย ๆ ในคลังคำของตัวเองเลย (เพราะภาษาไทยแค่ ป. 6 เท่านั้น)



 

โดย: ธารน้อย 23 มีนาคม 2553 1:28:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.