ชัยชนะและความผ่ายแพ้ของ " บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย " (ตอนที่ 1)
ชัยชนะและความผ่ายแพ้ของ " บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย " โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 1
เกริ่นนำ
เรื่อง ชัยชนะและความพ่ายแพ้ ของ บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย นี้ เป็นเหตุการณ์ในอดีต ชีวิตการต่อสู้ และแนวนโยบายทางการเมืองของ พล ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดี กรมตำรวจ
เรา ๆ ท่าน ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป อาจจะพอรู้เรื่องบ้างในบางกรณี ผู้ที่มีวัยต่ำกว่า 50 ปีลงมา อาจจะไม่ได้รู้เรื่องราว และสิ่งที่น่าถือได้ว่า เป็นประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งในทางการเมือง และการต่อสู้ของ บุคคลชั้นนำ ซึ่งได้สมญานามว่า บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย
เรื่องราวต่าง ๆ ที่ยังเคลือบแคลงในสมัยที่ท่านอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พล ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ยังเรืองอำนาจ ได้ถูกรวบรวมไว้เป็นประวัติศาสตร์โดยอัศวินคู่ใจของท่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดและได้คลุกคลีกับท่านมากที่สุด คือ พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมามากที่สุด
ท่านผู้เขียนไปวายชนม์ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2541 ด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 79 ปี ความจริงต่าง ๆ เท่าที่ผู้เขียนสามารถเปิดเผยได้นี้ เป็นเรื่องเดียวที่ อัศวินแหวนเพชร ท่านนี้ได้เขียนไว้ยาวที่สุดในชีวิตของท่าน รวบรวมเหตุการณ์ช่วงที่ท่านผู้เขียนได้ทำงานและใช้ชีวิตอย่างใกล้ชิดกับ บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย รวมกว่า 13 ปี
ท่านผู้เขียนเองนั้น กังวลว่า บางเรื่องบางตอนอาจไปกระทบกระเทือนคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ เขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่อยู่แล้ว แต่ทายาทยังอยู่
อย่างไรก็ตาม ท่านก็คิดตกว่า ในเมื่อเป็นเรื่องจริง เหตุการณ์จริง และเป็นประวัติศาสตร์ที่สมควรจะให้ชนรุ่นหลังได้รับทราบเป็นข้อมูลไว้ ท่านจึงได้ตกลงใจเขียนขึ้น เมื่อประมาณอายุได้ 70 ปี ในขณะที่ความจำยังดีเยี่ยมอยู่
ทายาทผู้เขียน มกราคม 2553
คำนำ ของผู้เขียน
ชื่อเรื่องที่พาดหัวไว้ข้างต้นนี้ เป็นชื่อที่บุคคลคณะหนึ่งตั้งขึ้นไว้แล้ว พกชื่อเรื่องนี้มาหาผมถึงบ้านโดยติดต่อนัดหมายมาอย่างกะทันหัน แล้วก็มาขอร้องแกมบังคับให้ผมเขียนรายละเอียดของเรื่องตามชื่อเรื่องที่เขาพกมาส่งให้นั้น ให้ได้ข้อความที่จะพิมพ์หนังสือออกมาเป็นเล่มขนาดใหญ่ ไม่น้อยกว่าห้าร้อยหน้า ในหน้ากระดาษ พิมพ์แปดหน้ายก เขาจะจัดการพิมพ์เป็นหนังสือหุ้มด้วยปกกระดาษแข็ง ให้เวลาผมเขียนไม่เกินหนึ่งปี
ผมรับข้อเสนอของเขาไว้ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เขาบอกด้วยอีกว่า เขาเห็นว่าไม่มีใครที่จะเขียนเรื่องนี้ได้นอกจากผม และผมคนเดียว
ทำไมต้องเป็นผมคนเดียว ผมไม่เข้าใจ
ผมรับปากเขาทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจ ก็ไม่เข้าใจอีกแหละว่า ทำไมถึงได้รับปากเขาไปง่าย ๆ อย่างนั้น เพียงแต่บอกตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ยังคิดไม่ตกว่าจะทำได้หรือไม่ ให้รับปากไปเถอะ ผมก็รับไป เขาก็กลับไปทันทีเมื่อได้ยินผมรับปาก เขารีบกลับ อาจจะเพราะกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจก็อาจจะเป็นได้
ทีนี้ ผมก็มานั่งคิดว่า รับปากเขาไปแล้วจะทำได้หรือเปล่า ก็ต้องมานั่งคิดอีกด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ที่ต้องคิดก็เพราะ
1. ผมไม่เคยเขียนอะไรที่มีความยาวอย่างนั้น
2. เรื่องที่เขากำหนดให้ผมเขียนนี้ ที่เขาว่า ผมคนเดียวเท่านั้นที่จะเขียนได้ จริงหรือ ? ถ้าหากมีคนอื่นที่เขาเขียนได้ดีกว่าผม เขามาอ่านเข้า แล้วว่า ผมเขียนไม่เข้าท่า ผมจะทำยังไง
3. หัวข้อที่เขากำหนดมาให้ผมเขียนมันมีด้วยกันหลายข้อ ซึ่งผมอ่านดูแล้ว มันเป็นหัวข้อที่น่าเขียนก็ใช่ แต่บางหัวข้อมันก็ไม่น่าเขียน เพราะมันอาจจะกระทบกระเทือนถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือถึงแม้คน ๆ นั้นได้เสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่ทายาทหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขายังอยู่ และข้อเขียนบางตอนไปกระทบกระเทือนเขาเข้า ผมก็จะตกเป็นบุคคลที่เขาจัดไว้เป็นศัตรูไปโดยไม่รู้ตัว
4. ข้อเขียนบางตอนอาจจะเป็นการยกตัวผมเองไปด้วยโดยบังเอิญ ซึ่งผมไม่เคยคิดจะทำ
5. ประวัติชีวิตของท่านอดีตอธิบดีเผ่านั้น ผมไม่รู้รายละเอียดมากนัก นอกจากชั่วระยะเวลาที่ผมได้เข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับท่าน เพียง 13 ปีกว่า ๆ เท่านั้น ผมจะเอาอะไรมาเขียนให้ได้ความยาวถึงขนาดนั้น มิต้องต่อเติมใส่ฝอยกันใหญ่หรือ
6. และ 7. และอีกร้อยแปดปัญหาซึ่งจะตามมา จาระไนไม่หมด ผมจะแก้ยังไง ฯลฯ
ที่ละเอาไว้นั้น ยังคิดไม่ตกว่า จะมีปัญหาอะไรอีก
คิดยังไง ๆ ก็คิดไม่ตก ผมก็เลยรับปากเขาไปว่าจะเขียน ใจมันลั่นให้ปากตอบออกไปเอง ทั้ง ๆ ที่สมองยังไม่สั่ง
ก็ไม่ทราบอีกแหละว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ใจอยากเขียนอยู่แล้วก็เป็นได้ อะไรจะเกิดขึ้น ช่างมัน
ผมเคยอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับท่านอดีต อ.ตร. เผ่า ฯ ที่มีผู้อื่นเขียนไว้บ้างแล้ว ถ้าผมจะมาเขียนเรื่องที่เกี่ยวกับตัวท่านอยางนี้อีก มันก็อาจจะมีอะไร ๆ ที่ไม่เหมือนกับที่คนอื่นเขาเขียนไว้แล้วนั้น ผู้อ่านจะคิดยังไง จะเชื่อข้อเขียนของใครดี
เรื่องนี้ก็เห็นจะต้องให้คิดเอาเอง แนะนำไม่ได้
ผมมีเพื่อนและคนรู้จัก ทั้งสนิทสนมและไม่สนิทสนมหลายคน เขาเหล่านั้นพูดกันว่า ผมเป็นคนที่เข้าใจยาก ก็เห็นจะจริง ตัวผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวผม บางครั้งจะว่าง่ายก็ง่าย ถึงคราวยากก็ยากชนิดที่เขาพากันสั่นหัว ก็ผมเองยังไม่รู้จักตัวผม แล้วใครจะมารู้จักผม มันน่าหมั่นไส้ยังงี้แหละ
ก็ไม่ใช่เพราะเป็นคนส่งเดชยังงี้หรือจึงต้องระเห็จออกไปทัศนาจรโดยไม่ตั้งใจนอกประเทศเสีย 12 ปีเต็ม ๆ พาเอาลูกเมียต้องระเหเร่ร่อนไปด้วยกัน
ที่รับปากเขาไปว่าจะเขียนก็ไอ้นิสัยส่งเดชยังงี้แหละ
ฉะนั้น หากข้อเขียนต่อไปนี้ไปขัดใจใครเข้า หรือมันไม่เข้าท่า หรือไปกระทบกระเทือนท่านผู้ใดเข้าบ้าง ก็คิดเสียว่าเป็นข้อเขียนของคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ให้อภัยไปเสียก็แล้วกัน
อารัมภบทมายืดยาวพอสมควรแล้ว เชิญพลิกไปอ่านเนื้อแท้ของเรื่องได้ครับ พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ พ.ศ. 2528
Create Date : 09 มกราคม 2553 |
Last Update : 9 มกราคม 2553 0:11:18 น. |
|
8 comments
|
Counter : 2145 Pageviews. |
|
|
|