Bloggang.com : ธารน้อย : ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 32)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 32)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 32

เผ่า เป็น อ.ตร.

เจ้านายเรียกประชุมมือปืนที่ติดตามประจำ ซึ่งตอนนั้นมีอยู่สี่คน ประกาศลั่นวาจาออกมาว่า

“ กูเห็นจะต้องเป็นอธิบดีเองเสียทีแล้ว จะได้สั่งการอะไรก็ได้เต็มที่ ไม่ต้องให้คนอื่นเขามารับผิดชอบในคำสั่งของกู กบฏคราวนี้ กูก็หนักใจในเรื่องสั่งการอยู่ เพราะไปก้าวก่ายอำนาจอธิบดีตัวจริงเขา ทำให้เขาต้องออกมารับผิดชอบในเรื่องของกู พวกมึงเห็นเป็นยังไง ”

ก็จะให้เห็นเป็นอย่างอื่นได้ยังไง ทั้งสี่คนก็นั่งนิ่งเป็นทีว่าเห็นด้วย

“ เอาละ ถ้างั้น กูจะให้รัฐมนตรีมหาดไทยท่านสั่งการในเรื่องนี้ ”

ตอนนั้น อธิบดีกรมตำรวจคือ พลตำรวจเอก หลวงชาติตระการโกศล ซึ่งเมื่อขณะเกิดเรื่อง ท่านก็มาที่วังปารุสกวันเหมือนกัน แต่ท่านก็ได้แต่เดินเดินมา ดูการสั่งงานของท่านรองอธิบดีเผ่า ฯ ท่านก็ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไร จริงอย่างที่รองอ.ตร. เผ่าว่า เพียงแต่แสดงตัวให้เห็นว่า ท่านก็เป็นห่วงเป็นใยในสถานการณ์เหมือนกัน

ท่านรองอธิบดี เผ่า ก็ขึ้นเป็นอธิบดีกรมตำรวจเอง ในยศ พลตำรวจเอก หลังจากนั้นไม่กี่วัน ส่วนท่านพลตำรวจเอก หลวงชาติตระการโกศล ก็ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร

เมื่อขึ้นนั่งแป้นอธิบดีกรมตำรวจเต็มตัวแล้ว ท่านพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ก็เริ่มเดินเครื่องปรับปรุงงานของกรมตำรวจทันที เหตุการณ์ทางการเมืองไม่มีอะไรเป็นที่น่าห่วงใย ศัตรูทางการเมืองก็หมดไปแล้ว ถึงจะมีอยู่บ้างก็เป็นพวก กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งไม่มีความสำคัญอะไร

นาวาตรี มนัส จารุภา หลบหนีไปกับนาวาโท อานนท์ ตามข่าวสืบมาว่า ไปหลบอยู่แถวพม่า ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจตระเวนชายแดนด้านนั้นต้องจับตามองดู เข้ามาเมื่อไหร่ก็โดนแน่นอน ความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสองไม่มีปรากฏ ลี้ภัยอยู่อย่างสงบ

กิจการของตำรวจเฟื้องฟูขึ้นในตอนนั้น เพราะตัวอธิบดีที่แท้จริงได้ขึ้นมาว่าการเอง แล้วเริ่มสร้างเสริมกรม ฯ โดยไม่ต้องเกรงใจใคร

เรื่องของกรมตำรวจนี้ ถ้าผู้มีอำนาจเข้ามาปรับปรุงเองแล้ว งานก็เดินรุดหน้า เพราะการเดินหน้าก็ต้องมีเงิน งานตำรวจเป็นงานร้อยแปด ต้องรับผิดชอบในเรื่องความสงบภาย ถ้าขาดเงินเสียอย่าง งานก็ไม่เดิน งานราชการลับอันเกี่ยวกับการสืบสวนทางการเมืองทั้งในและนอกประเทศนั้น เป็นงานที่ต้องใช้เงิน ทั้งทางเครื่องมือและกำลังคน ของพวกนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น

การโยกย้ายวางตัวนายตำรวจในตำแหน่งสำคัญ ๆ ที่จุดต่าง ๆ ก็ต้องเอาคนที่ไว้ใจได้และคล่องงานไปไว้ในจุดเหล่านั้น ซึ่งเป็นเสมือนจุดสำคัญของกรมตำรวจ ถ้าเอาคนที่ไม่วางใจไม่ได้และไม่คล่อง งานมันก็ไม่เดิน หรือไม่ก็เดินไปในทิศทางที่เป๋ไป๋

งานตำรวจนั้นเป็นงานที่ไหวตัวได้ทุกทิศทาง ยิ่งงานราชการลับยิ่งดิ้นได้ง่าย ถ้าไม่ได้คนที่ไว้วางใจมาทำ ก็ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบข่าวและผลงาน ชนิดไม่ต้องทำอะไรกัน มันเป็นงานที่เรียกได้ว่าเป็นงานเทคนิคของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบงานนั้น ๆ
ตัวอธิบดีเองก็อาจไม่มีความรู้ทางเทคนิคของงานหน่วยนั้น จะทราบก็แต่รายงานที่ส่งขึ้นมา การตรวจสอบจะไปทำที่ไหน และเวลาที่จะทำการตรวจสอบก็จะเอามาจากไหน เมื่อต้องคุมอยู่ทั่วทั้งกรม ที่มีหน่วยงานร้อยแปด

เมื่อได้วางแผนร่วมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของกรม ฯ ซึ่งเป็นผู้คุมหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว ก็มีการวางตัวหัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วย
งานนี้ ท่านอธิบดีได้ช่วยเหลือวางแผนให้ คือ ท่านพลตำรวจโท หลวงโชติชนาภิบาล รองอธิบดีตำรวจฝ่ายปกครอง ซึ่งท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาตำรวจแก่นักเรียนนายร้อยมานานหลายรุ่น ทั้งรุ่นเก่าแก่ที่นครปฐมและโรงเรียนนายร้อย จปร.

ท่านผู้นี้มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มกรมตำรวจ การวางแผนและวางตัวคนจึงรู้จักทั้งงานและคนอย่างเหมาะสม ท่านรู้จักลูกศิษย์ของท่านและจำได้แม้แต่ความประพฤติของลูกศิษย์คนนั้นสมัยเป็นนักเรียนได้อย่างแม่นยำทุกคนเสียด้วย แสดงว่าท่านเอาใจใส่ในลูกศิษย์ของท่านทุกคนอย่างไม่มีให้เล็ดลอดสายตาตลอดเวลาที่เป็นอาจารย์สอนมา
ขนาดนักเรียนนั่งสับหงกหลับขณะที่ท่านกำลังสอน ท่านก็ขวางด้วยแปรงลบกระดาน ออกมารับราชการ ท่านก็ยังจำได้ว่าไอ้คนไหนที่เคยถูกขว้าง

ท่านอธิบดีเผ่า ฯ ได้ท่านผู้นี้มาวางแผนและตัวคนตามตำแหน่งอย่างเหมาะเจาะ เป็นที่เบาใจไปได้เปราะหนึ่ง ส่วนพวกผมนั้นก็ต้องเข้าประจำทุกจุดควบคุม ทั้งนครบาลปละสันติบาล ยศพันตำรวจตรีที่ผมได้รับหลังจากการปราบขบถนั้น ตำแหน่งก็ยังคงเป็น สารวัตรอยู่ที่กองตรวจนครบาลอย่างเดิม

พรรคพวกดั้งเดิมของผมก็ยังคงนั่งประจำอยู่ที่กองตรวจอย่างเก่า เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏแมนฮัตตันแล้ว พอได้ยศพันตำรวจตรีแล้ว ที่นั่งสารวัตรมันก็อยู่ไม่ได้ สมัยนั้นยศพันตำรวจตรีก็ต้องไปเป็นผู้กำกับการ แต่ยังก่อน ผมเล่าข้ามไปหน่อย ยศพันตำรวจตรีที่ผมได้รับนั้น ผมได้รับเมื่อกลับมาจากภารกิจอันสำคัญยิ่งอันหนึ่ง

หลังจากการปราบปรามกบฏแมนฮัตตันราบคาบลงแล้วนั้น คณะรัฐบาลก็ได้ประชุมเห็นควรที่จะได้กราบถวายบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตพระนคร เพื่อเป็นมิ่งขวัญของปวงประชาเสียที ขณะนั้น ในหลวงยังทรงรับการศึกษาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ หลังจากที่ได้เสด็จ ฯ กลับมาทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อครองราชย์ใหม่ ๆ แล้ว ก็เสด็จ ฯ กลับไปทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์อีก โดยประทับที่พระตำหนัก ณ เมืองโลซานน์ และพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ได้ประสูติที่นั่น

Create Date : 01 มีนาคม 2553

Last Update : 1 มีนาคม 2553 22:12:56 น.

0 comments

Counter : 1243 Pageviews.