จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
18 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
บารมีพระมากล้น รำพัน

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ผมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเวลานานถึงหลายสิบปีมาแล้ว ไม่กล้านำออกมาเขียน เพราะเกรงไปว่า จะเป็นการล่วงเกินใต้ฝ่าละองธุลีพระบาท

ผมเก็บเอาความชื่นอกชื่นใจอันนี้ไว้เงียบ ๆ แต่ผู้เดียวเป็นเวลานาน เมื่อผมได้อ่านข้อเขียนของคุณ วิลาศ มณีวัต ในหนังสือ ต่วย’ตูน ฉบับครบรอบ ๑๑ ปี เขียนถึงพระราชจริยาวัตรอันเป็นที่ชื่นชมของพสกนิกรทั่วไป ผมก็คิดว่า เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ก็เป็นพระราชจริยาวัตรอีกตอนหนึ่ง ที่ผมได้มีโอกาสประสบมาในช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของผม ซึ่งผมถือเป็นศิริมงคลแก่ตัวผมตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้ ก็น่าที่จะนำออกมาเขียนให้ท่านผู้เป็นแฟนของผมได้อ่านกันบ้าง

ในระหว่างที่ผมยังอยู่ในราชการ ผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายตำรวจประจำราชสำนักด้วยคนหนึ่ง และทางรัฐบาลได้ส่งผมกับเพื่อนตำรวจอีกสามนาย รวมเป็นสี่ ให้ไปถวายความอารักขาแด่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์ใหญ่ ในการเสด็จนิวัติพระนครทางเรือ เพราะขณะนั้น เจ้าฟ้าหญิงองค์ใหญ่ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ ฯ ยังทรงพระเยาว์อยู่ จะเสด็จ ฯ ทางเครื่องบินไม่สะดวก

รัฐบาลได้สั่งการให้กรมตำรวจดำเนินการเรื่องนี้ อธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้นคือ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ จึงหอบเอาพวกผมสี่คน คือ พันศักดิ์ วิชิต อรรณพ และผม ซึ่งตอนนั้นมียศเป็นร้อยตำรวจเอกเท่า ๆ กัน เดินทางไปที่สวิตเซอร์แลนด์ และไปเข้าเฝ้าที่พระตำหนัก ณ เมืองโลซานน์ เป็นการแนะนำตัวให้ทรงทราบ

พวกผมจะต้องตามเสด็จ ฯ ตั้งแต่สถานีรถไฟโลซานน์ ไปจนถึงนครเจนัวในอิตาลี ที่นั่น บริษัทอี๊สต์เอเชียติก จะจัดเรือพระที่นั่ง เชิญเสด็จ น มาจนถึงประเทศไทยพร้อมทั้งข้าราชบริพาร

ท่านอธิบดี เผ่า ฯ ได้นำพวกผมเข้าเฝ้าในวันที่ไปถึงโลซานน์ เป็นการแนะนำตัว แล้วก็ทิ้งพวกผมไว้ที่นั่น เพื่อให้ตามเสด็จ ฯ ด้วยขบวนรถไฟจากโลซานน์ มา เจนัว ในอิตาลี ท่านอธิบดีเผ่า ฯ เอาตัวพันศักดิ์ติดไปด้วย เพื่อที่จะไปเดินทางต่อไปประเทศอื่น ทิ้งไว้เพียงสามคน และสั่งการให้ พันตำรวจตรี พจน์ เภกะนันท์ ซึ่งสำเร็จการศึกษาวิชาการที่อังกฤษ ให้ไปสมทบกระบวนที่ท่าเรือเจนัว แล้วเข้าสบทบกับพวกผมสามคนที่นั่น เป็นคนที่สี่ ติดตามถวายความอารักขาต่อไปจนถึงเมืองไทย

ขบวนการถวายความอารักขารวมพลพร้อมแล้ว เมื่อถึงเวลา ตามหมายกำหนดการ ก็ตามเสด็จ ฯ ทางรถไป รอนแรมจากโลซานน์มาจนถึงท่าเรือเจนัว แล้วก็ลงเรือพร้อมกับข้าราชบริพาร ที่ติดตามเสด็จ ฯ ที่นั่น

พวกตำรวจถูกจัดให้นอนในห้องพักพยาบาลในเรือ เป็นเตียงนอนชั้น ๆ จัดไว้สำหรับเป็นเตียงพยาบาล มีสี่เตียงพอดี ชั้นล่างแถวละสอง ชั้นบนอีกแถวละสอง ที่นอนสบายดี เลือกกันเอาว่าใครที่คิดว่า ตัวนอนดิ้นก็ให้นอนชั้นล่าง เดี๋ยวเกิดดิ้นลงเตียงลงมาขาดกำลังไปเสียเปล่า ๆ

การรับประทานอาหารก็เป็นเวลา ทั้งเช้า กลางวัน และมื้อเย็น ทางเรือจัดโต๊ะเสวยไว้เป็นพิเศษ มีข้าราชบริพารฝ่ายในและที่ใกล้ชิด ร่วมโต๊ะเสวย นอกนั้นก็เป็นโต๊ะข้าราชบริพารติดตาม ส่วนโต๊ะตำรวจอารักขานั้นจัดให้โต๊ะหนึ่งสำหรับสี่คน ตรงปากประตูทางเข้าห้องอาหาร ไม่รวมกับใคร

หมายกำหนดในการเดินทางครั้งนี้ จะต้องใช้เวลาถึง ๒๘ วันจึงจะเข้าน่านน้ำไทย ไม่แวะที่ไหน นอกจากที่สิงค์โปร์ เพราะทางนั้นกราบบังคมทูลเชิญไว้

๒๘ วันและคืน ที่ได้เห็นแต่น้ำกับฟ้า คิดดูเอาเองก็แล้วกัน แต่เราก็ภูมิใจกับงานถวายความอารักขานี้ด้วยความจงรักภักดี

เรื่องพระอารมณ์ขันของพระองค์ ระหว่างที่ประทับรอนแรมมาในเรือนั้น มีมากมายหลายเรื่อง ซึ่งผมคิดว่าคงจะไม่ได้มีผู้ใดประสบมา และยังไม่มีใครนำมาเขียน เมื่อมีผู้เขียนแล้ว ผมก็จะเขียนให้อ่านกันเป็นการประดับความรู้ และเทิดพระเกียรติของพระองค์ท่านทั้งสองว่า ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นที่น่าเทิดทูน และทรงมีพระบารมีสูงส่งเพียงใด

ในเรือ เมื่อมีแต่ความเงียบเหงา ก็ต้องคิดหาทางที่จะทำลายความเงียบเหงา

แรก ๆ พวกข้าราชบริพารและผู้ติดตามยังไม่ค่อยคุ้นเคยกัน พออยู่ ๆ ไปนานวันเข้า ก็ค่อย ๆ พูดจาสังสรรค์กันบ้าง จนชักจะค่อย ๆ สนิทสนมกัน จับกลุ่มคุยกัน โดยเฉพาะเวลาหลังอาหารเย็น จะเข้านอนแต่หัวค่ำอย่างตอนแรก ๆ ก็จะเสียอาการทางจิตมากไป

ในเรือเขามีห้องนั่งเล่น ใช้สำหรับพักผ่อนหลังอาหาร หรือยามว่าง ในห้องมีเปียโนอยู่หลังหนึ่ง มีกล่องแจ๊สอยู่ครบชุดหนึ่ง

เย็นวันหนึ่ง เสร็จจากอาหารเย็นแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไป บางคนเข้าห้องนอน บางคนก็ไปนั่งทางท้ายเรือ ซึ่งมียกพื้นขนาดใหญ่พอสมควรไว้ให้นั่งได้ รับลมเย็น ส่วนผมนั้น เห็นมันเงียบ ๆ ดี ในหลวงท่านก็เสด็จเข้าพระที่แล้ว ผมก็เข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีเปียโนในนั้น ผมมันเป็นนักดนตรีอยู่บ้าง โดยเฉพาะเปียโนนั้น เคยแย่งพี่สาวเขาเล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอเห็นมันเข้าก็อดไม่ได้ จึงเข้าไปในห้องนั้น นั่งเคาะเปียโนเล่นเป็นเพลงไทย ๆ ฟังคนเดียว ออกลูกไม้แพรวพราวยังไงก็ได้ สนุกมือ เสียงก็ไม่ดังออกไปข้างนอกเท่าไร คงไม่หนวกหูคนอื่น

ผมกำลังเล่นของผมมัน ๆ อยู่เบา ๆ คนเดียว ก็เกิดความรู้สึกว่า ผมไม่ได้อยู่ในห้องนั้นคนเดียวเสียแล้ว ความรู้สึกมันบอกตัวเองว่า มีใครอย่างน้อยคนหนึ่งอยู่ในห้องด้วย ผมก็หันหลังมามองดูทั้ง ๆ ที่มือยังอยู่ที่คีร์

บุคคลที่ผมเห็นกำลังนั่งฟังเพลงของผมอยู่บนเก้าอี่ยาวนั้นคือ องค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ผมไม่ทราบว่าทรงเข้ามาเงียบ ๆ เมื่อไร ผมก็ลงจากม้านั่งเล่นเปียโน ลงมาถวายบังคม จะกลับออกไป

“ อ้าว จะไปไหนล่ะ ” สมเด็จรับสั่ง “ เล่นต่อไปซี ฉันอยากฟัง เดินผ่านมา ได้ยินเสียงแว่ว ๆ เลยเข้ามาฟังให้ชัด ๆ เล่นต่อไปซิ ”

ใครจะไปเล่นได้ มือไม้มันก็สั่นไปหมด ให้ผมไปยิงกับผู้ร้ายยังง่ายกว่า ครั้นจะออกไป ก็จะเป็นการขัดพระราชเสาวณีย์ ต้องลงนั่งคลำเปียโนต่อไป ที่ว่าคลำนั้น ผมคลำจริง ๆ จิ้มผิดจิ้มถูก ไม่เป็นเพลงไปเลย ไม่เคยแสดงต่อหน้าพระที่นั่งยังงี้ สมเด็จ ฯ อาจทรงเห็นว่าผมชักจะเลอะ ก็เลยเสด็จ ฯ ออกไปนอกห้อง ผมก็รีบเข้าห้องนอนไปเลย

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เฝ้าสมเด็จ ฯ โดยไม่รู้ตัว ในเรือ

ระหว่างที่อยู่ในเรือ พวกเราต้องจัดยามผลัดเปลี่ยนกันสี่ผลัด ไปบืนเฝ้าที่หน้าต่างห้องบรรทม เพราะทรงเปฺดช่องลมที่ตรงนั้นไว้เพื่อรับลม ดีไม่ดี อาจจะมีใครเล่นพิเรนเอาอะไรหยอดเข้าไปก็ได้ ผู้คนในเรือไม่ได้มีเฉพาะแต่ข้าราชบริพารและพวกเราเท่านั้น ยังมีลูกเรืออีกหลายคน และคนพวกนั้นไม่ใช่คนชั้นที่จะวางใจได้ เป็นพวกฝรั่งบ้าง เจ๊กบ้าง ไม่รู้ว่ามาจากไหน เราก็ต้องคอยอยู่ยามที่ใต้ช่องหน้าต่างของห้องบรรทมตลอดทั้งคืน โดยผลัดเปลี่ยนกันเวรละสามชั่วโมงถ้าทรงเข้าห้องบรรทมแต่หัวค่ำ ถ้าดึกหน่อยเราก็จัดแบ่งเวลากันเอง ไม่ให้ขาดการถวายอารักขาได้ ทางราชการแจกปืนพกให้ประจำตัวคนละกระบอก กระสุนพร้อมอยู่แล้ว ตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองไทย เรื่องอาวุธนี้ ขณะอยู่ในต่างประเทศ ไม่มีปัญหา เพราะทางราชการได้ติดต่อขอกันไว้เรียบร้อยแล้วเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากประเทศต่าง ๆ ที่ต้องผ่านไปด้วยดี

วันหนึ่ง จะยังไงก็ไม่ทราบ ในหลวงทรงเยี่ยมพระแกรบานนั้นออกมา เห็นพวกเรายืนเฝ้าอยู่ก็ทรงตรัสใล่ ไล่ให้เราไปนอนเสีย ไม่ต้องห่วงพระองค์เรื่องนี้

ตกเย็น พวกเราที่เป็นทางดนตรีอยู่บ้าง ก็มานั่งเล่นอยู่ที่ท้ายเรือ ใครก็ไม่ทราบ จำไม่ได้เสียแล้ว มีกีตาร์ไปด้วย ก็เอากีตาร์ออกมาเล่นที่ท้ายเรือ บนยกพื้นที่เป็นที่นั่งเล่นได้กว้างขวางพอสมควร

แรก ๆ ก็มีคนสองคน ต่อไปเกิดมีแอคคอร์เดี้ยน ของใครก็จำไม่ได้อีก ออกมาเล่นผสมโรงด้วย วงดนตรีท้ายเรือก็ชักจะคึกคักขึ้น ผมพอเล่นแอคคอร์เดี้ยนได้ อีกคนก็เป็นกีตาร์พอใช้ได้ ก็เลยได้วงดนตรีย่อย ๆ ขึ้น โดยมีผมเป็นมือแอคคอร์เดี้ยน อีกคนเป็นมือกีตาร์

ทีนี้พอตกเย็นก็เกิดวงดนตรีขึ้นที่ท้ายเรือเป็นเรื่องเป็นราว มีนักร้องสมัครเล่นมาช่วยร้องให้เป็นที่ครึกครื้นอีก ความเงียบเหงาก็หายไป แทนที่จะนั่งมองแต่น้ำกับฟ้า ก็ได้มีความบันเทิงเกิดขึ้นด้วยเสียงเพลงยามเย็น กว่าจะแยกย้ายกันไปนอนก็ชักจะดึกเข้าแต่ละคืน ก็เรื่องดนตรีนี้ ยิ่งเล่นก็ยิ่งมัน และยิ่งถูกใจกันด้วยแล้ว ก็เลิกยาก

วันหนึ่ง เสร็จจากอาหารมื้อเย็นแล้ว วงดนตรีก็มารวมกันอย่างเคยที่เดิม ผมนั่งบนยกพื้นที่ว่า เอนหลังพิงฝากั้นยกพื้น ขยับแอคคอร์เดี้ยน อยู่กับมือกีตาร์ กำลังเพลิน ๆ ดี ก็มีสียงแครลิเนตดังเสียงหวานอยู่ข้างหลังผมในเพลงเดียวกัน ผมหันไปมองทางเสียงนั้น พอเห็นว่าเป็นใคร แอคคอร์เดี้ยนแทบหลุดจากมือ

ในหลวงกำลังทรงแครลิเนตอยู่ข้าง ๆ ผม ไหล่แทบจะชิดกัน ทรงเสด็จ ฯ มาเงียบ ๆ ไม่รู้ตัว

ผมต้องทิ้งตัวลงมาเบื้องล่างของยกพื้น ก้มลงถวายบังคม วางแอคคอร์เดี้ยนที่อุ้มอยู่ลง ไม่รู้ว่าได้เสด็จ ฯ มาประทับข้าง ๆ เมื่อไร กำลังเพลินเพลง

ในหลวงรับสั่งให้ขึ้นมานั่งอย่างเดิม แล้วเล่นเพลงต่อไป ผมไม่กล้าลุกขึ้นไปนั่งอย่างเดิมตรมรับสั่ง ขอนั่งเล่นอยู่กับพื้นยังงั้นดีกว่า แต่รับสั่งว่า นี่เป็นคำสั่งของฉัน ผมก็ต้องจำใจลุกไปนั่ง แต่ก็นั่งหมิ่น ๆ ให้ห่างจากพระองค์พอสมควร

จากนั้นเป็นต้นมา ทุก ๆ เย็นก็จะมีวงดนตรีท้ายเรือ โดยในหลวงทรงแครลิเนตร่วมวงด้วย แรก ๆ ก็ยังประหม่า พอนานวันเข้าก็ค่อย ๆ บังคับใจได้ เพราะเป็นพระราชประสงค์อย่างนั้น ในเรือก็หายเหงาไป มีวงดนตรีบรรเลงทุกเย็นเป็นที่ครื้นเครง พวกข้าราชบริพารที่ร้องเพลงเป็นก็เข้ามาร่วมวงด้วย กลายเป็นดนตรีวงใหญ่ไป

นาน ๆ เข้าก็ย้ายเข้าไปในห้องนั่งเล่น เพราะในห้องนั้นมีเปียโนและกลองชุดอยู่ครบ พอที่จะบรรเลงได้ครบเครื่องเป็นเรื่องเป็นราว ผมนั้นเล่นกลองก็ได้ เปียโนก็ได้ แอคคอร์เดี้ยนก็พอไปไหว ก็เลยเป็นตัวสลับไป เครื่องมืออันไหนขาดก็เข้าไปแทน กีตาร์ก็พอจะถูไถไปได้ เล่นคอร์ดตาม ๆ ไปยังพอไหว เสร็จอาหารเย็นก็มาชุมนุมกันในห้องนั่งเล่นนี้เป็นประจำ ใครถนัดทางลีลาศก็พอออกเต้นกันได้ ในเรือ มีข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ ฯ มาเป็นคู่ ๆ ก็มี คู่ใครคู่ใครก็ออกมาเต้นรำตามเสียงเพลง นักดนตรีเท่านั้นที่ไม่ได้เต้น เล่นให้เขาเต้นกันก็สนุกแล้ว

ในหลวงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานความสนิทสนมให้วันละน้อย เมื่อเห็นว่าพวกเราไม่ลืมตัว และรู้จักวางตัวไม่ให้เกินเลย ด้วยความจงรักภักดี บางวันก็ทรงชวนเล่นโปกเกอร์เป็นการสลับฉาก พวกที่ร่วมวงก็เป็นตำรวจทั้งสี่คน และข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดพระองค์อีกคนหนึ่ง รวมเป็นหกพอดี แล้วก็พระราชทานเงินให้คนละสิบปอนด์ให้เป็นทุนเล่น ยังงี้ก็มีใครปฏิเสธ มีแต่ได้กับเสมอตัว ไม่มีเสีย พอตั้งวงได้ก็มีหมอประจำเรือซึ่งเป็นฝรั่งมาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามาลากเก้าอี้ขอร่วมวงด้วย มันไม่รู้กาละเทสะแบบฝรั่ง

“ เมย์ไอจอยน์ยู ยัวร์มาเจสตี้ ? ” มันพูด

“ ยู ยูโรเปี้ยน – เก๊ตเอ๊าต์ ” นั่นเป็นเสียงที่รับสั่งกับหมอฝรั่งทะลึ่งคนนั้น

ไอ้หมอนั่นก็หน้าจ๋อย ถอยออกไป

บารมีที่ปรากฏแก่สายตาของผมและพวกนายตำรวจ และข้าราชบริพารที่ร่วมโต๊ะโปกเกอร์ในวันนั้น เป็นที่ประทับใจของพวกผมมาจนบัดนี้ พระบารมีที่ทรงปรากฏก็คือ ในขณะที่กำลังเล่นกันอยู่นั้น มีตอนหนึ่งที่ไพ่ของผมกำลังขึ้นสองคู่ ของคนอื่นจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ ลงเงินเปิดพอร์ตกันไปตามรูปไพ่ จนถึงตอนเปลี่ยนไพ่ ในหลวงทรงเป็นเจ้ามือแจกไพ่ในรอบนั้น ของผมเปลี่ยนใบเดียวตามฟอร์มเป็นคนแรก เพราะอยู่ใต้มือในหลวง คนต่อไปทิ้งไพ่ มาถึงมือคุณพี่ (พวกเราเรียก พันตำรวจตรี พจน์ เภกะนันท์ว่า คุณพี่) คุณพี่เปลี่ยนไพ่สองใบ ต่อไปอีกสองคนทิ้งไพ่ ก็คงเหลือ ในหลวง คุณพี่ และผม ที่อยู่ในวงการต่อสู้

ในหลวงทรงวางไพ่ทั้งห้าใบลงบนโต๊ะ ไพ่ทั้งห้าใบนั้นคว่ำหน้าลง ทรงเขี่ยไพ่ใบหนึ่งในจำนวนห้าใบนั้นออกไป ทรงเป็นมือสุดท้ายที่เปลี่ยนไพ่ แล้วรับสั่งว่า

“ ถ้าบารมีฉันดี ไพ่ต้องติด ”

รับสั่งแล้วก็ทรงดึงไพ่ใบบนของกองออกมาใบหนึ่ง แหงนหน้าไพ่โยนไปกลางวง ไพ่ใบนั้นเป็นรูป ควีนดอกจิก ผมยังจำได้จนบัดนี้
ในหลวงไม่ได้ทรงเปิดไพ่ดู

ไพ่ของผมติดฟูลเฮาส์เล็ก ๆ ผมว่าไปครึ่งหนึ่งตามระเบียบ คุณพี่แลบไพ่ดูแล้ววางไพ่คว่ำหน้าลง พูดออกมาว่า “ เต็ม ”

ทั้ง ๆ ที่ติดฟูลเฮาส์ ผมโยนไพ่ทิ้ง

คุณพี่มองพระพักตร์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ร้องออกมาว่า “ สองเต็ม พะย่ะค่ะ ”

“ สี่เต็ม ” เป็นเสียงรับสั่งสวนมาในทันที

ในหลวงทรงเล่นอะไรกับคุณพี่ สวนคำออกมาโดยไม่ได้ทรงหวั่นพระทัยอะไรเลย

ทีนี้คุณพี่ก็ต้องขบปัญหาว่าออกมาในที่สุด “ ข้าพระพุทธเจ้า มีแค่นี้แหละพะย่ะค่ะ ” ว่าแล้วก็หงายๆไพ่ทั้งห้าใบวางลงบนโต๊ะ เป็นรูปเอสามใบ ตามด้วยคู่เล็ก ไ อีกคู่หนึ่ง

" ขอชมพะย่ะค่ะ " คุณพี่เก็บไพ่เข้ากอง ยอมแพ้

“ เปิดของฉันดูซิ ” ทรงรับสั่ง

คุณพี่ค่อย ๆ เปิดไพ่ของในหลวงออกทีละใบ ไพ่ที่คว่ำหน้าอยู่นั้นเป็น รูปสิบดอกจิก แจ๊คดอกจิก คิงดอกจิก แล้วก็เอดอกจิก รวมกับรูปควีนดอกจิกที่หงายอยู่ก่อนนั้นแล้ว ก็เป็นรอยัลสเตรทฟลัชดอกจิก พอดี

คุณพี่ตาเหลือก เงินหมดกองพอดีเหมือนกัน วงแตก

บารมีที่ทรงเปล่งออกมาให้เห็นทั่วกันในวันนั้น ยังสลักใจผมอยู่จนบัดนี้ ไม่มีวันลืม

เรื่องที่ประทับใจผมยังมีอีก เมื่อเรือของเราเข้ามาใกล้สิงค์โปร์ ทางรัฐบาลก็ส่งรัฐมนตรีมหาดไทยมารับเสด็จ ฯ ถึงสิงค์โปร์ เพื่อให้ติดตามถวายความอารักขาไปกับนายตำรวจทั้งสี่ คือพวกผมที่เดินทางมาตั้งแต่ต้นทาง ทางราชเลขา ฯ ได้จัดเตรียมห้องนอนพิเศษไว้ให้ห้องหนึ่ง สองเตียง สำหรับท่านรัฐมนตรีกับผู้ติดตามอีกหนึ่งนาย ตามหมายกำหนดการที่จะเดินทางมารับเสด็จ ฯ ที่สิงค์โปร์ ทีนี้ท่านรัฐมนตรีท่านนั้นเกิดอยากจะพาคนติดตามมาด้วยอีกสอง เพิ่มเป็นสี่ รวมทั้งคนติดตาม ต้องการห้องเพิ่อีกห้องหนึ่ง ท่านก็ให้วิทยุมาถึงเรือ ว่ามีห้องว่างอีกห้องหนึ่งไหม เพื่อจะให้ผู้คิดตามนอกบัญชีของท่านอีกสองคนเข้าพัก ทางเรือก็ตอบไปว่าไม่มี มีเตรียมไว้ให้เพียงห้องเดียว ท่านก็ถามมาอีกว่า ตำรวจสี่คนนั่นนอนห้องไหน ทางราชเลขา ฯ ก็ตอบไปว่า นอนในห้องพยาบาล

ท่านรัฐมนตรีวิทยุมาทันที ให้เอานายตำรวจออกไปเสียสองคน ไปนอนดาดฟ้า แล้วเว้นเตียงอีกสองเตียงให้คนติดตามของท่าน

นอนบนดาดฟ้าก็ต้องตากน้ำค้างตากฝน ตอนนั้นเข้าหน้าฝนแล้ว เรือมิโอเนียที่ใช้เดินทางมานั้น ผจญกับมรสุมในมหาสมุทรอินเดียมาแล้ว อย่างโชกโชน ก่อนที่จะมาถึงสิงค์โปร์ ลูกคลื่นแต่ละลูกสูงท่วมหัวเรือ

ตอนนั้นไม่มีใครออกมานอกห้องได้ เมากันทั่วหน้า เว้นแต่พวกขี้เมา ซึ่งมีอยู่มากี่คนในเรือที่ไม่เมา เพราะไปเมาเหล้าเสียก่อนทั้งวัน เตรียมรับมรสุม

ท่านราชเลขา ฯ ก็นำเอาสำเนาวิทยุที่ท่านรัฐมนตรีตอบออกมานั้นให้พวกผมดู บอกว่า นายของคุณเขาว่ามายังงี้ คุณจะเอายังไง เขาจะให้คุณออกมานอนดาดฟ้า ตากน้ำค้างน้ำฝนเล่น ผมก็ตอบไปว่า ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลในหลวงซีครับ รับสั่งว่าอย่างไร พวกผมก็จะปฏิบัติตามพระบรมราชโองการทั้งนั้น

ท่านราชเวลา ฯ ก็นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ ในหลวงทรงกริ้วมาก รับส่งว่า “ พวกตำรวจเขาอารักขาฉัน มากับฉันตั้งหลายวันแล้ว จะมาทำอย่างนี้ได้ยังไง ตอบเขาไปว่า ให้มาเพียงสองคน หรือมิฉะนั้นก็ไม่ต้องมาเลย ”

ท่านราชเลขา ฯ ก็ตอบไปตามรับสั่ง พวกผมทราบเรื่องนี้ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ถ้ามิได้ทรงทราบถึงพระกรรณ พวกผมก็ต้องลำบาก

ดูใจนายของผมเอาเองเถอะ เรื่องของนายคนนี้ยังมีต่อไปอีก สนุก ๆ ทั้งนั้น ค่อย ๆ อ่านไปเถอะครับ

ต่อมา เรือเข้าน่านน้ำไทย ก็เกิดเรื่องปฏิวัติตัวเองของรัฐบาล ทางรัฐบาลส่งเรือรบสองลำมารับเสด็จ ฯ ที่ปากทางเข้าน่านน้ำไทย พวกเรานั่งฟังวิทยุกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ตอนที่เขาประกาศปฏิวัติ เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีบางคน ท่านรัฐมนตรีท่านนั้นโดนปลดด้วย แต่ยังไม่ถึงกับปลดเลยทีเดียว เพียงแต่ย้ายกระทรวง ท่านฟังวิทยุแล้วก็หันมาพูดกับผมว่า

“ ผมไม่ได้เป็นนายพวกคุณเสียแล้ว ”

“ ก็ดี ” พวกเราคนหนึ่งตอบออกไปอย่างนี้

ในหลวงหันมารับสั่งถามพวกเราว่า จะทำอย่างไรกันเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน บางคนในที่นั้นคิดว่า พวกผมรู้กัน ความจริงแล้วไม่ได้รับทราบอะไรมาก่อนเลย ผมก็กราบบังคมทูลไปว่า ให้เดินหน้าเข้าไปตามปกติ ผมคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพระองค์แน่นอน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกผมก็พร้อมที่จะถวายชีวิต เพราะผมได้นับคำสั่งให้มาถวายความอารักขา ผมก็จะถวายความอารักขาจนถึงที่สุด

เรือสองลำนั้นก็ยิงสลุดตามขนบประเพณีทั้งสองลำ ในหลวงยังทรงรับสั่งอย่างมีพระอารมณ์ขันว่า

“ ถ้าเขายิงสลุดด้วยกระสุนจริงมา จะว่ายังไง ”

เรือเข้าน่านน้ำไทยด้วยความเรียบร้อย มีเรือพระที่นั่งแม่กลอง มารับที่ปากน้ำ ขบวนเสด็จ ฯ ต้องถ่ายเรือที่นั่น ทุกคนต่างเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว ตามหมายกำหนดการที่เขียนมาให้แต่แรก มีนายทหารราชองค์รักษ์ขึ้นมาบนเรือที่ถวายอารักขาร่วมกับตำรวจ ประชาชนต่างออกมารับเสด็จ ฯ สองฝั่งแม่น้ำเต็มไปหมด รวมทั้งบางพวกก็เอาเรือออกมาแล่นตามกระบวนเรือพระที่นั่งด้วย

พอถึงตอนที่จะเสด็จ ฯ ลงเรือเล็กเพื่อขึ้นฝั่งที่ท่าราชวรดิษฐ์ นี่ก็เกิดการกันท่ากันขึ้นมาอีก พวกราชองค์รักษ์บอกให้ตำรวจอยู่บนเรือ ไม่ต้องลงเรือเล็กตามเสด็จ ฯ พอขบวนตามเสด็จ ฯ และในหลวงเสด็จ ฯ ลงเรือเล็กแล้ว ทรงทอดพระเนตรไม่เห็นพวกตำรวจ ก็ถามกับพวกนั้นว่า

“ ตำรวจของฉันหายไปไหน ”

พวกผมจึงได้ลงเรือตามเสด็จ ฯ มาได้ ไม่ต้องแต่งตัวเต็มยศเก้ออยู่บนเรือ ไม่ยังงั้นก็คงถูกกีดกันอยู่อย่างนั้น ก็ไม่รู้จะกีดกันไปทำไม

นี่แหละครับ ที่เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจผมเป็นอย่างยิ่งมาจนบัดนี้ ที่ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมาตลอด ๒๔ วันในทะเล

ผมเขียนมาอย่างนี้ หวังว่าคงจะไม่มีอีตาเฒ่าคนไหนออกมาเต้นอิจฉาผมอีก และหวังว่าคงจะไม่เดือดร้อนถึงใครด้วยที่นำเรื่องนี้ลงตีพิมพ์
บารมีพระมากล้นรำพัน อย่างที่จะไม่ได้เห็นที่ไหนในโลกอีกแล้ว

ผมขอน้อมรับใส่เกล้า ฯ ไว้ชั่วชีวิต




Create Date : 18 พฤษภาคม 2553
Last Update : 18 พฤษภาคม 2553 3:43:01 น. 11 comments
Counter : 2365 Pageviews.

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ...แวะมาทักทายค่ะ

รักพ่อหลวงค่ะ...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


โดย: nootikky วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:4:42:55 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..ยั่งยืนนาน...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


โดย: ในความอ่อนไหว วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:38:04 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..ยั่งยืนนาน...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


โดย: ศรชัย IP: 112.142.124.186 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:56:56 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..ยั่งยืนนาน...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

(ขออนุญาตใช้คำเดียวกับเมนท์ข้างบนด้วย เพราะคงจะไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว)

ขอบคุณมากที่นำมาให้อ่าน..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:14:13 น.  

 
เรารักพ่อหลวงมาก
ขอให้พ่อทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน


แล้วก้อขอบคุนค่าสำหรันเม้น

แล้วก้อดูแลตัวเองดีๆด้วยนะคะ
สถานการณืบ้านเมืองไม่ปกติมากๆค่อนไปทางน่ากลัวมากๆ ฮื่อๆ

(ปล,ขอโทษที่เราไม่สามารถอ่านได้จนจบนะคะ)


โดย: cielargent วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:34:09 น.  

 
รักในหลวงที่สุด

แต่ไม่เข้าใจทำไมมีคนอย่างพวกเผาบ้านเผาเมืองอยู่ในบ้านเมืองเรานะคะ


โดย: amskye วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:5:05:58 น.  

 


รักในหลวงครับ


โดย: แสง สีรุ้ง วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:57:52 น.  

 
มาลงชื่ออ่านค่ะ
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปัน


โดย: DirtyDuck IP: 101.108.217.175 วันที่: 5 ธันวาคม 2556 เวลา:9:34:19 น.  

 
ขอบพระคุณที่นำมาแบ่งปัน มีความสุขมากอ่านแล้วสัมผัสถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระองค์ท่าน พ่อหลวงแห่งปวงไทย
...ขอก้มเกล้าฯ ถวายบังคมบรมบาท

ไทยทั้งชาติถวายพระพรบวรศรี

อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วธาตรี

อภิบาลพระจักรีทรงพระเจริญ เทอญ...“.


โดย: ธิดาดอง IP: 198.254.141.104 วันที่: 5 ธันวาคม 2556 เวลา:11:19:10 น.  

 
ขอบคุณ คุณDirtyDuck และ คุณ ธิดาดอง ที่เข้ามาอ่านเรื่องเก่า ๆ
ไม่ได้เข้ามาblog ของตัวเองพักใหญ่ ต้องขออภัยแฟนเก่า ๆ ด้วยนะคะ
ตอนนี้ มีภาระกิจไปช่วยชาติ
กำลังสุดเซ้งกับตำรวจยุคนี้


โดย: ธารน้อย วันที่: 31 ธันวาคม 2556 เวลา:1:32:18 น.  

 
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้​ด้วยความซาบซึ้งใจ​ และได้อ่านงานเก่าๆ​ ของ ท่าน​ พ.ต.อ.พุฒิด้วย​ ทำให้ทราบประวัติศาสตร์การเมืองอีกมากมายหลายแง่มุม​ ขอบคุณมากนะคะ


โดย: ปุ้ย IP: 49.229.135.28 วันที่: 28 มีนาคม 2562 เวลา:19:42:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.