จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
ตำรวจจับตำรวจ (ตอนที่ 2)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนนั้น ผมเป็นรองสารวัตรอยู่ที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม มียศร้อยตำรวจโท ผมกำลังเข้าเวรตอนหัวค่ำ หกโมงเย็น ออกสองยาม บังเอิญเวรนั้นไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรมาถึงโรงพัก ผมนั่งเหงา ๆ อยู่ที่โต๊ะนายร้อยเวร ชักจะง่วง ก็เลยลุกขึ้นถอดเครื่องแบบออก คิดว่าขี่รถจักรยานออกตรวจท้องที่ดีกว่า เผื่อจะมีงานอะไรให้ทำบ้าง

ผมถอดเอาเสื้อนอกออกแขวน แล้วก็เอาปืนพกไว้ในเสื้อตรงขอบกางเกง อยู่ในชุดครึ่งท่อน คว้าเอารถจักรายานของโรงพักจูงมาขี่ สั่งสิบเวรว่า จะถีบรถออกตรวจซักหน่อย ถ้ามีอะไรก็ให้จัดการไปในขั้นต้นก่อน ประเดี๋ยวเดียวก็จะกลับมา

ผมถีบจักรายานออกไปเรื่อย ๆ ตามท้องถนน ผ่านบางลำพู ไปจนถึงเทเวศร์ ซึ่งเป็นที่สุดเขตท้องที่ แล้วผมก็ถีบรถเอื่อย ๆ มาตามสบาย ก็มีเสียงเรียกให้หยุดดัง ๆ พร้อมกับเสียงนกหวีดปรี๊ด

ผมก็หยุด ตำรวจจราจรนายหนึ่งถีบจักรยานมาเทียบข้างรถผม แล้วพูดว่า
“ ทำไมถีบรถไม่จุดโคมไฟ ”

ผมมองดูโคมไฟที่หน้ารถของผม มันดับไปจริง ๆ ตอนนั้นยังไม่มีโคมไฟอย่างเดี๋ยวนี้ มีแต่ตะเกียงที่ติดหน้ารถ ใช้น้ำมันก๊าส มีไส้ตะเกียง จุดเอาด้วยไม้ขีดไฟ

ผมจำได้ว่า ก่อนออกมา ผมก็จุดตะเกียงหน้ารถแล้ว แต่มันดับเสียเมื่อไรก็ไม่รู้ ผมก็บอกเขาว่า ผมจุดแล้ว แต่มันดับเมื่อไร ผมไม่รู้

เขาขอดูใบขับขี่ สมัยนั้น ถีบรถจักรยานก็ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ และรถจักรยานต้องตีทะเบียน ผมก็บอกว่า ผมไม่มี ไม่ได้เอาติดตัวมา

เขาว่า งั้นก็ต้องไปโรงพัก ในข้อหาขี่รถไม่มีใบขับขี่ และไม่จุดโคมไฟในยามค่ำคืน

ทีแรก ผมจะบอกเขาแล้วว่า ผมเป็นใคร แต่อยากดูว่าเขาจะทำยังไงกับผม ผมจึงไม่บอก ผมก็จูงรถเดินตามเขาไป ตัวเขานั้นถีบรถอยู่ เมื่อเขาเห็นผมยังช้าอยู่ เขาก็หันมาดุว่า

“ จูงตามไปทำไม ขึ้นถีบตามมาซี ”

“ ถีบไม่ได้หรอกครับ ” ผมคิดจะล้อเขาเล่นเสียแล้วอนนั้น “ ใบขับขี่ผมก็ไม่มี ตะเกียงก็ไม่ได้จุด เดี๋ยวคุณจับผมอีก ”

“ ผมบอกให้คุณขึ้นขี่ คุณก็ขี่ซี ” เขาหยุดรถ ดุเอาอีก

“ คุณอนุญาตให้คนทำผิดกฎหมายได้ด้วยหรือครับ ” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ

“ จะรวนตำรวจหรือ ” ทีนี้เขาลงจากรถเข้ามาหา

“ ผมไม่ได้รวนครับ ” ผมทำท่าหวาด ๆ “ ผมถามดูเฉย ๆ ให้แน่ใจนะครับ ”

“ ขึ้นรถ ถีบตามมา ” เขาสั่ง เสียงชักจะเอาเรื่อง

“ ไม่จับผมอีกนะครับ ” ผมว่าแล้วก็ขึ้นคร่อมรถ ถีบตามเขามาโรงพัก โดยไม่พูดอะไรอีก

มาถึงโรงพัก ผมก็เอารถจอดไว้หน้าลานโรงพัก แล้วเดินขึ้นเข้าห้องเวรของผม จราจรคนนั้นกำลังพูดอยู่กับนายสิบเวรที่นั่งอยู่ที่บัลลังก์หน้าห้องขัง เขาไม่ได้หันมาดูด้วยซ้ำไปว่า ผมเดินไปไหน

ผมเข้าห้องก็เอาเครื่องแบบมาสรวม แล้วนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่โต๊ะนายร้อยเวร ผมเห็นเขาเดินไปที่โต๊ะเสมียนประจำวันเพื่อจะไปลงประจำวันที่นั่น เขาหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันไปที่นายสิบเวรที่เขาเพิ่งจะผละมานั้น แล้วถามว่า

“ ผู้ต้องหาหายไปไหน ”

นายสิบเวรก็นั่งเฉยอยู่สักครู่ แล้วถามเขาว่า

“ คนที่เดินตามหลังคุณมาใช่ไหม ”

จราจรคนนั้นพยักหน้า

“ เดินเข้าไปในห้องร้อยเวรแล้ว ” นายสิบเวรบอก ชี้มาทางห้องที่ผมนั่งอยู่

จราจรผู้นั้นหันมามองเข้าไปในห้องร้อยเวร เขาก็เห็นผมนั่งเอ้เต้อยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะนายร้อยเวร แต่งเครื่องแบบเรียบร้อย เขายืนงง นิ่งมองผมอยู่นาน แล้วก็เปิดหมวกออก เกาหัว พูดอ่อย ๆออกมาว่า

“ โธ่ หมวด ไม่น่ามาล้อผมเล่นเลย ”

นั่นเป็นหนแรกที่ผมถูกตำรวจจับในท้องที่ของผมเอง และเอาตัวมาส่งให้ผมในเวรของผมอีกด้วย

ครั้งที่สอง เว้นระยะห่างจากครั้งที่หนึ่งหลายปี ในช่วงที่ผ่านมาหลายปีนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรทะเร่อทะร่าให้ตำรวจจับอีก จนกระทั่งผมเป็นพันตำรวจเอก คิดเอาเองก็แล้วกันว่า มันห่างกันกี่ปี

คืนวันหนึ่ง ผมขับรถออกมาจากสโมสร จะกลับบ้าน ไม่ค่อยดึกนัก ซักราว ๆ สามทุ่มเศษ ๆ และตอนนั้นยังไม่มีมาตรการประหยัดน้ำมัน ปั๊มน้ำมันต่าง ๆ ยังคงเปิดขายได้ถึงสองยาม ผมขับรถมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันแถว ๆ อุรุพงษ์ เกิดนึกขึ้นมาได้ว่า ลืมของไว้ที่สโมสร ก็เลี้ยวรถจะกลับไปทางที่ผ่านมา ทีนี้ การที่เลี้ยวรถกลับตรงนั้น มันเป็นที่พอดีกับมีป้ายจราจรห้ามเลี้ยวยูเทอร์น หมายความว่า เบี้ยวอ้อมเกาะกลางถนนกลับไม่ได้

ความจริงถ้าผมจะเลี้ยวเข้าไปในปั๊มน้ำมันเสียก่อน แล้วกลับออกมาอีกทางหนึ่งก็ได้ แต่ความขี้เกียจเลี้ยวเข้าไปในปั๊ม ก็เลยเลี้ยวกลับยูเทอร์นมันตรงนั้นเสียเลย ไม่ให้เสียเวลา

เสียงนกหวีดเป่าปรี๊ด ปรี๊ด ดังมาไล่หลัง ไม่ทราบว่าตำรวจจราจรท่านแอบอยู่ตรงไหน ผมไม่เห็น ผมก็หยุดรถ

จราจรนายหนึ่ง ยศนายสิบโท เดินส่ายอาด ๆ เข้ามาหาผม แล้วดุ

“ เขามีป้ายห้ามเลี้ยวกลับหลัง คุณไม่เห็นเหรอ ”

“ เห็นครับ ” ผมตอบเขาอย่างนอบน้อม “ ผมขอโทษที่ทำผิด ”

“ ขอดูใบขับขี่หน่อย ” จราจรนายนั้นแบมือลอดกระจกรถเข้ามา

“ ความจริงผมเลี้ยวเข้าไปในปั๊มแล้วกลับออกมา ก็ไม่ผิด ” ผมเถียง

“ แล้วทำคุณไม่เลี้ยวเข้าไป คุณกลับรถอย่างนี้ก็ต้องผิด ” จราจรนายนั้นยังแบมือขอดูใบขับขี่อยู่

“ ผมเห็นถนนมันว่าง ก็เลยขี้เกียจเลี้ยวเข้าไปในปั๊ม ” ผมพยายามอธิบาย “ ความจริง มันก็ไม่หนักหนาอะไร ไม่เกะกะขีดขวางรถคันไหนด้วย ”

“ ขอดูใบขับขี่ ” เขายังคงยืนยัน

“ ไม่ดูไม่ได้เหรอ ” ผมไม่อยากให้เขารู้ว่า ผมเป็นใคร

“ ขอดูใบขับขี่ คุณอย่าขัดขืนเจ้าหน้าที่ ” เสียงของเขาชักจะดุ ๆ

“ อย่าดูเลยน่า เอาผมไปโรงพักเถอะ ” ผมต่อรองกับเขา “ ผมยอมเสียค่าปรับ ”

“ ไม่มีใบขับขี่ละซี ยังงั้น ” เขาจะเอาอีกเรื่องหนึ่ง

“ มีครับ ผมมี แต่คุณไม่ดูไม่ได้เหรอ ” ผมอ้อนวอนเขาอีก เพราะรู้ตัวว่าผิดก็อยากจะไปเสียค่าปรับให้เข็ด จะได้ไม่ทำอีกคราวหลัง “ พาผมไปโรงพักเหอะ ผมยอมรับผิด ยอมเสียค่าปรับ ”

“ ไม่ได้ เอาใบขับขี่มาให้ดูก่อน ” เสียงของเขาชักจะห้วนเข้า

“ เอา ดูก็ดู ” ผมควักเอาใยอนุญาตขับขี่ตลอดชีพของผมออกมาให้เขาดู

เขารับเอาใบขับขี่ของผมไปส่องกับแสงไฟหน้าปั๊ม อ่านข้อความในนั้น แล้วแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างหมดอาลัย

“ ผมนึกแล้ว ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างละเหี่ยใจ แล้วยกมือขึ้นตะเบ๊ะ ส่งใบขับขี่คืนให้ผม “ เมื่อกี้นี่หยก ๆ ผมก็เจอเอานายพลทหารเข้าคนหนึ่ง เลี้ยวกลับรถอย่างท่านนี่แหละครับ ไม่รู้วันนี้มันซวยอะไร ”

“ ผมก็ยอมรับผิด ยอมไปเสียค่าปรับแล้ว คุณก็ยังอยากดูใบขับขี่ของผมอยู่อีก ” ผมว่า “ ทีนี้ จะเอาอย่างไรกันล่ะ เอาไปปรับก็ได้ ไม่ว่าอะไรหรอก คุณทำหน้าที่ของคุณถูกแล้ว ”

“ เชิญเถอะครับ ” เขายกมือตะเบ๊ะอีก “ ไม่ต้องไปโรงพักหรอกครับ ขืนเอาท่านไป ผมก็คงถูกสารวัตรด่าเอาอีก ”

“ ถ้ายังงั้นก็ขอบใจ น้องชาย ” ผมพูดยิ้มแย้มกับเขา “ ขอโทษด้วย ”

ผมออกรถมาจากที่นั่น ผมว่าจราจรนายนั้นคงจะย้ายไปอยู่จุดอื่นแน่ ๆ แอบเสียดิบดี อยู่ ๆ ก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วก็จับนักลักไก่ได้เสียด้วย แต่ต้องปล่อย ซวยของแกจริง ๆ

แต่ผมก็ไม่ได้เบ่งอวดบารมีอะไร ก็ยอมรับผิดโดยดีแล้ว ปล่อยผมเอง จะให้ผมทำยังไง ?




Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 3:43:53 น. 2 comments
Counter : 948 Pageviews.

 
..นี่เป็นความรู้ใหม่เลยนะ ว่าสมัยก่อนจักรยานต้องมีทะเบียน และต้องมีใบขับขี่ด้วย...


โดย: ก้นกะลา วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:2:29:08 น.  

 
ถ้าเป็นตำรวจสมัยนี้คงเอะอะโวยวายเเน่สำหรับท่านเเล้วเป็นสุภาพบุรุษจริงๆๆนับถือ


โดย: ศรชัย IP: 223.207.120.146 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:7:17:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.