พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 59)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 59
ผมไม่ได้เปิดบังตาห้องคุณพี่เข้าไป ผมตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงานของผม โต๊ะถูกปัดกวาดสะอาดเรียบร้อย กัณหาไม่อยู่ที่โต๊ะอย่างเคย ผมไม่อยากจะถามคุณพี่ว่าหล่อนไปไหน ผมได้ยินเสียงผู้การหัวเราะดังเข้าหูเป็นพัก ๆ ผมไม่อยากไปตอแยกับเขา สิ่งผิดปกติบนโต๊ะผมมีอยู่อีกอย่าง คือมีเครื่องโทรศัพท์เป็นเครื่องพ่วงตั้งอยู่เครื่องหนึ่ง นี่ก็คงเป็นฝีมือของกัณหาอีก ผมเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ กางหนังสือพิมพ์ออกอ่าน เสียงกริ่งโทรศัพท์ดัง มันดังมาถึงเครื่องพ่วงบนโต๊ะผมด้วย ผมนั่งมองดูมัน ไม่ยกหูรับ ไม่ใช่หน้าที่ผม ผมได้ยินเสียงยกหูดังกริ๊ก คุณพี่คงจะรับสายอยู่ข้างใน แล้วผมก็ได้ยินเสียงออดที่โต๊ะกัณหาดังหลายออกติด ๆ กัน สักครู่ก็ได้ยินเสียงบังตาเปิดแรง ๆ ผมยังนั่งไม่รู้ไม่ชี้ อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ไม่เอาใจใส่กับเสียงอะไรทั้งนั้น อ้าว พ่อดนัย แอบขึ้นมาเมื่อไหร่ เสียงคุณพี่ดังมาจากทางนั้น ผมหันไปมอง
แล้วนี่ แม่กัณหาเขาไปไหนของเขานะ
ผมจะตอบคำถามนี้ได้ยังไง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมนั่งมองคุณพี่เฉย
โทรศัพท์ของเธอแนะ คุณพี่พยักหน้ามาทางผม นั่งเฉยอยู่ได้ คุณสันติเขาขอพูดด้วย
ผมยกหูขึ้นพูด สวัสดีครับ ลงไป
สวัสดีครับ คุณดนัย เสียงคุณสันติดังมา มาพบผมหน่อยได้ไหม เร็วหน่อยก็ดี
ได้ครับ ผมตอบไป ผมจะไปเดี๋ยวนี้ก็ได้
ผมขยับจะวางหูก็พอดีได้ยินเสียงฝีเท้าคนย่ำบันไดขึ้นมา กัณหานั่นเอง ผมพูดต่อลงไปในโทรศัพท์ทันที
สักครู่นะครับ คุณสันติ อย่างเพิ่งวางหู
ผมหันไปทางกัณหา พูดกับหล่อน
ผมจะไปหาคุณสันติ มีอะไรกับผมไหมครับ
ไม่มีเจ้าค่ะ หล่อนพูด เดินไปนั่งที่โต๊ะ ในมือถือซองกระดาษขนาดย่อมอยู่ซองหนึ่ง หล่อนวางซองนั้นไว้ข้าง ๆ ตัว ในขณะที่ผมพูดต่อลงไปในโทรศัพท์ว่า
ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ
ผมวางหู ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปหาหล่อนก่อนที่จะลงบันได
ขอบคุณครับ สำหรับการจัดโต๊ะ และเครื่องอะไรต่ออะไรต่าง ๆ บนโต๊ะ
หล่อนชี้ไปที่ซองเล็ก ๆ ที่วางไว้ข้าง ๆ ตัวนั่น
ซองของคุณ เก็บไว้ซีคะ หล่อนพูดโดยไม่มองผม
ผมหยิบเอาซองนั่นมา เป็นซองที่ไม่ได้ปิดผนึก ผมเปิดซองออก หยิบเอาเอกสารที่บรรจุในนั้นออกมา มันเป็นสมุดเล็ก ๆ กะทัดรัดเล่มหนึ่ง และมีเอกสารอีกสอง-สามแผ่นเป็นตัวพิมพ์ ผมเปิดสมุดเล่มกะทัดรัดนั้นออกดู มันเป็นสมุดฝากเงินธนาคารออมสิน ในช่องรายการเงินฝาก มีตัวเลขอยู่แปดหมื่นกว่าบาท มีแผ่นกระดาษเล็ก ๆ อยู่ในนั้นอีกแผ่นหนึ่ง เป็นสำเนาลายเซ็นที่ผมเซ็นไว้ในกระดาษที่หล่อนส่งให้เซ็นเมื่อวานนี้
ผมยังถือของต่าง ๆ นั้นอยู่ในมือ ยืนเซ่ออยู่ยังงั้น
เงินของคุณที่ฝากไว้อยู่ในนั้น หล่อนพูด ทั้ง ๆ ที่ก้มหน้าทำอะไรอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ ขอโทษที่ละเมิดคำสั่ง เอาไปฝากไว้ที่ธนาคารออมสิน แต่ดิฉันคิดว่า ที่นั่นมันปลอดภัยกว่าที่จะเก็บเอาไว้เอง
ผมไม่เคยมีเงินฝากที่ธนาคารไหน ผมพูดออกมาได้แค่นั้น
ก็ควรจะรู้จักเอาไว้บ้าง หล่อนพูด เมื่อได้เงินมาอีก จะได้ไปเก็บไว้ที่นั่น ถ้าจะถอนเอาออกมาใช้ ก็เอาสมุดนี่ไปขอเบิกจากธนาคารได้ ข้อสำคัญ คุณต้องเซ็นลายมือให้เหมือนกับตัวอย่างในสำเนาลายเซ็นของคุณนั่น "
ขอบคุณ ผมพูดด้วยเสียงที่ตัวเองไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ขอบคุณที่ต้องลำบากเพราะผม
ผมหันหลังกลับจะออกเดิน เสียงของหล่อนก็ตามหลังมา
คุณดนัยคะ
ผมหยุด หันมามองหล่อน
โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าดิฉันรังเกียจที่จะเก็บเงินไว้ให้ หล่อนพูดเบา ๆ คุณควรจะมียัญชีในธนาคารได้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเงินที่คุณมี จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องขาดหาย หรือเวลาต้องการใช้
ผมไม่เคยกังวล เสียงของผมยังเป็นอย่างเก่า
ทีนี้ หล่อนเงยหน้าขึ้นมามองตาผมพูด เสียงเรียบ ๆ ว่า
คุณควรต้องกังวลบ้าง คนที่ไม่กังวลอะไรเลยจะสร้างหลักฐานไม่ได้ ขอโทษที่บังอาจสอน
หล่อนคงจะเคยพูดกับผมด้วยการมองตาอย่างนี้เป็นครั้งแรก นัยน์ตาของหล่อนบอกถึงความจริงใจ และเป็นการพูดที่ยาวที่สุดที่หล่อนเคยพูดกับผม
ผมเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ที่หล่อนมาทำงานสายก็เพราะ ไปเป็นธุระเรื่องนี้ให้ผม และหล่อนได้เตรียมการมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ที่เอาอะไรต่ออะไรมาให้ผมเซ็น
ผมต้องถอนหายใจยาว ๆ ระบายความรู้สึกในใจออกมา
ขอบคุณอีกทีครับ ผมพูด คราวนี้เสียงผมพูดเป็นปกติ ผมยัดซองนั้นเข้ากระเป๋าหลังกางเกง
อ้อ หล่อนพูดออกมาอีกเหมือนนึกอะไรได้ ในลิ้นชักโต๊ะ ชั้นบนด้านขวา มีกระเป๋าเอกสารอยู่ใบหนึ่ง ดิฉันใช้เงินที่ฝากไว้นั้นซื้อมาให้ คุณจะได้ใช้มันบรรจุเอกสาร และอะไรต่ออะไร แทนที่จะใส่กระเป๋าหลังทุกครั้ง
ผมเดินกลับไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักที่หล่อนบอก ในนั้นมีกระเป๋าเอกสารหนังสีดำ ขนาดพอดีมือ อยู่ใบหนึ่ง ผมดึงเอาออกมา มันเป็นกระเป๋าขนาดกำลังสวย ทำด้วยหนังชั้นดี ที่เปิดปิดเป็นบานพับที่มีเลขรหัส มีแผ่นกระดาษเล็กๆ แขวนกับเส้นด้ายห้อยอยู่ ผมจับมันพลิกขึ้นมาดู มีตัวเลขสามตัวเรียงรายกันอยู่เป็นแถว ๆ มีอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์อยู่
ผมพอจะอ่านออก มันเป็นวิธีใช้รหัสปิดเปิดกระเป๋าใบนั้น และรหัสนี้ตั้งเปลี่ยนได้ตามใจชอบของเจ้าของ
ผมเปิดกระเป๋าออก เอาซองเอกสารนั้นใส่เข้าไป ปิดฝา ลองขยับหูกระเป๋าในมือ มันกำลังเหมาะมือพอดี ผมถือกระเป๋าใบนั้นเดินไปที่โต๊ะกัณหา กล่าวคำขอบคุณอีกที กัณหาเหลือบตาขึ้นมองผมแว่บหนึ่ง คราวนี้ยิ้มให้ผมก่อนที่จะก้มหน้าทำงานของหล่อนต่อ
ผมหิ้วกระเป๋าใบนั้นเดินลงบันไดสำนักงานไป
ผมนึกว่าพี่ถมจะไปหากินที่อื่นต่อ เพราะได้บอกให้มารับตอนเลิกงาน ที่หน้าสำนักงาน รถพี่ถมยังจอดนิ่งอยู่ ตัวพี่ถมนั่งเอ้เตอ่านหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งอยู่บนที่นั่งคนขับ มีรู้จักไปหาผู้โดยสารที่อื่น เขาหันมามองผม หนังสือพิมพ์ยังกางอยู่ตรงหน้า
อ้าว ผมทัก พี่ถม ทำไมยังไม่ไป ผมนึกว่า ไม่อยู่เสียแล้ว
ก็รออยู่นี่ ยังไม่มีธุระจะไปไหน เขาพูด เผื่อเกิดมีธุระปะปังด่วนขึ้นมา จะได้ไปด้วยกัน
พูดยังกับรู้ว่าผมจะต้องออกไปอีก ผมเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่งข้าง ๆ ไม่บอกว่าไปไหน
หัดพูดเสียมั่งซีวะ พี่ถมตวาดออกมา จะไปไหน
นึกว่ารู้แล้วว่าจะไปไหน ผมแหย่เล่น เห็นรู้ล่วงหน้าว่า ผมมีธุระจะไป
ไอ้พรรค์นี้ เขาครางออกมา ไม่พูดอะไรต่อ หันมาจ้องหน้าผม
ไปสี่พระยา ผมพูด ไม่มองตาเขา
พี่ถมออกรถตามแบบฉบับ จนหัวผมกระแทกพนักพิงเบาะรถ
ผมกดกริ่งที่หน้าประตูบ้านคุณสันติเพียงกริ๊งเดียว ประตูก็เปิดเหมือนมีคนรอเปิดให้อยู่แล้ว ผมเดินตรงไปที่ตัวบ้าน ตัวเจ้าของบ้านนั่งรอผมอยู่ที่เก้าอี้หมู่หน้าบ้านอย่างเคย เขารีบลุกขึ้นมา ดึงมือผมไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ ๆ กับตัวที่เขานั่ง
Create Date : 12 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 4:58:48 น. |
|
1 comments
|
Counter : 620 Pageviews. |
|
|
|