จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 59)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 59

ผมไม่ได้เปิดบังตาห้องคุณพี่เข้าไป ผมตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงานของผม โต๊ะถูกปัดกวาดสะอาดเรียบร้อย กัณหาไม่อยู่ที่โต๊ะอย่างเคย ผมไม่อยากจะถามคุณพี่ว่าหล่อนไปไหน

ผมได้ยินเสียงผู้การหัวเราะดังเข้าหูเป็นพัก ๆ ผมไม่อยากไปตอแยกับเขา

สิ่งผิดปกติบนโต๊ะผมมีอยู่อีกอย่าง คือมีเครื่องโทรศัพท์เป็นเครื่องพ่วงตั้งอยู่เครื่องหนึ่ง นี่ก็คงเป็นฝีมือของกัณหาอีก ผมเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ กางหนังสือพิมพ์ออกอ่าน

เสียงกริ่งโทรศัพท์ดัง มันดังมาถึงเครื่องพ่วงบนโต๊ะผมด้วย ผมนั่งมองดูมัน ไม่ยกหูรับ ไม่ใช่หน้าที่ผม ผมได้ยินเสียงยกหูดังกริ๊ก คุณพี่คงจะรับสายอยู่ข้างใน แล้วผมก็ได้ยินเสียงออดที่โต๊ะกัณหาดังหลายออกติด ๆ กัน สักครู่ก็ได้ยินเสียงบังตาเปิดแรง ๆ ผมยังนั่งไม่รู้ไม่ชี้ อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ไม่เอาใจใส่กับเสียงอะไรทั้งนั้น

“ อ้าว พ่อดนัย แอบขึ้นมาเมื่อไหร่ ” เสียงคุณพี่ดังมาจากทางนั้น

ผมหันไปมอง

“ แล้วนี่ แม่กัณหาเขาไปไหนของเขานะ ”

ผมจะตอบคำถามนี้ได้ยังไง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมนั่งมองคุณพี่เฉย

“ โทรศัพท์ของเธอแนะ ” คุณพี่พยักหน้ามาทางผม “ นั่งเฉยอยู่ได้ คุณสันติเขาขอพูดด้วย ”

ผมยกหูขึ้นพูด “ สวัสดีครับ ” ลงไป

“ สวัสดีครับ คุณดนัย ” เสียงคุณสันติดังมา “ มาพบผมหน่อยได้ไหม เร็วหน่อยก็ดี ”

“ ได้ครับ ” ผมตอบไป “ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ก็ได้ ”

ผมขยับจะวางหูก็พอดีได้ยินเสียงฝีเท้าคนย่ำบันไดขึ้นมา กัณหานั่นเอง ผมพูดต่อลงไปในโทรศัพท์ทันที

“ สักครู่นะครับ คุณสันติ อย่างเพิ่งวางหู ”

ผมหันไปทางกัณหา พูดกับหล่อน

“ ผมจะไปหาคุณสันติ มีอะไรกับผมไหมครับ ”

“ ไม่มีเจ้าค่ะ ” หล่อนพูด เดินไปนั่งที่โต๊ะ ในมือถือซองกระดาษขนาดย่อมอยู่ซองหนึ่ง หล่อนวางซองนั้นไว้ข้าง ๆ ตัว ในขณะที่ผมพูดต่อลงไปในโทรศัพท์ว่า

“ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ ”

ผมวางหู ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปหาหล่อนก่อนที่จะลงบันได

“ ขอบคุณครับ สำหรับการจัดโต๊ะ และเครื่องอะไรต่ออะไรต่าง ๆ บนโต๊ะ ”

หล่อนชี้ไปที่ซองเล็ก ๆ ที่วางไว้ข้าง ๆ ตัวนั่น

“ ซองของคุณ เก็บไว้ซีคะ ” หล่อนพูดโดยไม่มองผม

ผมหยิบเอาซองนั่นมา เป็นซองที่ไม่ได้ปิดผนึก ผมเปิดซองออก หยิบเอาเอกสารที่บรรจุในนั้นออกมา มันเป็นสมุดเล็ก ๆ กะทัดรัดเล่มหนึ่ง และมีเอกสารอีกสอง-สามแผ่นเป็นตัวพิมพ์ ผมเปิดสมุดเล่มกะทัดรัดนั้นออกดู มันเป็นสมุดฝากเงินธนาคารออมสิน ในช่องรายการเงินฝาก มีตัวเลขอยู่แปดหมื่นกว่าบาท มีแผ่นกระดาษเล็ก ๆ อยู่ในนั้นอีกแผ่นหนึ่ง เป็นสำเนาลายเซ็นที่ผมเซ็นไว้ในกระดาษที่หล่อนส่งให้เซ็นเมื่อวานนี้

ผมยังถือของต่าง ๆ นั้นอยู่ในมือ ยืนเซ่ออยู่ยังงั้น

“ เงินของคุณที่ฝากไว้อยู่ในนั้น ” หล่อนพูด ทั้ง ๆ ที่ก้มหน้าทำอะไรอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ “ ขอโทษที่ละเมิดคำสั่ง เอาไปฝากไว้ที่ธนาคารออมสิน แต่ดิฉันคิดว่า ที่นั่นมันปลอดภัยกว่าที่จะเก็บเอาไว้เอง ”

“ ผมไม่เคยมีเงินฝากที่ธนาคารไหน ” ผมพูดออกมาได้แค่นั้น

“ ก็ควรจะรู้จักเอาไว้บ้าง ” หล่อนพูด “ เมื่อได้เงินมาอีก จะได้ไปเก็บไว้ที่นั่น ถ้าจะถอนเอาออกมาใช้ ก็เอาสมุดนี่ไปขอเบิกจากธนาคารได้ ข้อสำคัญ คุณต้องเซ็นลายมือให้เหมือนกับตัวอย่างในสำเนาลายเซ็นของคุณนั่น "

“ ขอบคุณ ” ผมพูดด้วยเสียงที่ตัวเองไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร “ ขอบคุณที่ต้องลำบากเพราะผม ”

ผมหันหลังกลับจะออกเดิน เสียงของหล่อนก็ตามหลังมา

“ คุณดนัยคะ ”

ผมหยุด หันมามองหล่อน

“ โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าดิฉันรังเกียจที่จะเก็บเงินไว้ให้ ” หล่อนพูดเบา ๆ “ คุณควรจะมียัญชีในธนาคารได้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเงินที่คุณมี จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องขาดหาย หรือเวลาต้องการใช้ ”

“ ผมไม่เคยกังวล ” เสียงของผมยังเป็นอย่างเก่า

ทีนี้ หล่อนเงยหน้าขึ้นมามองตาผมพูด เสียงเรียบ ๆ ว่า

“ คุณควรต้องกังวลบ้าง คนที่ไม่กังวลอะไรเลยจะสร้างหลักฐานไม่ได้ ขอโทษที่บังอาจสอน ”

หล่อนคงจะเคยพูดกับผมด้วยการมองตาอย่างนี้เป็นครั้งแรก นัยน์ตาของหล่อนบอกถึงความจริงใจ และเป็นการพูดที่ยาวที่สุดที่หล่อนเคยพูดกับผม

ผมเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ที่หล่อนมาทำงานสายก็เพราะ ไปเป็นธุระเรื่องนี้ให้ผม และหล่อนได้เตรียมการมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ที่เอาอะไรต่ออะไรมาให้ผมเซ็น

ผมต้องถอนหายใจยาว ๆ ระบายความรู้สึกในใจออกมา

“ ขอบคุณอีกทีครับ ” ผมพูด คราวนี้เสียงผมพูดเป็นปกติ ผมยัดซองนั้นเข้ากระเป๋าหลังกางเกง

“ อ้อ ” หล่อนพูดออกมาอีกเหมือนนึกอะไรได้ “ ในลิ้นชักโต๊ะ ชั้นบนด้านขวา มีกระเป๋าเอกสารอยู่ใบหนึ่ง ดิฉันใช้เงินที่ฝากไว้นั้นซื้อมาให้ คุณจะได้ใช้มันบรรจุเอกสาร และอะไรต่ออะไร แทนที่จะใส่กระเป๋าหลังทุกครั้ง ”

ผมเดินกลับไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักที่หล่อนบอก ในนั้นมีกระเป๋าเอกสารหนังสีดำ ขนาดพอดีมือ อยู่ใบหนึ่ง ผมดึงเอาออกมา มันเป็นกระเป๋าขนาดกำลังสวย ทำด้วยหนังชั้นดี ที่เปิดปิดเป็นบานพับที่มีเลขรหัส มีแผ่นกระดาษเล็กๆ แขวนกับเส้นด้ายห้อยอยู่ ผมจับมันพลิกขึ้นมาดู มีตัวเลขสามตัวเรียงรายกันอยู่เป็นแถว ๆ มีอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์อยู่

ผมพอจะอ่านออก มันเป็นวิธีใช้รหัสปิดเปิดกระเป๋าใบนั้น และรหัสนี้ตั้งเปลี่ยนได้ตามใจชอบของเจ้าของ

ผมเปิดกระเป๋าออก เอาซองเอกสารนั้นใส่เข้าไป ปิดฝา ลองขยับหูกระเป๋าในมือ มันกำลังเหมาะมือพอดี ผมถือกระเป๋าใบนั้นเดินไปที่โต๊ะกัณหา กล่าวคำขอบคุณอีกที กัณหาเหลือบตาขึ้นมองผมแว่บหนึ่ง คราวนี้ยิ้มให้ผมก่อนที่จะก้มหน้าทำงานของหล่อนต่อ

ผมหิ้วกระเป๋าใบนั้นเดินลงบันไดสำนักงานไป

ผมนึกว่าพี่ถมจะไปหากินที่อื่นต่อ เพราะได้บอกให้มารับตอนเลิกงาน ที่หน้าสำนักงาน รถพี่ถมยังจอดนิ่งอยู่ ตัวพี่ถมนั่งเอ้เตอ่านหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งอยู่บนที่นั่งคนขับ มีรู้จักไปหาผู้โดยสารที่อื่น
เขาหันมามองผม หนังสือพิมพ์ยังกางอยู่ตรงหน้า

“ อ้าว ” ผมทัก “ พี่ถม ทำไมยังไม่ไป ผมนึกว่า ไม่อยู่เสียแล้ว ”

“ ก็รออยู่นี่ ยังไม่มีธุระจะไปไหน ” เขาพูด “ เผื่อเกิดมีธุระปะปังด่วนขึ้นมา จะได้ไปด้วยกัน ”

พูดยังกับรู้ว่าผมจะต้องออกไปอีก ผมเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่งข้าง ๆ ไม่บอกว่าไปไหน

“ หัดพูดเสียมั่งซีวะ ” พี่ถมตวาดออกมา “ จะไปไหน ”

“ นึกว่ารู้แล้วว่าจะไปไหน ” ผมแหย่เล่น “ เห็นรู้ล่วงหน้าว่า ผมมีธุระจะไป ”

“ ไอ้พรรค์นี้ ” เขาครางออกมา ไม่พูดอะไรต่อ หันมาจ้องหน้าผม

“ ไปสี่พระยา ” ผมพูด ไม่มองตาเขา

พี่ถมออกรถตามแบบฉบับ จนหัวผมกระแทกพนักพิงเบาะรถ

ผมกดกริ่งที่หน้าประตูบ้านคุณสันติเพียงกริ๊งเดียว ประตูก็เปิดเหมือนมีคนรอเปิดให้อยู่แล้ว ผมเดินตรงไปที่ตัวบ้าน ตัวเจ้าของบ้านนั่งรอผมอยู่ที่เก้าอี้หมู่หน้าบ้านอย่างเคย เขารีบลุกขึ้นมา ดึงมือผมไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ ๆ กับตัวที่เขานั่ง



Create Date : 12 กรกฎาคม 2553
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 4:58:48 น. 1 comments
Counter : 620 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:13:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.