จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 48)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 48

ผมปล่อยให้เรื่องมันหยุดอยู่ชั่วคราวแค่นั้น ผมยังมีอะไรที่จะเล่นกับนายอนุชิตคนนี้อีก เรื่องมันยังไม่หยุดแค่นี้

ผมชวนพี่ถมลงจากโรงพัก พอขึ้นนั่งรถ พี่ถมก็พูดขึ้นว่า

“ ไปทำแผลหรือยังไงคุณ ทำไมไม่ให้ตำรวจเขาพาไป จะได้ส่งค่ารักษาให้เขาไปเบิกที่นายคนนั้น ”

“ ไม่เป็นไร เราจ่ายเองก็ได้ ” ผมพูด กุมแผลที่ปาก

พี่ถมหันมามองผม แล้วหัวเราะออกมาหึเดียว ไม่พูดอะไร ขับรถเข้าตลาด

ผมแวะทำแผลที่คลินิกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในตลาด ฟันบนโยกไปสองซี่ ผมให้หมอดึงออก แล้วเก็บเอาฟันสองซี่นั้นไว้ ผมต้องนั่งเอาลิ้นดุนช่องว่างที่เคยมีฟันสองซี่อยู่นั้นเล่น มันรู้สึกโล่ง ๆ ยังไงพิกลที่ตรงนั้น

ออกจากร้านหมอแล้ว ผมก็ให้พี่ถมหาร้านอาหารที่มีเหล้าชั้นดีด้วย เราหาได้ร้านที่ค่อนข้างจะโอ่โถงร้านหนึ่ง มีลูกค้าประปราย เพราะยังไม่ถึงเวลาอาหารดี เลือกได้โต๊ะว่างโต๊ะหนึ่ง ก็สั่งวิสกี้ชั้นดีมาทั้งขวด น้ำแข็งเปล่าพร้อมทั้งกับแกล้ม

ผมนั่งใช้ความคิดอยู่เงียบ ๆ พี่ถมคงจะรู้ใจผม เขานั่งรินเหล้า ใช้ตะเกียบหยิบกับแกล้ม ไม่พูดอะไรเหมือนกัน

ผมไม่รู้ว่า พี่ถมรู้หรือเปล่าว่า ไอ้ถึกอยู่ในบ้านนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะได้เห็นมันหรือเปล่าตอนที่มันมาเปิดประตูรับทีแรกที่ผมกดกริ่งหน้าบ้าน

“ พี่ถม เห็นไอ้ถึกหรือเปล่า ”

เขามองดูผมนิ่ง คงจะแปลกใจในคำถามของผม

“ ที่ไหน ” เขาถามออกมา

“ ก้อที่บ้านนายอนุชิตนั่น ” ผมบอก

“ ฮะ ” เขาอุทานออกมา “ มันอยู่ที่ไหน คุณเห็นมันเรอะ ”

“ มันมาเปิดประคูให้ ตอนที่ผมกดกริ่งนั่นไง ”

“ อ้าว ทำไมคุณไม่บอกผมตอนนั้น ” เขาวางถ้วยเหล้าที่กำลังยกขึ้นจ่อปาก ลงกระแทกโต๊ะ

“ ผมนึกว่าพี่ถมเห็นมันด้วย ”

“ อ๊ะ ถ้าเห็นตอนนั้น คุณก็ไม่ต้องเจ็บตัวยังงี้ ” เขาคลึงแก้วเล่น
“ แถมคุณยังไม่ให้ผมเข้าไปเสียอีก ”

“ ผมยังไม่อยากให้พี่ถมเอาตัวมันตอนนั้น ” ผมบอกเขา “ ผมอยากเข้าไปดูอะไร ๆ ในบ้านก่อน ”

“ เห็นชัดไหมล่ะ ” เขาหัวเราะ “ ปากเจ่อออกมาเลย แถมยังโดนข้อหาบุกรุกเข้าให้อีก ”

“ พี่ถมพูดอะไรกับนายร้อยคนนั้น เขาถึงไม่เอาเรื่อง ” ผมเพิ่งนึกออกไอ้ที่ผมสงสัย

พี่ถมหัวเราะหึ ๆ ไม่ตอบคำถามของผม กลับพูดไปเสียเรื่องอื่น

“ ถ้าไอ้ถึกอยู่ในนั้นจริง ก็ต้องเอาตัวให้ได้ ”

“ จะเอาได้ยังไง ” ผมถาม

“ เดี๋ยวก็กลับไปบุกเข้าไป มันจะยากอะไร ว่าแต่คุณเห็นมันจริงๆ หรือ ”

“ ผมเห็นมันจริง ๆ ก็มันโผล่หน้ามาเปิดประตูให้ แล้วมันก็เดินเข้าไปหลังบ้าน ”

“ งั้นไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ ” พี่ถมฉุดผมให้ลุกขึ้น

ผมไม่ยอมลุกตาม

“ บุกเข้าไปได้ยังไง พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ” ผมดึงแขนออกจากมือเขา “ มันต้องมีหมายค้นจากตำรวจชั้นสารวัตรอย่างน้อย ”

พี่ถมนั่งลง คว้าตะเกียบมาหยิบกับเข้าปาก ซดเหล้าฮวบ วางแก้วมองดูผม

“ อย่าถือกฎหมงกฎหมายอะไรมันเลย ขืนช้าไป เดี๋ยวมันหนีไปไหนเสียอีกล่ะ ”

“ ผมว่ามันไม่หนี ” ผมพูด คว้าแก้วเหล้ามาซดบ้าง

“ รู้ได้ยังไงว่า มันจะไม่หนี ” พี่ถมยังสงสัย

“ นายอนุชิตเขาใหญ่แค่ไหนที่นี่ก็เห็นอยู่แล้ว ” ผมคีบกับเข้าปาก ไม่ได้มองดูเขาขณะพูด “ ไอ้ถึกจะอยู่ในบ้านนั้นสักกี่วันกี่ปีก็ยังได้ แล้วถ้าลงเราบุกเข้าไป ก็ไม่พ้นตะรางแน่ เราเองน่ะแหละ ”

พี่ถมของผมทำท่าฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่ง ยกแก้วเทเหล้าพรวดเข้าคอ วางแก้วกระแทกลง ไม่พูด

“ งั้นกลับไปกรุงเทพ ฯ เอากองปราบมาบุก ” พี่ถมพูดออกมา เมื่อกี้คงจะนั่งหาวิธีอยู่

“ กลับไปกรุงเทพ ฯ แล้ว เผื่อกลับมาบุกเข้าไป ไม่เจอไอ้ถึกล่ะ ” ผมติง พี่ถมเผลอพูดถึงกองปราบออกมาอีกแล้ว คงจะมีอะไร ๆ พอที่จะเอากำลังกองปราบมาได้อย่างพูด

“ ปัญหามากจริงโว้ย ” พี่ถมชักอึดอัด หันมามองผม จ้องนัยน์ตาเป๋งจนผมต้องหลบตา “ บอกมาหน่อยถี พ่อคนปัญญาดี จะให้ยังไง ถึงจะได้ตัวไอ้ถึกกลับกรุงเทพ ฯ บอกเสียตอนนั้นก็เรียบร้อยไปแล้ว ยักกระสายอยู่ได้ ”

“ อย่าเพิ่งใจร้อน พี่ถม ” ผมพูดช้า ๆ “ ค่อย ๆ คิด เดี๋ยวก็หาทางออกเอง ”

“ งั้นกินเหล้าต่อ ” เขาคว้าแก้วเหล้ามาดื่มอั้ก ๆ วางแก้วลงพูดว่า “ อิ่มแล้ว คิดให้ออกนะ เอ้า ”

ผมไม่ว่าอะไร ยุ่งอยู่กับกับแกล้มและแก้วเหล้าของผม ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ในหัวของผม ความคิดกำลังวิ่งพล่าน ผมก็อยากได้ตัวมันเหมือนกัน

ทั้งพี่ถมและผมต่างนั่งจิบเหล้า เคี้ยวกับแกล้มกันอยู่เงียบ ๆ ต่างคนต่างไม่พูด พออิ่มดี พี่ถมเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดมือที่พาดหน้าตัก เรียบร้อยเสร็จสรรพ ก็พูดออกมา

“ ว่ายังไงล่ะ อิ่มแล้ว คิดออกเสียทีซี่ ”

“ แอบรถจอด เฝ้ามันอยู่แถวนี้แหละ ” ผมว่า

พี่ถมหันมามองผม นิ่งไปพักหนึ่ง พูดว่า

“ เฝ้ามันทั้งคืน แล้วมันไม่ออกมา จะทำยังไง ”

“ ผมว่ามันต้องออกมา คืนนี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าเวลาไหนเท่านั้น ” ผมเช็ดปากมั่ง เพราะอิ่มเหมือนกัน

“ วะ – ทีละท่อน - ทีละท่อน ยังงี้ รำคาญตายห่า ” พี่ถมชักจะหงุดหงิดจริง ๆ “ พูดออกมาให้หมดเปลือกไม่ได้หรือไง จะให้ทำยังไงก็ว่ามา ให้มันหมดสิ้นเนื้อความซีโว้ย ”

ลายตำรวจออกมาตอนนี้เอง – เวลาหงุดหงิด ผมหัวเราะ

“ เป็นตำรวจอยู่ก็ต้องปิดบังทำไม ” ผมพูด มองหน้าเขา “ เอายังงี้ พี่ถม เดี๋ยวเราออกรถ เร่งเครื่องผ่านไปหน้าบ้านเขานี่แหละ แล้ววนไปด้านหลังตลาด กลับมาออกที่ทางเข้าด้านหลัง แล้วไปจอดฝั่งเดียวกับบ้านเขานี่ ซุ่มอยู่ยังงั้นห่าง ๆ อย่าให้ใกล้บ้านนัก พอมองเห็นประตูบ้าน เดี๋ยวก็ได้เรื่อง ”

“ งั้นไป ” พี่ถมเรียกคนมาเก็บเงินค่าอาหาร ผมล้วงเอาเงินออกมาจ่าย พี่ถมฉุดมือลุกขึ้น ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย เดินอ้าวไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าร้าน ไม่ไกลจากบ้านนายอนุชิตนัก พอก้นถึงเบาะ รถก็กระชากพรืดออกไป

พี่ถมพารถผ่านหน้าบ้านนายอนุชิตไป เร่งเครื่องพรึ่มเมื่อถึงหน้าบ้าน ขับผ่านเลยไปอย่างเร่ง ๆ ไปทางหน้าโรงพัก ถึงตอนนี้ พี่ถมปล่อยให้รถวิ่งเอื่อย ๆ ผ่านหน้าโรงพักไปช้า ๆ แบบกินลม เร่งเครื่องอีกทีเมื่อผ่านพ้นตัวสถานีตำรวจไปแล้ว วกอ้อมไปทางด้านหลัง เมื่อเข้าเขตตลาด ก็เบารถ ปล่อยให้รถวิ่งเอื่อย ๆ ไปหยุดนิ่งอยู่บนถนนฝั่งเดียวกับบ้านนายอนุชิต ทิ้งระยะห่างขนาดพอมองเห็นประตูหน้าบ้าน ดับไฟเครื่อง ไฟรถ เงียบ และมืดสนิท

“ เอาหรือยังล่ะ ยังงี้ ” เขาหันมาถามผมเบา ๆ

“ ยังก๊ในหนัง ” ผมพูดเบา ๆ เหมือนกัน “ ตอนตำรวจแสดงการเฝ้าบ้านผู้ร้าย ”

“ ยังงั้นดีหรือยังล่ะ ” เขาย้ำถามอีก “ ถามอย่าง ตอบไปเสียอีกอย่างยังงี้หน้ามันถึงได้แหกบ่อย ๆ ”

“ ดีแล้วคร้าบ ” ผมทำเสียงสั่น ๆ เบา ๆ

เขาหันมามองผมแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร นั่งนิ่ง สายตาเพ่งไปข้างหน้า

เราทั้งสองนั่งนิ่ง ไม่พูดจากัน เสียงเคาะดังแก๊ง ๆ บอกโมงยามดังมาไกล ๆ บอกเวลาสามทุ่ม รอบ ๆ ตัวผมและพี่ถมเงียบสงบ ชาวบ้านที่นี่นอนกันแต่หัวค่ำ

ผมกำลังจะหลับเอาจริง ๆ ด้วยความเงียบรอบข้าง ก็รู้สึกรถเขยื้อนช้า ๆ ผมผงกหัวขึ้นมา

พี่ถมกำลังเคลื่อนรถออกจากที่ ไฟหน้าดับมืด แต่ข้างหน้ารถผมเห็นมีรถใหญ่ ๆ คันหนึ่งแล่นเรื่อย ๆ ไปเหมือนกัน เห็นไฟท้ายและไฟหน้าทอดแสงลงไปตามพื้นถนน พี่ถมบังคับรถไปห่าง ๆ ใช้ความเร็วเท่า ๆ กับรถคันหน้า ไม่เปิดไฟรถตัวเอง อาศัยไฟท้ายรถคันหน้านำทาง ลงแบบนี้ไม่ใช่ตำรวจก็ผิดไป ผมไม่สงสัยอีกแล้วว่า พี่ถมของผมจะไม่ใช่ตำรวจ แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์

รถคันหน้าแล่นเรื่อย ๆ ไปทางโรงพัก ผ่านโรงพักไปแวะ เรื่อยไปออกถนนที่จะอ้อมไปด้านหลัง อ้อมไปทางถนนสายนั้น แล่นเรื่อย ๆ ไป

ถนนสายนี้คงจะเป็นทางหลวงเพราะกว้างใหญ่ นาน ๆ ที มีรถสวนและผ่านขึ้นหน้าไป พี่ถมยังคงเกาะระยะกับรถคันหน้าไว้อย่างเดิม ไอ้รถคันนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดที่ไหน มันคงแล่นเรื่อย ๆ ไปอย่างนั้นเหมือนไม่มีจุดหมาย

แล้วมันก็หยุดจอดเอาเฉย ๆ ข้าง ๆ ถนนใหญ่นั่นเอง พี่ถมยังไม่ทันรู้ตัว กว่าจะหยุดรถได้ก็กินระยะเข้าไปหน่อยหนึ่ง เขาชะงักชั่วขณะ ตบเกียร์พรวด บังคับรถออกวิ่งต่อ ประตูรถคันหน้าเปิดออกทันที ก่อนที่รถพี่ถมจะผ่านไอ้รถคันนั้นไป บุคคลในเครื่องแบบตำรวจ ก้าวออกมาจากประตูที่เปิดนั้น แม้พี่ถมจะไม่ได้เปิดไฟใหญ่ ผมก็เห็นในมือคนแต่งเครื่องแบบตำรวจนั้น มีปืนแบบ เอ็ม. ๑๖ ถือจังก้าอยู่ เขาออกมายืนขวางถนน ยกมือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือปืนขึ้น แบฝ่ามือยันมาข้างหน้า

“ หยุด ” เขาตะโกนลั่นถนน

ผมนั้นกลัวว่าพี่ถมของผมจะตะลุยเข้าชน แต่ – ไม่ เขาหยุดรถได้พรืดทันทีเหมือนกัน แต่หน้ารถก็เกือบจะยันเอาตำรวจในเครื่องแบบนั่น ทีนี่ผมเห็นชัดว่า ตำรวจคนนั้นมีเครื่องหมายยศอยู่บนบ่า เป็นจ่านายสิบตำรวจ เขายืนถ่างขานิ่ง ไม่ได้หลบรถที่พี่ถมปรี่เข้ามาหา และหยุดอยู่ตรงนั้น แสดงว่าประสาทแข็งมาก

จ่าคนนั้นเดินมาที่รถ ปืนในมือเขาจี้มาที่พี่ถม

“ ลงมาจากรถ ” เขาสั่งการ ปลายลำก้อง เอ็ม. ๑๖ จี้อยู่ที่กระจกที่พี่ถมนั่ง

พี่ถมเปิดประตูรถตามสั่ง แต่ไม่ใช่เปิดธรรมดา ประตูรถข้างนั้นกระแทกเข้าที่ร่างจ่าตำรวจกระเด็นผงะหงายหลัง พี่ถมโดดออกจากรถได้เร็วยังไงก็ไม่รู้ ผมได้ยินเสียงดังโพละ ร่างของตำรวจก็ลอยคว้าง เอ็ม. ๑๖ ในมือปลิวหลุดออกจากมือ พี่ถมก็เหยียบถึงดินเต็มตัว ผมยังมองไม่ทันว่า ไอ้ปืนกระบอกนั้นมาอยู่ในมือพี่ถมได้ไวยังงั้นได้ยังไง

ผมไม่รู้อีกเหมือนกันว่า พี่ถมทำอะไรกับร่างที่ผงะกลับไปของจ่าคนนั้น แต่ผมไม่ได้เห็นจ่าคนนั้นลุกขึ้นมาอีก ผมเห็นแต่ประตูรถทั้งสองด้านของรถคันหน้าเปิดออกเกือบจะพร้อม ๆ กัน คนสองคนก้าวออกมาจากประตูที่เปิดนั้น ข้างละคน

“ หยุด ” ผมได้ยินเสียงพี่ถมตวาดลั่นถนน “ อย่าขยับ ยกมือขึ้นสูงๆ ”

คนสองคนนั้นชูมือขึ้นทั้งสองข้างสูงเหนือหัว แต่ในมือแต่ละคนมีปืนพกกระบอกสั้น ๆ ถืออยู่

“ ปล่อยปืนลง ” เสียวพี่ถมสั่งอีก

ปืนในมือสองคนนั่นถูกปล่อยหลุดจากมือ แต่ในขณะเดียวกัน ทางด้านหน้ารถ เบื้องหลังของคนที่ชูมืออยู่ทางด้านซ้าย เปิดพรวดออก เสียงปืนลั่นเปรี้ยง ผมเห็นแต่ประกายไฟที่แลบออกจากปากกระบอกปืน ก่อนที่จะเห็นตัวคนที่ก้าวพรวดออกมา พร้อมด้วยปืนในมือ เขาพาดมือที่ถือปืนนั้นที่หลังคารถ

เสียงปืนในมือพี่ถมลั่นออกมาถี่ ๆ หลายนัด คนที่อยู่ทางด้านขวา พับกลิ้งลงบนพื้นถนน คนทางด้านซ้ายขยับตัว พร้อมกับเจ้าของปืนที่พาดหลังคารถอยู่นั้น แต่ประกายไฟจากกระบอก เอ็ม. ๑๖ ในมือพี่ถม แลบออกมาก่อน พร้อมทั้งเสียงกัมปนาทก้อง มือที่พาดอยู่บนหลังคารถผงะโยนปืนขึ้นในอากาศ เจ้าของร่างหงายตีลังกากลับไป

คนทางด้านเดียวกันที่อยู่เบื้องหน้า เผ่นลงไปข้าง ๆ ถนน

ตอนนี้พี่ถมวิ่งอ้อมหน้ารถที่ผมนั่งอยู่ไปแล้ว

ทางด้านที่ผมนั่ง ผมเห็นถนัด พี่ถมยืนจังก้าอยู่ที่ริมถนน ปืนฝนมือยกขึ้นประทับบ่า เปลวไฟแลบเหมือนปากกระบอกปืนมีลิ้นสีเพลิง เสียงดังติด ๆ กันหลายเปรี้ยง แล้วก็เงียบ

ร่างใครคนหนึ่งถีบประตูทางด้านถนนออกมา พี่ถมหันขวับ ในความมืด ผมก็ยังจำร่างมันได้


Create Date : 02 กรกฎาคม 2553
Last Update : 7 กรกฎาคม 2553 4:25:17 น. 2 comments
Counter : 795 Pageviews.

 
กำลังมันเชียวหมดตอนอีกแล้ว


โดย: ศรชัย IP: 114.128.108.64 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:46:49 น.  

 
สนุกจัง..

จะรออ่านต่อนะ...ขอบคุณมาก..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:49:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.