จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
20 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 82)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 82

พระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ สวิส ฯ

ในระยะเดือนกันยายน-ตุลาคม 2503 นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ แปรพระราชฐานไปประทับอยู่ที่พระตำหนัก “ วิลลา วัฒนา ” ณ เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์

ในหลวงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จประพาสประเทศยุโรปหลายประเทศ และจะทรงใช้เมืองโลซานน์เป็นที่ประทับ เพื่อการวางโปรแกรมการเสด็จประพาสครั้งนั้น

พระตำหนัก “ วิลลาวัฒนา ” นี้ เคยเป็นที่ประทับมาก่อนที่จะเสด็จขึ้นเสวยราชย์ ท่านอธิบดีและพวกผมเคยได้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักแห่งนี้ เมื่อครั้งที่จะรับเสด็จพระราชดำเนินกลับเมืองไทยทางเรือ

ในวันที่ในหลวงเสด็จ ฯ ถึงสนามบิน กวงแตรง (Cointrin) นครเจนีวานั้น พวกผมก็ไปคอยรับเสด็จที่สนามบินด้วย เพื่อจะเข้าเฝ้าโดยใกล้ชิด เช่นเดียวกับชาวไทยในเจนีวา ผมก็ยังโดนพวกตำรวจลับของเจนีวา ที่ทางการเขาจัดไปถวายอารักขาที่สนามบินนั้น กีดกันไม่ให้เข้าไปใกล้ลาดพระบาท เขามายืนคุมคณะผมอยู่ใกล้ ๆ และคอยกีดกันให้อยู่ห่าง ๆ ลาดพระบาทที่จะเสด็จพระราชดำเนิน เมื่อเสด็จ ฯ ลงจากเครื่องบินออกไปประทับรถพระที่นั่ง

แสดงว่า พวกตำรวจลับที่นี่เขาต้องรู้จักพวกผมดี ท่าทางของเขาในขณะที่เรียงรายแถว ทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินมานั้น ระแวงระไวพวกผมมากพอดู กลัวว่าเราจะไปทำอะไรพระองค์ เป็นความกลัวที่ออกจะพิลึกอยู่ ชาวไทยไม่ว่าจะอยู่แห่งไหนในโลก ย่อมมีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ของเขาทุกคน เรื่องที่จะไปประทุษร้ายต่อองค์พระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยคิด ไม่เหมือนกับคนต่างประเทศที่ไม่มีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ของเขาอย่างคนไทย

มันเป็นหน้าที่ของเขา เราก็ไม่ถือสาอะไร ได้เห็นองค์พระเจ้าอยู่หัว และได้ถวายความจงรักภักดีในระยะห่างก็พอใจแล้ว ถือว่าได้รับความชื่นชมยินดี ที่ได้เฝ้าพระองค์ท่าน ก็พอใจแล้ว แม้จะห่าง ๆ

คนสันดานดิบ

ในระยะนั้น ทางรัฐบาลได้ตั้งให้บุคคลหนึ่ง เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่จัดการเรื่องการเสด็จ ฯ ของพระเจ้าอยู่หัว และ เป็นผู้จัดการวางโปรแกรมการเสด็จ ฯ ของพระองค์ท่านว่า วันไหนจะเสด็จ ฯไปที่ใด เมืองใด ตามพระราชประสงค์

บุคคลผู้นั้นเป็นผู้ใหญ่ในทางการเมืองคนหนึ่ง ผมรู้จักเขาดีพอสมควร เพราะเคยได้พบปะสนทนากันหลายครั้ง ในสมัยที่ผมอยู่ในเมืองไทย

เขาเป็นคนที่เป็นที่นับถือของชาวไทยมากคนหนึ่ง ในทางข้อเขียนของเขา แต่ประวัติของบุคคลผู้นี้ ผมพอจะรู้ว่า เขามีต้นตระกูลมาจากไหน และผมก็ยังได้รู้มาอีกว่า ในที่เขายังเป็นเด็กทารกอยู่นั้น เขาได้ถือกำเนิดมาในเรือประทุนกลางแม่น้ำ และได้รับการเลี้ยงดูในสมัยเด็กอ่อนนั้น จากครอบครัวของท่านอธิบดีเผ่า ฯ ซึ่งขณะนั้นมีบ้านอยู่ในจังหวัดที่เรือลำนั้นจอดอยู่

บุคคลผู้นั้น ได้อาศัยน้ำนมของท่านมารดาท่านอธิบดีเผ่า ฯ เลี้ยงชีพ เรียกว่า กินนมเต้าเดียวกันกับท่านอธิบดีเผ่า ฯ ทำไมเขาจึงต้องมาอาศัยเต้านมของมารดาท่านอธิบดี ผมก็ไม่ทราบ เขาน่าจะได้อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตอันเป็นของบิดา-มารดาของเขา แต่เขาทำไมต้องมาถือกำเนิดในเรือประทุนในลำน้ำหน้าเมืองสิงห์บุรีก็ไม่ทราบ แล้วต้องมาถูกรับเลี้ยงโดยมารดาของคนอื่น ต้องอาศัยเต้านมของมารดาคนอื่น แทนที่จะได้ดื่มนมมารดาของตนเอง

เรืองนี้มันก็ประหลาดดี ไม่มีใครอธิบายได้ นอกจากตัวเขาเอง
ผมได้ทราบจากเจ้าคุณลุงของผม ซึ่งเป็นข้าราชบริพารของในหลวงรัชกาลที่ 6 ถึงกำเนิดของบุคคลผู้นี้ว่า ทำไมเขาต้องไปถือกำเนิดในเรือลอยลำกลางแม่น้ำอย่างนั้น

เรื่องที่ท่านเจ้าคุณลุงของผมเล่าให้ฟังนั้น มันไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ผมจะไม่เขียนในที่นี้

บุคคลผู้นี้ก็เดินทางมาพำนักอยู่ที่สวิส ฯ เหมือนกัน เพื่อการวางโปรแกรมการเสด็จ ฯ อย่างใกล้ชิด ผมไม่ทราบว่าเขาพักอยู่แห่งหนตำบลใด ไม่ได้เอาใจใส่

ผมเคยให้ความเคารพนับถือเขาในสมัยอยู่เมืองไทยครั้งหนึ่ง ในฐานะที่เขาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนผมคนหนึ่ง ผมเคยเรียกเขาว่า คุณอา ตามที่เพื่อนผมเรียก แต่ต่อมา พอผมรู้เรื่องที่ท่านเจ้าคุณลุงของผมเล่าให้ฟัง ผมก็หมดความนับถือ เสียดายที่หลงกราบไหว้มาตั้งนาน
ผมเชื่อว่า ท่านเจ้าคุณลุงของผม ท่านคงไม่เอาเรื่องไม่จริงมาเล่าให้ฟัง ท่านเสียชีวิตไปแล้ว และบุคคลชั้นผู้ใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว บุคคลผู้นั้นคงจะคิดว่า ไม่มีใครที่รู้ถึงต้นกำเนิดของเขาอยู่อีกแล้ว เขาจึงมั่นใจว่า จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ได้อีก

เรื่องที่ผมได้รับฟังจากท่านเจ้าคุณลุงของผมกับเรื่องที่ได้รับทราบจากท่านอธิบดีเผ่า ฯ ที่ว่าเขาต้องมากินนมเต้าเดียวกับท่าน และเนื่องที่เขาต้องมาคลอดในเรือประทุนกลางลำน้ำ หน้าเมืองต่างจังหวัด แทนที่จะได้ถือกำเนิดในบ้านต้นตระกูลอย่างพี่น้องของเขาทุกคน ทำให้ผมเชื่อว่า เรื่องที่ผมได้รับทราบมาคงจะเป็นความจริง และยิ่งมาได้รับรู้และเห็นการกระทำของเขาในวาระต่าง ๆ กัน ทั้งทางการเมืองและการเขียน ผมก็ยิ่งเชื่อว่าคงจะเป็นความจริง เพราะลักษณะของการกระทำและอะไร ๆ ที่เขาประพฤติออกมาให้คนทั่วไปเห็นนั้น มันน่าจะเป็นนิสัยของบุคคลในสัญชาติของผู้ให้กำเนิดเขามาแน่

บุคคลผู้นี้ก็ได้มาประพฤติเช่นนั้นกับท่านอธิบดีเผ่า ฯ อีก ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็ก และตัวเองก็ได้อาศัยน้ำนมมารดาของท่านเลี้ยงชีวิตมาแต่ยังเยาว์วัยด้วยกัน

เขาเก็บเอานิสัยสันดานของผู้ให้กำเนิดของเขาไว้เต็มสันดานในตัวโดยสมบูรณ์ แม้แต่ในปัจจุบัน ก็ไม่ทราบว่า ผู้คนทำไมถึงได้นับถือเขานัก เขาหลอกคนได้เกือบทั่วประเทศอย่างสนิทจริง ๆ

ผมไม่ทราบว่าท่านอธิบดีเผ่า ฯ ได้แอบติดต่อกับบุคคลผู้นี้ได้อย่างไร ท่านไม่ได้เล่าให้ผมฟังถึงเรื่องนี้เลย ก็เป็นธรรมดาของคนที่ตกอยู่ในสภาพที่ต้องการที่พึ่ง เพื่อที่จะให้ช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าบุคคลผู้นั้นเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กและเคยกินนมเต้าเดียวกันมา ท่านก็คงหาทางพบติดต่อ เพื่อให้ช่วยเหลือตามควร เท่าที่จะให้ได้ เพราะถึงอย่างไร บุคคลผู้นี้ก็เป็นคนวางหมายกำหนดการเสด็จ ฯ ของในหลวง คงจะมีโอกาสที่จะเข้าเฝ้าถวายความเห็นอะไรเกี่ยวกับตัวท่านได้บ้าง น่าจะเป็นที่พึ่งในยามยากนี้ได้

แต่ท่านเข้าใจผิด ไม่รู้ว่ามาคบเอาคนสันดานดิบเข้าให้

วันหนึ่ง ท่านชวนผมไปสนามบิน ไปทำไมวันนั้นผมก็ไม่ทราบก่อน แต่ก็ต้องไปเมื่อบอกให้ไปด้วย ถึงสนามบินก็เข้าไปในห้องรับแขกของผู้โดยสารขาเข้า ผมนั่งอยู่กับท่านในห้องพักนั้น ท่านถามผมว่า วันนี้จะมีเครื่องจากเมืองไทยเข้ามากี่โมง ผมก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รู้มาว่าเครื่องบินจากเมืองไทยจะลงในเวลาอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว ท่านแสดงกิริยาชอบใจ ก็ไม่ทราบว่านัดกับใครไว้

ถึงเวลาเครื่องลง ทางสนามบินก็ประกาศให้ทราบทางเครื่องกระจายเสียง ผมก็บอกท่านให้รู้ตามที่ได้ยินเสียงประกาศ ท่านมีอาการตื่นเต้นเห็นได้ชัด ชะเง้อมองไปทางประตูที่ผู้โดยสารที่ลงมาจากเครื่อง จะต้องผ่านเข้ามาในห้องพัก

สักครู่เดียวก็มีผู้โดยสารเดินเข้าประตูทางเข้าสนามบินนั้นมาเป็นแถวยาว

ในแถวผู้โดยสารที่เดินตามกันมานั้น ผมเห็นบุคคลที่ผมเขียนบรรยายมาข้างต้นนั้น เดินปะปนมากับกลุ่มผู้โดยสารขาเข้านั้นด้วย เจ้านายก็เห็น ท่านลุกขึ้นจากที่นั่ง ขยับจะเดินเข้าไปหาเขา คนคนนั้นหันมามองในขณะเดียวกันนั้น

เขามองเห็นท่านแน่นอน แต่เขาไม่ได้แสดงกิริยายินดีหรือสนใจอะไร เขาสะบัดหน้า หันเดินดุ่ม ๆ ออกไปทางออก ตามกลุ่มผู้โดยสารคนอื่นไปอย่างไม่ใยดี เหมือนไม่รับรู้อะไรถึงทีท่าของเพื่อนเก่าที่ลุกขึ้นทำท่าจะเข้ามาหา จะว่าเขาจำไม่ได้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ และผมเชื่อแน่ว่า ถ้าไม่ได้มีการนัดหมายหรือมีการติดต่อกันมาก่อนในทางใดทางหนึ่งแล้ว ท่านก็คงจะไม่รีบร้อนมาต้อนรับถึงสนามบินอย่างนี้

ท่านชะงักก้าวเดิน ยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อได้รับการสนองตอบด้วยกิริยาไม่ใยดีอย่างนั้น ร่างกายทำท่าซวนเซ ผมต้องกลับเข้าไปประคอง พามานั่งที่ม้านั่งอย่างเก่า ผมเข้าใจว่าอาการโรคหัวใจคงจะทำพิษเอาเข้าแล้ว จากการที่ได้รับการกระเทือนใจอย่างหนักโดยทันที

ท่านทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง หายใจหอบถี่ ๆ ผมจับท่านพิงกับพนักเก้าอี้ที่นั่ง แล้วรีบออกไปเรียกรถให้มาจอดรับ ให้คนขับเข้ามาช่วยประคองท่านเดินไปที่รถ ระหว่างทางที่กลับบ้าน ท่านนั่งหัวพิงพนักเบาะ หลับตาหายใจหนัก ๆ อย่างน่ากลัว

เมื่อมาถึงหน้าตึก เมซอง รัวยาล ผมก็โทรศัพท์เรียกหมอ โอเดียร์ ให้มาดูอาการด่วนเดี๋ยวนั้น โทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้ามาถามท่านที่รถว่า พอจะเดินไปที่ลิฟต์ได้ไหม ท่านพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ผมกับคนขับรถก็ช่วยประคองออกจากรถ พาไปที่ลิฟต์ กดลิฟต์ขึ้นไป

เข้ามาในห้องแล้วก็ให้นั่งที่เก้าอี้รับแขกตัวใหญ่ นั่งหอบอยู่ โดยมีผมกับคนขับรถคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ คงจะได้รับการกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก จนอาการกำเริบอย่างฉับพลัน

หมอโอเดียร์ มาถึงในชั่วไม่กี่นาทีที่เรียกไป หมอเข้ามาตรวจอาการแล้วถามผมว่า ไปโดนอะไรมาถึงมีอาการอย่างนี้ ผมเล่าเหตุการณ์ที่สนามบินให้หมอฟัง

หมอส่ายหน้า พึมพำว่า ไม่น่าจะเป็นได้ คงต้องได้รับความสะเทือนใจอย่างมากทีเดียว ที่ได้รับความผิดหวังอย่างฉับพลัน จึงจะทำให้หัวใจเกิดอาการอย่างนี้ขึ้นได้

หมอจัดการเยียวยาและเฝ้าดูอาการจนแน่ใจแล้วจึงกลับไป พร้อมทั้งกำชับให้คอยดูแลเรื่องอาหารในวันนั้นด้วย เรื่องนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพี่ดม ผมกลับบ้านเมื่อหมดหน้าที่ และเห็นว่าอาการของท่านดีขึ้นจนไม่น่าวิตกแล้ว

จากวันนั้นมาอีกไม่กี่วัน อาการของท่านก็ค่อย ๆ ดีขึ้น คงจะตัดใจได้แล้วจากเพื่อนสันดานเลวคนนั้น ตกเย็นก็โทรเรียกผมและพันศักดิ์ไปเป็นเพื่อนเดินเล่นบนถนนหน้าตึก สูดอากาศริมทะเลสาบ ผ่อนคลาดความเครียดไปด้วยกัน

ในวันต่อมาก็ชวนผมไปเล่นกอล์ฟที่สนามกอล์ฟของเจนีวา ซึ่งเป็นสนามในความดูแลของบริษัทกีฬาของเจนีวาแห่งหนึ่ง อยู่ในตำบลโอเน่ย์ ไกลออกไปทางนอกเมือง

สนามกอล์ฟนี้ ก็ต้องเป็นสมาชิกถึงจะเข้าไปเล่นได้ ผมต้องติดต่อกับนาย ดูตัวต์ ทนายความประจำตัว ให้ช่วยติดต่อเรื่องพิธีการเข้าไปเป็นสมาชิกให้ ก็ได้เข้าเป็นสมาชิกได้สำเร็จด้วยการติดต่อของนาย ดูตัวต์ ผู้กว้างขวางของนครเจนีวา

ค่าบำรุงสนามกอล์ฟนี้แพงหูดับ แต่เสียครั้งเดียวตลอดชีวิต ส่วนค่าแค๊ดดี้นั้นเสียต่างหาก แต่ละครั้งที่ไปใช้สนาม และสมาชิกเชิญแขกไปได้ครั้งละไม่เกินสองคน

ที่สนามกอล์ฟมีครูสอนเป็นพิเศษ ค่าเรียนก็ค่อนข้างจะแพง เมื่อไปสนามกอล์ฟด้วยกันบ่อยเข้า พันศักด์ก็ถูกจับให้หัดเล่นกอล์ฟ ผมนั้นเป็นอยู่แล้วจากเมืองไทย เพราะเป็นสมาชิกตลอดชีพของสโมสรกอล์ฟดุสิต เล่นกอล์ฟมาสิบกว่าปี ก็เลยถือโอกาสให้โปรที่นั่นจับวงให้ใหม่ จะได้เป็นเรื่องเป็นราว

โปรชั้นดีถามผมว่า เคยเล่นกอล์ฟมาแล้วกี่ปี ผมก็บอกว่าสิบกว่าปีแล้ว เขาบอกว่า ถ้ายังงั้นเชิญลองสวิงลูกให้ดูสักทีซิ ผมก็สวิงให้เขาดู โปร เห็นวงสวิงของผมแล้ว ก็บอกว่า

“ อย่าหัดเลย ตีไปยังงี้ดีแล้ว เพราะถ้าจะจับวงให้ใหม่ ก็ต้องแก้หมดทั้งตัว วงของคุณมันไม่เหมือนคนอื่นเขา ผิดทั้งหมด เล่นไปยังงี้ดีแล้ว ” ก็เลยไม่ได้หัดใหม่

ส่วนพันศักดิ์นั้น ตอนสวิงไม้ลง มันตีดิน จนคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สะเทือนไปทั้งตัว โปรบอกว่า จะต้องหัดกันเป็นเดือน ๆ เขาถามว่า เคยเล่นเทนนิสหรือเปล่า มันบอกว่า มันเล่นเทนนิสทุกวัน โปรบอกว่า ถ้ายังงั้นก็เล่นเทนนิสไปดีกว่า เพราะเทนนิสกับกอล์ฟมันคนละเรื่อง ถ้าจะเล่นกอล์ฟก็ต้องเลิกเทนนิส เล่นทั้งเทนนิสทั้งกอล์ฟ มันไปด้วยกันไม่ได้ ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็เลยเลือกเอาเทนนิส

การได้เข้าสนามกอล์ฟทำให้จิตใจท่านสงบขึ้น หันมาชวนผมไปสนามกอล์ฟบ่อยขึ้น ตกเย็นก็เดินเล่นริมทะเล สาบ ตอนเช้าหลังอาหารเช้าแล้ว ก็มักจะให้ผมขึ้นรถไปสนามกอล์ฟด้วยกัน ผมก็เลยได้ไม้กอล์ฟใหม่ทั้งชุดพร้อมทั้งถุงชั้นดี เป็นอุปกรณ์เล่นกอล์ฟสมบูรณ์ ครบเครื่อง




Create Date : 20 เมษายน 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 21:04:34 น. 1 comments
Counter : 1094 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:3:06:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.