จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 13)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 13

“ คุณน้าคิดว่า ที่นายสนตายคราวนี้ เพราะเรื่องที่ไปเป็นพยานให้เขานั่นหรือครับ ”

“ ก็จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะคะ พี่สนไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร คนแถวนี้เขาชอบแกทั้งนั้น วัน ๆ ขับสามล้อหากิน แกมีแต่เพื่อน ”

“ นายสนเห็นเหตุการณ์จริง ๆ หรือเปล่า ”

“ ฉันก็ไม่ทราบ มีคนมาตามตัวไป ฉันเห็นเขามาหาพี่สน แล้วพูดกันเรื่องรถชนเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเขาก็ชวนพี่สนไปหาตำรวจ ทีแรกพี่สนจะไปไม่ไป บอกว่าไม่อยากยุ่ง เสียเวลาหากิน ”

คุณน้าหยุดพูด นิ่งอยู่

“ แล้วยังไงล่ะครับ ” ผมต้องซักต่อ

แกนิ่งมองดูผมเฉยอยู่

ผมควักกระเป๋า หยิบเอาเงินที่อยู่ในซองออกมานับ ๓ ใบ เก็บซองเข้ากระเป๋า แล้วถือใบละร้อยสามใบนั้นเฉยไว้ในมือ

คุณน้ามองเงินในมือผมแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า

“ ฉันก็ยังพูดว่า ดีแล้ว อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เรามันคนทำมาหากิน มันไม่ได้ดิบได้ดีอะไรขึ้นมาหรอก แต่แล้ววันหนึ่ง พี่สนก็กลับมาบ้านเร็วกว่าทุกวัน มาบอกฉันว่า ไปเป็นพยานให้เขามาแล้ว ”

“ ทำไมละครับ ทำไมถึงเปลี่ยนใจ ” ผมบี้ธนบัตรในมือเล่น

“ เขาบอกว่ามันจำเป็น คนที่เขามาตาม เขาบอกให้คิดดูให้ดี แล้วเขาก็ให้เงินมาห้าร้อยบาท แล้วบอกว่ายังจะได้อีกเรื่อย ๆ ถ้าไม่ไปเป็นพยานให้เขา ก็อาจจะลำบากทีหลัง พี่สนเขาก็เลยไป ตอนที่กลับบ้านมานั้น เขาเพิ่งจะเสร็จเรื่องพบกับตำรวจมา เลยหยุดไม่ออกรถวันนั้น บอกว่าอยากจะพักสักวันเพราะมีเงินแล้ว แล้วเขาก็ให้เงินฉันไว้สี่ร้อย เขาเก็บไว้ร้อยเดียว เย็นนั้นก็ซื้อเหล้ามาเลี้ยงเพื่อนฝูงแถว ๆ นี้ รุ่งขึ้นก็เมาพับ ไปขี่รถไม่ได้อีก ”

“ วันต่อ ๆ มา ยังออกรถอีกหรือครับ ”

“ หยุดอีกตั้งหลายวันค่ะ พอมีเงินเข้า ชักจะขี้เกียจ วันต่อ ๆ มาก็ออกบ้าง ไม่ออกบ้าง แล้วแต่ใจ ชักจะทำตามสบาย ”

“ เขาคงเอาเงินมาให้เรื่อย ๆ ละมั้ง ”

แกมองดูเงินในมือผมอีก แล้วว่า

“ ไม่ทราบค่ะฉันน่ะ แต่เขาก็ให้เงินฉันทีละร้อย-สองร้อย เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ออกรถบ้าง ไม่ออกรถบ้าง ฉันถามว่า ไปเอาเงินมาจากไหน เขาก็ว่า เหอะน่า อย่ารู้เลย มีเงินก็ใช้ ๆ มันไปก็แล้วกัน ไม่ต้องไปรู้ว่ามันมาจากไหน ฉันไม่ได้ไปลักไปขโมยใครเขามาก็แล้วกัน เงินได้มาโดยสุจริต เท่านั้น ฉันก็เลยไม่ซักอะไรเขาอีก ”

“ คุณสันตินี่ละมั้ง ที่เป็นคนให้เงินมาแต่แรก ”

“ คุณสันติคงจะไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะพี่สนเล่าให้ฟังว่า เขามาเชิญแกไปที่บ้าน แล้วซักถามถึงเรื่องที่แกไปให้การกับตำรวจ แล้วบอกว่า ให้ช่วยกันรักษาความยุติธรรมไว้ อย่าไปเห็นแก่เงินหรืออะไร ถ้ามีอะไรเดือดร้อนให้บอก แล้วเขาก็ให้เงินติดมือมาอีก ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่รายเดียวกัน ตอนที่มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้าน วันนั้นพี่สนไม่อยู่ ฉันรับไว้ เขาเอามาให้สามร้อย พี่สนกลับมา ฉันก็บอกเขาว่า พวกนั้นเอาเงินมาให้ถึงบ้าน เขาก็บอกว่า ไม่ใช่พวกเดียวกันหรอก คนที่เอาเงินมาให้นี่ เป็นคนของคุณที่เชิญเขาไปที่บ้าน คุณคนนั้นเขาเป็นญาติของเด็กคนที่ถูกรถชนตาย ฉันยังซักเขาว่า อ้าว แล้วยังไงกัน ใครจะเป็นพวกไหน เราได้เงินมาใช้โดยสุจริตก็แล้วกัน ต่อไปนี้คงจะไม่ต้องขี่รถให้เมื่อยอีกแล้ว ”

แกหยุดพูดแล้วก็เช็ดน้ำตา ก้มหน้าพูดว่า

“ ฉันนึกแล้วว่ามันจะเกิดเรื่อง นั่งคิดนอนคิดว่ามันจะไม่ดี พูดกับพี่สน เขาก็ไม่ฟัง เขากลับว่า เราทำเข้าไปแล้ว ตอนนี้อยู่เฉย ๆ ก็ได้เงิน อย่าไปคิดอะไรให้มากเลย ”

“ วันที่นายสนถูกฆ่านั้น เป็นวันที่เขาออกรถเป็นปกติหรือยังไงครับ ”

“ หยุดมาได้สอง-สามวันแล้วล่ะค่ะ วันนั้น นึกยังไงก็ไม่รู้ บอกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ ชักรำคาญ ก็เลยเอารถออก ตอนที่ออกไปนั้นก็เย็นมากแล้ว แล้วก็เลยไม่กลับมาทั้งคืน ตอนเช้าตำรวจเขามาบอก ฉันจึงได้รู้ว่า เขาตายเสียแล้ว ”

คุณน้าหยุดพูด แล้วสะอื้น

ผมส่งเงินสามร้อยบาทในมือให้ แล้วว่า

“ เอานี่ไว้ใช้ก่อนเถอะครับ แล้ววันหลังผมจะมาเยี่ยมใหม่ ”

แกรับเงินไป ยกมือไหว้ แล้วว่า

“ พี่สนตายเสียแล้วยังงี้ เขายังจะให้เงินฉันอีกหรือคะ ”

“ คนอื่นผมไม่ทราบ แต่ผมจะมาเยี่ยมอีก ” ผมพูดขณะกระถดถอยออกมาใส่รองเท้า “ ว่าแต่ เงินสามร้อยนี่ คุณน้าจะใช้ไปได้นานอีกเท่าใด ”

“ หลายวันอยู่หรอกค่ะ ” แกพูด มองดูเงินในมือ “ ก็คงจะร่วมเดือน ฉันตัวคนเดียว ”

“ ดีแล้ว ผมจะมาเยี่ยมอีก คงไม่นานหรอก คุณน้าคิดจะย้ายไปจากที่นี่หรือเปล่า ”

“ ยังไม่รู้เลยค่ะ สิ้นเดือนนี้ ถ้ามามีค่าเช่าให้เขา ก็เห็นจะต้องออกหาบ้าน ยังไม่รู้เลยว่า จะไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ไหน ”

“ ค่าเช่าเขาคิดเท่าไร ”

“ เดือนละร้อยห้าสิบค่ะ ”

“ คุณน้าไม่คิดจะทำมาหากินอะไรบ้างหรอกหรือ ”

“ ก็คิดจะทำขนมขาย เงินที่คุณให้มานี่ ก็พอที่จะเป็นทุนได้บ้าง ฉันกำลังจนปัญญาอยู่ทีเดียว ” แกยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ พอดีคุณเอาเงินมาให้ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงถูกแล้วล่ะค่ะ ”

ผมเขียนชื่อสำนักงาน และตำบลที่ตั้งของสำนักงานบนเศษกระดาษที่ผมค้นได้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วส่งให้คุณน้า

“ ถ้าคุณน้ามาเรื่องอะไรเดือดร้อน หรือจะย้ายออกจากที่นี่ ไปหาผมตามตำบลที่เขียนไว้ให้นี้ เผื่อว่า ผมยังไม่มีเวลามาเยี่ยมก่อนที่จะถึงสิ้นเดือน ”

คุณน้ารับกระดาษที่ผมเขียนไป แล้วยกมือไหว้

ผมกล่าวลาออกมาจากที่นั่น

นาฬิกาที่ข้อมือของผมบอกเวลาบ่ายห้าโมงครึ่ง เมื่อผมออกมาจากบ้านนายสน ผมจับแท็กซี่ให้พาไปที่คอฟฟี่ช๊อพแห่งหนึ่งแถวราชประสงค์ ผมต้องการสถานที่เงียบ ๆ เย็น ๆ แห่งหนึ่ง และวิสกี้ดี ๆ สักถ้วยสองถ้วย เพื่อที่จะนั่งคิด

พอมีเงินเข้ามันก็ยังงี้

แต่ผมต้องการคิด เพื่อที่จะทำงานและหาเงิน

มันมีอะไร ๆ ที่น่าคิดเรื่องนี้ และสถานที่กับบรรยากาศเป็นสิ่งจำเป็น
ผมเข้าไปในคอฟฟี่ช๊อพแห่งนั้น เลือกที่นั่งที่เหมาะ ๆ ห่างผู้คนหน่อย แล้วผมก็สั่งวิสกี้โซดาไปกับบ๋อยที่เข้ามารอฟังคำสั่ง
ผู้คนในนั้นไม่ค่อยมากนัก ผมจึงมีความสงบที่จะคิด

ซดวิสกี้เข้าไปได้สอง-สามอีกใหญ่ ๆ ผสมด้วยควันบุหรี่อย่างดี ความคิดของผมก็แล่น



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 4:41:01 น. 1 comments
Counter : 586 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:22:53:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.