พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 13)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 13
คุณน้าคิดว่า ที่นายสนตายคราวนี้ เพราะเรื่องที่ไปเป็นพยานให้เขานั่นหรือครับ
ก็จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะคะ พี่สนไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร คนแถวนี้เขาชอบแกทั้งนั้น วัน ๆ ขับสามล้อหากิน แกมีแต่เพื่อน
นายสนเห็นเหตุการณ์จริง ๆ หรือเปล่า
ฉันก็ไม่ทราบ มีคนมาตามตัวไป ฉันเห็นเขามาหาพี่สน แล้วพูดกันเรื่องรถชนเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเขาก็ชวนพี่สนไปหาตำรวจ ทีแรกพี่สนจะไปไม่ไป บอกว่าไม่อยากยุ่ง เสียเวลาหากิน
คุณน้าหยุดพูด นิ่งอยู่
แล้วยังไงล่ะครับ ผมต้องซักต่อ
แกนิ่งมองดูผมเฉยอยู่
ผมควักกระเป๋า หยิบเอาเงินที่อยู่ในซองออกมานับ ๓ ใบ เก็บซองเข้ากระเป๋า แล้วถือใบละร้อยสามใบนั้นเฉยไว้ในมือ
คุณน้ามองเงินในมือผมแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า
ฉันก็ยังพูดว่า ดีแล้ว อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เรามันคนทำมาหากิน มันไม่ได้ดิบได้ดีอะไรขึ้นมาหรอก แต่แล้ววันหนึ่ง พี่สนก็กลับมาบ้านเร็วกว่าทุกวัน มาบอกฉันว่า ไปเป็นพยานให้เขามาแล้ว
ทำไมละครับ ทำไมถึงเปลี่ยนใจ ผมบี้ธนบัตรในมือเล่น
เขาบอกว่ามันจำเป็น คนที่เขามาตาม เขาบอกให้คิดดูให้ดี แล้วเขาก็ให้เงินมาห้าร้อยบาท แล้วบอกว่ายังจะได้อีกเรื่อย ๆ ถ้าไม่ไปเป็นพยานให้เขา ก็อาจจะลำบากทีหลัง พี่สนเขาก็เลยไป ตอนที่กลับบ้านมานั้น เขาเพิ่งจะเสร็จเรื่องพบกับตำรวจมา เลยหยุดไม่ออกรถวันนั้น บอกว่าอยากจะพักสักวันเพราะมีเงินแล้ว แล้วเขาก็ให้เงินฉันไว้สี่ร้อย เขาเก็บไว้ร้อยเดียว เย็นนั้นก็ซื้อเหล้ามาเลี้ยงเพื่อนฝูงแถว ๆ นี้ รุ่งขึ้นก็เมาพับ ไปขี่รถไม่ได้อีก
วันต่อ ๆ มา ยังออกรถอีกหรือครับ
หยุดอีกตั้งหลายวันค่ะ พอมีเงินเข้า ชักจะขี้เกียจ วันต่อ ๆ มาก็ออกบ้าง ไม่ออกบ้าง แล้วแต่ใจ ชักจะทำตามสบาย
เขาคงเอาเงินมาให้เรื่อย ๆ ละมั้ง
แกมองดูเงินในมือผมอีก แล้วว่า
ไม่ทราบค่ะฉันน่ะ แต่เขาก็ให้เงินฉันทีละร้อย-สองร้อย เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ออกรถบ้าง ไม่ออกรถบ้าง ฉันถามว่า ไปเอาเงินมาจากไหน เขาก็ว่า เหอะน่า อย่ารู้เลย มีเงินก็ใช้ ๆ มันไปก็แล้วกัน ไม่ต้องไปรู้ว่ามันมาจากไหน ฉันไม่ได้ไปลักไปขโมยใครเขามาก็แล้วกัน เงินได้มาโดยสุจริต เท่านั้น ฉันก็เลยไม่ซักอะไรเขาอีก
คุณสันตินี่ละมั้ง ที่เป็นคนให้เงินมาแต่แรก
คุณสันติคงจะไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะพี่สนเล่าให้ฟังว่า เขามาเชิญแกไปที่บ้าน แล้วซักถามถึงเรื่องที่แกไปให้การกับตำรวจ แล้วบอกว่า ให้ช่วยกันรักษาความยุติธรรมไว้ อย่าไปเห็นแก่เงินหรืออะไร ถ้ามีอะไรเดือดร้อนให้บอก แล้วเขาก็ให้เงินติดมือมาอีก ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่รายเดียวกัน ตอนที่มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้าน วันนั้นพี่สนไม่อยู่ ฉันรับไว้ เขาเอามาให้สามร้อย พี่สนกลับมา ฉันก็บอกเขาว่า พวกนั้นเอาเงินมาให้ถึงบ้าน เขาก็บอกว่า ไม่ใช่พวกเดียวกันหรอก คนที่เอาเงินมาให้นี่ เป็นคนของคุณที่เชิญเขาไปที่บ้าน คุณคนนั้นเขาเป็นญาติของเด็กคนที่ถูกรถชนตาย ฉันยังซักเขาว่า อ้าว แล้วยังไงกัน ใครจะเป็นพวกไหน เราได้เงินมาใช้โดยสุจริตก็แล้วกัน ต่อไปนี้คงจะไม่ต้องขี่รถให้เมื่อยอีกแล้ว
แกหยุดพูดแล้วก็เช็ดน้ำตา ก้มหน้าพูดว่า
ฉันนึกแล้วว่ามันจะเกิดเรื่อง นั่งคิดนอนคิดว่ามันจะไม่ดี พูดกับพี่สน เขาก็ไม่ฟัง เขากลับว่า เราทำเข้าไปแล้ว ตอนนี้อยู่เฉย ๆ ก็ได้เงิน อย่าไปคิดอะไรให้มากเลย
วันที่นายสนถูกฆ่านั้น เป็นวันที่เขาออกรถเป็นปกติหรือยังไงครับ
หยุดมาได้สอง-สามวันแล้วล่ะค่ะ วันนั้น นึกยังไงก็ไม่รู้ บอกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ ชักรำคาญ ก็เลยเอารถออก ตอนที่ออกไปนั้นก็เย็นมากแล้ว แล้วก็เลยไม่กลับมาทั้งคืน ตอนเช้าตำรวจเขามาบอก ฉันจึงได้รู้ว่า เขาตายเสียแล้ว
คุณน้าหยุดพูด แล้วสะอื้น
ผมส่งเงินสามร้อยบาทในมือให้ แล้วว่า
เอานี่ไว้ใช้ก่อนเถอะครับ แล้ววันหลังผมจะมาเยี่ยมใหม่
แกรับเงินไป ยกมือไหว้ แล้วว่า
พี่สนตายเสียแล้วยังงี้ เขายังจะให้เงินฉันอีกหรือคะ
คนอื่นผมไม่ทราบ แต่ผมจะมาเยี่ยมอีก ผมพูดขณะกระถดถอยออกมาใส่รองเท้า ว่าแต่ เงินสามร้อยนี่ คุณน้าจะใช้ไปได้นานอีกเท่าใด
หลายวันอยู่หรอกค่ะ แกพูด มองดูเงินในมือ ก็คงจะร่วมเดือน ฉันตัวคนเดียว
ดีแล้ว ผมจะมาเยี่ยมอีก คงไม่นานหรอก คุณน้าคิดจะย้ายไปจากที่นี่หรือเปล่า
ยังไม่รู้เลยค่ะ สิ้นเดือนนี้ ถ้ามามีค่าเช่าให้เขา ก็เห็นจะต้องออกหาบ้าน ยังไม่รู้เลยว่า จะไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ไหน
ค่าเช่าเขาคิดเท่าไร
เดือนละร้อยห้าสิบค่ะ
คุณน้าไม่คิดจะทำมาหากินอะไรบ้างหรอกหรือ
ก็คิดจะทำขนมขาย เงินที่คุณให้มานี่ ก็พอที่จะเป็นทุนได้บ้าง ฉันกำลังจนปัญญาอยู่ทีเดียว แกยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา พอดีคุณเอาเงินมาให้ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงถูกแล้วล่ะค่ะ
ผมเขียนชื่อสำนักงาน และตำบลที่ตั้งของสำนักงานบนเศษกระดาษที่ผมค้นได้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วส่งให้คุณน้า
ถ้าคุณน้ามาเรื่องอะไรเดือดร้อน หรือจะย้ายออกจากที่นี่ ไปหาผมตามตำบลที่เขียนไว้ให้นี้ เผื่อว่า ผมยังไม่มีเวลามาเยี่ยมก่อนที่จะถึงสิ้นเดือน
คุณน้ารับกระดาษที่ผมเขียนไป แล้วยกมือไหว้
ผมกล่าวลาออกมาจากที่นั่น
นาฬิกาที่ข้อมือของผมบอกเวลาบ่ายห้าโมงครึ่ง เมื่อผมออกมาจากบ้านนายสน ผมจับแท็กซี่ให้พาไปที่คอฟฟี่ช๊อพแห่งหนึ่งแถวราชประสงค์ ผมต้องการสถานที่เงียบ ๆ เย็น ๆ แห่งหนึ่ง และวิสกี้ดี ๆ สักถ้วยสองถ้วย เพื่อที่จะนั่งคิด
พอมีเงินเข้ามันก็ยังงี้
แต่ผมต้องการคิด เพื่อที่จะทำงานและหาเงิน
มันมีอะไร ๆ ที่น่าคิดเรื่องนี้ และสถานที่กับบรรยากาศเป็นสิ่งจำเป็น ผมเข้าไปในคอฟฟี่ช๊อพแห่งนั้น เลือกที่นั่งที่เหมาะ ๆ ห่างผู้คนหน่อย แล้วผมก็สั่งวิสกี้โซดาไปกับบ๋อยที่เข้ามารอฟังคำสั่ง ผู้คนในนั้นไม่ค่อยมากนัก ผมจึงมีความสงบที่จะคิด
ซดวิสกี้เข้าไปได้สอง-สามอีกใหญ่ ๆ ผสมด้วยควันบุหรี่อย่างดี ความคิดของผมก็แล่น
Create Date : 06 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 4:41:01 น. |
|
1 comments
|
Counter : 586 Pageviews. |
|
|
|